กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย

-

เขียนโดย เหวินฉี

วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.

  21 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) อำมหิต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภายในตำหนักที่ชุลมุนวุ่นวายไปหมดเพราะฝีมือของเสี่ยวหลาน นางสั่งให้คนขนย้ายของเข้าของออก ครั้งนี้ชินอ๋องจะไม่กระอักใจตายหรือ

 

"เอาผ้าม่านไผ่นั่นออก เปลี่ยนเป็นผ้าม่านดอกเหมย" เธอชี้มือไปยังผ้าม่านหลายๆ ตัว

 

"เปลี่ยนผ้าปูที่นอนสีเขียวเป็นลายดอกเหมย นั่นแหละ เสร็จแล้วเอาต้นดอกเหมยเข้ามาวาง โคมไฟดอกเหมยด้วย" นางพูดก่อนจะยิ้มกรุ่มกริ่มแฝงด้วยความร้ายกาจ ในเมื่อนางเป็นเจ้าของตำหนักนี้ ใครก็ห้ามนางไม่ได้

 

"พระชายาคิดว่าทำเช่นนี้ดีแล้วหรอเพคะ ท่านอ๋องจะไม่สั่งตัดหัวเราสองเสียหรอกหรือเพคะ" ไป๋ไป๋พูดพลางสองมือหามต้นดอกเหมยช่วยคนใช้เข้ามา

 

"ไม่มีทางเป็นไปได้ซะหรอก" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะหยิบรูปภาพของผิงเยว่ฉีออกมาพร้อมกับขลุ่ยนั่นยัดใส่มือไป๋ไป๋

 

"พระชายา ท่าน.." ไป๋ไป๋เอ่ย เมื่อเห็นดังนั้น จิตใจของเสี่ยวหลานช่างเดาได้ยาก ครั้งนี้เธอจะทำสิ่งใดอีกล่ะ

 

"เอาไปไว้ที่หน้าตำหนักของฉางเสี่ยวฉิน" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะนั่งลงบนเตียง ในครานั้นไป๋ไป๋กลับคิดว่าเธอจะให้นางเอาไปเผา แต่คิดดูแล้วนางไม่ได้โหดร้ายเช่นนั้น คิดดีแล้วที่รับใช้นางมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ไป๋ไป๋ยิ้มด้วยความภูมิใจก่อนจะเดินออกไปพร้อมภาพที่ถูกม้วนเก็บอย่างดีและขลุ่ยนั่น

 

"ในเมื่อพวกเจ้าเสร็จแล้ว ก็เอาผ้าม่านเก่า ผ้าปูที่นอนเก่าๆ นั่นไปเสียเถิด เอาไปบริจาค หรือเจ้าจะเอาไปใช้เองก็ได้นะ ข้าให้" เสี่ยวหลินหันไปพูดและละมือให้กับพวกเขาเพื่อสื่อให้ออกไปได้แล้ว แทนที่เธอจะบอกให้ขนพวกนี้ไปไว้ตำหนักของสนมเพราะถ้าผิงเยว่ฉีมาเป็นภริยาก็คงเป็นได้เพียงสนม แต่นางไม่อยากเปิดใจให้ใครเข้ามารักกับผู้ชายของนาง จึงให้เขาเอาหนีไปเสีย

 

"โอ๊ย! " เสียงร้องครวญครางที่หน้าประตู เสี่ยวหลานไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปดู แต่กลับนึกไม่ถึงว่าชินอ๋องลากไป๋ไป๋ออกมาและทุ่มนางลงกับพื้นพร้อมกับกระดาษที่ห่อเกลียวขลุ่ยอยู่ หน้าของนางเต็มไปด้วยรอยช้ำ มวยผมซึ่งดูยุ่งเหยิงไปหมด

 

"ท่านทำอะไรไป๋ไป๋ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต! " เสี่ยวหลานพูดก่อนจะก้มลงกอดไป๋ไป๋

 

"เจ้ากล้าดียังไงให้คนของเจ้ามาลื้อของของที่เป็นของผิงเยว่ฉีออกไป! และกลับเอาเสนียดจัญไรกลับมาใส่แทน! " เสี่ยวหลานตาโตเมื่อได้ยินคำนั้น ไม่คิดว่าท่านอ๋องของตนจะโหดร้ายเช่นนี้ ถ้าวันนั้นเลือกได้ ไม่ตัดสินใจแต่งงานกับจวิ้นอ๋องไปเลยดีกว่าล่ะ

 

"เสี่ยวฉิน! ท่านมันอย่างกับสัตว์เดรัจฉาน! แม้แต่ผู้หญิงท่านยังทำร้าย ท่านมันใจดำ! " น้ำเสียงที่หนักแน่นค่อยๆ แผ่วเบาลงของเสี่ยวหลานแฝงกับความเจ็บปวดเธอรู้สึกเหนื่อยล้า ดวงตาแดงก่ำ บัดนี้น้ำตาของเธอได้เอ่อล้นอาบแก้มลงแล้ว

 

"พระชายา ท่านได้โปรดอย่าร้องเลยเพคะ" ไป๋ไป๋พูดแม้ว่าตัวเองจะเจ็บแค่ไหน

 

"จับนางไปขังไว้ในตำหนัก ห้ามให้นางออกมาสิบวันสิบคืน แม้แต่ข้าวก็อย่าให้นางได้กิน! " คำสั่งที่เปล่งออกมาหนักแน่นยากจะเปลี่ยนใจทำให้เสี่ยวหลานทรุดลงแทบเท้าของเขา ก่อนที่จะมีทหารมาลากตัวเธอเข้าไปและขังเอาไว้อย่างหนาแน่น

 

ฉางเสี่ยวฉินใช้มือหนาจับคางของไป๋ไป๋ขึ้นและจ้องไปที่หน้าตาที่ดูไร้เดียงสานั่นซึ่งเป็นเรื่องโกหกสำหรับเขาความจริงมันแฝงไปด้วยความสิบแปดมงกุฎ อย่างที่เขาคิด

 

"ในเมื่อเจ้าเป็นสัตว์รับใช้แสนรู้ของนาง ก็จงมารับใช้ข้าสิบวันสิบคืน จนกว่านางจะได้ออกมา ไปเช็ดรองเท้าให้ข้าซะ น้ำตาของนางแพศยานั่นโดนรองเท้าข้า! " เขาทิ้งใบหน้าของนางลงจากมือหยาบกระด้างอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกไปเลย นางแค่ต้องรีบลุกเดินตามหลังไป

 

"ชินอ๋อง เจ้านี่ยังไงกันนะ จับนางไปแต่ทำร้ายนาง ไม่สู้ให้ข้าดูแลนางดีกว่าหรอ" จวิ้นอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้นๆ กวนหูคนฟัง ก่อนจะเดินออกมาจากพุ่มไม้ พร้อมกับมุ่งตรงไปยังเขา เพลาใดที่เสี่ยวโม่ไม่เมาก็คงจะเห็นเป็นเฉกเช่นนี้

 

"จวิ้นอ๋อง ในเมื่อพ่อของเจ้าไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร ยังไงซะข้าก็อาของเจ้า อย่าได้มายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้เลยหลานรัก" เขาพูดก่อนจะยิ้มมุมปากและเดินต่อไป

 

"แต่ความเป็นจริงนางคือเมียข้า! " จวิ้นอ๋องรีบเอ่ย เมื่อเห็นท่าทีว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนเลยแม้แต่นิด เพียงแต่รีบเดินจากไป

 

"นางพึ่งบอกว่านางรักข้า นางเคยบอกเจ้าหรือยัง? " เขาหันไปพูดไม่กี่คำที่มีล้านความหมายทำคนที่ฟังอยู่ก็แทบกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เมื่อจวิ้นอ๋องเงียบไป เสี่ยวฉินจึงกระชากแขนของไป๋ไป๋ให้รีบเดินตามดูเหมือนรีบ

 

"คอยดูนะ ข้าจะแย่งของที่ท่านรักมาให้หมด! " ฉางเสี่ยวโม่ตะโกนตามหลังคนที่เดินออกไปแล้ว เจ็บนี้แค้นนัก เขาถอนหายใจทิ้งอย่างแรง ก่อนจะเตะหินที่ขวางทางอยู่แถวนั้น

 

"เจ้าเป็นอะไรไปเสี่ยวโม่ ลูกรักแม่" กุ้ยเฟยเดินเข้ามาก่อนที่จะโอบหัวลูกชาย

 

"ท่านแม่ ท่านออกมาได้อย่างไร ฮ่องเต้ยังไม่สั่งให้ท่านออกมาจริงไหม" ฉางเสี่ยวโม่ถามด้วยความสงสัยก่อนจะจับแขนจับมือของนางด้วยความเป็นห่วง

 

"ข้ามาตามรับสั่งของฮองเฮาเพียงเท่านั้นเอง ข้าเห็นเจ้าจึงตามมา" กุ้ยเฟยเอ่ย ดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความโมโหร้ายก็ปรากฏขึ้นเมื่อกล่าวถึงฮองเฮา เธอจึงยั้งใจตัวเองสงบลงเมื่อเห็นว่าความเป็นอยู่ลูกชายสำคัญกว่าก่อนที่มือทั้งสองจะกุมมือลูกชายเอาไว้และเอ่ยถามออกไป "เจ้าเป็นอะไรหรือลูกชายแม่" เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งตึงเช่นนั้น เธอจึงใช้มือลูบหัวลูบหลังของผู้เป็นลูก เพื่อให้ใจเย็นขึ้น

 

"ข้าจะแย่งของรักของชินอ๋อง! เขาแย่งผู้หญิงของข้า! " ฉางเสี่ยวโม่พูดพร้อมกับมองไปที่แม่ของตน

 

"ถ้าเป็นเช่นนี้ แม่มีบางอย่างให้เจ้า และเจ้าสามารถทำได้" หญิงสาวหันไปหยิบแผ่นกระดาษที่คนใช้ของนางถือไว้ กระดาษนี่หล่นอยู่หน้าตำหนักของเสี่ยวหลาน เธอหยิบมันมาพร้อมกับขลุ่ยและมอบให้กับลูกชายตรงหน้า

 

"คืออะไรหรอท่านแม่" เขาถามออกไปด้วยความสงสัยก่อนจะคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก ปรากฏให้เห็นสาวงามที่อยู่บนแผ่นนั้น มันถูกวาดด้วยหมึกชั้นดี แม้เนื้อกระดาษจะนานแล้ว แต่สีกลับไม่จางลงเลย

 

"นางคือ ผิงเยว่ฉี นางเป็นลูกสาวของอดีตแม่ทัพ และนางก็เป็นคนที่เสี่ยวฉินรัก แถมยังรักมากกว่าพระชายาปัจจุบัน" หญิงสาวพูดก่อนจะเดินไปมาช้าๆ เหมือนคิดและหยุดมองดูลูกชายไปครู่

 

"ท่านแม่รู้? " เขาเอ่ยถามไปด้วยความสงสัยและดวงตาที่เปล่งประกายขึ้น

 

"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ เจ้าแค่ต้องหาทางจัดการซะ" เธอพูดก่อนจะหันไปยิ้มให้และมองไปยังของสองสิ่งนั้นที่อยู่ในมือชายหนุ่ม สื่อว่าให้รีบจัดการ ก่อนที่เธอเองจะรีบเดินออกไปพร้อมกับคนใช้สองคน

 

ภายในตำหนักของเสี่ยวหลาน หลังจากที่เธอนั่งร้องไห้ได้ชั่วครู่ก็พอนึกขึ้นได้ เธอได้นำพิณเข้ามาในตำหนักด้วยตอนย้ายของออกของเข้า ความจริงแล้วเธอเองก็ดีดพิณเป็น แต่แค่ไม่ได้ทำนานแล้ว ครั้งนี้คงจำเป็นจริงๆ เธอใช้หลังมือขาวๆ เช็ดคราบน้ำตาออก ถึงแม้จะยังไม่หายสะอึกสะอื้น มือเล็กรีบเลื่อนกล่องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ภายในนั้นมีพิณออกมา ก่อนที่เธอจะวางลงบนโต๊ะไม้ ที่ที่ชินอ๋องใช้วาดภาพ นิ้วเรียวค่อยๆ แตะไปทีละเส้นของพิณเพื่อทดสอบมัน เธอไม่ได้จับมันมานานแล้ว ความเคยชินก็เริ่มหายไป เสียงที่เธอดีดกลับดูไม่ค่อยเข้าที่สักเท่าไหร่ เสี่ยวหลานเริ่มดีดไปตามจังหวะ เพลงที่เธอจะเล่นตอนนี้มันถูกเรียกว่า "วิหคเหินฟ้า" จากที่ดูไม่เข้าที่นัก ก็เริ่มไปได้ดี ทุกอย่างไปได้ดี

 

เมื่อเพลงดีดไปได้ไม่นาน สิ่งที่เธอกำลังรออยู่ก็มาถึง เสียงปีกบินพรึ่บพรั่บเข้ามาอย่างพริ้วไหว เหมือนสายน้ำรินตามทำนองของเพลง นกพิราบตัวนั้นมีชื่อว่า หลินฮั่ว บินมาได้ไม่นานร่างที่เป็นนกก็หายไป กลายเป็นชายร่างสูงโปร่งยืนอยู่ข้างหน้า ผมขาวนวลที่ดูน่าหลงใหลนั่น

 

"หานหลินฮั่ว! สุดท้ายเจ้าก็มา นี่ข้าคงไม่ได้ดีดพิณแย่ไปสินะ" เสี่ยวหลานพูดกับตัวเองก่อนจะจ้องดูนิ้วมือของตน

 

"ท่านเป็นอะไรหรือท่านพี่ ใครทำพี่สาวของข้า ท่านรู้ไหมว่าข้าหนีมาทั้งๆ ที่มีคนป่วยไม่ขาดสาย ข้าทิ้งภาระให้คนอื่นจัดการเชียวนะ แต่ถึงยังไงชีวิตท่านก็สำคัญกว่า" หลินฮั่วกุมมือพี่สาวตนแน่นก่อนจะมองร่างนางซ้ายไปขวาดูสิ่งผิดปกติ เขาเองเป็นหมอรักษาโรคในเมือง "น้ำตา ท่านมีน้ำตา" หลินฮั่วพูดเมื่อเห็นดังนั้นก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาแก้มข้างซ้ายของเสี่ยวหลาน หลินฮั่วเองคือลูกพี่ลูกน้องของนาง แม่ของนางคือพี่สาวของแม่ของหลินฮั่ว ทั้งสองสนิทกันมาก ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กๆ

 

"ข้าโดนชินอ๋องกักขังบริเวณสิบวันสิบคืน ไป๋ไป๋ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ชินอ๋องทำยังไงกับนาง จะเป็นไปได้ไหมที่เจ้า.." นางพูดก่อนจะก้มหน้าลง มันทำให้เธอพูดไม่ออกมันแน่นอยู่ในอก หากจะพูดน้ำตาก็ไหล

 

"ข้าช่วยท่านได้ท่านพี่" หลินฮั่วรีบพูดแทรกขึ้นมา

 

"ข้าอยากให้เจ้าตามชินอ๋องกับไป๋ไป๋ไปทุกๆ วันได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าในสิบวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วมารายงานกับข้า ข้าจะเปิดหน้าต่างบานเล็กนั่นไว้" เสี่ยวหลานพูด

 

"ได้! ข้าทำได้" เขาตอบรับด้วยความหนักแน่น สื่อว่าจะทำให้เต็มที่

 

"รบกวนน้องชายแล้ว"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา