Please! รักได้มั้ย
เขียนโดย fRONG
วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.45 น.
แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563 20.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Please! รักได้มั้ย 01
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-01-
บรรยากาศตอนเช้าของการเปิดเทอมวันแรกดูน่าตื่นเต้น แล้วในความหวังของแต่ละคนคงการได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ คนเราไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวได้ในรั้วของมหาลัยใหญ่ได้อย่างลำพัง เพื่อนคือบุคคลที่จะทำให้คนเราไม่เหงา มีกำลังใจไปเรียนทุกวัน แต่สังคมใช่ว่าจะมีแค่รูปแบบเดียว สิ่งที่ต้องพบเจอมีหลายอย่าง แล้วนี่คือการเริ่มต้นของชั้นปี 1 ที่เข้ามาเหยียบมหาลัยใหญ่แห่งนี้..มันพึ่งเริ่มต้น
ภายในห้องเรียนรวมของคณะเศรษฐศาสตร์ของระดับชั้นปีที่สอง การเรียนรวมยังคงเป็นอย่างนี้ไปจนถึงปีสองเทอม2 ทุกคนดูไม่มีท่าทีตื่นเต้นแล้วถ้ามีคงส่วนน้อย แต่ละคนคงชินกับการเจอบรรยากาศแบบนี้มาปีนึงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับน้อง กิจกกรมช่วงปีหนึ่งก็เอาเรื่องพอสมควร ต้องเรียนไปพร้อมๆ กับกิจกรรมที่รุ่นพี่ได้จัดขึ้นมา แต่ถ้าผ่านปีหนึ่งมาได้ปีสองก็ผ่านไปได้เช่นกัน
แต่ตอนนี้สายตาของทุกคนต้องหันไปมองเป็นตาเดียวกันตรงประตูหน้าห้อง เปเปอร์ชายหนุ่มตัดผมทรงหน้าม้า ผิวขาวอมชมพูที่มีการจัดฟัน ทำให้เรียกความสนใจจากเพื่อนหญิงในห้องเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะตอนปีหนึ่งไม่ได้จัดฟันก็น่ารักอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ พร้อมกับเต้และกันต์เพื่อนคนสนิทของเขาเดินตามมาจากข้างหลังที่หน้าตาดีไม่แพ้กัน แต่ก็สู้เพื่อนอีกคนข้างหน้าไม่ได้ เปอร์ไม่ได้มีดีแค่น่ารักแต่ยังเรียนเก่งอีกต่างหาก เขาทั้งสามเดินมานั่งเก้าอี้แถวสาม แต่สายตาของคนรอบข้างก็ยังคงมองเปเปอร์อยู่ ซึ่งเปอร์เองก็ไม่ได้รำคาญหรืออะไรเขายังคงหันไปยิ้มให้กับเพื่อนร่วมห้องอยากเป็นมิตร จนทำให้ตนเองถูกสะกิดเข้าที่แขนจากคนข้างๆ
“กูบอกมึงแล้วววววให้ประกวดเดือนคณะตอนปี 1 ตอนนี้มึงฮอตกว่าเดือนที่ประกวดอีกไอ้ห่าเปอร์ เผลอๆดังกว่าเดือนมหาลัยอีก”
เปอร์ไม่ได้พูดตอบอะไรแค่ยิ้มไปกับคำพูดของเต้พร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ
บรรยาศการประชุมของคณะวิศวะต่างพากันดูไม่ค่อยดีเท่าไรจู่ๆก็มีสมาชิกฝ่ายสโมสรอยากให้ทางคณะวิศวะกับมามีการรับน้องอีกครั้ง เพราะปกติแล้วคณะจะมีการรับน้องมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆแต่พึ่งมีการปรับเปลี่ยนมาได้ 5 ปีแล้ว จนรุ่นปัจจุบันก็ยังคงยกเลิกอยู่เพื่อให้น้องได้มีเวลาเรียนอย่างเต็มที่ พร้อมกับทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจอยากจะเข้าร่วม
“กูอยากให้กลับมารับน้องเหมือนเดิม”ก้องสมาชิกฝ่ายสโมสรได้เอ่ยพูดท่ามกลางเพื่อนคนอื่นๆนับสิบคน
ทุกคนต่างพากันส่ายหัวไปมาอย่างไม่เห็นด้วย พร้อมกับมีอีกหลายๆเสียงที่เอ่ยด่าก้องที่เรียกมาคุย อีกทั้งยังอดเข้าเรียนคาบเช้าอีกต่างหาก
“มึงจะทำมันให้ยุ่งยากเพื่ออะไร แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วน้องมันจะได้เรียนเต็มที่”
เสียงทุ้มต่ำจากหัวหน้าภาค เมื่อไรที่เวย์ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาแสดงว่าคนนั้นเจองานเข้าแล้วแน่นอน เวย์เป็นคนดูไม่ค่อยพูดเมื่อไรที่ได้พูดคนนั้นคงต้องเจองานเข้า เเต่ถ้าเป็นคนอื่นนอกเหนือจากในคณะตนเเล้วเวย์พูดคุยด้วยเเสดงว่าคนนั้นคงสำคัญ เวย์ออกจะดูเย็นชา เเต่จริงๆเวย์ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยมากด้วยซ้ำ แต่ที่ทำให้เขาเป็นประธานภาคเพราะว่าเรียนเก่งกับกิจกรรมเด่นอีกต่างหาก เเล้วก็เพื่อนปี4 ยังเชียร์เวย์ให้เป็นประธานภาคกันส่วนใหญ่ เวย์เป็นประธานชมรมการปลูกป่าด้วยและเป็นคนริเริ่มคิดโครงการนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง
“น้องมันก็เคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราทุกคน กิจกรรมทางคณะเราก็ยังจัดอยู่เหมือนเดิม..มึงต้องการจะให้น้องทำอะไรอีก แค่สอบเข้าก็โครตยากแล้ว บางคนมาเรียนไกลห่างพ่อแม่เขาก็ลำบากกันมากแล้ว แค่น้องทำคะแนนสอบเป็นหน้าเป็นตาให้คณะเราได้ทุกปีๆกูถือว่าอาจารย์เราทุกคนภูมิใจกันมากแล้วนะ”
ประโยคธรรมดาของเวย์ดังกังวานไปทั่วห้องพร้อมกับเพื่อนคนอื่นที่เห็นด้วยกับเวย์ บางคนก็ตบมือให้กับคำพูดของเวย์ สีหน้าของก้องยังคงเรียบเฉยพร้อมกับทิ้งประโยคนึงพร้อมหันไปหาทุกคน..จนสามารถเรียกตีนจากทุกคนได้ตอนนั้น เเล้วเดินดิ่งออกจากห้องไป
“ไอ้พวกเหี้ย!”
ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันออกจากห้องด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจกับความคิดดื้อๆของก้อง แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มีมาแบบนี้ตั้งแต่ปี 1 ก้องมันเป็นพวกที่ความคิดแตกต่างคิดอะไรได้ก็จะเอาให้ได้อย่างใจ เรียกว่า..มันชอบหาตีนใส่ตัว
เปอร์กับเพื่อนทั้งสองเดินมาหาข้าวกินที่โรงอาหารคณะวิศวะ เปอร์มากินทุกครั้งประจำตั้งแต่ปี 1 เพราะโรงอาหารคณะวิศวะจะมีหลายร้านให้เลือกเยอะมากกว่าคณะอื่นๆหรือแม้แต่คณะของตนเอง
“ไอ้สัดเปอร์ เอาอีกแล้วนะมึง มาแดกที่นี่อีกแล้ว กูเดินขาลากปีหนึ่งมันยังไม่พอใช่ไหมวะ”กันต์เอ่ยขึ้นพร้อมเต้ที่เข้ามาสมทบด้วย “เออไอ้ห่าเปอร์ถ้าโรงอาหารน้อยใจได้คงน้อยใจล่ะ เรียนมามึงไม่เคยแดกข้าวที่คณะตนเองบอกไปคนอื่นคงไม่เชื่ออะ”
เมื่อทั้งสามซื้อข้าวเเล้วก็มานั่งกินกันที่มุมฝั่งทางโซนC โรงอาหารของคณะวิศวะจะมีเยอะแล้วก็หลายร้านเลยต้องแบ่งออกเป็นโซนๆไป โดยจะมีโซนA-D แต่ก็ต้องทำให้ทุกคนต้องหันไปมองคนกลุ่มนึงที่กำลังตะโกนพร้อมกับแจกใบปลิวอะไรสักอย่างอยู่
“สวัสดีค่าน้องๆปี 1 ตอนนี้ชมรมปลูกป่าได้จัดค่ายปลูกป่าที่จ.สมุทรปราการเป็นเวลา 2วัน 1 คืนนะค้า อยากจะชวนน้องๆมาร่วมกิจกรรมนะค้า ทุกอย่างฟรีหมดเลยค้า จำกัดจำนวนด้วยนะค้าตอนนี้รับแค่20คนเองนะค่ะ”
ผมหันไปตามเสียงที่มีคนตะโกนอยู่พร้อมเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก ไอ้เต้ไอ้กันต์ยิ่งแล้วเลยมันไม่ค่อยสนใจกิจกรรมไรแบบนี้หรอก ผมเห็นมันสองคนเอาแต่เล่นเกมส์ อาจเป็นเพราะผมชอบเข้ากิจกรรมอยู่เเล้ว ผมจึงลองถามความคิดเห็นไอ้เพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านหน้า
“เห้ยมึงถ้ากูสนใจค่ายที่เขาตะโกนปาวๆอยู่ละวะ”
แสดงว่าผมพูดถูกใจพวกมันสินะ หรือมันเห็นด้วย ปกติถ้ามันเล่นเกมส์อยู่แล้วผมเรียกมันจะไม่ตอบเร็วขนาดนี้ ปกติต้องถีบมันต่างหากถึงจะตอบผม
“อะไรนะ!!”จู่ๆไอ้เต้ก็เงยหน้าพูดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับไอ้กันต์ที่เงยหน้าขึ้นมามองแต่ยังไม่พูดอะไร
“กูจะไปค่ายนี้”ผมบอกพร้อมกับชี้ไปที่คนกลุ่มนึง “มึงจะไปไม่ได้ไอ้เปอร์”กันต์พูดออกมาให้ผมคิดคำตอบแต่ผมก็ทำหน้างงใส่พวกมันอยู่ดี
“ก็นี่มันค่ายของวิดวะเขามึงไปได้สิแปลกไอ้สัดเปอร์ เดี๋ยวกูมานะพวกมึงกูเข้าห้องน้ำแปปไม่ไหวล่ะ”กันต์เอ่ยบอกเเล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งทำให้ผมกลับมาคิดว่าตัวเองลืมไปเลยว่านี่ไม่ใช่คณะตนเอง แล้วไม่นานไอ้เต้มันก็ขอไปหาไรกินร้านข้างหน้า ผมจึงเลื่อนดูอะไรในเฟสไปเรื่อย แต่ก็มีกลุ่มชาย 3 คนที่มายืนหยุดอยู่ตรงโต๊ะผม แต่เท่าที่สังเกตเขาเหมือนจะเป็นรุ่นพี่วิศวะดูจากการแต่งตัวของคนที่ยืนอยู่ฝั่งผมเเล้วเขาใส่ช้อปสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงยีน
“นั่งด้วยได้ไหมครับ”
โต๊ะอื่นว่างเยอะแยะทำไมไม่นั่งว่ะ -.-
“เอ่อ..คะ..ครับ”
ปกติแล้วผมไม่ค่อยอยากยุ่งกับคนแปลกหน้าเท่าไรถ้าไม่ใช่คณะตนเอง ถึงจะมาถิ่นเขาแต่ก็แค่มาหาข้าวกินไม่ได้อยากมาคุยกับใครสักหน่อย ไอ้เพื่อนสองตัวก็ยังไม่มาสักที บรรยากาศโต๊ะผมยังคงเงียบ ขนาดเขามาด้วยกันเขายังไม่เอ่ยพูดคุยกันเองสักคำ แล้วผมเป็นคนอื่นแถมไม่ได้อยู่คณะนี้จะพูดทำห่าไรล่ะครับ เเล้วคนที่นั่งข้างๆผมก็เอ่ยคำถามทำลายความเงียบ
“อยู่ปี 1?”
กูอยู่ปี 2 ไอ้สัด ที่ใส่ชุดนักศึกษาเพราะกูไม่ชอบผิดระเบียบเเบบมึงไงไอ้คนถาม
“ถามผมหรอ..”
“อืม ถามอีกโต๊ะนึงมั้ง”
อ้าวไอ้สัดกูนึกว่าถามจานข้าวกูซะอีก แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีใครมาเตะขาจากด้านล่างโต๊ะ..ไอ้สัดกูเจ็บ..
“งั้นถ้าถามอีกโต๊ะผมขอไม่ตอบนะครับ”
เอาสิเล่นมาเล่นกลับ ถึงจะเป็นรุ่นพี่กูก็ไม่กลัวหรอก มึงมาเล้ยยย
“......”
“กูไม่ตลก มึงไม่ได้อยู่คณะกู”
"รู้เเล้วถาม?"
เห็นผมดูเรียบร้อยไม่สู้คน เเต่จริงๆผมปากเสียเหมือนกันนะ ไอ้รุ่นพี่คนนี้คงโชคร้ายเเล้วหละ
"นี่มึงปากดีกับรุ่นพี่เเบบนี้หรอ"ไอ้รุ่นพี่วิดวะมันยังคงยิงคำถามมาที่ผมเพื่อรอคำตอบ เเล้วเหมือนเพื่อนมันอีกสองคนจะทำหน้าตาส่งซิกอะไรสักอย่างทำปากขมุบขมิบซึ่งผมก็เดาไม่ออก เเต่ถ้าเป็นไอ้เต้กับไอ้กันต์ป่านนี้ผมอ่านปากออกไปนานเเล้ว
"ข้าวคณะตัวเองไม่มีเเดก?"
"พี่ติดป้ายว่าห้ามคณะอื่นเข้ามา?"
"...."
ผมกับมันต่างคนต่างเงียบเเล้วก็มีเพื่อนมันพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
"เฮ้ยไอ้เวย์เหมือนอาจารย์จะมาก่อนเวลาว่ะ รีบไปกัน"
"อะไร? วันนี้อาจารย์ยกคลาสมึงอ่ะมั่วไอ้ซัน"
"เออใช่ วันนี้อาจารย์จะนัดคุยเรื่อง..เรื่องฝึกงานรีบไปเหอะ"
"อะไร? ฝึกงานมันเทอมหน้า..นี่มันพึ่งเปิดเทอมวันเเรกไอ้สัดเดย์"
เเล้วผมก็เห็นมันโดนเพื่อนของตัวเองลากไปต่อหน้า วันนี้ผมก้าวเท้าไหนออกจากบ้านกันละเนี้ย เเล้วไอ้เพื่อนสองตัวนี่หายหัวไปเลยนะ ผมอารมณ์เสียเลยไลน์บอกมันว่าขอกลับคอนโดก่อน
ผมขับรถสปอร์ตมาถึงหน้าคอนโดที่พ่อกับเเม่เป็นคนเลือกให้ผม ส่วนห้องพี่ปุ้ยที่เป็นพี่สาวเป็นคนเลือกให้ ห้องผมอยู่ชั้น 4 ครั้งเเรกพี่ปุ้ยจะไม่ยอมให้ผมมาอยู่คอนโดเพราะกลัวผมจะชิ่งมีเมียก่อนเรียนจบ เเต่จากบ้านก็ไกลจากมอพอสมควรพ่อกับเเม่เห็นด้วย จึงยอมให้อยู่คอนโด ครั้งเเรกพ่อเเม่ก็ฟังพี่ปุ้ยเเหละ เเต่ท่านคงกลัวเรื่องอุบัติเหตุเวลากลับบ้านตอนดึกเลยจำใจยอมเพราะความเป็นห่วง เมื่อผมเข้ามาในห้องผมก็เอนตัวลงบนที่นอน..พร้อมกับดึงใบปลิวออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่พับใส่เอาไว้หลังจากที่ยอมลงชื่อไปค่าย..
เวย์ถูกเพื่อนสองคนลากออกมาจากโรงอาหาร พอพ้นโรงอาหารเวย์ทำการสอบสวนเพื่อนตัวเองไม่หยุดหย่อน สีหน้าของเวย์ดูหงุดหงิดเป็นฟืนเป็นไฟ
"พวกมึงทำเหี้ยไรเนี้ย! เเล้วเรียนอะไรของมึงไอ้ซันมึงจะไปเรียนกับผีรึไง เเล้วมึงละไอ้เดย์ฝึกงานไรของมึง จะรีบไปฝึกกับเเม่มึงรึไงล่ะ"
"ไอ้เชี้ยเวย์..เเค่มึงเริ่มก็พังล่ะ"
"....."
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ