ม่านนารี By แพรววาริน

-

เขียนโดย sunthree22

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 19.33 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,345 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563 19.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Stand with Me ยืนข้างกันได้ไหม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เรามาพักผ่อนไม่ใช่เหรอ” เมื่อเอื้อมดาวเดินมาถึงบ้านพักของเป็นหนึ่งเธอก็เริ่มบ่น

“ตู้คอนเทนเนอร์มีปัญหา” เป็นหนึ่งตอบเพิ่งสั้นๆ ทำแต่ทำให้เอื้อมดาวหันมองมาที่เขา

“จริงเหรอ ทำยังไงดีคะ” เอื่อมดาวเข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นหนึ่งถึงเรียกเธอมาแทนที่จะเรียกม่านธารา เธอนั่งรถตรงข้ามกับเป็นหนึ่งทันที ในใจเริ่มคิดถึงทางแก้ปัญหาเมื่อแบบนี้มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

“รอคนอื่นก่อนค่อยคุยกัน” เป็นหนึ่งรอคนอื่นที่เขาโทรตามให้มาประชุมที่บ้านพัก

“พี่เตย กาแฟไหม” ม่านธารายังทำหน้าที่เลขาของเธอ ถึงจะเป็นการประชุมไม่เป็นทางการและอยู่ในช่วงพักผ่อนก็ตาม

“ม่านคุณไปดูงานข้างนอกต่อเธอ ตรงนี้เดี๋ยวเราจัดการกันเอง ทางโน้นก็สำคัญ” เป็นหนึ่งต้องให้ม่านธาราช่วยดูแลกิจกรรมทางนั้น ส่วนด้านนี้พวกเขาจัดการกันต่อได้

“อีกสักพักค่อยลงไปก็ทันคะ ม่านช่วยเท่าที่ช่วยได้ไปก่อนนะคะ” ม่านธารารู้ดี เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ปัญหาบางอย่างต้องตัดสินใจเด็ดขาด เธอยังไม่เก่งพอ

ในเวลาไม่นานฝ่ายการตลาด ฝ่ายวางแผนและฝ่ายผลิตมาครบองค์ประชุมม่านธาราจึงขอตัวออกไปทำกิจกรรมข้างนอก

กิจกรรมผ่านไปด้วยดีม่านธาราก็ชนะตามความคาดหมายเสียดายที่ผู้ท้าชิงนั้นไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมได้ พนักงานหลายคนเริ่มสงสัยถึงหัวหน้าแผนกที่หายไป ม่านธาราเธอจึงแก้ตัวไปว่าเจ้านายของเธอนัดหัวหน้าบางคนไปคุยงานนิดหน่อย บางคนบ่นว่ามาพักผ่อนทำไมจะต้องมาทำงานเจ้านายของเธอเลยกลายเป็นคนที่บ้างานตลอดเวลา

 

ในเวลาอาหารค่ำม่านธาราเห็นเอื้อมดาวและหัวหน้าแผนกคนอื่นกลับมาทานอาหารค่ำปกติ แต่ยังไร้เงาของเป็นหนึ่ง

ม่านธาราถอดหายใจเป็นหนึ่งคงทำงานอีกแล้ว เธอจึงสั่งอาหารทางโรงแรมให้เขาคิดว่ายังไงเขาคงไม่มาทานด้วยอีก ม่านธารานึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่เกิดขึ้นเธอยังรู้สึกถึงไออุ่นของมือเขา เขาคงเหนื่อยจริงๆ เธอเคยถามเขาหลายครั้ง ‘ไม่เหนื่อยหรือคะ’ เขาตอบมาแค่ ‘ไม่หรอก’ หนนี้เขาบอกว่า ‘เหนื่อย’ เป็นห่วงจัง

“พี่ม่าน พี่ปุไปไหนอะ” เสาวรสมองหาปุรานนท์ที่ขอตัวไปนอนพักตั้งแต่บ่าย

“มีคนไปปลุกหรือยัง ม่านลืมพี่ปะไปแล้วล่ะ” ม่านธาราทำมีหัวเราะแต่แววตานั้นไม่ได้แสดงออกถึงสิ่งที่เธอกำลังสนุกกับมัน

“พี่ไปดูให้” ปิติลุกขึ้นและหันมาบอกม่านธาราต่อว่า “จะเลยไปดูคุณหนึ่งให้ด้วย” ปิติรู้ดีว่าม่านธาราเป็นห่วงบางคนที่หลายตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว

“คะ” ม่านธาราก้มหน้าเล็กน้อยใครๆ ก็ดูออกงั้นหรือว่าเธอรู้สึกยังไง

“แหมๆ ๆ ๆ ๆ เบื่อพวกมองตารู้ใจจัง” เอื้อมดาวบ่นๆ จริงๆ เธอรู้ดีว่าเป็นหนึ่งทำอะไรอยู่ และเขากำลังจะเดินทางกลับในหนึ่งชั่วโมงนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระที่เธอจะเที่ยวพูดหรืออธิบายอะไรแทน

“เจ้ หาไรกินเถอะ ปากว่างมากไปละ” สาครแหวะเอื้อมดาวที่คอยแซวปิติกับม่านธาราเสมอ เมื่อไหร่จะรู้ว่าฝ่ายชายนั่นสนใจตัวเธอ

เมื่อปิติลุกออกจากโต๊ะไป เอื้อมดาวและสาครก็ช่วยกันไปเดินเลือกอาหารมารับประทาน ทิ้งให้เสาวรสกับม่านธารานั่งคุยกัน ไม่นานนักปุรานนท์เดินมายังโต๊ะ

“มีไรกินมั่ง” เสียงงัวเงียของปุรานนท์ทำเอาสองสาวที่นั่งอยู่ยิ้มๆ เธอไม่ค่อยเห็นมุมแบบนี้ขอเขาสักเท่าไหร่

“หน้าง่วงมาเลยนะ” เสาวรสมองหน้าคนตรงหน้า ‘ตอนง่วงเนี่ยน่ารักจัง’

“พี่ยังง่วงอยู่เลย แต่ความหิวมันปลุก” ปุรานนท์ทนฟังเสียงท้องตัวเองไม่ไหวจึงหอบร่างง่วงๆ เดินมาหาอะไรกินก่อน

“พี่ปุ เมื่อกี้มีประชุม” ม่านธาราเธอรีบบอกปุรานนท์ หวังว่าเขาจะบอกอะไรได้บ้าง เธอยังไม่ทันถามใคร

“อืม พี่พอรู้ ก่อนประชุมคุณหนึ่งโทรหาพี่เหมือนกันแต่พี่ของตัว อยากนอนจริงๆ” ปุรานนท์พูดไปก็เอามือนวดศรีษะไป เขาเริ่มปวดหัวตุบๆ

“พี่ปุ ทานข้าวก่อนเดี๋ยวฝ้ายไปหายามาให้” ฝ้ายลุกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งปุรานนท์กับม่านธาราไว้

ต่างฝ่ายเงียบ พวกเขาทั้งสองไม่ค่อยได้คุยเล่นกันเหมือนคนอื่น จังหวะพอดีที่บางคนเดินเข้ามาที่โต๊ะ

“คุณม่านดื่มหน่อยซิครับ” ชายคนหนึ่งเดินมานั่งข้างม่านธาราพร้อมยืมแก้วสีเหลืองอ่อนให้เธอ สายตาหวานเยิ้มบ่งบอกอาการเมาได้ทีถึงได้กล้าหาญเดินเข้ามา

“ม่านไม่ทาน ขอบคุณค่ะ” ม่านธาราปฏิเสธและส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคนใกล้ตัว

“คุณม่านให้เกียรติผมหน่อยเถอะ ผมไม่มีโอกาสเข้าใกล้คุณแบบนี้” คนที่ส่งสายตาหวานเชื่อมยังไม่ละความพยายาม พร้อมยังส่งแก้วให้อีกครั้ง

ปุรานนท์ยังดูสถานการ์ณที่เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นเข้าใกล้มากเกินไปแต่ยังไม่ถึงขนาดร้ายแรง จะไล่ไปตอนนี้ก็อาจจะมีเรื่องมีราวให้หมดสนุกกัน ถ้าเรื่องใหญ่อีกฝ่ายคงโดนไล่ออกเป็นแน่ วอนตายจริงๆ เลย

ปุรานนท์หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความไปให้หัวหน้าแผนกของผู้ชายใจกล้าคนนี้ “มาดูหน่อย เดี๋ยวจะมีเรื่อง” ข้อความสั้นๆ แต่ได้ใจความ

“คุณม่านชนแก้วกับผมนะ” คนชะตาขาดยังคงพยายามยกแก้วชนกับม่านธาราอีกครั้ง

“ม่านไม่ทาน ขอโทษอีกครั้ง” ม่านธารายังคงยืนยันคำเดิม เธอพยายามลุกจากที่นั่งเพื่อหนีจากสภาพแบบนี้

มือหยาบกร้านจับมายังข้อมือของเธอเพื่อหยุดสิ่งที่เธอกำลังจะทำ

“ทำไม แค่นี้กินด้วยกันไม่ได้หรือไง ผมมันแค่ช่างใช่ไหมคุณถึงรังเกียจ” ชายคนนั้นยังไม่หยุดและเริ่มที่จะก่อความลำบากใจให้กับคนรอบข้าง

“เฮ้ย มึงปล่อยๆ เลย” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นมาจากอีกด้าน

“ไม่มีไรๆ ชุมันเมา เดี๋ยวพี่จัดการเอง” เฮียช้าง หัวหน้าฝ่ายช่างที่พยายามมายังที่เกิดเหตุทันทีที่ปุรานนท์ส่งข้อความไปเตือน ธนาหรือชุ ผู้ที่กล้าหาญทำเรื่องนี้ เขาทราบดีว่าฝ่ายนี้ชื่นชอบม่านธาราเป็นทุนเดิมทั้งที่รู้ว่าของใครเป็นของใคร เพราะความเมาทำให้คนดีคนหนึ่งขาดสติ

“เฮียช้าง สั่งสอนหน่อยนะ แบบนี้เหมือนลวนลามนะ” สาวสองคนงาม อยู่ในโหมดโมโหส่งเสียงห้าวไม่ยอมใคร

“นางคร เบาๆ ลืมแอ๊ปเลยนะแก” เอื้อมดาวดึงสติเพื่อนสาวพอโมโหทีแทบจะฆ่าคน

“ม่านไปก่อนนะ” ม่านธาราพยายามปลีกตัว เธอไม่ชอบสถานการ์ณแบบนี้

“คุณม่าน..” ธนายังไม่ยอมจบเรื่องพยายามรั้วม่านธารา

“มึงเงียบเลย อยากให้กูโมโห” สาครเข้าโหมดโหด

“ชุ มึงไปกะกู” เฮียช้างดึงธนาออกจากตรงนั้น คนอย่างสาครถ้ามีเรื่องกันมันจะไม่จบแค่นี้

“สาคร ใจเย็นๆ” เสาวรสรีบวิ่งกลับมาเธอได้ยินเสียงห้าวๆ ของสาครดังลั่น

“ก็มันมายุ่งม่าน มาจับมือม่านอีก” สาครโมโหจัด เขามองมาสักพัก เห็นปุรานนท์อยู่ด้วยเขาแค่มองเฉยๆ แต่มันถึงขนาดมาจับมือถือแขน เขาตกใจตวาดเสียงดังขึ้น ตอนนี้ปุรานนท์ก็ลุกขึ้นตรงเข้าแยกม่านธารากับคู่กรณี

“พอๆ ๆ แยกย้าย พี่ช้างดูหน่อยนะ ที่นี้ก็มีผู้หญิงเยอะอยู่อย่าให้ใครเมาแล้วมาทำแบบนี้กับคนอื่น อีกอย่างนายชุ อย่าดึงดาร์ม่าดูถูกตัวเองม่านเขาไม่ทานจริงๆ ถ้านั่งคุยเฉยๆ พวกเราก็คุยด้วย ไม่ใช่เมาแล้วเดินมาเกะกะ” เอื้อมดาวถือโอกาสสั่งสอนเล็กน้อยเพื่อให้คนอื่นที่กำลังเมากรึมๆ ได้คิด

“พี่ปุมัวทำอะไรว่ะ ปล่อยให้คนอื่นมาแต๊ะอังม่านได้” สาครหันมาโวยวายปุรานนท์ที่ใกล้ชิดมากที่สุด

“พี่ตามเฮียช้างมาไง ถึงได้มาไวขนาดนี้ ไม่ยากให้งานกร๋อย” ปุรานนท์ยอมรับว่าเขาชะล่าใจไป “ม่านพี่ขอโทษนะ นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ”

“เรื่องเล็กน้อยคะ ม่านแค่ตกใจเสียงสาคร แบบเสียงแมนมากกกก” ม่านธารายิ้มตาหยี เธอไม่อยากทำให้งานกร่อยเหมือนกัน

“ก็ฉันตกใจนิ ให้หนุ่มมาลวนลามเพื่อนอะ” สาครบ่นนิดๆ ก่อนโค้งขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต

“พี่ปุ ยาคะ” เสาวรสไม่ลืมที่จะส่งยาแก้ปวดให้ปุรานนท์

“กินข้าวก่อนซิค่อยกินยา นั่งๆ ๆ” เอื้อมดาวฉุดแขนสาครให้นั่งลงทานอาหารก่อนที่จะหมดอารมณ์ทานเสียก่อน

“ปิติไปไหน” ปุรานนท์ถามถึงปิติที่หายไปเฉยๆ ตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องอาหารก็มองหาไม่พบ

 

คนที่ทุกคนเพิ่งนึกถึงกำลังขับรถไปส่งเป็นหนึ่งที่สนามบินเพื่อกลับไปยังกรุงเทพก่อนคนอื่น

“รีบอะไรขนาดนั้น ผมนึกว่าคุณจะทานข้าวเย็นก่อนเสียอีก ม่านรู้หรือเปล่าว่าคุณกลับก่อน” ปิติบ่นเล็กน้อยเขากำลังจะเดินออกมาทานอาหารแต่เป็นหนึ่งโทรมาขอให้กลับมาพร้อมกัน

“เปล่า ผมไม่ได้บอก” เป็นหนึ่งพูดโดยที่ตานั้นยังคงหาผู้ขายสินค้ารายการที่ค้าง ในการประชุมทุกคนช่วยกันหาแหล่งผลิตที่สามารถส่งของให้ได้ทันตามที่ต้องการแต่ก็ยังไม่ครบตามจำนวน

“คุณหนึ่ง ม่านจะงอนแล้วก็พาลผมด้วยอีกคน” ปิติไม่เข้าใจทำไมเป็นหนึ่งถึงชอบกันม่านธาราออกจากตัวเอง

“ผมแค่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” เป็นหนึ่งคิดแค่นั้นเขาไม่อยากให้ม่านธารากังวล

ทั้งสองเงียบตลอดทางโดยที่มีสายโทรศัพท์เข้ามายังเครื่องปิติจากปุรานนท์หลายสาย

 

ถ้าห้าคนรับประทานอาหารค่ำและพูดถึงกันอย่างสนุกสนานจนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อน เอื้อมดาวยังโทรไปหาปิติอีกครั้งจนอีกฝ่ายรับสาย

“ครับ” ปิติรับสาย เขาขับรถเป็นเวลาสักระยะ เป็นหนึ่งต้องการแวะซื้อกาแฟและอาหารรองท้องทานระหว่างทาง

“ไปไหน” เอื้อมดาวถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ พอให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังไม่พอใจ

“กลับแล้ว” ปิติถอนหายใจ ‘ขนาดไม่ใช่แฟนกูยังกลัวขนาดนี้’

“กับใคร” เอื้อมดาวถามต่อเธอรู้จากปุรานนท์แล้วว่าเป็นหนึ่งกำลังกลับกรุงเทพ แต่ไม่คิดว่าปิติเป็นคนขับรถให้

“ก็คนที่คุณรู้ว่าใครนะละ เตยครับอย่าทำเสียงแบบนี้ ผมกลัว ผมขอโทษที่ไม่ได้โทรบอก” ปิติตอบกลับเสียงอ่อย เขาลืมโทรบอกเธอก่อนจะออกมา

“รู้ก็นิ ทำไมไม่กินอะไรก่อนไป คุณหนึ่งทำไมรีบจัง” เอื้อมดาวพูดขึ้นขณะที่ทุกคนยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ม่านธาราได้ยินคำว่า คุณหนึ่ง เธอก็สนใจบทสนทนานั้น

“ของหายังไม่ครบเห็นบอกพรุ่งนี้จะเขาไปโรงงานของเสี่ยฮุน ผมอาจจะตามไปช่วยด้วย” ปิติจะอาสาขับรถให้ เขาก็ไม่อยากให้เป็นหนึ่งเหนื่อยมากไปกว่านี้

“ฝากดูคุณหนึ่งด้วยนะ ไม่ค่อยได้ทานอะไรตั้งแต่ประชุม เธอก็หาอะไรทานซะ มีอะไรก็โทรมาด้วยนะ” เอื้อมดาวพูดจบแล้วก็ว่างสาย ทิ้งให้คนปลายสายงุนงง ว่าโทรไปรายงานเธอหาเรื่องอะไร

“ใครโทรมา” เป็นหนึ่งที่ซื้อกาแฟและอาหารมาให้ถามถึงคนที่เอาแต่สั่งแล้วสายไป

“พี่เตยครับ คุณหนึ่งโทรหาม่านด้วยนะ” ปิติรับกาแฟและอาหารที่เป็นหนึ่งซื้อมาให้ พร้อมแกะกินทันที

“อืม” เป็นหนึ่งเปิดประตูรถและเดินไปตรงที่เงียบๆ นั่งโทรหาบางคนที่เขาอยากให้อยู่ตรงนี้

 

“ม่าน ผมต้องกลับแล้ว” เป็นหนึ่งเขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ชอบใจนักที่เขาทิ้งมาแบบนี้ แต่มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“ค่ะ” ม่านธารารับสายขนาดที่เธอกำลังเดินทอดอารมณ์ตรงหน้าห้องของเป็นหนึ่ง เธอเป็นห่วงจึงเดินมาหาเขาแต่เขากับไม่อยู่

“พรุ่งนี้ผมต้องเข้าโรงงานเสี่ยฮุน” เป็นหนึ่งรู้สึกถึงความไม่พอใจของม่านธาราและรู้ดีว่าทำไมถูกนัก

“ดึกมากแล้วคุณหนึ่งขับรถดีๆ นะ ม่านเป็นห่วง” ม่านธาราคงพูดได้แค่นั้น กี่ครั้งแล้วที่เขาทิ้งเธอไว้แล้วไปลุยงานเอง เธอคือเลขาที่ต้องอยู่เคียงข้างเขา ทำไมไม่เคยให้เธอทำหน้าทีนี้

“ผมต้องวางก่อนนะ ปิติกินเสร็จแล้ว ผมจะไปต่อแล้ว” เป็นหนึ่งรีบวางสายไม่อยากได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆ ของม่านธารา

“คะ” ม่านธาราตอบตานั้นมองท้องฟ้าที่มึดสนิทมีแสงดาวที่ส่องสว่างในใจเศร้าหมอง เธอเป็นคนไร้ประโยชน์สำหรับเขางั้นเหรอ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา