ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  41.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) ปลาเพชฌฆาต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เหวออ!” ผมเผลอหลุดร้องอุทานด้วยความตกใจทำให้น้ำเข้าปากเกิดเป็นฟองอากาศผุดพรายขึ้นมากมายก่อนที่ร่างจะเซถอยพรวดพราดไปจนติดมุมซอกด้านใน ฉับพลันนั้นเองสัญชาตญาณก็ร้องบอกให้ผมรีบคว้าเอาคานเหล็กดึงเข้าหาตัวในทันทีประหนึ่งว่ามันคือเกราะคุ้มภัยเพียงชิ้นเดียวที่เหลืออยู่

 

หากถูกงัดง้างออกไปได้เมื่อไรก็คงจบเกมเมื่อนั้น และดูเหมือนว่าไอ้ฝูงปลานักล่าพวกนี้คงอยากจะปิดฉากเกมนี้เสียเร็วๆ พวกมันจึงผลัดกันเถือกหน้าแหลมๆ ไถเข้ามาชนขอบประตูดังปึง ปึงพลางพลิกซ้ายตะแคงขวาอ้าปากงาบงับฉับ ฉับ จนเห็นซี่ฟันแหลมเรียงห่างๆ ประจักษ์เต็มสองตาพร้อมสะบัดครีบหางซึ่งมีลักษณะเว้าลึกปลายแยกเป็นสองแฉกวืดวาดไปมาอย่างเกรี้ยวกราด

 

‘แม่งเอ้ยเราตายแน่’ ผมนึกหวาดหวั่น พอได้พินิจดูลักษณะรูปร่างหน้าตารวมทั้งลวดลายของพวกมันชัดๆ แล้วจะว่าไปก็คล้ายกับปลาสากยักษ์ในท้องทะเลอยู่มาก เพียงแต่ว่าไอ้ฝูงปลานักล่าพวกนี้กลับมีหนังสีดำมันปลาบอีกทั้งยังดุร้ายน่ากลัวและกระเหี้ยนกระหือรือจะกินแต่ผมท่าเดียว

 

แค่เห็นในระยะประชิดก็ตกใจแทบสิ้นสติอยู่แล้วแต่นี่พวกมันยังเล่นหมาหมู่รุมต้อนให้จนมุมแบบนี้…สงสัยผะผะผะผมคงไม่รอดแน่

 

“ปึง ปึง ปึง!” มันยังคงไถลเถือกเสือกหัวเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนหางกับลำตัวยาวกระแทกแผ่นเหล็กอย่างหนักหน่วงจนบานประตูเกิดเป็นรอยบุบบุ๋มเข้ามา ความกลัวพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด ศีรษะของผมพลันขาวโพลนและตื้อตันไปหมด ไม่รู้จะหาทางหนีรอดจากสถานการณ์อันระทึกขวัญสั่นประสาทนี้ไปได้อย่างไร สิ่งที่ทำได้ก็แค่พยายามใช้พละกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดยื้อเวลาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้นเอง

 

‘สาริกาช่วยผมด้วย ผมจะไม่ไหวแล้ว’ ผมเว้าวอนอีกฝ่ายซึ่งไม่รู้ตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหนอย่างอับจนหนทาง

 

“อดทนเข้าไว้นะ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด”  เธอบอกเสียงเครียด

 

“ปึง ปึง ปึง!” เสียงฟาดครีบฟาดหางของพวกมันยังคงดังอื้ออึงอยู่ในหู ผมได้แต่ตะแคงหน้ามองแผงฟันสีขาวงาช้าง ของพวกมันอย่างประหวั่นพรั่นพรึง และเสียวไส้ราวกับมีปลายมีดแหลมมาจ่ออยู่ตรงคอหอย

 

‘พาผมออกไปจากตรงนี้ทีผะผะผะผมกลัว’ ภาพเรียวปากของมัน ฟันคมๆ อีกทั้งดวงตากลมๆ สีดำนั่น โอ้…มันช่างชัดเจน  ชัดเจนเสียจนตัวผมสั่นกึก กึก ร่างเกิดแสงแล่นวูบวาบไปหมดแล้ว

 

“สัพเพ สัตตา อะเวราโหนตุ  อัพพะยาปัชฌา  โหนตุ…” จู่ๆ คำสวดอันคุ้นหูก็ดังเจื้อยแจ้วมา ถ้าจำไม่ผิดนี่มันบทแผ่เมตตานี่นา

                                                         

‘นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะ’ ผมส่งความคิดไถ่ถามอีกฝ่ายด้วยความข้องใจ

 

“ฉันก็กำลังช่วยนายอยู่นี่ไง” เธอตอบทื่อๆ

 

 ‘ช่วยยังไงก็ผมได้ยินคุณสวดมนต์อยู่เนี่ย’ ผมดุใส่น้ำเสียงฉุนเฉียว นี่ขนาดผมตกอยู่ในอันตรายถึงเพียงนี้เธอยังมีกะจิตกะใจล้อเล่นกันอีกหรือนี่…พับผ่าสิ

 

“ก็ฉันไม่รู้จะช่วยนายยังไงนี่นา” สาริกาโอดครวญแล้วจึงแจงเหตุผล “ที่สวดแผ่เมตตาให้เนี่ยก็เผื่อร่างใหม่ของนายจะได้รับอานิสงส์จากฉันบ้างยังไงล่ะ”

 

‘งั้นแสดงว่าผมตายซ้ำสองได้อย่างนั้นเหรอ?’

 

“พวกวิญญาณน่ะไม่ดับสูญหรอกนะ ถึงนายตายไปก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จนกว่าจะรับโทษทัณฑ์ในนรกจนหมดบาปหมดกรรมนั่นแหละถึงจะได้ไปเกิดใหม่” นางฟ้าสาวรีบอธิบายก่อนจะรำพึงรำพันออกมา “เพียงแต่ว่าถ้านายตายคราวนี้ฉันก็ไม่รู้ว่านายจะไปโผล่อยู่ที่ไหนในโลกวิญญาณและฉันคงอาจจะช่วยอะไรนายอีกไม่ได้แล้ว”

 

‘คุณอย่าพึ่งคิดไปไกลเลยตอนนี้คุณหาทาง…อะอะอ้าว เฮ้ย!’ ผมแปลกใจที่เห็นพวกปลามีท่าทีหยุดชะงัก ก่อนที่เหล่าพยัคฆ์อัมพุชชาจะแตกฝูง เผลอแวบเดียวไอ้ปลาปิศาจเหล่านั้นก็หายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้

 

ฉับพลันนั้นเอง!

 

ก็บังเกิดกระแสน้ำมหาศาลโถมกระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนบานประตูสั่นกราว เสียงร้องคำรามของผู้เป็นใหญ่ในเมืองนรกดังกึกก้องไปทั่วก่อนที่วารีสีดำขุ่นคลั่กจะแผ่กระจายเข้าบดบังทัศน์วิสัยพาลให้ต้องหลับตาปี๋ ทว่าท้ายที่สุดแล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ขับดันให้ผมกลับเผยอเปลือกตาขึ้นมาอีกแล้วผลักบานประตูให้เปิดออกเล็กน้อยเพื่อหวังแง้มดูเหตุการณ์

 

‘มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?’ คำถามนั้นผุดพลุ่งขึ้นมาในหัว กำหนดให้สายตามองกวาดออกไปเพื่อไขคำตอบหวังความกระจ่าง

 

แล้วก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำใสๆ กลับกลายเป็นสีดำแท้ที่จริงแล้วก็คือ…

                                                                         

เลือด!

 

‘นี่มันเลือดนี่นา’ ภาพอันน่าระทึกขวัญที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมเบิกตาโพลงอย่างลืมตัว

 

โลหิตมากมายที่ทะลักล้นออกมาจากบาดแผลเหวอะหวะเกิดเป็นมวลของเหลวสีดำคลุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณจนแทบมองไม่เห็น ขณะที่ท้าวมหายมยังคงดิ้นรนสะบัดขัดขืนให้หลุดจากคมเขี้ยวของปลาตัวมหึมาที่ฝังจมอยู่ในเนื้อแขนและสีข้างอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

พื้นที่แคบๆ กับร่างอันใหญ่โตจนเต็มขวางทางเดินทำให้ความพยายามทั้งหมดดูเหมือนจะสูญเปล่า โดยเฉพาะเมื่อถูกฝูงปลาสีดำมะเมื่อมเข้ารุมกินโต๊ะอีกด้วยแล้วก็ชวนให้สลดสังเวชใจเข้าไปใหญ่

 

แต่ถึงกระนั้นก็ยังแอบรู้สึกพึงใจอยู่ไม่น้อย ที่สถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้และการที่อีกฝ่ายกำลังเพลี่ยงพล้ำถูกผีซ้ำด้ำพลอยก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ผมสามารถหลบหนีไปง่ายดายยิ่งขึ้น

 

แสงสว่างจากปลายอุโมงค์นั่นถึงแม้จะไม่ถึงกับใสสว่างและบริสุทธิ์งดงาม…ทว่าอย่างไรเสียผมก็อยากจะก้าวเดินออกไป หากแม้นโลกนี้จะมีเพียงผู้ชนะที่ได้ไปต่อ และผู้แพ้ต้องตกไปตามยถากรรม…สุดท้ายแล้วเราก็คงจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

 

ความจริง…มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วมิใช่หรือ

 

‘ขอบคุณสวรรค์ ที่เปิดทางให้ผม’

 

ไม่รอช้า

 

ผมรีบโผล่หัวออกจากกระดองแล้วเกาะแผ่นเหล็กคลำเปะปะไปยังจุดหมายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างรวดเร็ว ออร่าสีขาวยังคงเจิดจ้าแยงตา ชั่วแวบหนึ่งที่ผมได้ยืนอยู่ตรงช่องประตูแล้วเหลียวหลังมองกลับไปและทันได้เห็นสีหน้าอันรวดร้าวของท้าวมหายม

 

 ดวงเนตรแดงเรืองฉายแววเคืองแค้นจ้องเขม็งมา ท่ามกลางโลหิตสีดำมากมายที่พุ่งกระฉูดออกจากบาดแผลที่ถูกฉีกกระชากจากนักล่าผู้กระหายหิว  ก่อนที่ฝ่ามือมหึมาข้างขวาจะเอื้อมมาราวกับจะไขว่คว้าหรือวิงวอนให้ช่วยเหลือ

 

แต่ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้

 

“อื้อออ่าาาา!!!”

 

เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดระคนโกรธเกรี้ยวดังโหยหวนยามที่ฝูงปลาเข้ารุมกัดทึ้งร่างนั้นอย่างโหดเหี้ยมทารุณและโถมทับยักษ์ชราให้หงายผลึ่งลงกระแทกพื้นสะเทือนเลื่อนลั่นก่อนความมืดดำจะแผ่กระจายขึ้นสูงราวกับควันไฟพวยพุ่งกลบกลืนกายาสีนิลนั้นไปเสียสิ้นในช่วงวินาทีสุดท้าย

 

ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหลังพลันขุ่นมัว

 

ผมหันกลับมามองแสงสว่างอันฉาดฉาย กระแสน้ำไหลแรงยังคงปะทะใบหน้าให้กลุ่มเส้นผมสะบัดพลิ้ว ดวงตาโตหรี่ลงเล็กน้อยด้วยมิอาจทานทนความเจิดจ้านั้นได้ไหว นึกลังเลใจอยู่นิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าปลายทางของเทวานิรมิตนี้จะไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ก็ได้แต่คาดหวังอยู่ลึกๆ ว่าในฟากฝั่งนั้นคงจะมีที่ใดที่หนึ่งซึ่งผมควรจะไปรออยู่ และ….

 

‘มันคงจะไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้วละมั้ง?’

 

“เอาวะ…เป็นไงเป็นกัน” ผมเรียกกำลังใจให้ฮึดสู้เพื่อข่มความประหม่า

 

หลังจากนั้นจึงตัดสินใจโผนตัวเข้าสู่ช่องประตูเล็กๆ ซึ่งทอดทอลำแสงขาวอันงดงามตระการตาและปล่อยให้ร่างผอมๆ ในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงผ้าร่มสีแดงหายวับเข้าไปในประตูมิตินั้น

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา