และนี่คือ!!! วิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
-
เขียนโดย BennieRule
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.01 น.
12 ตอน
0 วิจารณ์
12.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 15.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่ 4 มึงย้ายออกเดี๋ยวนี้เลย!!!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
>>> LINK WEBTOON <<<
QR CODE WEBTOON และนี่คือวิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
ขอฝากเวอร์ชั่นเว็บคอมมิคไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ
____________________________________
“เฮ้ย! ----พี่ว่าพี่เห็นหน้าคนแวบ ๆ นะ…อ้าว?”
เสือร้องอุทานเมื่อสัญญาณการติดต่อขาดช่วงไป บรรณาธิการหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีรูปร่างผอมสูงในชุดเชิ้ตกรมท่าผละร่างลงพิงกายบนโต๊ะทำงาน เขาใช้นิ้วกลางซ้ายดันกรอบแว่นของตนให้เข้าที่ก่อนเกาผมน้ำตาลหยักศกของตนแกรก ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย
เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เสือคิดในใจ
เสือติดต่อกับคิด นักเขียนผู้สร้างชื่อจากนิยายสยองขวัญหลายเรื่องจนเป็นที่จับตา มาวันนี้เขาก็มาแจ้งแก่ตนว่าจะย้ายออกจากหอพักใกล้มหาวิทยาลัยไปที่คอนโดแห่งหนึ่งเพื่อแรงบันดาลใจในการเขียน
คิดบอกกับเสือว่าห้องนั้นมีผีแถมบอกด้วยว่าได้ยินมาจากเว็บไซต์ออนไลน์ ตอนแรกเสือไม่คิดจะเชื่อกระทั่งจากภาพเงาประหลาดในวิดิโอคอล ทำเอาเสือรู้สึกพิกลและอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าคิดกำลังเผชิญหน้าในสถานที่แบบไหน
ในฐานะบรรณาธิการต้องตามไปหาเสียหน่อย
พอคิดดังนั้นเสือจึงโทรติดต่อหาคิดอีกครั้ง
“สวัสดีครับพี่---พรืด พรืด” เสียงของคิดดังขึ้นพร้อมเสียงคล้ายพัดลมดังเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
“คิด เป็นไงบ้าง?” เสือถาม
“สบายดีครับพี่ พรืด---โทษทีนะครับ ตะกี้คงเน็ตหลุดพอดี—ซ่า--- คอลใหม่ไหมพี่---กึก! กึก! กึก!!”
เสียงปริศนาประหลาดดังกุกกักให้ความรู้สึกเหมือนมีคนมาเคาะลำโพงโทรศัพท์ พลันภาพเหตุการณ์ตอนที่วิดิโอคอลอีกรอบแวบเข้ามาในหัวเสือ บรรณาธิการหนุ่มแว่นจึงเงียบไปครู่นึงก่อนเอ่ยตอบ
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ย้ายไปห้องที่ว่าแล้วใช่ไหม?” เสือตอบพร้อมถามหัวข้อใหม่
“เรียบร้อยแล้วครับ” พ่อหนุ่มนักเขียนสยองขวัญตอบเสียงใส
“ไม่มี ไม่เห็นอะไรใช่ไหม?” เสือถามพลางลูบปลายคางเรียวของตน
ปลายสายเงียบสนิท ไม่มีกระทั่งเสียงแทรก...
“ไม่มีอะไรเลยครับ ปรกติทุกอย่าง---ซ่า ซ่า ซ่า กึก กึก ครืดดดดดดดดดดด”
น้ำเสียงชวนผิดหวังมาพร้อมเสียงแทรกสนั่นกัมปนาทใส่หูของเสือ บรรณาธิการทำหน้าชะงัก
ปรกติอะไรวะ ยังกับวิทยุหนังสงคราม เสือนึกในใจ
“เออ …......โอเคก็ดี ว่าแต่เปิดพัดลมเหรอ? เหมือนเสียงแทรกนะ”
“อ้อ เปิดหน้าต่างครับพี่ ให้อากาศถ่ายเท---ซ่า ครืน ครืด ครืนนน” คิดตอบมาพร้อมเสียงปริศนาดังไม่ขาดสาย
บรรณาธิการหนุ่มนิ่วหน้าขณะที่ฟังในใจนึกเสมอว่าอย่างไรที่ได้ยินก็ไม่ใช่มีแค่ลมพัดเป็นแน่
ไม่ได้การ ต้องรีบไปหาเสียแล้ว เสือนึกในใจ
“งี้เองก็ว่าอยู่เสียงพิกล เอาล่ะคิด! มาคุยเรื่องสตอรี่บอร์ดเรื่องใหม่เถอะ จะได้มาทรีตเม้นกัน นัดเจอที่สตาบัคตรงรถไฟฟ้า ชั่วโมงนึงนะ เจอกัน” เสือพูดและจงใจตัดสายอย่างรวดเร็วเพื่อมัดมือชกคิดให้รีบออกมา เขารีบจัดแจงเอกสารกับข้าวของใส่กระเป๋าเป้ก่อนตรงดิ่งออกไปจากที่ทำงาน
“พี่เสือครับ สวัสดีครับ ไปไหนหรือครับพี่?”
“อ้าว สวัสดีต่าย แกเพิ่งมาหรือ?”
“มานานแล้วพี่ แต่คนหิวน้ำเยอะไงพี่”
ต่าย ชายหนุ่มนักศึกษาฝึกงาน เจ้าของทรงผมย้อมสีฟ้าอ่อนประหนึ่งบอยแบนด์เกาหลี กล่าวทักทายเสือด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส ยิ้มแห้งพลางโบกใบเสร็จร้านกาแฟแผ่นยาวถึงศอก แขนผิวขาวของเขามีวงรอยแดงจำนวนมาก
สำหรับเสือ เด็กคนนี้เป็นเด็กฝากของอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งเขาเคยเรียนเมื่อก่อน ถูกส่งให้เรียนรู้งานบรรณาธิการที่นี่
เสือนั้นก็มีมอบหมายงานให้บ้างสองสามชิ้นเป็นพิธี แต่ส่วนใหญ่งานของต่ายคืองานจิปาถะซะมากกว่า
“ไปหานักเขียน คุยเรื่องโปรเจคใหม่” เสือตอบรุ่นน้องส่ง ๆ เพราะรีบ
“เอ๊ะ!? คุณคิดหรือครับ” ต่ายอุทานพลางเดินจ้ำตามมาด้วย
“ใช่” เสือตอบเร็วเหมือนจังหวะเดินว่องไวของตน
“พี่เสือครับ ผมขอตามไปศึกษางานด้วยได้ไหมครับพี่ อยากเห็นการทำงานเป็นประสบการณ์ได้ไหมครับ”
“มีคนอื่นให้ศึกษาเยอะแยะน่าต่าย พี่รีบ”
“คนอื่นก็ให้ถ่ายเอกสารไม่ก็ซื้อกาแฟอเมซอนอ่ะครับพี่ ผมขอตามไปด้วยนะครับพี่เสือ” ต่ายพูดสุภาพเสียงอ้อน
“พี่นั่งรถไฟฟ้าไป จะออกเงินเองเหรอ?”
“ค่าเดินทางเบิกเอาได้นี่พี่” ต่ายย้อนตอบอย่างรวดเร็ว
“แล้วงานที่พี่ให้แกทำล่ะ”
“ผมทำเสร็จหมดแล้วครับพี่”
เมื่อได้ยินดังนั้นเสือก็เลิกตาเล็กน้อย เขาไม่คาดว่าจะมีคนมาเพิ่มเลยสักนิด ธรรมดาแค่มีนักเขียนเจ้าปัญหาอย่างคิดให้ตนตามดูแลคนเดียวก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเพิ่มภาระขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่มีเหตุผลปฏิเสธเด็กคนนี้
ต่ายส่งสายตาวิงวอนอีกครั้ง สุดท้ายเสือก็ยอมใจอ่อน เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“ถือเป็นความรู้ก็ได้ แกอยากตามมาก็ได้”
“ไชโย”
“เอาล่ะ มีสองเรื่องที่ต้องรู้ ข้อแรกต้องเรียบร้อย เชื่อฟังที่พี่บอก ข้อสองเรื่องเกี่ยวกับคิดทั้งหมดต้องเก็บเป็นความลับ เข้าใจนะ”
“เก็บเป็นความลับ? เรื่องอะไรหรือครับพี่?”
“ไปถึงแกก็รู้เอง”
เสือตอบ ในใจก็คิดว่าการอธิบายแก่รุ่นน้องฝึกงานเรื่องที่นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดังในสังกัดย้ายไปเช่าห้องคอนโดผีเฮี้ยนมันช่างเป็นเรื่องยุ่งยากสิ้นดี
เสือและต่ายเดินทางมาถึงร้านสตาบัคซึ่งตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสก่อนเวลาที่นัดหมายไว้ราวสิบห้านาที สภาพตอนนี้ในร้านมีคนมากมาย ทว่าโชคเข้าข้างให้พวกเขามีโต๊ะกับที่นั่งสำหรับสามที่พอดี
พวกเขาสั่งกาแฟแล้วจึงกลับมานั่งรอ
ในระหว่างนั้นเองเสือก็เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวพอคิดมาก็เตรียมจดรายละเอียดเอาไว้กันพลาดประเด็นไหนไป”
“ได้ครับพี่เสือ”
“จำหน้าคิดได้ใช่ไหม เคยเจอกันมาก่อนหรือยัง?”
“เคยเห็นแต่แบบใส่หน้ากากครับพี่ ยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลย” ต่ายพูดด้วยความสัตย์จริง “ทำไมถึงต้องใส่หน้ากากหรือครับพี่” เขาถาม
“จะอะไรล่ะ ความเป็นส่วนตัวน่ะสิ” เสือตอบพลางขยับแว่นพลันดวงตาของชายหนุ่มก็มองเห็นร่างคุ้นเดินฝ่าฝูงชนมา “นั่นไง มาโน่นแล้ว คนที่ใส่หน้ากากสีดำ…หืม!?” เสือก้มปลายคางพลางหรี่ตามองออกไป
“ผู้หญิง?”
“เจ้าคิดมากับใครกัน?” เสือเอ่ย
“โห สวยมากเลยครับพี่” ต่ายพึมพำ
ภาพที่ทั้งสองเห็นคือคิดเดินมากับหญิงสาวปริศนาเจ้าของเรือนผมยาวสีเทาสวมแว่นตากำลังสนทนากับคิดด้วยท่าทีขึงขังหน้าตึง
“คุณเรวดี คุณจะบอกว่าคุณมองเห็นบางอย่างใช่หรือเปล่าครับ?” คิดเอ่ยถามเรวดีขณะที่เธอเดินเร็ว ๆ ตรงไปรถไฟฟ้า เขาพยายามตามเธอให้ทัน ทว่าท่าทีที่ชวนเซ้าซี้ของนักเขียนหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนคุกคาม
“เฮ้ ฉันทำเพื่อช่วยคุณนะ” เธอยอมหันกลับมาเอ่ยขึ้นเสียงนิด ๆ ให้ชายหนุ่มรู้ตัว “แล้วคุณรู้ชื่อฉันได้ไง?”
“ขอโทษที ผมชื่อคิด และไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทหรือละลาบละล้วงคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางเคาะนิ้วที่หน้าอกสองสามที หญิงสาวมองที่เสื้อ ป้ายชื่อของเธออยู่ตรงนั้น เธอจึงปลดออกแล้วเก็บใส่กระเป๋า
“ฉันแค่อยากแนะนำให้คุณออกจากห้องนั้นดีกว่า” เรวดีเอ่ย “ห้องนั้นมันของจริงและกวนคุณถึงในลิฟต์ เพราะงั้นอย่าไปยุ่งเลยนะ ฉันแค่อยากเตือนแค่นี้แหละ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้สีหน้าของคิดแปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้น
“จริง ๆ นะครับ มีอยู่จริงสินะครับ” คิดถามซ้ำพลางขยับหน้ากากกันฝุ่นของตนหนึ่งที
“ใช่สิ” เรวดีย้ำ
“เยี่ยมไปเลย ผมไม่ต้องย้ายบ้านแล้ว” คิดยิ้มอย่างออกรสจนสายตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้น
“อะไรกัน พวกลองของหรอกหรือ? เชื่อเค้าเลย” เธอเค้นหัวเราะ
“คุณพอจะรู้ไหมครับ เกี่ยวกับวิญญาณในห้อง704 คือเขาเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง แล้วเขาทำไมถึงอยู่ในห้องนั้น แล้ว…”
“ฉันไม่ใช่กูลเกิลนะ เรื่องในห้องนั้นฉันไม่รู้หรอก ตั้งแต่มาอยู่ก็มีอยู่แล้ว คุณไปถามคนอื่นเถอะ ฉันขอตัว ยังไงก็ตามฉันเตือนแล้วนะ อย่ายุ่งกับห้องนั้น”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ ยังไงก็ดีใจที่ได้พบนะครับคุณเรวดี”
ชายหนุ่มโบกมือบ๊ายบายให้อีกฝ่าย เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนหันเดินจากไปทิ้งไว้เพียงคิดเดินก้าวเท้าไปยังร้านกาแฟซึ่งคาดว่าจะถึงก่อนเวลาเล็กน้อย
เพียงแค่เข้าเขตหน้าร้านกาแฟ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ร้ายจังเลยนะไอ้เสือ”
“อ้าวพี่เสือ!?” คิดทักทายบรรณาธิการคู่ใจ “โห พี่มาเร็วกว่าได้ไงเนี่ย”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย มาถึงคอนโดใหม่ก็มีสาวคุยแล้วนะ แฟนเหรอ?”
“เฮ้ยพี่ไม่ใช่ล่ะ ผมเพิ่งเจอเค้าเอง อยู่คอนโดเดียวกัน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธโดยพลัน
“เหรอ อืม ฟังแล้วค่อยโล่งอกหน่อย” บรรณาธิการเสือเอ่ย
“โล่งอกเรื่องอะไรหรือครับ”
“เรื่องคอนโดแกน่ะสิ นึกว่าไปอยู่ที่มีอะไรประหลาด ๆ ซะแล้ว แต่เท่าที่เห็นคนพักร่วมเมื่อกี้แล้วคงไม่มีอะไร พี่คิดมากไปเอง มาเถอะ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”
“ใครบอกพี่ว่าที่พักผมไม่มีอะไรกัน มาสิทางนี้เลยพี่ เดี๋ยวพาขึ้นไปดู”
“เอ่อ อะไรครับเนี่ย ปุ๊ปปั๊บจากสาวก็ชวนหนุ่มขึ้นห้อง” ต่ายเอ่ยแทรกระหว่างที่ดูเหตุการณ์มาสักพัก
“อปป้าคนนี้ใครกันครับเนี่ย” คิดหันถามเสือ
“ไอ้ทะลึ่งนี่ชื่อต่าย รุ่นน้องฝึกงานบ.ก.ตามมาเรียนรู้งานน่ะ”
“สวัสดีครับ ผมต่ายครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เด็กฝึกงานกล่าวฉะฉาน
“สวัสดี” นักเขียนหนุ่มเอ่ย
“ว่าแต่ที่บอกว่าไปห้อง คือมีอะไรรึ?” เสือถาม
คิดยิ้มเล็ก ๆ ภายใต้หน้ากากกันฝุ่นแล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัด “มีผีครับ”
“หา!”
“เป็นคอนโดที่สวยมากเลยนะครับ” ต่ายเอ่ยขณะมองรอบๆ ตอนนี้ทั้งสามหนุ่มได้มาอยู่หน้าลิฟต์เพื่อรอขึ้นไปชั้นที่พักแล้ว
ปิ๊ง เสียงกลไกดังขึ้นพร้อมบานประตูเปิดออก คิดผายมือพลางเดินนำเข้ามาก่อนกดชั้น 13 ผู้มาเยือนใหม่ทั้งสองสอดส่องรอบ ๆ แล้วเอ่ย
“แต่ว่าลิฟต์ดูเก่าชอบกล รีโนเวททั้งทีน่าจะทำให้หมด” เสือกล่าว
“จริงพี่เสือ ตอนแรกนึกว่าเสียงแปลก ๆ นั่นเป็นกลไกขัดข้องซะอีก” คิดเสริม
“เอ่อ จากที่คุณคิดเล่ามา แปลว่ามีห้องนี้มีบางอย่างแล้วคุณเรวดีก็มาช่วยคุณคิดสินะครับ” รุ่นน้องฝึกงานบรรณาธิการเอ่ยขึ้นแทรก
“จะบอกว่าประมาณนั้นก็ได้นะ”
“อะไรกันพวกนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเจ้าเด็กสองคนนี้” เสือพูดพลางกอดอก
“พี่เสือไม่เชื่อเรื่องสยองขวัญเหรอครับพี่” ต่ายถาม
“พี่ทำงานกับนักเขียนสยองขวัญ ใช่ว่าต้องเชื่อเรื่องแนวนี้ซะเมื่อไรกัน”
“อะไรกัน ไม่สนุกเลย” ต่ายและคิดพึมพำพร้อมกัน
“คิด เรื่องนี้พี่ซีเรียสนะ ถ้าคอนโดนี้มันมีอะไรแปลกให้ย้ายออกดีกว่า” เสือเอ่ยเสียงดุ
“อะไรนะพี่ ผมเพิ่งย้ายมาจะออกได้ไง” ชายหนุ่มนิ่วหน้าฉับพลัน
“ย้ายมาเสี่ยงกระทบตัวเอง กระทบงานจะลำบาก พี่เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเชื่อว่าเราคุยกันได้ ถึงเกิดมายังไม่เคยเจอผีเลยก็เถอะ”
“ใครปรกติที่ไหนอยากเจอกัน” เสือแย้ง
“คุณคิดเชื่อว่ามีผีอยู่จริงสินะครับ” ต่ายพูดด้วยเสียงสดใส
“แน่นอน”
เมื่อออกมาถึงชั้น13 ทั้งสามก็เดินไปที่หน้าห้อง704 ที่อยู่ไม่ไกล คิดไขก็กุญแจเข้าไป
แกร๊ก กึก กึก
“อ้าว ประตูมัน…เปิดอยู่นี่” คิดอุทานดังจนผู้มาในฐานะแขกอีกสองคนตกใจไปด้วย
“ออกห้องไปไม่ล๊อกได้ไงกัน” เสือดุ
“ผมล็อกนะพี่” คิดเอ่ยพลางเปิดเข้าไปภายในห้อง
และภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ทั้งสามอุทานลั่น
“เฮ้ย!!”
ข้าวของในห้องกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น หน้าต่างเปิดอ้าจนสายลมปะทะหน้าผู้มาเยือนทั้งสาม กระดาษปลิวตามแรงลมเย็นยะเยือกน่าขนลุก เศษหลอดไฟกระจายไปทั่ว บางดวงไฟยังคงติดอยู่แต่ก็กะพริบประหนึ่งไฟสาธารณะที่ไร้การบำรุงดูแล
“ห้องเละเป็นโจ๊กเลยพี่!!” ต่ายตะโกนพลางเกาะไหล่เสือ
“คิด! ย้ายออกเลยอยู่ไม่ได้แล้วแบบนี้” เสือกล่าวกับคิดเสียงดังมือข้างหนึ่งจับบ่าเจ้าตัวเอาไว้ “ห้องนี้ผิดปรกติเกินไปแล้ว!”
“แต่…นี่มัน…”
“ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!!!”
คำสั่งประกาศิตของเสือดังไปทั่วบริเวณนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ