กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) สาวงาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในตำหนักของฉางเสี่ยวฉิน.. เธอได้แต่งงานเข้าจวนของเขาแล้ว นั่นแสดงว่าคืนนี้ทั้งสองเองต้องมีอะไรกัน เธอได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง นึกถึงค่ำคืนที่กำลังจะถึงนี้
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ท่านลองน้ำหอมที่เราได้รับมาจากฝั่งตะวันตกดีไหมเจ้าคะ ชินอ๋องต้องชอบเป็นแน่" เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนตกหลุมรักเขาไปแล้ว ไป๋ไป๋ก็เพียงแค่ต้องยอมรับเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูของเธอต้องมีความสุข เธอยื่นขวดน้ำหอมที่ข้างขวดถูกสลักเป็นกลีบดอกไม้ให้กับเสี่ยวหลาน
"ไป๋ไป๋ เจ้าว่าเขาจะชอบกลิ่นนั้นหรอ" เสี่ยวหลานรับจากมือของเธอ แล้วพลิกขวดนั่นจนทั่วเพื่อดูรอบๆ และลองฉีดลองดมดู
"ข้ามั่นใจว่าท่านอ๋องต้องชอบเป็นแน่เจ้าค่ะคุณหนู ข้าว่าคืนนี้เผลอๆ .." ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับชี้สองนิ้วเข้าหากัน ก่อนที่เสี่ยวหลานจะยิ้มด้วยความเขินอาย ตัวบิดเป็นเลขแปดไปเสียแล้ว แล้วพูดว่า "เจ้าก็นะไป๋ไป๋" เธอหัวเราะ
"แฮ่ม! ออกไป! " หัวเราะยังไม่ทันเสร็จ เสียงปริศนาก็ดังขึ้นหลังจากประตูถูกเปิดออก ดวงตาคู่สวยมองไปยังเขา น้ำเสียงที่แตกร้าวนั่นดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่เธอก็ได้ยินคำนั้นตั้งแต่ขบวนแต่งงานนั่นแล้วนี่นาทำไมตอนนี้ถึงได้กลัวไปได้ ไป๋ไป๋คำนับก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้เสี่ยวหลานอยู่กับเขา
เสี่ยวหลานเองได้แต่ยืนมองเขาด้วยความตกใจ ตะลึงในรูปร่างหน้าตาที่งดงามยากจะบรรยาย เธอรีบสลัดความคิดออกก่อนจะนึกได้ว่าตนกำลังทำอะไร ร่างเล็กรีบเก็บขวดน้ำหอมลงในกล่องทันที และเดินไปนั่งบนเตียงนอนตามขนบธรรมเนียมของคนที่นี่
"เหม็น นี่มันกลิ่นอะไรกัน" เขาพูดก่อนจะใช้มือยีจมูกตัวเองและมองดูหญิงสาว ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมผ้าคลุมหน้าสีแดง ก่อนที่เขาจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
"อย่างแรกเลย ที่ข้าจับตัวเจ้ามา เพียงเพราะข้าต้องการเอาชนะจวิ้นอ๋องนั่น เจ้าอย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ฮ่าๆ ถอดผ้าคลุมโง่ๆ นั่นออกเถิด" เขาพูดจบก็หัวเราะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้พร้อมกับหยิบรูปวาดสาวงามขึ้นมาจากกล่องไม้ เมื่อเสี่ยวหลานได้ยินดังนั้นและเห็นท่าทีนั้นเธอก็ตกใจไม่น้อย เขามีคนที่ตนรักอยู่แล้วอย่างงั้นหรอ เขาจับเธอมาเพราะต้องการแก้แค้นจวิ้นอ๋องหรือเปล่านะ เธอไม่ได้สำคัญอะไรกับใครเลย ที่นี่มีรักแท้สำหรับเธอไหมนะ
"ชายหญิงแต่งงงานกัน เป็นสามีภรรยา คนที่ต้องเปิดผ้าคลุมคือสามี" เธอหรี่ตาลงก่อนจะพูดอย่างเรียบนิ่งช้าๆ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นแบบนั้น รอยยิ้มที่เธอเคยยิ้มก็หุบลง
"หึ้บ! " อยู่ๆ ด้ามพู่กันที่เขาจับอยู่ก็พุ่งเข้ามายังผ้าคลุมของเธอ จนมันเปิดออกและปลิวไปติดที่หน้าต่างโดยมีพู่กันปักอยู่ พู่กันอะไรจะหัวแหลมเช่นนั้นกัน เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ชินอ๋อง ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็คงคิดว่าเขากำลังฆ่าเธอไปแล้ว เธอกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเธอ
"เอาพู่กันมาให้ข้าหน่อย" เขาพูดออกมาเสียงหลง ต่างจากตอนแรกที่แหบกร้าว แต่ตอนนี้กลับเสียงทุ่มนุ่มนวล เขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง หญิงสาวที่เขาฉุดมาสวยยิ่งนัก จะว่าไปนั่นคงน้อยกว่าผู้หญิงในใจของเขา เขาไม่รู้ว่าเขาหลอกตัวเองหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าได้ทำให้เขาหวั่นไหวไปแล้วจนได้เผลอยิ้มออกมา ดวงตาคมมองยังพู่กันที่ปักอยู่บนหน้าต่างและมองไปยังเธอ เพื่อสื่อให้เอามันมาให้เขา
"ได้" แม้ว่าเธอจะรู้เห็นเช่นนั้นแต่ยังไงเธอก็ตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เธอยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชินอ๋องยิ้มให้เธอก่อนที่เขาจะรีบหุบลง เขาคงเสียอาการไม่น้อย เสี่ยวหลานเดินไปดึงพู่กันออกจากหน้าต่างก่อนที่จะมอบให้กับเขา เขาดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก เก่งเรื่องดาบเรื่องวรยุทธ แล้วยังเก่งเรื่องวาดภาพ
"ท่านวาดภาพนั้นเองหรอ" เสียงหวานดั่งน้ำผึ้งเดือนเจ็ดเอ่ย นั่นมันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ชินอ๋องที่ว่าโหดเหี้ยมยังต้องแพ้สาวงาม เขาสลัดความคิดก่อนที่จะหยิบพู่กันจากมือของเธอมาและทำหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม
"ท่านแพ้ต่อสาวงามอย่างนี้นี่เองสินะ" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ตอบแต่พยายามเปลี่ยนสีหน้าเป็นปีศาจ เสี่ยวฉินได้เพียงคิดว่าจริงๆ แล้วนางอ่อนโยนเช่นนี้หรอกหรอนึกว่าสวยแล้วจะหยิ่งยโส เขาจึงพูดว่า "นี่คือนางในฝัน ข้ารักนาง เจ้าเคยเห็นนางหรือไม่เสี่ยวหลาน" เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถามออกไป ไม่มีใครหน้าไหนกล้าถามหาหญิงอื่นต่อหน้าชายาหรอก
"ขอโทษนะ ข้าไม่รู้หรอก นางสวยน้อยกว่าข้า เทียบเท่าไป๋ไป๋ไม่" หญิงสาวทำหน้าทำตาเยาะเย้ยก่อนที่เธอเองจะเดินไปนอนลงบนเตียงและมองดูเขาที่กำลังทำหน้าตาไม่พอใจ แต่ก็ก้มลงวาดรูปต่อ
"ข้าว่าเจ้ารู้จุดประสงค์ของข้าแล้วนะ ที่ข้าจับเจ้ามาเพียงเพราะอะไร เพราะงั้นข้าไม่ได้รักเจ้า" เขาเอ่ยทั้งๆ ที่มือก็ยังวาดรูปอยู่ เมื่อมันทำให้อีกฝ่ายเงียบลง เขาจึงยิ้มมุมปากขึ้นและพูดอีกว่า "เมื่อข้าได้พบนาง ข้าจะให้นางเป็นชายาเอก เจ้าจะเป็นแค่สนมเสี่ยวหลิน" เมื่อเห็นว่านางเงียบผิดปกติ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้นางกลับหลับไปไม่รู้หนาวรู้ร้อน สงสัยจะเหนื่อย ฉางเสี่ยวฉินยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเก็บรูปภาพนั้นไว้และเดินออกจากตำหนัก
"คำนับท่านอ๋อง" ไป๋ไป๋พูดเมื่อเห็นว่าชินอ๋องเดินออกมาจากตำหนัก
"นางนอนแล้ว เข้าไปดูแลนาง จัดการเรื่องเสื้อผ้าวันพรุ่งให้นางซะ! " เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนน่ากลัว จนทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย
"เพคะท่านอ๋อง! " เธอตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยความกระตือรือร้น ก่อนที่เขาจะเดินหนีไป แล้วเธอก็เดินเข้าไปในตำหนัก
"ถึงขั้นนอนแล้ว คุณหนูของหม่อมฉันช่างมีเสน่ห์ ท่านอ๋องคงชอบน้ำหอมนั่นเป็นแน่ คุณหนูนะคุณหนู" เธอพูดพึมพำก่อนจะยิ้มอ่อนๆ และทำตามที่ชินอ๋องสั่ง
เสียงขลุ่ยที่บรรเลงเพลงด้วยความไพเราะ ชายหนุ่มนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างสงบเสงี่ยม ลมพัดเอื่อยๆ ทำให้ใบไม้ร่วงล่นในยามค่ำคืนเหมาะกับเนื้อเพลงซึ่งบ่งบอกได้ถึงการโหยหาคนรักที่ห่างกันไกล ใครที่เป่าเพลงนี้ต่างก็ต้องมีจุดประสงค์กันทั้งนั้น
"ผิงเยว่ฉี ถ้าเจ้าได้ยินเสียงเพลงนี้ ได้โปรดมาหาข้า" ฉางเสี่ยวฉินพูดกับตัวเอง มันคือเพลงที่ทำให้ทั้งสองได้พบกัน ครั้งนั้นในป่าไผ่ นางเป็นคู่หูที่อยู่ในสนามรบคู่กับเขา คำสาบานที่ว่าเมื่อรบเสร็จเขาจะขอนางแต่งงาน แต่นางกลับทิ้งเขาไว้และหายไป นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ชินอ๋องผู้โหดเหี้ยมกลายเป็นคนดีได้ เพราะนางคือสาวงามในคราบนักรบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ