THE XENON

-

เขียนโดย ปณิธาน

วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 01.35 น.

  7 บท
  0 วิจารณ์
  6,852 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 22.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ที่นี่ที่ไหนเนี่ย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

4

ที่นี่ที่ไหนเนี่ย

 

“โอ๊ย คนหล่อปวดหัว” เสียงพึมพำเบาๆดังขึ้นจากร่างของเด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นก่อนจะเก๊กหล่อทีหนึ่งเเละกลับไปปวดหัวต่อ เขาครางต่อไปอีกซักพักเพราะอาการปวดหัวยังคงโจมตีเขาเรื่อยๆ ซีนอนปิดตาแน่นและสะบัดหัวไปมา หลังจากนั้นไม่นานอาการก็ทุเลาลง

                ซีนอนลืมตาขึ้นช้าๆขณะปากค่อยๆหายใจเข้าออกอย่างเหนื่อยอ่อน  สายตาของเขายังเหม่อลอยขณะมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มืดไปแล้ว และเขาก็นอนอยู่ตรงร่องระหว่างตึก พร้อมกันนั้นซีนอนก็คิดในใจว่าจะหลับต่อดีไหม แต่เขาก็ได้สติในทันทีเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กลับเข้ามาในหัวเขา

                ซีนอนพุ่งตัวลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ก่อนจะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืนแบบย่อๆไว้อีกที ตอนนี้เขารู้สึกเสียวสันหลังไปหมด เขาจำไอ้คนเสื้อดำคนนั้นได้ คนๆนั้นมันพยายามจะฆ่าเขา ความจำตรงนี้ทำให้ซีนอนกวาดสายตามองไปรอบๆตัวอย่างรวดเร็วเพื่อหาว่ามันยังอยู่แถวนี้ไหม ขณะเดียวกันก็เขยิบตัวไปชิดผนังด้วย เป็นการป้องกันการโดนรวบหลังไปในตัว

                แต่แล้วซีนอนที่กำลังแตกตื่นก็นึกขึ้นได้ ‘ฉันพึ่งตกตึกมานี่หว่า’ เขาคิดได้ดังนั้นก็เริ่มจะแปลกใจ และก้มลงสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็ว เขามองและบิดตัวเล็กน้อยเพื่อทดสอบว่าบาดเจ็บตรงไหน ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจเมื่อกำไปตรงหว่างขาตัวเอง และพบว่ามันยังอยู่

                “แปลกจัง” เขาพึมพำเบาๆ เมื่อพบว่าร่างกายเขายังปกติดีทุกส่วน ไม่มีตรงไหนแตกหัก และไม่มีตรงไหนที่ฉีกขาด น่าแปลกใจมาก ซีนอนพึ่งตกตึกมา และความสูงระดับนั้นเขาไม่รอดแน่ๆ แต่นี่เขาไม่เป็นอะไรเลยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยด้วย

                แต่ซีนอนก็มั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความฝัน เพราะเสื้อนักเรียนเขายังย้อมไปด้วยเลือด เลือดของซีนอนในตอนที่ถูกชายคนนั้นโจมตี รอยขาดๆตรงเสื้อยังคงมีอยู่ และนั้นทำให้ซีนอนรู้เลยว่าเรื่องที่คนเสื้อดำคนนั้นมาโจมตีเขาด้วยพลังที่เหมือนในหนังนั้นเป็นเรื่องจริง และที่เขาตกตึกก็เป็นเรื่องจริง และที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาก็เป็นเรื่องจริง

                นั้นสิ ซีนอนก็พึ่งนึกขึ้นได้ มีผู้หญิงในชุดหนังพร้อมผ้าปิดหน้าที่เผยแค่ดวงตามาช่วยเขา เธอเป็นใคร และมาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง ในเมื่อซีนอนยังไม่เห็นเลยว่ามีใครเดินขึ้นมาอีกคน แต่เหมือนเธอโผล่ขึ้นมาเลย เธอมาโผล่ข้างหลังซีนอนพอดีและดึงเขาไว้ทัน แต่แล้วยังไงละ ตอนนั้นเขาก็ตกตึกอยู่ดี

                ซีนอนเกาหัวอย่างสับสน สิ่งที่คิดอยู่ในหัวตอนนี้คือ ทำไมเขายังไม่ตาย ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน ถ้าเขาตกตึกลงมาจริง เธอก็น่าจะอยู่แถวๆนี้ไม่ใช่เหรอ เห็นเธอบอกว่า ‘ข้ามาทันสินะ’ แสดงว่าเธอต้องรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาแน่ๆเลย

                “แล้วคุณอยู่ไหนนะ” ซีนอนเอ่ยขึ้นลอยๆ เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาตกตึกแล้วไม่ตาย หรือเธอช่วยเขาไว้ทัน เพราะตอนนั้นเธอก็มีพลังที่รักษาแผลของเขาได้ แสงสีเขียวๆอะ

                ซีนอนคิดขณะยืนพิงผนังตึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองส่วนที่เขาตกลงมา แต่แล้ว ซีนอนก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง บางอย่างทำให้ซีนอนต้องเดินออกมาและขยี้ตามองมันอีกที และมันทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

                “เดี๋ยวดิ…ไม่ใช่ตึกนี้นี่หว่า” ซีนอนเอ่ยความคิดของเขาที่รุนแรงเกินกว่าจะเก็บไว้แค่ในหัวออกมา คิ้วที่ขมวดเขาหากันทำให้หน้าซีนอนนั้นดูเครียดและประหลาดใจพอสมควร

                ก่อนซีนอนจะมองตึกข้างหลังอีกครั้งและพบว่า จริงๆแล้วตึกที่เขากินข้าวอยู่มันไม่มีตึกข้างๆเลย เพราะฉะนั้น ตึกๆนี้ ที่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่ๆซีนอนตกลงมา ซีนอนคิดได้แล้วเขาก็สำรวจรอบๆตัวอีกครั้ง มันเป็นตรอกแคบๆที่คนเดินพร้อมกันน่าจะได้แค่สามคน มันลึกเขาไปและเป็นทางตัน ถ้าจะให้เขาเลือกสถานที่สำหรับโจรกรรม เขาก็คงเลือกที่นี่แหละ

                แต่ทางอีกทางหนึ่งซีนอนมั่นใจว่ามันต้องเป็นทางออกแน่ๆ ซีนอนจึงตัดสินใจเดินออกจากตรอกนี้ก่อน เผื่อเขาจะได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วค่อยหาทางต่อไปว่าจะทำอะไรต่อ แต่นอกจากกลับบ้านแล้ว ซีนอนก็ต้องการหาผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                ซีนอนจึงตัดสินใจเดินต่อๆไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์เลย ไม่มีเสียงอะไรเลย แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอยู่ห่างถนนก็ได้ และหลังจากซีนอนเดินตรงมาและเลี้ยวซ้าย ก่อนจะเลี้ยวขวา ไม่นานหลังจากนั้นซีนอนก็เริ่มได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เสียงเพลงเหมือนจะมาจากร้านอาหาร เสียงจานช้อนซ้อมกระทบกัน ทำให้เขาคิดว่าเขาอาจจะอยู่แถวๆร้านอาหารตามทาง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเขามาที่ร้านอาหารได้ยังไง พร้อมกันนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่เตะตาเข้าให้ มันคือถังขยะที่ทำจากไม้ มันแปลกตาจนซีนอนต้องหยุดมอง มันเป็นไม้ที่ทำให้ตัวถังขยะดูโบราณ น่าแปลกใจว่ายังมีใช้กันอยู่ในปัจุบัน ซีนอนมองมันซักพักและเขาก็เดินต่อไป สองวินาทีต่อมาซีนอนก็ได้ยินเสียงพูดคุยชัดขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มจับความได้ว่า

                “อันนี้อร่อยมากเลยนะ ลองดูสิ” เป็นเสียงของผู้หญิงที่เหมือนกำลังกินอะไรอยู่ ซีนอนจึงว่าจะเดินเข้าไปหาและถามว่าที่นี่ที่ไหน แต่เสียงอีกเสียงหนึ่งนั้นทำให้เขาต้องชะงัก

                “ข้าว่าเฉยๆนะ” เป็นเสียงผู้ชายตอบกลับมา

                คำว่า ‘ข้า’ ทำให้ซีนอนชะงัก ภาพคนที่คิดจะฆ่าเขาพุ่งเข้ามาในหัวทันที มันไม่มีทางที่คนธรรมดาคุยกันจะใช้คำว่า ‘ข้า’ นอกจากเพื่อนของเพื่อนเขาคนหนึ่ง มันได้ฉายาว่า ‘ลุง’ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญ คนที่อยู่ตรงนั้นใช้คำว่า ‘ข้า’ ทำให้ซีนอนกำลังคิดอย่างเร็วขณะที่ได้ยินประโยคต่อมา

                “ข้าว่าอร่อยจะตาย คงเพราะเจ้ามันลิ้นจระเข้ละมั่ง”

                “ข้าว่าข้าชอบเนื้อหมูมากกว่านะ”

                “เจ้าคงต้องลองเนื้อแกะดูบ้างแล้วละ”

                อืม…ฉันอยากลอง ซีนอนคิดในใจ แต่ก็ต้องสะบัดความคิดออกไปขณะเดินเข้าไปแนบตัวกับผนัง ไม่รู้ทำไม แต่เขารู้สึกสบายใจกว่าที่จะยืนโง่ๆอยู่ตรงนั้น  และไอ้คนในร้านนั้น มันอาจจะเป็นไอ้คนๆเดิมที่จะฆ่าเขาก็ได้ แต่ทำไมมันถึงได้นั่งกินข้าวสบายใจเฉิบกับสาวได้ละ แถมสาวคนนั้นก็พูดคำว่า ‘ข้า’ และ ‘เจ้า’ เหมือนกันด้วย และสาวคนนั้นคงไม่ใช่คนๆเดียวกับที่โผล่มาช่วยซีนอนใช่ไหม

                ซีนอนคิดแล้วก็โครตจะมึนหัว ทำไมคนที่ใช้คำว่า ‘ข้า’ ถึงมานั่งกินข้าวในร้านอาหารได้ง่ายๆเลยละ หรือว่าเสร็จภารกิจที่มาฆ่าเขาแล้ว มันเลยมากินข้าว หรือว่าผู้หญิงคนนั้นก็เป็นพวกมัน แล้วเธอมาช่วยเขาทำไมละ คิดแล้วก็ยิ่งมึนหนักกว่าเก่า แต่ว่าไม่ทันคิดอะไรต่อ เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดึงซีนอนออกจากภวังค์

                “อ้าว! ไงจิล เจ้ามาสายนะเนี่ย” เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น ตามด้วยเสียงของผู้หญิงอีกคน

                “ก็มาโก้นะสิ ทำข้าสายไปด้วยเลย”

                “เจ้าอย่ามาโทษข้า เจ้าแต่งตัวช้าเอง”

                “เจ้ามาสายแต่ก็ดีกว่าไม่มาละนะ มาๆๆ กินข้าวกันดีกว่า ขอสั่งอาหารด้วยครับ”

                ฟังจากเสียงแล้วเหมือนจะมีชายหญิงอีกคู่เข้ามาร่วมโต๊ะด้วย และตอนนี้ก็กำลังคุยกันอย่างออกรสอยู่ด้วยกัน

                ซีนอน “…”

                เขาคิ้วขมวดเข้าหากันอีกจนมันแทบจะทะลุหน้าเขาออกไป ซีนอนเริ่มจะไม่มั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้ากับคนตรงนั้นจะเป็นคนเดียวกันไหม แต่ถ้าไอ้นั้นมันไม่ใช่คนเดียวกันจริง แล้วทำไมมันถึงยังใช้คำว่า ‘เจ้า’ กับ ‘ข้า’อยู่ละ หรือมันมีเทรนด์บนโลกอินเตอร์เน็ตมาใหม่ที่เขายังไม่รู้…ยังไงก็ตาม มันก็ไม่ใช่เหตุผลรองรับสำหรับการที่มีคนมาตามฆ่าเขาอยู่ หรือว่า มีคนตั้งค่าหัวเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขากระจ่างเลยว่า คนที่ฆ่าเขามันมีพลังแปลกๆได้ยังไง

                แต่จะให้อยู่ตรงนี้ตลอดไปก็คงไม่ได้ ซีนอนรู้ว่าเขามีทางเลือกเดียวนั้นก็คือการเดินออกไปดูว่าคนๆนั้นเป็นใคร เขาคิดได้ดังนั้นซีนอนก็เดินเลี้ยวซ้ายออกมาและพบว่ามันเป็นทางเดินที่กว้างขึ้น ทางขวาคือร้านเล็กๆซึ่งซีนอนมั่นใจว่ามันคือร้านที่เขาได้ยินคนคุยกัน ซีนอนจึงแอบเดินเข้าไปใกล้ๆและไปแอบอยู่ข้างๆหน้าร้านตรงผนังกำแพงพอดี เสียงพูดคุยยังดังอย่างสนุกสนาน ไม่สนใจหัวใจที่เต้นโครมครามของซีนอนเลย เขากำลังเสียวว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนๆเดียวกับที่เขาคิดหรือไม่ แต่ถ้าไม่ดูให้รู้แล้วรู้รอดไปก็คงไม่ได้ความ ซีนอนจึงค่อยๆโผล่หน้าออกไปช้าๆเพื่อหาตำแหน่งที่นั่งให้ชัดเจนผ่านกระจกที่เขาสามารถมองทะลุเข้าไปในร้านได้ และเมื่อเห็นร่างของมนุษย์คนหนึ่ง ซีนอนก็มั่นใจว่าเขาเป็นเจ้าของเสียงแน่ ซีนอนจึงค่อยๆโผล่หน้าออกไปอีกครั้ง และสิ่งเดียวที่เขาหาก็คือ เสื้อฮู้ลสีดำ

                 และเมื่อสายตาเขากวาดเข้าไปเจอเป้าหมาย…

                หื้ม!?

                ซีนอนถอยกลับมาที่เดิมอีกครั้ง เขานวดตาแรงๆหลายที และกลอกตาไปมาเพื่อบริหาร ก่อนจะยิ้มแล้วโผล่หน้ากลับออกไปอีกครั้ง

                อืม…หื้ม!?

                ซีนอนถอยกลับมาที่เดิมขณะมองบนและยิ้มค้างไว้ ซีนอนขยี้ตาแรงๆอีกซักที ก่อนจะหายใจเข้าและโผล่หัวออกไป

                …เออ ห๊ะ!?

                กลับที่เดิม ขยี้ตา กลับไปใหม่ อยู่ประมาณนี้อีกสี่ห้ารอบ และรอบที่หก

                “เฮ้ย!” ซีนอนอุทานอย่างตกใจกับภาพตรงหน้า เขาพึ่งได้สติหลังจากยิ้มๆโผล่ๆไปห้าหกรอบ และสติเขาก็บอกว่า

                เสียงของผู้ชายและหญิงที่กำลังกินข้าว...ใช่... สองคนแรกอะปกติดี แต่ชายคนแรกที่บอกว่า ชอบเนื้อหมูมากกว่านั้นแหละ

                เขาไม่ใช่คน…

                แต่เป็น สิงโต!

                สิงโตที่ผิวเป็นสีดำ และแผงคอเป็นสีฟ้า แถมยังมีสามหางอีก!

                ซีนอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สิงโต! อยู่ในร้านอาหาร! และผู้หญิงคนหนึ่งก็กำลังป้อนเนื้อให้สิงโตตัวนั้นด้วย!

                ตอนนี้หัวใจซีนอนเต้นแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาลืมเรื่องหาคนที่จะฆ่าเขาไปในทันที และตอนนี้กำลังสติแทบแตกกับสิงโตตรงหน้า เขาเริ่มหายใจเร็วขึ้นตามอัตราการเต้นของหัวใจที่ดังลั่นจนเขาเองยังได้ยิน อากาศเริ่มไม่เข้าไปในปอดทำให้เขาต้องหายใจเร็วโดยที่หยุดไม่ได้เลย

                ภาพตรงหน้าซีนอนเป็นของจริง สิงโตนั้นก็จริง เพราะเขาโผล่ไปดูมันมาถึงหกรอบเหมือนคนโรคจิต! นั้นมันคือสิงโตจริงๆ และผิวกายมันก็เป็นสีดำ แผงคอเป็นสีน้ำเงิน นอกจากสิงโตที่อยู่ในร้านอาหารที่ทำให้ซีนอนแทบช็อกแล้วก็คือสิ่งที่ผิดแปลกไปจากรูปร่างปกติที่มันควรจะเป็น ผิวมันเป็นสีดำ! แผงคอสีน้ำเงิน! และมีสามหาง!

                “กินนี่สิ โกดอน”

                “เจ้ายังจะให้ข้ากินอีกเหรอ มันเยอะแล้วนะ ถ้าข้าอ้วนกว่านี้ ข้าคงเข้าบ้านเจ้าไม่ได้”

                แถมมัน...

                แถมมันยัง…

                มันพูดได้ด้วย!!!!

                สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในหัวซีนอนตอนนี้คือเขาต้องบ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!!!

                เจ้าสิงโตสีดำนั้นมันพูดได้!!!

                มันขยับปากพูดเลย ต่อหน้าต่อตา!!!

                “ข้าเบื่อจะพูดแล้วสิ เจ้าเอาแต่ยัดอะไรให้ข้ากินอยู่เรื่อยเลย”

                ‘แต่นายพูดไปแล้ว’ คำพูดนี้โผล่เข้ามาในหัวซีนอนทันที ถ้าเขาไม่บ้า สิ่งที่บ้าก็คือโลกนี้นี่แหละ!

                แต่แล้วคนตรงโต๊ะนั้นก็หันมาเห็นซีนอน โดยที่ซีนอนก็กำลังมองอยู่เช่นกัน แต่เขาลืมไปหมด เขาลืมความรู้สึกรอบตัวทุกอย่างไป และกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนกระทั่ง

                “เจ้า! โดนอะไรมา ทำไมเลือดไหลขนาดนี้” ผู้หญิงคนนั้นเดินนำออกมาและเอ่ยกับซีนอน

                “เกิดอะไรขึ้น” แล้วเจ้าสิงโตก็ตามออกมาและมันก็ขยับปากพูดอยู่ต่อหน้าเขา เหมือนคนจริงๆเลย

                ซีนอนไม่รู้จะทำตัวยังไง ตอนนี้เขามึนไปหมด เขาจึงแค่เอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักออกไปว่า “มันพูดได้…ดะ ได้ยังไง”

                สองคนนั้นมองหน้ากันเองขณะที่เพื่อนๆของเขาก็ตามออกมา ก่อนฝ่ายหญิงจะถามกลับ

                “เจ้าหมายความว่าไง”

                นิ้วของซีนอนชี้ตรงมาที่หน้าของเจ้าสิงโตอย่างลอยๆและตื่นๆขณะถามกลับ

                “มัน…มันพูดได้...ได้ยังไง”

                “เฮ้! น้องชาย ทำไมเรียกข้าว่า ‘มัน’ ละ ข้าเป็นเควร์เรียร์นะ ไม่ใช่สัตว์ป่า และอีกอย่าง ข้าก็พูดได้ตั้งแต่ข้าเกิดนะ เจ้าถามอะไรแปลกๆ”

                “จริงเหรอ” ซีนอนพึมพำอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเจ้าสิงโตบอกว่ามันพูดได้ตั้งแต่เกิด มันโม้หรือเปล่าว่ะ 

                “ตามหลักแล้วก็หลังจากเกิดปีสองปี ทำไมเจ้าถามเช่นั้นละ เจ้าทำเหมือนเจ้ามาจากอีกโลกหนึ่งงั้นแหละ” เจ้าสิงโตพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะหันมาสนใจเลือดที่เลอะเต็มเสื้อนักเรียนสีขาวของเขา

                แต่คำพูดของเจ้าสิงโตมันก็เข้ามาในหัวซีนอน คำพูดที่ว่า ‘เหมือนเจ้ามาจากอีกโลกหนึ่งงั้นแหละ’ มันทำให้เขาคิดไปอีก ว่าทำไมเขาไม่เคยเห็นสิงโตลักษณะแบบนี้ในโลกมาก่อน ไม่เคยมีบันทึกไหนในโลกที่บอกว่ามีสิงโตที่ผิวสีดำ แผงคอสีน้ำเงิน มีสามหาง และพูดได้ แถมเหมือนมันจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย และเขามั่นใจว่า ไม่มีใครในโลกเคยเห็นมาก่อนแน่นอน

                ในขณะที่เสียงเริ่มไม่เข้าหูซีนอน เขาก็มองข้ามไหล่ของผู้หญิงคนนั้นไปและเจอกับทางออก ซีนอนเหมือนไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ขณะค่อยๆก้าวเท้าออกไป และกลายเป็นวิ่งเพื่อออกไปดูข้างนอก ออกไปดูให้เห็นว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่

                “เจ้าจะไปไหนน่ะ!” สิงโตตัวนั้นร้องขึ้น แต่ก็หยุดซีนอนไว้ไม่ได้ และซีนอนก็โผล่ออกมาจากร่องตึกพอดี

                คนที่เดินไปเดินมามองเขาแล้วก็ตกใจกันยกใหญ่เพราะเลือดบนเสื้อซีนอน ตอนแรกเขาสนใจคนพวกนั้น แต่แล้วเขาก็ต้องไปสนใจอย่างอื่น

                หมาป่าสีแดง...ม้ามีปีก...กวางที่มีเกร็ดสีฟ้าและมีหางเหมือนปลา...หนูแฮมเตอร์ตัวเท่าหมู...เสือตัวเท่าคน...มังกร

                นั้นคือสิ่งที่ซีนอนเห็น สิ่งแปลกๆมากมายอยู่รอบๆตัวซีนอน และเดินปะปนอยู่กับประชาชนที่นี่ มันทำให้ซีนอนตัวแข็งทื่ออย่างไปต่อไม่ถูก เขาไม่คิดว่านี่เรื่องจริง และก็ไม่ได้คิดว่านี่คือความฝัน ซีนอนในตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อเลยจริงๆ

                ทุกๆสิ่งตรงหน้าซีนอน มันเหมือนโลกในจินตนาการ มันไม่ควรมีอยู่จริง สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทุกชีวิตพูดได้ และมันมีมากมายเท่าๆกับประชากรมนุษย์ที่ยืนอยู่ในสายตาซีนอนเลย มังกรสีเทาตรงหน้าเขาก็มองเขาด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน คงเพราะเลือดที่เต็มตัวเขาไปหมด แต่ซีนอนก็ไม่ได้สนใจเสียงพูด แต่เขาเริ่มมองไปรอบๆตัว

                สิ่งปลูกสร้างรอบๆตัวดูโบราณนิดหน่อย ปกติแล้วตึกจะถูกสร้างขึ้นจากปูนทั้งหมด แต่ตึกที่นี่มันเป็นตึกที่ก่อขึ้นจากอิฐบล็อกขนาดใหญ่ และรอบๆตัวของเขาก็เป็นภูเขา ภูเขาที่สูงและกว้างมาก มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมรูปตัวยูล้อมรอบพวกเขาไว้ ลานข้างหน้าซีนอนเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ และพื้นทั้วทั่งบริเวณไม่ใช่พื้นคอนกรีตเหมือนที่เห็นทั่วๆไป แต่มันเป็นพื้นหญ้าที่กว้างใหญ่และปกคลุมไปทั่วบริเวณ ห่างออกไปราวๆห้าร้อยเมตร มีแอ่งน้ำที่ใหญ่สุดๆอยู่ตรงกลาง ขนาดประมาณได้เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยเมตร และมีศาลาหินสีขาวอยู่ตรงกลางแอ่งน้ำอีกที มันถูกสร้างเชื่อมต่อกับแผ่นดินโดยสะพานสีขาวสะอาจตา

                แต่สิ่งที่ทำให้ซีนอนทึ่งก็คือ รอบๆตัวเขาเหมือนเป็นหุบเขา หุบเขาที่กว้างใหญ่มาก ซีนอนเดาว่ามันกว้างกว่าห้าสิบกิโลเมตรเสียอีก และบ้านเรือนรวมไปถึงตึกและสิ่งปลูกสร้างทุกชนิดถูกสร้างเป็นชั้นๆขึ้นไปบนภูเขา และมันก็มีน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดของภูเขา มันไหลผ่านบ้านเมืองที่สร้างชันขึ้นไปบนภูเขาลงมาผ่านทางร่องน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นทางน้ำและบรรจบลงเป็นน้ำตกไหลลงมาในแอ่งน้ำนี้พอดี เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดทิวทัศน์ที่หาไม่ได้ง่ายๆในโลก

                สิ่งปลูกสร้างมากมายถูกสร้างขึ้นรอบๆตัว เพราะภูเขามีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม และนั้นทำให้ไม่ว่าทางไหนที่ซีนอนมองไปก็มีแต่บ้านเรือนที่สร้างขึ้นไปบนภูเขา เว้นเสียแต่ทางข้างซ้ายที่ห่างออกไปราวๆหนึ่งถึงสองกิโลเมครซึ่งเป็นทางลาดของภูเขาพอดี ตรงนั้นเลยมีกำแพงซึ่งน่าจะเป็นกำแพงเมืองปิดไว้ และน้ำจากแอ่งน้ำก็ไหลเป็นสายตรงไปและผ่านเข้าไปหลังกำแพงประตูเมืองนั้น

                “เกิดอะไรขึ้นเจ้าหนู! เหตุใดเลือดเจ้าถึงไหลเยอะขนาดนั้น” เสียงถามขึ้นดังมากจากปากเจ้ามังกรที่ดูสายตาเป็นห่วง

                ซีนอนเงยหน้าขึ้นสบตาเขา มันเป็นนัยน์ตาที่เหมือนมนุษย์ซึ่งแสดงออกทางสีหน้าได้เหมือนกัน ซีนอนรู้เลยว่าสีหน้าของเขาดูเป็นห่วงและตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นซีนอนก็ไม่ได้ตอบเขาและเปลี่ยนเป็นถามคนอื่นแทน

                “ที่นี่ที่ไหนครับ” ซีนอนถามผู้ชายเสื้อหนังที่อยู่ใกล้ที่สุด หน้าตาเขาดูสับสน แต่เขาก็ตอบออกมาว่า

                “ก็เมืองบลูตาน่าไง เจ้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”

                ซีนอนได้ยินแล้วถึงกับยกมือเกาหัว ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง

                “ประเทศครับ ประเทศอะไร” ซีนอนถามออกไป แต่ในใจก็ได้คำตอบเรียบร้อย เพราะคนทุกคนที่นี่พูดภาษาไทย

                “เจ้าหมายถึงทวีปเหรอ เมืองนี้อยู่ทางตอนเหนือ เจ้าไม่รู้เหรอ” ชายคนเดิมตอบกลับมา ในขณะที่คนรอบๆตัวซีนอนก็เริ่มหยิบบางอย่างออกมาและกดลงไปและยกมันขึ้นแนบหู

                “เจ้าหน้าที่ค่ะ มีคนได้รับบาดเจ็บ” นั้นคือเสียงที่ซีนอนได้ยิน แต่เขาก็ยังไม่รู้ ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน

                “เมืองบลูตาน่า” ซีนอนพึมพำ เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อ และเมืองนี้ก็ไม่มีอยู่ในไทยแน่นอน เพราะแค่ชื่อมันก็ดูออกอังกฤษแล้ว งั้นแล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนละ ที่ไหนกันแน่ แถมยังมีตัวอะไรแปลกๆเต็มไปหมดและมันก็สามารถพูดกับเราได้ด้วย

                “ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ครับ” ซีนอนเดินออกไปข้างหน้า ผ่านวงล้อมของกลุ่มคนและสิ่งมีชีวิตแปลกๆออกไป ซึ่งพวกเขาก็แหวกทางให้เป็นอย่างดี

                แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาไม่เคยได้ยินชื่อ และไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง ชายชุดดำพยายามจะฆ่าเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่หญิงสาวคนนั้นไม่ยอม เขาต้องการจะเจอเธอให้ได้ เพราะเธอต้องมีเหตุผลของการไม่ยอมให้เขาตายแน่ แถมเธอยังใช้คำว่า ‘ข้า’ เหมือนคนที่นี่อีกด้วย ซีนอนจึงมั่นใจว่า คนสองคนที่เขาเจอบนดาดฟ้า ต้องเป็นคนของที่นี่แน่ แต่ที่เขาแปลกใจมากกว่านั้น

                ทำไมเขาตกตึกมาและเขายังไม่ตาย แถมมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่กรุงเทพอีกด้วย กรุงเทพไม่มีทางมีภูเขาขนาดนี้ และเขาก็ไม่คิดว่าประเทศไทยจะมีสถานที่แบบนี้ แต่คนที่นี่พูดภาษาไทยกัน ทำให้ซีนอนไม่รู้จะถามอะไรต่อ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ได้คำตอบเหมือนเดิม และคำตอบเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตอนนี้เขากำลังหลงทาง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง และเขาก็หิวด้วยเพราะพึ่งเดินผ่านร้านอาหารมา

                ซีนอนเดินตรงไปเรื่อยๆอย่างเหม่อลอย กลุ่มคนและสิ่งมีชีวิตโดยรอบก็มองมาที่เขาอย่างแตกตื่นเช่นเคย แต่ไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งแหวกทางจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูเขาอยู่ออกมา และตรงมาที่ซีนอนโดยที่ซีนอนไม่รู้ตัว

                ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าทำไมมีสัตว์แปลกๆมากมายเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาโผล่ที่นี่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโดนตามล่า ไม่รู้ว่าเขาปลอดภัยหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้และมั่นใจ สิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เพราะมันจริง เขาจึงต้องบอก...เขาจึงต้องบอกกับตัวเองว่า

                ‘ฉันไม่ได้อยู่ในที่ๆฉันเคยอยู่อีกต่อไปแล้ว’ ในขณะที่คนกลุ่มนั้นก็วิ่งเข้ามาใกล้เขา และก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะคว้าซีนอนไว้ได้ เขาก็ตะโกนลั่นออกไป

                “แม่จ๋า!!! ‘ชิบ’ หนู ‘หาย’ แล้ว!!!”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา