ข้าน่ะหรือ...นางร้าย

-

เขียนโดย เผยหลิง

วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 21.47 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  2,361 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 21.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

บทนำ

 

“เจ้าช่างเป็นสตรีไร้ยางอายยิ่งนัก ยั่วยวนบุรุษที่เป็นคู่หมั้นของข้า ผู้เป็นพี่สาวของเจ้า แล้วยังมีหน้ามาอ้อนวอนของความเมตตาจากข้าอีกเช่นนั้นหรือ แม่จันทร์หอม” เสียงหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผู้มีใบหน้างดงามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ทว่าเจือความโกรธเอาไว้หลายส่วน

 

หญิงสาวผู้นี้แม้จะมีเค้าโครงความงามตามแบบฉบับของสาวลูกครึ่งไทยจีน แต่เมื่อมาอยู่ในชุดไทยโบราณสีแดงชาดกลับขับเอาความงามล้ำเย้ายวนของเธอออกมาได้อย่างลงตัว กอปรกับกิริยาท่าทางที่แสดงออกมา ทำให้เธอดูเป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ยากที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี แม้ว่าในตอนนี้ที่เธอกำลังพูดกับหญิงสาวอีกคนนามว่าจันทร์หอมด้วยความโกรธก็ตาม แต่เธอก็ยังคงไว้ซึ่งท่าทางที่ดูงดงามไว้เสมอ

 

ส่วนหญิงสาวอีกคนที่ชื่อว่าจันทร์หอมนั้นเป็นเด็กสาวแม้จะไม่ใช่คนตัวเล็ก แต่เมื่อมายืนใกล้กับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเช่นนี้ก็ทำให้นางดูตัวเล็กไปโดยถนัดตา นางสวมใส่ชุดไทยโบราณสีชมพูขาว แม้จะไม่ได้ดูงดงามเฉกเช่นหญิงสาวอีกคนผู้มีศักดิ์เป็น 'พี่สาว' แต่ก็ดูอ่อนหวานละมุนตา ยิ่งเมื่อแม่จันทร์หอมมายืนหน้าซีดตัวสั่นน้ำตาคลออยู่ตรงหน้าของหญิงสาวอีกคน ท่าทางเช่นนั้นไม่ได้ทำให้นางดูน่าเกลียดแต่อย่างใด แต่กลับส่งเสริมให้นางดู บอบบางน่าปกป้องนางยิ่งขึ้นไปอีก

 

“แต่พี่พิกุลเจ้าคะ น้องกับหลวงศักดิ์เรารักกันนะเจ้าคะ น้องขอร้องเถิดเจ้าค่ะท่านพี่ เห็นใจในความรักของพวกเราทั้งสองคนเถิดเจ้าค่ะ” แม้ว่าท่าทางของจันทร์หอมจะดูคล้ายว่าเกรงกลัว แต่ในสายตานั้นยังเจือความไม่ยินยอมอยู่ กอปรกับคำพูดที่ฉายชัดถึงเจตนาที่ต้องการจะให้นางหลีกทางให้คนทั้งคู่โดยง่าย

 

นั่นทำให้ความโกรธของ 'พิกุล' ปะทุออกมาถึงขีดสุด แม้ว่าสีหน้าและท่าทางจะยังคงดูเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์ แต่สายตากลับวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ

 

โกรธ ในความไร้ยางอายของน้องสาวต่างมารดา

 

โกรธ ที่คู่หมั้นของตนลักลอบสานสัมพันธ์กับน้องสาวของตน

 

โกรธ ที่คนที่นางรักทั้งสองคนทำเหมือนไม่เห็นนางอยู่ในสายตา

 

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้แม่พิกุลจึงเงื้อมือขึ้นสูงเตรียมที่จะสะบัดใส่ใบหน้าของน้องสาว ด้วยหวังว่าการตบหน้าน้องสาวในครั้งนี้จะสามารถตบเอาความไร้ยางอายออกไปได้บ้าง และทำให้น้องสาวของนางได้สติขึ้นมาเสียที ว่าคนที่นางกำลังเอ่ยปากว่ารักนักรักหนานั้น ความจริงแล้วเป็นคู่หมั้นของพี่สาวของนางเอง

 

แต่ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะตบลงไปยังใบหน้าของน้องสาวอย่างที่ตั้งใจไว้ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังกัมปนาทขึ้นมาเสียก่อน

 

“หยุดมือบัดเดี๋ยวนี้ แม่พิกุล” เสียงที่คุ้นเคยนั้นทำให้แม่พิกุลหยุดมือของตนไว้แล้วหันกลับไปยังต้นเสียงทางด้านหลังของตน ก็พบกับ...

 

โครมมมม

 

“โอ๊ยยยย คัตตตตต” เสียงผู้กำกับสั่งคัตทำให้นักแสดงที่กำลังเข้าถึงบทบาททั้งหมดหยุดชะงัก เพราะเสียงของบางอย่างที่ตกลงมาดังขึ้นขัดการถ่ายทำ

 

“ใครเป็นคนทำ!!” เสียงฉัตรเฉลิมผู้กำกับมือทองผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่เจ้าอารมณ์ที่สุดในวงการ ตะโกนถามไปยังสตาฟในกองที่อยู่ข้างหลัง ทำให้ทุกคนอยู่ชะงัก แล้วมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางพร็อพที่วางเกลื่อนกลาดอยู่ที่พื้นด้วยความเห็นใจ

 

เด็กสาวตัวเล็กนามว่า 'ฝ้าย' นั้นเป็นเด็กสาวตัวเล็กอายุประมาณ 23 ปี สวมเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์กับกางเกงยีนสีซีด ผมของเด็กสาวผูกเป็นหางม้าง่ายๆ อย่างเร่งรีบทำให้มันดูยุ่งเล็กน้อย ใบหน้าของเธอใสเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางบนใบหน้า ทั้งหมดนั้นทำให้เธอดูเหมือนเด็กกะโปโล กอปรกับท่าทางที่ดูโก๊ะๆ ยิ่งเสริมทำให้เธอดูเด็กกว่าอายุจริงหลายปี

 

วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้มาฝึกงานที่กองถ่ายแห่งนี้ ในคราแรกเธอดีใจมากที่จะได้มาฝึกงานในกองถ่ายของฉัตรเฉลิม แม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงในความเจ้าอารมณ์ของผู้กำกับคนนี้มาบ้างแล้ว แต่เธอก็คิดว่าถ้าหากเธอสามารถผ่านการฝึกงานที่โหดหินในกองถ่ายนี้ได้ ก็จะเป็นใบเบิกทางให้กับการทำงานให้เธอในอนาคตได้

 

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจเสียแล้วที่ตัดสินใจเลือกที่จะมาฝึกงานที่นี่เป็นที่แรก เพราะตั้งแต่เปิดกองมา เธอก็สร้างเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ไหนจะทำน้ำที่ต้องนำไปแจกให้ทุกคนหกเลอะเทอะ ไหนจะเดินสะดุดขาตัวเองตอนที่กำลังขนข้าวกล่องไปให้นักแสดงอีก แต่ตอนนั้นก็ยังโชคดีที่เธอทรงตัวได้ทำให้ข้าวกล่องไม่ได้หล่นเสียหาย

 

แต่ตอนนี้เรื่องที่เธอทำในวันนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ความผิดพลาดทั้งหมดที่ผ่านมาของเธอเป็นเพียงขี้ผงเท่านั้น เพราะเธอเพิ่งจะทำกล่องใส่พร็อพที่ต้องใช้ในการแสดงฉากต่อไปหลุดมือ แม้ว่าพร็อพที่เธอทำหล่นไปนั้นไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ แต่เสียงที่ดังเมื่อครู่ก็ไปรบกวนการถ่ายทำ ทำให้ผู้กำกับมือทองเกิดอาการหัวร้อนอย่างเช่นตอนนี้

 

ฝ้ายไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เห็นทีว่าหน้าที่การงานในอนาคตของเธอ คงจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอวาดฝันเอาไว้ในตอนแรกเสียแล้ว

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ฝ้ายก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนั้น

 

ยิ่งตอนนี้สายตาของฉัตรเฉลิมก็มาหยุดที่ตัวเธอทำให้เธอตัวสั่นขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ฝ้ายจึงยกมือสั่นๆ ขึ้นก่อนที่จะพูดว่า

 

"ฝ...ฝ้ายทำเองค่ะ ขอโทษนะคะ ข...ขอโทษค่ะ" พูดจบฝ้ายรีบยกมือขึ้น ขอโทษขอโพยไปยังนักแสดงทุกคน ฉัตรเฉลิม และทีมงานคนอื่น ๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องมาเสียเวลา

 

“เธออีกแล้วหรือ มาเริ่มงานวันแรกไม่มีใครบอกหรือยังไง ว่าตอนที่เริ่มถ่ายแล้วห้ามส่งเสียงดังโดยเด็ดขาด” ฉัตรเฉลิมต่อว่าเด็กใหม่คนนี้ด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่เด็กคนนี้เข้ามาในกองแค่วันแรกก็สร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน เดี๋ยวทำของหล่น ทำน้ำหก ทำเสื้อผ้านักแสดงเลอะเทอะ

 

ในตอนแรกเพราะเขาเห็นว่านี่เป็นวันแรกที่เด็กคนนี้เข้ามาฝึกงาน และเด็กคนนี้ก็เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกันกับตน ตนจึงได้พยายามจะมองข้ามเรื่องผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไปได้ แต่นี่กลับมาทำเสียงดังรบกวนการถ่ายทำ ทั้งๆ ที่นักแสดงทุกคนกำลังเข้าถึงบทบาทอย่างเต็มที่สุดๆ แถมเวลาในการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ก็กระชั้นชิด เพราะนักแสดงแต่ละคนล้วนแต่เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งนั้น หากเกิดการผิดพลาดอะไรขึ้นมา ทำให้ต้องนัดถ่ายซ่อม อาจจะทำให้จัดตารางเวลาที่ตรงกันได้ยาก ทั้งยังอาจจะทำให้การถ่ายทำล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นไปมากโข นี่ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียไปเพราะความผิดพลาดนั้นอีก

 

ก่อนที่ฉัตรเฉลิมจะทันได้พูดอะไรต่อ ก็มีร่างแน่งน้อยในชุดไทยสีขาวชมพูเข้ามายืนขวางไว้ระหว่างเขาและฝ้าย ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าคนที่มาขวางตนไว้เป็นใครคิ้วที่ขมวดมุ่นก็คลายออกเล็กน้อย เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำเช่นนี้

 

“พี่ฉัตรคะ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ เด็กคนนี้เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนการถ่ายทำหรอกนะคะ” ร่างแน่งน้อยที่เอาตัวมาบังร่างเล็กของฝ้ายเอาไว้ก็คือ พลอยใส นางเอกสาวหน้าใสผู้มีฉายาเป็นถึงนางฟ้าแห่งวงการบันเทิง ฉายานี้ได้มาจากการที่พลอยใสชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่นทั้งผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ รวมไปถึงให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนๆ ในวงการที่เดือดร้อนหรือแม้กระทั่งสตาฟทุกคนในกองก็เช่นกัน เมื่อเกิดเรื่องอะไร หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง พลอยใสก็พร้อมที่จะช่วยเหลือคนผู้นั้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเด็กคนที่ชื่อว่าฝ้ายนี้ ที่พลอยใสเหมือนจะถูกโฉลกด้วยเป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่ฝ้ายมีเรื่องพลอยใสก็จะออกหน้ารับให้โดยตลอด

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน การกระทำของพลอยใสตกอยู่ในสายตาของคนในกองทุกคน ทุกคนมองไปยังพลอยใสด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะฝ้ายที่ได้รับการช่วยเหลือจากพลอยใสมาตลอดทั้งวันรู้สึกชื่นชมนางเอกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากพลอยใสแล้ว แทบจะไม่มีใครในกองเลยที่จะสามารถปะทะกับฉัตรเฉลิมในคราที่เขายังอารมณ์ร้อนอยู่เช่นนี้

 

ไม่สิ ยังมีอีกคนหนึ่งที่สามารถปะทะคารมกับฉัตรเฉลิมได้ นั่นก็คือ หลินหลัน นางร้ายสาวลูกครึ่งไทย-จีน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากความสามารถในการแสดงล้วนๆ เพราะหลินหลันมักจะเลือกบทที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเรื่อง แต่ก็ยังสามารถที่จะแสดงออกมาได้อย่างสมบทบาททุกครั้ง จนได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมมาแล้วหลายครั้ง ถึงแม้ว่าหลินหลันจะโด่งดังอย่างมากในเรื่องของการแสดง แต่เรื่องของพฤติกรรมนั้น ถึงแม้ว่าคนภายนอกอาจจะไม่รู้ แต่คนที่ทำงานในวงการนั้นรู้กันดีว่าหลินหลันเป็นดาราที่ขึ้นชื่อว่าหยิ่งมาก หากไม่ใช่ผู้กำกับคนดังที่มีผลประโยชน์กับตัวแล้วล่ะก็ จะไม่แม้แต่จะชายตามอง

 

นอกจากเรื่องความหยิ่งยโสของดาราสาวแล้ว ยังมีเรื่องของข่าวลือต่างๆ ของเธออีกด้วย เขาว่ากันว่าหลินหลันนั้น ที่โด่งดังขึ้นมาได้นอกจากจะใช้หน้าตาที่สวยงามกับความสามารถในเรื่องการแสดงแล้ว ยังอาศัยความสามารถบนเตียงในการไต่เต้าขึ้นมาอีกด้วย

 

หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบดาราสาวทั้งสองคนไม่ได้ ทั้งๆ ที่ทั้งคู่เองก็โด่งดังไม่แพ้กันเลย แต่พฤติกรรมนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

แต่ความจริงแล้วใครเล่าจะรู้ ว่าหลินหลันนั้นไม่ใช่คนที่หยิ่งจองหองแต่อย่างใด เธอแค่ไม่ชอบที่จะยุ่งเรื่องของชาวบ้านเท่านั้น เรื่องภายในกองก็ควรจะให้คนในกองเขาจัดการกันเอง ไม่ควรที่จะยื่นมือเข้าไปสอด ส่วนเรื่องที่เธอสนิทสนมพวกผู้กำกับนั้น เธอค่อนข้างที่จะให้ความเคารพพวกเขา ส่วนเขาก็ให้ความเคารพเธอเช่นกัน ดังนั้น มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถทำงานกันได้อย่างราบรื่น เธอไม่ได้พยายามที่จะไม่เลียแข้งเลียขาพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และนอกจากผู้กำกับแล้ว กับนักแสดงคนอื่นบางคนเธอก็สนิทสนมด้วย แต่เธอไม่ใช่คนที่ชอบพูดกับคนที่ไม่คุ้นเคยมากเท่าไหร่ทำให้คนมักจะเข้าใจเธอผิดอยู่เสมอ

 

นอกจากนี้เธอก็รู้สึกว่าเด็กที่ชื่อฝ้ายนี้ ประมาทเลินเล่อจนก่อเรื่องในวันแรกของการทำงานหลายครั้งมากจนเกินไป อย่างน้อยก็ควรที่จะเรียนรู้ผลจากการกระทำของตนเองเสียบ้างก็เท่านั้นเอง

 

ฉัตรเฉลิมเองก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกัน และหลินหลันเองก็รู้จักนิสัยของเพื่อนเธอคนนี้ดี ฉัตรเฉลิมแม้จะเป็นคนพูดจากระโชกโฮกฮาก แต่ก็เป็นคนที่ใส่ใจงานอย่างมาก การทำงานของเขาทุกครั้งเป็นไปด้วยความตั้งใจจริง

 

และเขาก็ยังเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นอย่างมาก แม้ว่าท่าทางและคำพูดจะชวนให้เข้าใจผิดก็เถอะ

 

ก็นะ พวกที่โดนฉัตรเฉลิมต่อว่าก็เป็นเพราะว่าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งนั้น พอโดนต่อว่าหนักเข้า ก็เอาไปนินทาลับหลัง จนฉัตรเฉลิมได้ฉายาเป็นผู้กำกับหัวร้อนไปโดยปริยาย

 

ฉัตรเฉลิมไม่ใช่คนที่จะต่อว่าคนอื่นโดยที่ไม่มีเหตุผล และถ้าเกิดว่าเด็กฝ้ายผ่านด่านของฉัตรเฉลิมไปได้ เส้นทางในวงการก็คงจะราบรื่น อย่างเด็กรุ่นก่อนๆ ที่เคยฝึกงานในกองของฉัตรเฉลิม จากเด็กกะโปโลที่เซ่อซ่าเมื่อผ่านด่านโหดหินของฉัตรเฉลิมก็กลายเป็นคนที่ทำงานคล่องแคล่วแถมทำงานละเอียดเนี้ยบ จนก้าวหน้าในสายงานกันทุกคน

 

จนทุกวันนี้บางคนยังมาขอบคุณฉัตรเฉลิมกันอยู่เลย

 

แต่กับเด็กคนนี้ ดูเหมือนว่าจะเส้นทางในวงการบันเทิงจะไม่ได้สวยงามเหมือนเด็กฝึกงานคนอื่น ๆ เสียแล้ว เพราะทันทีที่เด็กคนนี้เริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาของตัวเอง แม่นางเอกจอมเสแสร้งพลอยใสก็พยายามที่จะแสดงตัวเป็นนางฟ้าคอยยื่นมือเข้าไปช่วยปัดเป่าปัญหาเด็กคนนั้นทุกครั้ง การกระทำคล้ายจะช่วยเหลือแต่ความจริงแล้วแม่พลอยใสกลับกำลังจะสร้างปัญหาให้เด็กคนนี้ในอนาคตเสียมากกว่า

 

อารมณ์คล้ายๆ กับพ่อแม่รังแกฉันละมั้งนะ แค่เปลี่ยนจากพ่อแม่เป็นแม่พลอยใสคนนี้แทน

 

เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์คงจะไม่คลี่คลายโดยง่าย หลินหลันละความสนใจออกมาจากสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้าแล้วหันกลับมาสนทนากับ 'ทินกร' ผู้จัดการสาวประเภทสองผู้เป็นเพื่อนสนิทของตนมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแทน

 

"ซัน หลังจากเสร็จงานนี้ฉันมีตารางต้องไปทำงานที่ไหนต่อไหม" เมื่อได้ยินเพื่อนสาวเรียกชื่อตน ทินกรก็หันมองก่อนจะค้อนขวับใส่นางร้ายสาวทันทีที่ได้ยินชื่อที่หลินหลันเรียกตน

 

"ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยยัยหลิน ฉันต้องบอกแกกี่ครั้งว่าฉันชื่อซันนี่ ซัน-นี่ย่ะ เรียกให้มันถูกๆ หน่อยสิ" ทินกรมีชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ว่า 'ซัน' แต่ก็ดันอยากเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 'ซันนี่' โดยให้เหตุผลว่าชื่อของตนนั้นออกจะดูมาดแมนเกินใจจะรับไหว เลยขอเติมเสียงท้ายชื่อให้ดูเป็นสาวสวยน่ารักขึ้นมาเสียหน่อย แถมยังบังคับให้เพื่อนๆ ทุกคนเรียกตัวเองว่าซันนี่อีกต่างหาก

 

แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่กลับทำตัวมาดแมน และห้ามเพื่อนเรียกว่าซันนี่เด็ดขาด

 

เพราะว่า...ทินกรเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน และบ้านเขาเป็นบ้านคนจีนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณกันสักหน่อย

 

เพราะฉะนั้นพวกเขายังรับเรื่องที่ทินกรเป็นไม่ได้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกก็เถอะนะ

 

หลินหลันได้เห็นท่าทางดังนั้นของทินกรก็อมยิ้ม ก่อนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างที่จะประชดประชัน

 

"ทราบแล้วค่ะ คุณผู้จัดการซันนี่คนสวย สรุปว่าดิฉันมีงานที่จะต้องไปต่อเย็นนี้หรือไม่ละคะ" ซันนี่แม้จะรู้ว่าเพื่อนสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แต่ก็ยอมหันมาตอบด้วยว่าเพื่อนสาวยอมเรียกตนด้วยชื่อที่เธอว่า 'ถูกต้อง'

 

"เย็นนี้ไม่มีงานแล้ว ช่วงนี้เธอเพิ่งปิดกล้องไปสองเรื่อง ฉันเลยเว้นตารางคืนนี้ไว้ให้เธอพัก" หลินหลันเมื่อได้ยินว่าคืนนี้จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ก็หน้าตาสดใสขึ้นมาทันที ก็จะหันไปชมทินกรอีกสองสามคำ จากนั้นก็ลุกออกไปยังกลางวงของความวุ่นวายที่มีเด็กฝ้าย พลอยใส และฉัตรเฉลิมเป็นศูนย์กลาง

 

เมื่อเห็นว่าหลินหลันเดินมาทางนี้ ทุกคนที่กำลังยืนล้อมดูเหตุการณ์อยู่ ก็เปิดทางให้หลินหลันเข้ามาโดยอัตโนมัติ เมื่อเดินมาถึงตรงกลางวงหลินหลันก็...

 

เพี้ยะ

 

เสียงของฝ่ามือที่ฟาดลงไปยังต้นแขนของผู้กำกับหนุ่มอย่างเต็มแรง ทำเอาสถานการณ์ความวุ่นวายเกิดเงียบสงบลงชั่วขณะ

 

ฝ่ายฉัตรเฉลิมเมื่อถูกฟาดลงมาที่ต้นแขนขณะที่กำลังหงุดหงิด ก็หันมาเตรียมจะต่อว่าคนที่ฟาด แต่หลินหลันก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

 

"ฉัตร รีบๆ ถ่ายเถอะ เสียเวลามามากแล้วเดี๋ยวแสงก็หมดถ่ายไม่สวยพอดี" ...อีกอย่างฉันจะรีบกลับไปพักด้วย... แต่ประโยคหลังนั้นหลินหลันไม่ได้พูดออกไป

 

แม้ฉัตรเฉลิมอยากจะพูดต่อ แต่ก็เห็นดังที่หลินหลันว่า หากยังเสียเวลาโต้เถียงกันอยู่เช่นนี้ เกรงว่าวันนี้คงจะถ่ายไม่เสร็จเป็นแน่

 

หลังจากนั้นฉัตรเฉลิมก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนเด็กฝ้ายนั้นก็ให้ไปทำงานที่อยู่ห่างเซ็ทที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

เมื่อเห็นว่าทันทีที่หลินหลันเอ่ยปาก ฉัตรเฉลิมก็เลิกต่อว่าเด็กที่ชื่อฝ้ายในทันที ในใจพลอยใสก็เกิดความไม่พอใจขึ้น

 

ทั้งๆ ที่ตนยืนโน้มน้าวฉัตรเฉลิมอยู่นาน แต่ฉัตรเฉลิมกลับเอาแต่ต่อว่าเด็กฝ้ายนั่นไม่หยุด แต่ทันทีที่หลินหลันเดินมาแล้วตีไปที่แขนของฉัตรเฉลิมเต็มแรงแถมยังเอ่ยปากพูดออกมาเพียงประโยคเดียวสั้นๆ นอกจากจะไม่โกรธแล้ว ฉัตรเฉลิมกลับหยุดต่อว่าและเริ่มถ่ายต่อในทันที

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ พลอยใสก็ยืนมองหลินหลันที่กำลังเตรียมตัวเข้าฉากพลางกำมือแน่น ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนก็เป็นดาราระดับเดียวกัน เหตุใดการปฏิบัติของคนรอบข้างต่อพลอยใสและหลินหลันถึงไม่เท่ากัน

 

ทั้งๆ ที่ภูมิหลังของพลอยใสดีกว่า นิสัยที่แสดงออกมาก็ดีกว่า แต่ทุกคนกลับยังชื่นชมหลินหลันมากกว่า ทั้งที่นอกจากฝีมือการแสดงแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ล้วนแต่ด้อยกว่าพลอยใสทั้งหมด ทำไมกัน

 

มือของพลอยใสถูกกำจนแน่น จนเห็นข้อนิ้วเป็นสีขาว

 

การกระทำของพลอยใสตกอยู่ในสายตาก็หลินหลัน เพียงแต่หลินหลันก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่

 

ว่ากันตามตรง ความจริงแล้วหลินหลันก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับพลอยใสตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ อาจจะเป็นเพราะหลินหลินมองทะลุผ่านหน้ากากจอมปลอมของพลอยใสได้อย่างทะลุปรุโปร่งกระมัง อีกทั้งการแสดง หลินหลันคิดว่าพบเจอแค่ตอนที่เล่นละครก็พอ ในชีวิตจริงไม่เป็นจำเป็นที่จะต้องมานั่งเล่นละครหลอกผู้อื่นไปวันๆ เช่นนี้

 

ความจริงแล้วหลินหลันไม่ค่อยอยากจะร่วมงานกับแม่นางเอกหน้าใสจอมเสแสร้งคนนี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่เพราะว่าละครที่กำลังถ่ายทำอยู่เรื่องนี้เป็นละครที่รีเมคมาจะซีรีส์จีนที่หลินหลันชอบมากๆ หลินหลันจึงได้ตกลงรับละครเรื่องนี้มาและก็อดทนที่จะเล่นละครด้วยกันจนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการถ่ายละครเรื่อง ‘บ่วงรัก’

 

ต้นฉบับละครเรื่อง ‘บ่วงรัก’ มาจากซีรีส์จีนชื่อ ‘พิภพรัก เพลิงสวรรค์’ เนื้อเรื่องของซีรีส์เป็นเรื่องเกี่ยวกับนางเอกสาวชื่อว่าหลันเหม่ยอิง บุตรสาวคนรองในจวนของราชครูผู้เกิดจากอนุคนหนึ่งในจวน มีพี่สาวต่างแม่อยู่หนึ่งคน คือ หลันเหม่ยหลิน

 

หลันเหม่ยหลินเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกผู้ล่วงลับในจวนราชครู หลันเหม่ยอิงมักจะถูกพี่สาวต่างมารดากลั่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ชีวิตในจวนราชครูหาความสุขไม่ได้เลย

 

จนกระทั่งวันหนึ่งหลันเหม่ยอิงได้พบกับองค์ไท่จื่อโดยบังเอิญ ทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและพยายามที่จะต่อสู้และฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้บุตรีที่เกิดจากอนุคนหนึ่งในของจวนราชครูอย่างหลันเหม่ยอิงได้กลายเป็นไท่จื่อเฟยได้อย่างสมศักดิ์ศรี

 

แต่ก็มีอุปสรรคก้อนใหญ่ที่สุดนั่นก็คือ หลันเหม่ยหลิน ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ไท่จื่อจากคำสัญญาของฮ่องเต้ที่มีต่อฮูหยินใหญ่เมื่อครั้งที่นางยังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่เหม่ยหลินยังคงมีชีวิตอยู่ตำแหน่งไท่จื่อเฟยจะเป็นของผู้อื่นไปไม่ได้นอกจากนาง

 

ในช่วงกลางๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ หลันเหม่ยหลินที่บังเอิญได้ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไท่จื่อและหลันเหม่ยอิง จึงได้พยายามที่จะเข้าไปทำร้ายหลันเหม่ยอิง แต่องค์ไท่จื่อมาพบเข้าเสียก่อนจึงได้ปกป้องนางเอกเต็มที่ ซึ่งนั่นทำให้หลันเหม่ยหลินพลัดตกลงในบ่อน้ำเสียชีวิต หลังจากนั้นหลันเหม่ยอิงก็ได้แต่งเข้าเป็นไท่จื่อเฟยสมดังใจ

 

และช่วงหลังของซีรีส์ก็กล่าวถึงการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ขององค์ไท่จื่อ โดยมีหลันเหม่ยอิงที่ตอนนี้เป็นไท่จื่อเฟยแล้วคอยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับองค์ไท่จื่อด้วย จนทำให้องค์ไท่จื่อปราบกบฏและขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้สำเร็จ ส่วนนางก็กลายเป็นฮองเฮาผู้เป็นใหญ่ในวังหลัง

 

เพราะว่าซีรีส์เรื่องพิภพรัก เพลิงสวรรค์โด่งดังอย่างมากทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย ทำให้ทีมงานพยายามที่จะติดต่อเพื่อนำซีรีส์เรื่องนี้มารีเมคและดังแปลงเป็นเวอร์ชันไทยจนได้เป็นละครเรื่องบ่วงรักขึ้นมา

 

ละครเรื่องบ่วงรักก็มีเนื้อหาคล้ายๆ กันกับซีรีส์ต้นฉบับ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อตัวละครต่างๆ โดยเปลี่ยนชื่อนางเอกจากหลันเหม่ยอิงเป็น ‘แม่จันทร์หอม’ เปลี่ยนชื่อนางร้ายจากหลันเหม่ยหลินเป็น ‘แม่พิกุล’ ส่วนพระเอกก็เปลี่ยนจากองค์ไท่จื่อเป็น ‘หลวงศักดิ์’ นอกจากนี้สำหรับตัวละครอื่นๆ ก็ได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆ ของตัวละครในเรื่องเพื่อให้เข้ากับความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น และตัดเนื้อหาเอามารีเมคแค่ช่วงต้นของซีรีส์ ที่แสดงถึงแค่การฝ่าฟันความรักของพระ-นางในเรื่องเพียงเท่านั้น

 

ทำให้ความยาวของเรื่องที่ควรจะมีประมาณ 50 ตอน ก็ตัดเหลือเพียงแค่ประมาณ 20 ตอนตามความยาวปกติของละครไทยทั่วๆ ไป

 

ซึ่งตัวละครที่หลินหลันชอบในซีรีส์เรื่องพิภพรัก เพลิงสวรรค์นั้นไม่ใช่นางเอกอย่างหลันเหม่ยอิง แต่เป็นนางร้ายอย่างหลันเหม่ยหลินต่างหาก เพราะหลินหลันรู้สึกสงสารนางร้ายของเรื่องอย่างมาก แม้ว่าหลันเหม่ยหลินจะกลั่นแกล้งนางเอกเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยทำร้ายนางเอกจนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่นางเอกกลับเป็นตัวต้นเหตุทำให้นางร้ายต้องตาย แล้วยังจะแย่งคู่หมั้นนางร้ายไป และในตอนสุดท้ายแทนที่จะได้ชดใช้ความผิดที่ตนได้ฆ่าคนคนหนึ่งไป กลับยังคงได้เสวยสุขเป็นฮองเฮาเสียอีก

 

แบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรือไง

 

เพราะว่าหลินหลันชอบนางร้ายในเรื่องนี้มากๆ และรู้สึกคุ้นเคยกับตัวละครนี้อย่างบอกไม่ถูก ทำให้หลินหลันรับเล่นเป็นนางร้ายให้กับละครเรื่องนี้แม้ว่าจะต้องมีฉากจมน้ำที่เธอเกลียดมันมากก็ตาม

 

ตัดภาพกลับมายังเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน

 

หลังจากที่เหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อครู่สงบลง ก็เริ่มถ่ายฉากเดิมใหม่อีกครั้ง

 

“หยุดมือบัดเดี๋ยวนี้ แม่พิกุล” เสียงกัมปนาทดังมาจากทางด้านหลังของพิกุล ทำให้หญิงสาวสะดุ้งแล้วรีบหันหลังกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าผู้ที่ตะโกนห้ามนั้นคือบิดาของตน และเบิกตาโพลงเมื่อเห็นผู้ที่เดินตามหลังบิดามา

 

“หลวงศักดิ์...” พิกุลเรียกชายหนุ่มในชุดข้าราชการอย่างเจ็บปวด แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจตนแต่รีบเดินเข้าไปปลอบประโลมคนรักก็ทำให้แววตานั้นแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นเจือความเจ็บปวด

 

เจ็บ...ที่เขาไม่สนใจไยดี

 

เจ็บ...ที่เขามองนางอย่างรังเกียจ

 

เจ็บ...ที่เขาเอาแต่มองไปยังน้องสาวของนางด้วยความรักใคร่

 

ขอบตาของหลินหลันรู้สึกร้อนผ่าวพร้อมกับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เสียงนั้นเจือไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เศร้าสร้อย อ้างว้าง และโหยหา

 

...เหตุใดท่านจึงไม่เคยมองข้าเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ข้าเองเป็นคู่หมั้นของท่าน...

 

เสียงนั้นทำให้หลินหลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของรักที่ไม่สมหวัง แต่หลินหลันไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผิดปกติอะไร เพียงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตนเองอินกับบทมากไปจนเริ่มคิดเป็นตุเป็นตะว่ามันคือเรื่องจริงจนรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย และพยายามที่จะแสดงต่อไป

 

ฝ่ายผู้เป็นบิดาทราบดีว่าบุตรสาวคนโตของตนนั้นเจ็บปวดเพียงใดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ทำได้เพียงแค่ปลอบบุตรสาวและพูดให้นางทำใจเพียงเท่านั้น ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางไปได้มากกว่านี้

 

แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาเคยพร่ำบอกนางไปไม่ได้ทำให้นางทำใจได้มากขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้าพยายามที่จะทำร้ายร่างกายว่าที่ภรรยาของข้าอย่างนั้นหรือ แม่พิกุล” คำว่า ‘ว่าที่ภรรยา’ ทำให้พิกุลรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก จนน้ำตาปริ่มขอบตาจวนเจียนจะรินไหลออกมา จมูกของนางก็เริ่มแสบ ครานี้นางรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ เพียงแต่นางไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้ถูกหัวเราะเยาะ จึงได้ฝืนกลืนก้อนสะอื้นนั้นลงไป

 

ราวกับว่าคำว่าว่าที่ภรรยาที่ออกจากปากของหลวงศักดิ์นั้นมันบาดใจเธออย่างรุนแรง

 

...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน...

 

แม้จะแปลกใจแต่หลินหลันก็ไม่สนใจและพยายามจะโฟกัสกับงานแสดง แต่ไม่รู้ทำไมหลินหลันกลับเริ่มรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาจริงๆ ราวกับว่าเคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ก็ได้แต่คิดว่าคงจะอินกับบทมากเกินไป

 

หลังจากที่ได้ยินหลวงศักดิ์เรียกขาน จันทร์หอมด้วยคำเรียกที่ควรจะเป็นของนาง โทสะในใจก็ปะทุออกมา จากนั้นพิกุลจึงพุ่งตัวเข้าไปหาคนทั้งสองที่กำลังกอดกันกลมอยู่ที่ท่าน้ำ ด้วยหวังจะทำร้ายคนที่แย่งคนรักของตนไป

 

เมื่อถึงฉากนี้ทินกรก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ก่อนที่จะกระซิบเสียงเบาถามฉัตรเฉลิมถึงเรื่องของความปลอดภัยให้แน่ใจอีกครั้ง

 

เนื่องด้วยฉากถัดไปนั้น เป็นฉากที่หลินหลันจะต้องตกน้ำ ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร

 

แต่ทว่าความจริงแล้ว หลินหลันนั้นว่ายน้ำไม่เป็น

 

ความจริงเมื่อเห็นตัวบทคราแรกที่มีฉากจมน้ำด้วย ทินกรก็คัดเอาบทละครเรื่องนี้ออกไปทันที แต่ไม่รู้ว่าหลินหลันไปทราบเรื่องมาได้อย่างไรว่าเรื่องนี้จะนำมารีเมคเป็นเวอร์ชันไทย จึงได้ตื้อทินกรว่าอยากจะรับเล่นเรื่องนี้ หลังจากตื้ออยู่นานสุดท้ายทินกรก็ยินยอมให้หลินหลันมาออดิชัน จนผ่านและได้เป็นนางร้ายในเรื่องนี้

 

หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าหลินหลันจะต้องเล่นเรื่องนี้แน่ๆ ทินกรจึงนำเรื่องที่หลินหลันว่ายน้ำไม่เป็นแถมยังกลัวน้ำนี้มาปรึกษากับฉัตรเฉลิม จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าทันทีที่ถ่ายจบ ฉัตรเฉลิมจะต้องสั่งคัตทันทีเพื่อไม่ให้หลินหลันอยู่ในน้ำนานจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีการผูกสลิงและล้อมตาข่ายเอาไว้ใต้น้ำให้ด้วยเพื่อความปลอดภัยอีกต่างหาก

 

“เออ รู้ว่าแล้วน่า ฉันจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เงียบได้แล้วเดี๋ยวเสียงก็เข้าแล้วก็ต้องถ่ายใหม่อีกหรอก ไอ้ซัน” ฉัตรเฉลิมอดไม่ได้ที่จะตำหนิเพื่อนเสียงเบา ด้วยกลัวว่าเสียงตนจะเข้าไปเสียเอง

 

ทินกร หลินหลัน และฉัตรเฉลิมนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก

 

ทำให้ฉัตรเฉลิมเองก็รู้ว่าหลินหลันนั้นกลัวน้ำมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร หลินหลันไม่เคยตกน้ำมาก่อน ไม่ว่าจะหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรหลินหลันก็จะไม่ยอมลงน้ำเด็ดขาด

 

แต่ทว่ากลับยอมรับเล่นบทนางร้ายของเรื่องนี้ที่มีบทต้องจมน้ำง่ายดายเหลือเกิน

 

เมื่อได้ยินเพื่อนตำหนิแบบนั้นทินกรก็อดไม่ได้ที่จะมองค้อน และแอบตำหนิผู้กำกับหนุ่มในใจว่า

 

‘ฉันชื่อซันนี่ย่ะ อีตาผู้กำกับสมองปลาทอง!’

 

ก่อนที่ทินกรจะหันกลับมาสนใจการแสดงของเพื่อนสาว

 

หลวงศักดิ์ผลักพิกุลที่กำลังพุ่งเข้ามาออกไปอย่างไร้เยื่อใย แม้แรงที่หลวงศักดิ์ใช้ในการผลักร่างของพิกุลนั้นไม่ได้มาก แต่พิกุลเป็นเพียงหญิงสาวในเรือนทั้งยังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ด้วยแรงที่พุ่งเข้ามากลับทำให้เมื่อถูกผลักร่างของพิกุลจึงเสียหลักเสียหลักแล้วร่วงลงไปในแม่น้ำแทนที่จะหยุดแล้วล้มลงตรงหน้าของหลวงศักดิ์และจันทร์หอม จันทร์หอมตะโกนเรียกชื่อพี่สาวต่างแม่ด้วยความตกใจ

 

ตู้มมมมมม

 

“พี่พิกุลลล” จันทร์หอมร้องเรียกพี่สาวต่างแม่ก่อนที่จะร้องไห้คร่ำครวญ ขณะที่หลวงศักดิ์ตะโกนเรียกบ่าวชายให้ลงไปช่วยพิกุล ขณะที่ตนยังพยายามก็พยายามจะปลอบใจหญิงคนรักไม่ให้เสียขวัญ

 

ก่อนที่จะตกลงไปในแม่น้ำ พิกุลมองไปยังคนทั้งคู่อย่างเจ็บปวด เสียใจและเคีย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา