ยอดสตรีฉางอิ๋ง
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เขาต้องเชื่อฟัง (2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเว่ยฉางเฟิงตกตะลึงตาค้างพลางเช็ดเหงื่อแล้วกล่าวว่า "จะเป็นไปได้อย่างไร?! ท่านพี่ ท่านเป็นถึงบุตรสาวคนโตสายตรงตระกูลเว่ย คือภรรยาเอกที่เขาสู่ขอและผูกปอยผมถูกต้องตามประเพณี ไม่ใช่ข้ารับใช้ที่เขาซื้อมาด้วยเงินไม่กี่ตำลึง เขาจะกล้าทุบตีท่านพี่รึ? คิดว่าตระกูลเว่ยของพวกเราไม่มีใครแล้วหรืออย่างไร!"
"หึ่ม! สามีที่เก่งต่อสู้พวกนี้ต่างก็เป็นพวกนิสัยใจร้อนทั้งนั้น เวลาโมโหจะมาสนใจที่ไหนกันว่าเจ้าคือภรรยาเอกหรืออนุภรรยา? อีกอย่าง ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรือซีเหลียง ทั้งสองที่ต่างก็อยู่ห่างจากเฟิงโจวทั้งนั้น ทุกครั้งจะต้องรออาศัยตระกูลตัวเองตลอดหรืออย่างไร?" เว่ยฉางอิ๋งกำหมัดแน่น ดวงตามีประกายคมกล้า นางยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า "ต่อให้เขาไม่ทำร้ายข้า แต่อนาคตหากว่าเขารับเอาข้ารับใช้สาวหรืออนุภรรยาเข้ามา ข้าจะทำอย่างไร?!"
เว่ยฉางเฟิงกล่าวติดอ่างออกมา "เอ่อ...เอ่อ ของเล่นชั่วครู่ยามพวกนั้น หากท่านพี่ไม่ชอบใจ เขาซื้อเข้ามา ท่านขายออกไปก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? เกี่ยวอะไรกับเรื่องฝึกวิชา?"
"หากว่าเป็นอย่างนั้น ข้าคงถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้อิจฉาสิ?" เว่ยฉางอิ๋งเบ้ปาก แล้วยิ้มเย็นพร้อมกล่าวว่า "อีกอย่างซื้อมาขายไปอย่างนี้ ยังต้องมาเสียเงินที่ควรจะเป็นของเจ้าอีกไม่ใช่หรือ? อีกอย่างข้าไม่ใช่พี่หญิงซ่ง ข้าใช้วิธีผู้ดีอย่างนั้นไม่เป็น คิดไปคิดมา วิธีการที่จะใช้กับสามีประเภทนี้ กับบรรดานางจิ้งจอกที่กล้าปีนขึ้นเตียงมายั่วยวนพวกนั้น มีแค่อย่างเดียว!"
นางกวาดตามองไปที่น้องชาย ปากแดงระเรื่อขยับแล้วกล่าวออกมาว่า "ตี!"
เว่ยฉางเฟิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก!
"หากว่าเสิ่นจั้งเฟิงกล้ารับอนุภรรยา เพียงเขาพูดออกมาข้าจะตีเขาจนเหยียบพื้นไม่ได้ไปสามวัน!" เว่ยฉางอิ๋งกำมือทั้งสองแน่นจนมีเสียงดังออกมา ใบหน้างดงามน่าหลงใหลของนางเต็มไปด้วยไอสังหารกับประกายชั่วร้าย แล้วกล่าวเสียงหนักว่า "หากว่าเขากล้าพาเข้ามาในบ้านจริงๆ ข้าจะปิดประตูแล้วตีขาเขาให้หัก! หากว่าเขากล้าไปเที่ยวโสเภณีมั่วโลกีย์ข้างนอก ข้าจะให้เขาต้องกินยาไปทั้งชีวิตเลย!
ไม่เท่านั้น ข้าไม่ชอบสามีต่อสู้เก่งที่นิสัยหยาบกระด้างไร้มารยาท! ไม่ว่าแต่ก่อนเขาจะมีความชอบแบบไหนมา แต่วันหลังจะใช้ชีวิตอย่างไรเขาต้องฟังข้า!" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างหยิ่งยโส "นิสัยเขาที่ข้าไม่ชอบ เขาต้องแก้ให้ข้าทั้งหมด! ถ้าไม่แก้ข้าจะตีให้หนัก! นิสัยไหนที่ข้าชอบ เขาต้องทำได้ทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ข้าก็จะตีให้หนัก!"
เว่ยฉางเฟิงมองท่าทางของพี่สาวแท้ๆ ที่เต็มไปด้วยไอสังหารอย่างขนหัวลุก เขานิ่งเงียบแล้วกล่าวเตือนไปว่า "ท่านพี่ ทุกวันนี้เขาให้ความสำคัญกับหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม[1]ท่าน...ท่านทำอย่างนี้..."
"ข้ารู้!" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "ข้าโง่เง่าอย่างนั้นหรือ? ข้ามีความคิดของตัวเอง!"
เว่ยฉางเฟิงเพิ่งระบายลมหายใจออกมาก็ได้ยินนางกล่าวต่อไปว่า "ก่อนข้าจะตีเขา ข้าจะปิดประตูให้ดีก่อน!"
"!!!!!" เว่ยฉางเฟิงแทบกระอักเลือดออกมา "นี่มันความคิดอะไรกัน?"
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มอย่างดูถูกออกมา "ขอแค่ด้านนอกไม่มีใครรู้ ใครจะรู้ว่าข้าแสร้งทำตัวอ่อนหวานมีเมตตาเปี่ยมคุณธรรมกัน?"
"...ท่านพี่ ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะสู้เสิ่นจั้งเฟิงได้?" เว่ยฉางเฟิงครางออกมา แล้วกล่าวว่า "ทำไมท่านถึงได้มีความคิดเหลวไหลอย่างนี้? ไม่ว่าอย่างไรเสิ่นจั้งเฟิงก็เป็นผู้ชาย และยังอายุมากกว่าท่านพี่ถึงสองปี หากว่าเขาสู้ท่านยังไม่ได้ วิชายุทธ์ที่เรียนมาไม่ใช่ว่าเสียเปล่าหรือ?"
เว่ยฉางอิ๋งส่งเสียงฮึกล่าวว่า "น้องห้า เจ้าไม่รู้อะไรบ้างเลย ประวัติตระกูลเสิ่นคือตระกูลฝ่ายบู๊ และยังมีการปะทะกับเผ่าทางตอนเหนืออยู่บ่อยครั้ง จากวิชายุทธ์ที่สืบทอดกันมาของตระกูลพวกเขา หนึ่งคือวิชาการทหาร สองคือบุกทะลวงฆ่าฟันศัตรู ในบรรดากองกำลังคุ้มกันตระกูลเว่ยของพวกเรา ทำไมข้าไม่เลือกคนอื่นแต่กลับเลือกลุงเจียงให้มาสอนข้า? นั่นก็เพราะว่าลุงเจียงเชี่ยวชาญวิชาการฆ่าระยะประชิดที่สุด!"
นางกล่าวอย่างภูมิใจว่า "นับดูแล้ว ในเมื่อเสิ่นจั้งเฟิงถูกยกให้เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ตระกูลเสิ่น คิดว่าวิชาการทหารและฝีมือบุกทะลวงฆ่าฟันศัตรูคงต้องดีมากแน่ แต่ตั้งแต่ข้าอายุได้ห้าปี ข้าฝึกฝนอย่างยากลำบากมาตลอดสิบสองปีตั้งแต่เช้าจรดค่ำ กระทั่งวิชาการบ้านการเรือน กวีกลอนอักษรข้ายังฝึกแบบพอผ่านๆ เท่านั้น ในใจทุ่มเทไปกับการฝึกฝนฆ่าระยะประชิด ยังไงข้าก็ไม่ได้จะไปขี่ม้ารบราฆ่าฟันกับเสิ่นจั้งเฟิง แค่ต้องการสู้กับเขาระยะใกล้เท่านั้น อย่างน้อยๆ เขายังต้องแบ่งใจไปใช้กับสองเรื่อง แต่ว่าข้ากลับตั้งใจจดจ่อสมาธิทุกอย่างไปกับเรื่องเดียว ข้าฝึกฝนมาหนักอย่างนี้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะจัดการเขาไม่ได้"
นึกถึงความทรมานตลอดเวลาสิบสองปีที่ผ่านมา เว่ยฉางอิ๋งก็ถอนหายใจแล้วกล่าวพึมพำว่า "หลายปีนี้ข้าสบายที่ไหน? ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่พูดถึงเรื่องการฝึกต่อสู้ที่เหน็ดเหนื่อยทรมาน ข้าต้องฝึกจนกว่าจะมีตุ่มพองใสแล้วเจาะเอามันออก ฝึกฝนจนเหนื่อยล้าทุกวันแต่ก็ต้องฝืนทนแช่ยา แล้วถึงเรียกสาวใช้ให้นำยาบำรุงผิวมาพอกไว้จนหนา ทั้งยังต้องคอยนวดคลึงมัน...ข้าถึงได้ยังสามารถรักษาผิวอ่อนนุ่มได้ทั้งที่ยังไม่ได้หยุดฝึกวิชา...ที่พยายามมาตลอดสิบสองปี ไม่ใช่เพราะให้สบายในอนาคตหรือ?"
เว่ยฉางเฟิงไร้คำพูดไปแล้ว กล่าวว่า "ท่านพี่ สิ่งที่ท่านแม่ให้ท่านเรียน ก็เพื่อหวังให้ท่านได้แต่งออกไปและมีชีวิตที่ดีไม่ใช่หรือ? ปีหน้าท่านก็ต้องออกเรือนแล้ว..."
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างมีโทสะว่า "ใช่แล้ว! ข้าต้องออกเรือนปีหน้านี้แล้ว ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ ท่านแม่กลับคิดแต่จะให้ข้าไปเรียนรู้วิชาเย็บปักถักร้อย วิชาครัว ของพวกนี้เตรียมช่างตัดเย็บกับแม่ครัวให้ข้าไปด้วยก็สิ้นเรื่องแล้ว จะมาเทียบกับการฝึกฝนวิชาต่อสู้ระยะประชิดที่ท่านลุงเจียงสอนให้จนคล่องแคล่ว พอถึงเวลาจะได้ใช้จัดการตีเสิ่นจั้งเฟิงจนยอมเชื่อฟังได้อย่างไร!"
"ท่านพี่ ต่อให้ท่านตีจนเสิ่นจั้งเฟิงกลัวท่าน แต่ว่าท่านคงไม่ได้จะให้เขาไปดูแลอาหาร เสื้อผ้าพวกนี้เองหรอกนะ?" เว่ยฉางเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า "อีกอย่าง หากว่าเรือนในไม่มีอนุภรรยา ท่านก็ต้องดูแลบัญชีข้ารับใช้ไม่ใช่หรือ? หลายปีก่อน เสิ่นจั้งเฟิงก็เข้าไปเป็นหนึ่งในสามองครักษ์แล้ว เขาไม่มีทางอยู่บ้านตลอดได้ นอกจากวิชาต่อสู้แล้วท่านพี่ก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าจัดการไม่ได้กระทั่งเรื่องในบ้านจะทำอย่างไร? ท่านอยากจะถูกคนตราหน้าว่าดีแต่กำลังแต่ไร้ฝีมือหรือ?"
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างดูถูกว่า "จัดการเรื่องในบ้าน งานบ้านงานเรือนพวกนี้ อีกหน่อยค่อยๆ เรียนรู้ไปก็ได้ หากไม่ไหวตอนแต่งงานขอยืมตัวแม่นมซือกับท่านแม่ไปก่อนก็ได้ แค่นี้ไม่พอให้ข้าเรียนรู้อีกหรือ? แต่ว่าเรื่องการกำราบสามีต่างหากที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ การถูกตราหน้าว่าดีแต่ใช้กำลังแต่ไร้ฝีมือก็ยังดีกว่าการแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือเรื่องใหญ่อะไรคือเรื่องรอง!"
เว่ยฉางเฟิงครางออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า "ท่านพี่นั่นเรียกว่ากำราบหรือ? ท่านตีจนเขายอม ต่อให้ท่านทำให้เขายอมได้ แต่ว่าเสิ่นจั้งเฟิงก็ต้องนึกแค้นท่านในใจไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าอย่างไรการมีความสุขทั้งสองฝ่ายต่างหากถึงจะถูกต้องไหม?"
"ตอนนั้นท่านปู่จัดการหมั้นข้ากับสามีฝ่ายบู๊ผู้นี้เพราะชะตาต้องกันแค่ครั้งเดียว!" เว่ยฉางอิ๋งถลึงตาใส่เขาอย่างขัดเคือง พลางกล่าวเสียงเบาว่า "ข้าไม่ร้องไห้โฮออกมาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย? การกำหนดเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่สามารถขัดได้ ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ วันเวลาหวานชื่นในอนาคตที่ข้าคิดว่ามีความสุขก็คือ ตีจนกว่าเขาจะต้องเชื่อฟังข้าไปทั้งชีวิต และไม่ทำให้ข้าต้องโมโห! มีความสุขทั้งสองฝ่าย...ข้าจะไปชอบสามีบู๊อย่างนั้นได้อย่างไร! ข้าไม่ชอบเขา แล้วการที่เขาจะชอบข้าหรือไม่ยังจะสำคัญหรือ? ที่สำคัญก็คือ เขาต้องเชื่อฟังข้า!"
เว่ยฉางอิ๋งบอกกับน้องชายเสียงเข้มว่า "ดังนั้นต่อให้ท่านแม่ให้ข้าคุกเข่าต่อไปอีกสักสิบชั่วยาม ข้าก็ไม่มีทางไปเรียนรู้เรื่องจุกจิกอย่างการเย็บปักถักร้อยพวกนั้น คุกเข่าตรงนี้ข้าจะถือว่าเป็นการฝึกฝนร่างกาย! ข้าไม่เชื่อว่าท่านแม่จะทนได้ หากท่านแม่สงสารข้าก็จะรับปากข้าเอง ทำอย่างนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องมีเรื่องพวกนั้นมาคอยกวนใจข้าอีกแล้ว! หากว่าเจ้าทนไม่ไหวก็รีบไปเถอะ ไม่อย่างนั้นอีกสักครู่หากท่านแม่ให้คนออกมาเรียกแล้วเห็นเจ้าเข้า จะไม่กล้าให้ข้าเข้าไป!"
........................................
[1] หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม : มาจากคำสอนของขอจื้อที่เป็นค่านิยมพื้นฐานของหญิงจีนโบราณ โดยสามคล้อยตาม หมายถึง หากยังไม่แต่งงานต้องฟังบิดา แต่งงานแล้วเชื่อฟังสามี สามีตายต้องฟังบุตรชาย ส่วนสี่คุณธรรม หมายถึง ต้องอยู่ในกรอบมารยาทที่เพียบพร้อม พูดจาอ่อนน้อมอ่อนหวาน รูปร่างหน้าตาสะอาด การบ้านการเรือนห้ามบกพร่อง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ