Mention Of Love (รัก)

-

เขียนโดย Nanpm

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.52 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) แค่ได้รัก (ตอนจบแล้วจ้า)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในสนามบิน แล้วหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่เขาตั้งใจจะมาส่งเธอไปเมืองนอก

     “เรานึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” เต้พูดเหมือนหายใจไม่ทันเพราะความเหนื่อยจากการที่รีบวิ่งมา

     “ใจเย็นนายเต้ดูหน้าเหมือนหมาหอบแดดเลย” พัทพูดจบก็หัวเราะออกมา

     “นี่เธอ จะเกินไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มหันกลับมาทำตาดุใส่หญิงสาวที่เปรียบเทียบเขากับหมา

     “พอเลยทั้งคู่ เราจะไปอยู่แล้วยังทะเลาะกันอีก” ว่านรีบปรามเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองของเธอเริ่มจะหาเรื่องกัน

     “เราไม่เคยเริ่มก่อนนะว่าน ยั้ยปากดีนี่ชวนทะเลาะก่อน” เต้รีบโบ้ยไปให้พัทซึ่งเธอกำลังยืนแลบลิ้นใส่เขา

     “เธอสองคนหยุดฟังเราก่อน เอามือมานี่” ว่านบอกให้เพื่อนของเธอหยุดพูดแล้วดึงมือของเต้กับพัทมาจับกัน โดยมีมือทั้งสองข้างของเธอกุมมือของพวกเขาไว้

     “เราไม่อยู่ด้วยแล้ว ก็อย่าแหย่กันแรงนักนะ ดูแลกันดี ๆ เราดีใจที่มีเพื่อนดี ๆ อย่างเต้และก็พัท สัญญานะว่าจะไม่ลืมกัน” ว่านยิ้มให้เต้กับพัท

     เต้มองว่านด้วยสายตาที่รู้สึกเศร้าเมื่อหญิงสาวพูดเช่นนั้น เขายังทำใจไม่ได้เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องไปจากเขาจริง ๆ

     “ว่าน เรามีบางอย่างจะให้” เต้พูดพร้อมกับยื่นแหวนให้กับว่าน

     หญิงสาวรับแหวนมาจากมือของเต้ เธอยังคงเสียใจที่เห็นมันกลับคืนมา นั่นก็หมายความว่าสิ่งดี ๆ ที่เธอเคยมอบให้กับชายหนุ่มคนนั้นคงไม่มีความหมายอะไรเลย และก็คงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่เธอจะต้องรอเขาอีก

     “ไม่เอาน่า ไม่ต้องร้องแล้วนะ มันผ่านไปแล้ว” พัทพูดปลอบใจพร้อมกับเอามือของเธอแตะที่ไหล่ของว่าน

     ว่านพยายามกลั้นน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าแรง ๆ

     “โอเค ใกล้จะได้เวลาแล้ว ไว้ไปถึงเราจะอีเมลมาหานะ” หญิงสาวต้องจำใจร่ำลาเพื่อนของเธอ

     ว่านหันมาโบกมือลาเต้กับพัทอีกครั้งก่อนที่เธอจะจากเมืองไทยและเพื่อนอันเป็นที่รักของเธอไป ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าใครบางคนจะไม่มา แต่สายตาและในใจของเธอก็ยังแอบหวังจนวินาทีสุดท้าย แล้วเธอคงต้องผ่านมันไปให้ได้เมื่อสิ่งที่หวังไม่มีอยู่จริง

     เมื่อว่านเดินลับตาไป เต้หันมามองหน้าพัทแล้วพูดกับหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ

     “อิงไม่มาจริง ๆ แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายก็ยังทำกันได้”

     “ปล่อยเขาไปเถอะ เราก็น่าจะกลับกันได้แล้วนะ ไปนั่งรอว่านอีเมลหรือแชทมาหาดีกว่า” พัทพูดจบก็ตบไหล่ชายหนุ่ม แล้วทั้งคู่ก็เดินยิ้มด้วยความรู้สึกเศร้า

 

     อิงนั่งกุมมือก้มหน้าด้วยความกังวลเพราะกำลังลุ้นให้การผ่าตัดของลินลดาผ่านไปด้วยดี ซึ่งไม่ต่างจากพ่อแม่ของหญิงสาวและแม่ของเขาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

     “อิง จะไปไหนล่ะ” แม่ของชายหนุ่มถามขึ้นเมื่ออยู่ดี ๆ เขาก็ลุกขึ้นทำท่าเหมือนจะเดินไปที่ไหนสักแห่ง

     “เดี๋ยวผมกลับมานะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินหายไป

     อิงเดินมาที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล เขามองไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้ยังคงว่างเปล่า แล้วสิ่งที่เขารอก็กำลังบินผ่านมา

     “อิงรักว่านนะ ได้ยินไหม อิงรักว่าน”

     ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียงเท่าที่ทำได้ แล้วเครื่องบินก็ค่อย ๆ บินผ่านลับตาเขาไป เขาเสียใจที่ไม่สามารถบอกความจริงกับหญิงสาวที่เขารักได้ แต่ก็หวังให้เธอโชคดีและเจอคนที่ดีกว่าเขา

     ชายหนุ่มเดินกลับมาที่หน้าห้องผ่าตัดดังเดิม เพื่อมารอดูอาการของหญิงสาวที่กำลังผ่าตัดอยู่ แต่พอเขาเดินมาถึงสิ่งที่เห็นคือแม่ของลินร้องไห้ออกมาด้วยใจสลาย เพราะการผ่าตัดไม่ได้ผ่านไปด้วยดีดั่งที่ทุกคนหวัง ลินลดาจากทุกคนไปแล้ว ชายหนุ่มยืนมองอย่างเศร้าและเสียใจอย่างที่สุด ทุกอย่างมันสายไปจริง ๆ แล้ว ในที่สุดเขาก็ต้องสูญเสียทั้งคนที่เขารักและรักเขาไปในเวลาเดียวกัน ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจไว้ได้อีกต่อไป

 

     “ตื่นเต้นไหมสาวน้อย” ลูกหว้าถามน้องสาวของเธอที่นั่งเงียบมองดูก้อนเมฆข้างนอกหน้าต่างเครื่องบิน

     “นิดหน่อยค่ะ แต่ใจหายมากกว่า เพราะตื่นมาพรุ่งนี้ไม่ได้นอนอยู่ในบ้านที่เคยนอน ไม่เจอนายเต้ที่มารอรับไปเรียน ไม่เจอพัทที่คอยพูดให้หัวเราะ และก็ไม่เจอ...”

     หญิงสาวไม่ทันพูดจบประโยคน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     “อย่าคิดมากเลยน้องรักของพี่ โลกใบนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกเยอะ สวยสตรองอย่างเราเดี๋ยวก็เจอสิ่งดี ๆ” ลูกหว้าพูดให้กำลังใจน้องสาวของเธอ

ว่านเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้กับพี่สาวที่กำลังพูดปลอบใจ ทำให้หญิงสาวคิดได้ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะต้องทำใจและลืมคน ๆ นั้นไปจากหัวใจของเธอให้ได้ ถึงแม้มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

 

     หลังจากที่ว่านไปเมืองนอกและเสร็จเรื่องงานของลินลดา อิงก็กลับมาเรียนตามปกติแต่ดูเก็บตัวมากขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาเรียนโดยไม่สนใจใคร

ส่วนเต้ก็นั่งเหม่อลอยคิดถึงว่านอยู่ทุกวัน แต่ยังดีที่มีพัทเป็นเพื่อนคอยทำให้อารมณ์ดีและคลายเศร้าได้บ้าง

     พัทก็เริ่มเป็นดาวเด่นของคณะ ตอนนี้เธอได้เป็นนางเอกละครเวทีกับเขาบ้างแล้ว หญิงสาวยังคงคิดถึงว่านอยู่ตลอดและจะคอยส่งอีเมลไปเล่าเหตุการณ์ในชีวิตที่มหาวิทยาลัยรวมถึงเม้าท์เต้ให้ว่านได้อ่านขำ ๆ

     ทางด้านว่านเมื่อไปถึงที่อังกฤษก็มีหลายอย่างที่จะต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน การกินอยู่ ภาษา และการมีเพื่อนใหม่ บางครั้งก็ไม่มีเวลาได้ติดต่อกลับมาหาเต้กับพัท แต่เธอก็ไม่เคยลืมเพื่อนทั้งสองคนของเธอเลย

 

     เวลาผ่านไปเป็นเดือน เป็นปี ชายหนุ่มก็ยังเฝ้ารอข่าวคราวของหญิงสาวเพื่อนสนิทของเขา จนวันนี้เขาได้รับอีเมลเข้ามา เมื่อได้เห็นชื่ออีเมลทำให้เขาดีใจและรีบเปิดอ่านทันที

     ‘สวัสดีนายเต้จอมป่วน ขอโทษนะที่ไม่ค่อยได้ตอบอีเมลเลย แต่เราก็คิดถึงนายกับพัทอยู่เสมอนะ จะบอกว่ายินดีและดีใจด้วย เอ๊ะ! จะช้าไปไหม แต่ไม่ว่ากันเนอะ ยินดีด้วยกับลูกสาวคนแรก น่าจะหนึ่งขวบเท่า ๆ กับลูกชายเราแน่เลย หวังว่าลูกสาวนายกับลูกชายเราจะเป็นเพื่อนซี้กันเหมือนเรากับนายนะ ตกใจล่ะสิ ใช่เราแต่งงานแล้วและมีลูกแล้ว ยินดีกับเราด้วยใช่ไหมล่ะ สามีเราเป็นคนอังกฤษ ชื่อเฮริง หล่อมาก วาดภาพเก่งด้วยนะ (ขออวดสามีหน่อย) เราส่งรูปครอบครัวมาให้นายดูด้วยนะ

     ลืมบอกข่าวดีอีกเรื่อง ดีสำหรับนายหรือเปล่าไม่รู้ แต่เราจะบอกว่าเราจะกลับไปที่เมืองไทยไปกับแม่ เพื่อจะไปจัดการเรื่องขายที่กับบ้าน เพราะคิดว่าตอนนี้เราคงต้องอยู่ที่อังกฤษถาวรแล้ว

     หวังว่าเราจะได้เจอกันนะ

     คิดถึงและรักเพื่อนมาก ว่านคนสวยเอง’

 

     ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นหญิงสาวที่เขารอส่งอีเมลมา เขานั่งดูรูปของเธอที่ส่งมาให้แล้วก็นึกถึงสมัยเมื่อก่อน

     “นั่งดูอะไรอยู่คะพี่เต้ ดูมีความสุขเชียว” แพรวาภรรยาของเขาอุ้มลูกสาวเดินออกมาเดินเล่น

     “อีเมลจากเพื่อนน่ะ ไม่ได้ติดต่อกันนาน พึ่งจะติดต่อมาก็เลยดีใจ” เต้ตอบแล้วยื่นแขนไปอุ้มลูกสาวของเขา

     “ว่ายังไงคะ ตังเมคนสวย” ชายหนุ่มหยอกล้อกับลูกสาวอย่างน่ารัก ทำให้แพรวายิ้มออกมา

     “พี่จะไปทำธุระที่กรุงเทพวันศุกร์สักสองสามวันนะ” เต้บอกให้แพรวาได้รับทราบ

     “จะให้แพรกับลูกไปด้วยไหมคะ”

     “ไม่ต้องหรอก พี่ไปทำธุระ ไม่ได้ไปเที่ยว เสร็จธุระพี่จะรีบกลับ” เต้รีบตอบปฏิเสธ เพราะจริง ๆ เขาลงไปทำธุระด้วยส่วนหนึ่ง แต่ตั้งใจไปพบหญิงสาวที่เขาคิดถึงและอยากเจอ

     หลังจากเต้แต่งงานกับแพรวาก็ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ฐานะทางบ้านของภรรยาสาวค่อนข้างดีและมีธุรกิจมากมาย ซึ่งเขาก็ทำงานให้กับที่บ้านของหญิงสาว แพรวาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมั่นใจ สวย เก่ง และที่สำคัญเธอก็รักเขามาก ทำให้เขาหลงรักเธอได้ไม่ยากหลังจากที่ต้องทำใจไม่มองหญิงอื่นอยู่นาน เพราะยังติดที่คิดถึงใครคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

 

     ชายหนุ่มลงมาถึงกรุงเทพก็กลับมาพักที่บ้านพ่อกับแม่ของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องไปดูก็คือจักรยานคู่ใจ ถึงแม้ตอนนี้มันจะเก่ามากแล้ว แต่พ่อกับแม่ของชายหนุ่มก็คอยซ่อมแซมและดูแลรักษาไว้ให้เขาอย่างดี เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเขา

     “เต้จะออกไปไหนลูก” แม่ของชายหนุ่มตะโกนถามเมื่อเห็นเขากำลังจูงจักรยานออกไปนอกบ้าน

     “ไปถีบจักรยานเล่นครับ เดี๋ยวผมกลับมา” เต้ตะโกนตอบแล้วรีบถีบจักรยานออกจากบ้านไป

     เต้ถีบจักรยานมาถึงหน้าบ้านที่เขาคุ้นเคย ชายหนุ่มพยายามมองเข้าไปข้างในบ้านแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ เขาโมโหตัวเองที่ไม่ได้ถามเบอร์โทรหรืออะไรที่จะติดต่อกับว่านได้เลยเมื่อเธอมาถึงเมืองไทย

     “อะแฮ่ม! คุณเป็นขโมยหรือเปล่าคะ มายืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าบ้านคนอื่น เดี๋ยวก็แจ้งตำรวจจับซะเลยนี่”

     ใช่แล้ว นี่คือเสียงที่ชายหนุ่มคุ้นเคยและอยากได้ยินที่สุด เขาหันหน้ามาหาหญิงสาวที่พูดกับเขา เธอยืนยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้ ๆ

     “ว่าน ว่านจริง ๆ ด้วย” เต้พูดแล้วจับมือของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความดีใจ

     “อย่าบีบแรง เจ็บ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น

     เต้กับว่านเดินมาหาที่นั่งคุยที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน แล้วเขาทั้งคู่ก็นั่งลงข้าง ๆ กัน เพื่อจะพูดคุยระลึกถึงความหลังสมัยเด็ก

     “ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปหมดเลย ไม่ได้กลับมานาน กี่ปีแล้วเนี่ย” หญิงสาวพูดพร้อมกับนับนิ้วของเธอ

     “แปดปี” ชายหนุ่มตอบ

     “นายจำแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ” หญิงสาวถามแล้วหันมายิ้ม

     “ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่มีอย่างหนึ่งนะที่ไม่เคยเปลี่ยน” เต้หันมามองหน้าหญิงสาวที่กำลังตั้งใจฟังที่เขาพูด

     “อะไร” หญิงสาวทำท่าอยากรู้

     เต้ชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของเขาแล้วพูดว่า “ใจของเราไง” เขามองหญิงสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกอะไรบางอย่างที่เก็บไว้มานาน และอยากจะพูดมันออกมาให้เธอได้รับรู้

     ว่านหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าเพื่อนของเธอเดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นเยอะ

     ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขายื่นมือไปจับมือของหญิงสาวแล้วทำท่าพูดอย่างจริงจัง

     “เราขอบอกอะไรบางอย่างที่เราเก็บมานานได้ไหม”

     ว่านมองหน้าเต้แล้วยิ้มออกมาด้วยความสงสัย

     “เต้รักว่านนะ”

     คำพูดของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกตกใจและประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

     “เต้ ว่านก็รักเต้ ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่ จริงไหม” หญิงสาวกุมมือชายหนุ่มแล้วบอกความรู้สึกว่าเขาก็คือเพื่อนที่เธอรักที่สุดเช่นกัน

     “เรารู้ว่าว่านรู้ว่าเราหมายถึงอะไร ว่านยังไม่ลืมเขาใช่ไหม มันก็คงเหมือนเราที่ไม่เคยลืมว่านเลย” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความรู้สึกเศร้า แต่ก็ทำใจได้เพราะทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว

     “เออ! แล้วพัทเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าเป็นนางเอกและนางแบบสุดฮอตไปแล้ว” ว่านรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าเศร้า

     เต้หันมาเล่าเรื่องพัทให้ว่านได้ฟัง หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้รับรู้ว่าเพื่อนทั้งสองของเธอมีชีวิตที่ดีและมีความสุข แต่เธอก็อดที่จะถามถึงใครบางคนไม่ได้

     “แล้วอิงล่ะ ตั้งแต่ว่านไปอยู่ที่นู่น ก็ไม่ได้รู้เรื่องเขาเลย เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อลินลดาไปแล้วใช่ไหม” ว่านถามและพยายามยิ้มออกมา

     “เขาไม่ได้แต่งงานกันหรอก ลินเขาเสียชีวิตวันที่ว่านเดินทาง พอดีวันนั้นเขาต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ แต่หมอไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้” เต้พูดออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าและสงสารหญิงสาวที่จากไป

     ว่านนิ่งเงียบเมื่อได้ยินเรื่องที่เต้พูดออกมา

     “แต่เราไม่รู้นะว่าอิงไปอยู่ที่ไหนตอนนี้ แต่มีอีกเรื่องที่เรารู้และอยากบอก อิงเขารักว่านมากนะ”

     เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ว่านก็ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เต้มองเห็นน้ำตาที่หญิงสาวพยายามกลั้นอยู่ไหลออกมา มันทำให้เขารู้สึกเศร้าใจตาม

     ว่านพยายามลืมเรื่องราวในอดีตมาตลอด จนมาวันนี้เธอถึงรู้ว่าไม่สามารถลืมได้เลย เพราะมันยังติดอยู่ในใจของเธอเสมอมา แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ทุกคนก็มีชีวิตและหนทางของตัวเอง

    “ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเรานะ วันนี้แม่เห็นเราลงมากรุงเทพจัดชุดใหญ่อยู่แล้ว พอสำหรับว่านด้วย ว่าแต่คุณป้าอยู่ไหนอะ”

    ชายหนุ่มพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวกลับมาเมืองไทยพร้อมกับแม่ของเธอ

     “แม่ก็อยู่บ้านนายไง เราไปที่บ้านนายแล้วแม่นายบอกว่านายออกไปถีบจักรยานเล่น เราก็เลยออกมาตาม” หญิงสาวตอบ

     “อย่างงั้นเรากลับบ้านกันดีกว่า หิวแล้วเนี่ย”

     หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ชายหนุ่มเดินไปที่จักรยานเพื่อที่จูงมันกลับบ้าน

     “อ้าว นึกว่าจะถีบให้เรานั่งซ้อน มาเดินจูงซะอย่างงั้น” หญิงสาวเอ่ยแซวเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงทำเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด

     “ว่านจะซ้อนท้ายเราจริง ๆ เหรอ” ชายหนุ่มตกใจเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดจึงถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ

     “ก็ใช่น่ะสิ บ้านก็อยู่อีกตั้งไกล ขี้เกียจเดิน เมื่อยแล้ว” หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะออกมา

     ในที่สุดความฝันของชายหนุ่มก็เป็นจริง หญิงสาวนั่งซ้อนท้ายจักรยานของเขาจนได้ วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกมีความสุขที่สุดอีกวันหนึ่ง ถึงแม้ความรักไม่ได้ลงเอยด้วยการอยู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่การได้เป็นส่วนหนึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ ในชีวิตของเขา และการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขมันก็ดีเกินพอแล้ว นี่ล่ะคือความรักในแบบของชายหนุ่มที่ชื่อ “เต้”

 

…………………………………………………….

จบบริบูรณ์

ขอบคุณที่ติดตามจนจบ และขอฝากติดตามผลงานอื่น ๆ ด้วยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา