เป็นนางร้ายอยู่ดี ๆ ทำไมนางเอกมาชอบฉันล่ะ

-

เขียนโดย _LYNN_

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.37 น.

  4 ตอน
  9 วิจารณ์
  3,349 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2564 21.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) WHO ARE YOU

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

WHO ARE YOU

 

อาณาจักรซอท (Søt) ประกอบด้วย 4 เมือง ได้แก่ คาท (katt) ดามา (Dama) ยอร์ท (hjort) และคานิน (kanin) โดยมีเมืองยอร์ทเป็นเมืองหลวงปกครองโดยคิงอาเทอร์และควีนเฮเลน ทั้งสองมีพระธิดาเพียงองค์เดียว คือ เจ้าหญิงอลิสเบธ นอกจากเจ้าหญิงแล้ว ยังมีบุตรชายอีกองค์ที่เกิดจากพระสนม คือ ดยุคเออร์กี้ที่รับตำแหน่งผู้นำเมืองดามา ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเข้มแข็งทางทหารอย่างมาก ทั้งสองเมืองมีอาณาเขตเชื่อมต่อกันตรงกลางของแผนที่ ตัดขาดการเชื่อมต่อของเมืองคาทและคานิน

โดยเมืองคานิน เป็นเมืองทางตอนใต้ที่มีกลิ่นอายของเมืองเวนิส มีลำน้ำผ่านกลาง มีการเดินทางด้วยน้ำเชื่อมต่อกับทะเลสาบและทะเล ถือเป็นเมืองการค้าที่ร่ำรวย มีผู้นำคือดยุคอาวเฟรตและดัชเชสมารี มีบุตรีเพียงคนเดียว คือ เลดี้ไอรีน

ส่วนเมืองคาท เป็นเมืองทางตอนเหนือขึ้นชื่อเรื่องวิทยาการทางการแพทย์และเวทมนตร์ ปกครองโดยดยุคสโนวคราว มีบุตรธิดา 2 คน คือ ลอร์ดอดัม และเลดี้เอวา

 

การเป็นผู้ปกครองเมืองที่ห่างไกลและหนาวเหน็บ ในฐานะตระกูลผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักร ดูก็รู้ว่าเกิดจากความกลัวเกรงในพลังอำนาจอันค่ามากกว่ากำลังทหารและเงินทอง ตระกูลเพิร์ลเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายอันศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้า ทุกคนในตระกูลล้วนมีมานาแหล่งกำเนิดของพลังเวทย์ อีกทั้งยังมีวิทยาการทางด้านการปรุงยาทุกรูปแบบ ไม่แปลกที่อีกสามตระกูลจะเกรงกลัวในพลังอำนาจนี้ ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลที่ตั้งตนคุมอำนาจทั้งอาณาจักรไว้ในกำมือ การกีดกันตระกูลเพิร์ลให้อยู่ห่างไกลจึงเป็นเรื่องที่ทั้งสามตระกูลพึงกระทำ

ต่อมาคิงองค์ก่อนคิดจะรวมอำนาจทั้ง 4 ตระกูลเป็นหนึ่งเดียว ทรงมีบัญชาให้เลดี้อิงกริดจากตระกูลที่มีอำนาจทางทหารอย่างดามาแต่งงานกับลูกชายของตนอย่างคิงอาเทอร์ โชคยังดีที่อีกทั้ง 2 ตระกูลให้กำเนิดบุตรชายการรวมอำนาจครั้งนี้จึงทำได้เพียง 2 ตระกูลเท่านั้น เวลาผ่านไปคิงองค์ก่อนก็ยังไม่เลิกล้มแผนรวมอำนาจจึงตกลงกับทั้งสองตระกูลว่าจะให้ท่านพี่อดัมหมั้นหมายกับเจ้าหญิงอลิสเบธและส่งหลานชายของตัวเองอย่างดยุคเออร์กี้ขึ้นปกครองเมืองดามา พร้อมทั้งหมั้นหมายกับเลดี้ไอรีแห่งคานิน

โชคดีที่ข้าไม่ได้ตกเป็นเป้าหมายของการรวมอำนาจครั้งนี้ จึงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ต้องถูกจับคู่ให้หมั้นหมายกับใคร ดังนั้นการออกเดินทางไปยังดินแดนอื่น ๆ เพื่อศึกษาการใช้พลังเวทและค้นหาวิทยาการใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถึงแม้ท่านพ่อและท่านพี่จะไม่เห็นด้วยกับการเดินทางเท่าที่ควรแต่ก็ไม่เคยขัดขวาง

ข้าเดินทางไปมาท่องเที่ยวไปทั่วอาณาจักรซอทและอาณาจักรใกล้เคียง โดยใช้เวทมนตร์ปกปิดมิให้มีผู้ใดจำได้นอกจากคนในตระกูลเพิร์ล แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ต่างจากเดิม แต่จะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าจึงสามารถไปได้ทุกหนแห่งที่ข้าอยากไปโดยมีผ้าปิดบังใบหน้าเล็กน้อยเผื่อพบเจอผู้มีมานาจากดินแดนอื่น

วันหนึ่งข้าได้ไปท่องเที่ยวในเมืองคานิน เมืองแห่งทะเลที่แสนสวยงามระยิบระยับตัดกับขอบฟ้าสีสดใส ที่ที่คาทไม่มีทางมี ข้าชอบมาพายเรือเล่นแถวท่าเรือที่มีผู้คนและข้าวของมากมาย วิทยาการใหม่ ๆ มักเกิดขึ้นได้จากข้าวของเหล่านี้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีข่าวว่ามีสำเภาจากโพ้นทะเลแล่นเข้ามา ข้ามักจะมาหาซื้อข้าวของเหล่านั้นเสมอ

วันนี้ก็เช่นเคย ข้ามาหาซื้อข้าวของที่มาจากเมืองแผ่นดินใหญ่ของอีกซีกโลก เพียงแต่วันนี้ไม่เป็นเช่นทุกวัน จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงผมแดงร่วงลงมา ข้ารีบพายเรือเข้าไปรับแบบไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงคนตัวเล็กร้องโอดโอย เพียงได้เห็นหน้าก็จำได้ทันทีเลยว่าเป็นเลดี้ไอรีนแห่งคานิน เด็กน้อยบ้าอำนาจที่ชอบกลั่นแกล้งคนอื่น ๆ ไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งข้าเองก็ยังเคยเผชิญกับความร้ายกาจของนางจนเกือบเอาตัวไม่รอด

นางเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร ไม่หลงเหลือความร้ายกาจดั่งเช่นที่เคยเจอตอนในอดีต แถมยังมีท่าทีกลัวเกรงข้าอย่างเห็นได้ชัดจนทำท่าทางเหมือนจะปีนสะพานที่ทั้งสูงทั้งชันขึ้นไปด้านบน ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าลำพังตัวนางเองก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้แท้ ๆ แต่กลับไม่ร้องขอให้ช่วยเลยแม้แต่น้อย หากเป็นแต่ก่อนคงอวดอ้างบารมีพ่อนางบังคับให้พาไปส่งที่ปราสาทแล้วแท้ ๆ หรือเพราะว่าไม่มีใครมาด้วยจึงไม่กล้าเกเรกันแน่

หลังจากเห็นนางพยายามปีนสักพักก็อดสงสารไม่ได้ต้องพาไปส่งใกล้ ๆ กับปราสาทของนางจนได้ ระหว่างทางก็นางก็พยายามชวนคุยสารพัด แต่หลังจากรู้ว่าไม่เป็นผลก็หันเหไปสนใจอย่างอื่นแทนจนถึงป่าริมปราสาทก็ให้นางลง แต่นางก็คงไม่รู้ว่าข้าคือใครเพราะมนต์ที่ใช้อยู่ทั้งยังมีผ้าที่ปิดหน้าอยู่อีก และข้าก็หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกเร็ว ๆ นี้แน่ ชักอยากจะเห็นสีหน้านางตอนรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ไหวแล้ว

ข้าไม่ได้บอกกล่าวครอบครัวว่าจะกลับมา ดังนั้นจึงเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วดินแดน พอเที่ยวจนเบื่อก็กลับไปหาเพื่อนเก่าอย่างอลิส หรือ เจ้าหญิงอลิสเบธ ถึงครอบครัวของอลิสจะร้ายกาจ แต่นางเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลก็ว่าได้ที่สามารถไว้ใจได้ อลิสมีมานาซึ่งพรจากเทพเจ้าที่ไม่มีใครล่วงรู้ เราอายุเท่ากันจึงสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และยังแอบออกไปเที่ยวในดินแดนอื่นด้วยกันอยู่หลายครั้งโดยที่ไม่มีใครรู้

“นึกว่าเจ้าจะลืมข้าเสียแล้ว”

“สมแล้วที่เป็นเจ้านะอลิส”

“ก็เจ้าเล่นใช้มุกเดิม ๆ ทุกครั้งที่มาหาข้า ไม่รู้ซิแปลก”

“ปลอมตัวเป็นสาวใช้มันง่ายดีนี่”

“จะเดินเข้ามาในฐานะเลดี้เอวาแห่งคาทก็ได้ ใครจะกล้าว่าล่ะ”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านพี่รู้”

“เจ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่หนีออกจากบ้านรึไง”

“เจ้าก็รู้นี่ว่า ว่าที่สามีเจ้าดุเพียงใด หากรู้ว่าข้าอยู่นี่คงรีบมาตามตัวกลับ เจ้าก็ระวังไว้เถอะแต่งกันไป คงโดนขังให้อยู่แต่ในกรงทองเช่นนี้ ข้าไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าหรอกนะ”

“ข้ายังไม่คิดจะแต่งงานตอนนี้หรอก แต่เจ้าต้องมางานเดบูตองต์ของข้าให้ได้ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาที่นี่ได้อีก”

“เอาแต่ใจสมกับเป็นเจ้าหญิงดีนี่ ก็ได้ข้าจะไป แต่ต้องมีข้อแม้หนึ่งอย่าง”

 

ณ งานเดบูตองต์ ของเจ้าหญิงอลิสเบธ

“เอวา เจ้าคิดจะไปงานของข้าสภาพนี้จริงเหรอ” ว่าพลางมองเงาสะท้อนของเอวาอย่ากระจกบานใหญ่ ในชุดของหญิงรับใช้ในงานเลี้ยงพร้อมทั้งมีหน้ากากแบบเรียบสีดำถืออยู่ในมือ

“ข้าก็ไปงานเจ้าแล้วนี่ไง”

“เจ้าบอกให้จัดเป็นงานเต้นรำใส่หน้ากากก็จริง แต่อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยปลอมตัวเป็นเลดี้ไม่ได้เหรอ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นสาวใช้เลยนี่”

“เป็นสาวใช้เนี่ยะแหละดี ข้าหลบหน้าท่านพี่กับคนที่มาจากคาทง่ายดี”

“เจ้านี่มัน....”

“เอาน่า อย่างน้อยข้าก็มาแล้วนี่ไง เข้างานได้แล้ว ป่านนี้ท่านพ่อเจ้ากับท่านพี่ข้ารอแย่แล้วมั้ง”

หลังจากเข้ามาในงานข้าก็หลบมาประจำตรงเครื่องดื่ม เรื่องถนัดที่สุดของชาวคาทคือปรุงยา ดังนั้นการปรุงแต่งสุราก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลังจากทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ไม่นานก็สังเกตเห็นคนที่เหมือนจะคุ้นเคย เด็กผู้หญิงผมแดง ดวงตาสีเหลืองอำพันที่เด่นชัดภายใต้หน้ากากกับชุดสีเหลืองสดใส ที่ขัดกับใบหน้าอันเศร้าสร้อยประหนึ่งแบกโลกไว้ทั้งใบก็ไม่ปาน

เด็กน้อยเดินหยิบโน่นนี่เข้าปากแบบไม่ระวังตัว หลังจากได้ของกินเข้าไปสีหน้าเศร้าสร้อยก็แปลเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มมีความสุขทันที ‘เอวาลอบยิ้มกับการกระทำของเด็กตรงหน้าที่ทำท่าทางมีความสุขเหลือเกินกับสิ่งที่หยิบเข้าปากอยู่’

เมื่อเห็นดังนั้นเอวาจึงผสมเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ถึงแม้จะมีสุราผสมแต่รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นและรสสุราที่ผสมอยู่ได้ หลังจากนั้นก็ใช้เวทมนตร์ซ่อนสิ่งที่ผสมนั้นกับคนอื่น ๆ แล้วจึงเดินเอาสิ่งที่ได้ไปให้เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า

ไอรีนไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะคว้าแก้วนั้นขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนหมดถาด จากนั้นเจ้าตัวก็เดินตามเอวามาตรงจุดวางเครื่องดื่มที่ค่อนข้างห่างจากผู้คนด้วยสีหน้าที่แดงก่ำอย่างว่าง่าย

หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยกับสาวใช้ตรงจุดเครื่องดื่มด้วยความร่าเริงสดใสแต่แววตานั้นแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย และแฝงด้วยคำพูดเชิงตัดพ้อว่าเหงาและไม่มีใครคุยด้วย

ด้วยความอยากแกล้งเอวาจึงลวงหลอกเด็กน้อยว่าชื่ออีฟ เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งในพระราชวังแห่งนี้ พร้อมทั้งนึกสนุกแกล้งใช้คำพูดล่อลวงเด็กให้ตามตนไปที่อื่น อย่างทีเล่นทีจริงเพราะรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย อีกทั้งยังเป็นคนแปลกหน้า คงไม่มีใครที่ไหนกล้าตามไปด้วย แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นความแปลกใจเมื่อได้ยินคำตอบของเด็กน้อยตรงหน้า

“อื้อ!! ไปซิ”

จากนั้นไม่นานรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย พร้อมทั้งผายมือให้เลดี้ตัวน้อยที่พร้อมเดินตามมาอย่างว่าง่าย

“แล้วเจ้าจะเสียใจกับการกระทำครั้งนี้” เอวาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินนำเลดี้ตัวน้อยไป

 

TALK : เอวานี่เธอเป็นนางเอกจริง ๆ ใช่มั้ยยย

ไรท์มาแล้วค่ะรีดที่น่ารักทุกคน มาอ่านในมุมมองของเอวากันบ้างงงง เอวาจะทำอะไรน้องน้าาาา

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา