กังวาลในสายลม
เขียนโดย Kirinthorn7
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.18 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 23.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) แรกเกิด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหมากรุกสากลเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิตของเอกนอกเหนือจากความสำเร็จในหน้าที่การงานซึ่งได้ลุลวงไปแล้ว เมื่อทุกอย่างคงตัว เขาเริ่มที่จะเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะผู้เล่นอันดับหนึ่งของประเทศไทยในช่วงเวลาหลายปี ผลการแข่งขันของเอกดีมากพอจะเปิดโอกาสให้เขาไขว่คว้ายศแกรนด์มาสเตอร์ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุด ทว่าข่าวดีข่าวหนึ่งรั้งเขาไม่ให้ไล่ตามความฝัน อย่างน้อยก็ในช่วงเก้าเดือนนี้ ขณะนี้เขากำลังกางกระดานหมากรุกผ้าบนม้านั่งและจัดกระดานเตรียมเล่นอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม การแข่งแบบไม่นับคะแนนถึงจะไม่ทำให้เขารู้สึกสาสม แต่ก็ดึงเขาให้หลุดออกจากความเบื่อหน่ายของชีวิตประจำวันได้
แก่ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของกระดานเป็นเพื่อนสนิทหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังหลงเหลือในชีวิตวุ่นวายของเอก ชื่อเล่นประหลาดนี้มาจากความชื่นชอบในถั่วยี่ห้อดังอย่างไม่น่าเชื่อของผู้ให้กำเนิด เขาเกลียดชื่อเล่นนี้มากและคะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มคิดอย่างถี่ถ้วนถึงคำที่จะใช้เรียกบุตรซึ่งกำลังจะลืมตาดูโลกไปตลอดชีวิต เขาฟังแบบหูทวนลมเพราะแก่พูดเรื่องนี้ให้เขาฟังทุกครั้งที่นัดเจอกัน ในใจของเขาอยากลูกมีชื่อจริงและชื่อเล่นที่ฟังดูฝรั่ง แต่ภรรยาของเขากลับอยากได้ชื่อแบบไทย เธอจริงจังเรื่องชื่อลูกมากจนถึงขั้นใช้เวลาว่างช่วงที่ผ่านมาไปปรึกษาหมอดูถึงเจ็ดราย ทั้งทางออนไลน์และทางการพบเจอ ทุกครั้งที่ต้องขับรถพาเธอไปยังสำนักต่างๆทำให้เขาอึดอัด แต่เขาเก็บมันไว้ในใจและเฝ้าดูเธอมีความสุขกับกิจกรรมที่เขาเข้าไม่ถึง สุดท้ายแล้วเขาจะมีอำนาจตัดสินในตอนสุดท้ายเพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว
หญิงสาวชะเง้อมองไปยังสามีจากอีกด้านหนึ่งของศาลา ห่างพอจะถูกตัดขาดจากบทสนทนาแต่ไม่ไกลเกินกว่าที่ผู้คนสัญจรผ่านมาจะมองว่าไม่มีความเกี่ยวดองกัน เมื่อสังเกตว่าเอกเพ่งสมาธิอยู่กับกระดานหมากรุกมากกว่าสิ่งแวดล้อม เธอฉวยโอกาสลุกขึ้นออกไปยืดเส้นยืดสายในระยะลับสายตาของชายทั้งสอง หันกลับมามองสามีเป็นระยะถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่มีอะไรดึงเขาหลุดออกมาได้เมื่ออยู่ในจุดนั้น ท้องโย้หนักอึ้งทำให้การเคลื่อนไหวของเธอทุลักทุเล ปวดตั้งแต่ข้อเท้าไปจนถึงน่องแต่ดีกว่าเหน็บชาจากการนั่งเฉย
เมื่อหลบหลังต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วเธอจึงเหลียวมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครใส่ใจ จากนั้นล้วงยาสูบมวนหนึ่งซึ่งซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อกระโปรงยาวสีจืดชืด ประกายของความอุ่นสร้างรอยยิ้มในลมหนาวปลายฤดู อาการปวดหลังของเธอคลายลงเมื่อกลิ่นอันคุ้นเคยตลบอบอวล เธอยกมือป้องปัดเป็นระยะเพื่อไม่ให้คนรอบข้างสังเกตจากไกล ยามยืนมองคนชรากลุ่มหนึ่งรำไทเก๊กโดยปราศจากความคิด เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หญิงสาวมองไปยังถนน เสียงนาฬิกาบอกเวลาดังกังวาลในสายลม เบื้องหน้าหมอกควันที่ปกคลุมใบหน้าของเธอคือรถบรรทุกหกล้อ พนักงานสี่คนแบกอุปกรณ์ต่างๆเดินมุ่งไปยังสักแห่งซึ่งคงจะจัดงานสำคัญ พวกเขาเดินผ่านเธอไปอย่างพร้อมเพรียงจนสะดุดตา
แก่เป็นผู้เล่นซึ่งฝีมือเก่งมากพอที่จะทำให้การแข่งขันสนุก เล่นในสไตล์บ้าระห่ำที่พร้อมจะสังเวยหมากทิ้งตัวแล้วตัวเล่าเพื่อจู่โจมคิงฝ่ายตรงข้าม ฝีหมากของแก่เป็นสไตล์ซึ่งคล้ายกับมิคาอิล ทาล ผู้เล่นซึ่งเป็นรักแรกของเอกเมื่อเริ่มศึกษาหมากรุกในตอนมัธยม เสียดายที่เขาไม่สามารถทำคะแนนดีได้ในการเล่นสไตล์แบบนั้นและจำเป็นต้องหันเหตัวเองไปเล่นในสไตล์คุมกระดานเพื่อสร้างความได้เปรียบจนชนะ เขาค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ในสไตล์นี้และทำให้ผู้เล่นคนโปรดในวัยมหาลัยและหลังจากนั้นของเขากลายเป็นอนาโตลี คาร์ปอฟ เจ้าของฉายา ‘งูเหลือม’ ซึ่งเจ้าแผนการแต่สงบเสงี่ยม จู่โจมเพียงเมื่อเหยื่อไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้แล้วเท่านั้น
กระดานเกมนี้สูสี เขาพลาดเมื่อเผลอเปิดจังหวะให้แก่สังเวยม้าเพื่อเปิดช่องให้บิชอปจ่อตรงมายังคิงซึ่งมีองครักษ์กำบังแต่ไม่สามารถเดินหนีไปจากการจู่โจมได้ ทำให้เขาจำต้องตั้งรับอย่างเดียวถึงแม้จะมีจำนวนกองทัพเยอะกว่าอีกฝั่ง ผู้เล่นแต่ละคนมีเวลาสิบนาทีในเกมไม่จริงจังนี้ และพวกเขาเผาเวลาทิ้งไปกับความคิดจนเหลือเพียงคนละสามนาที แก่ยังคงเดินอย่างแม่นยำในการโจมตี แต่เขาก็ยังสามารถป้องกันได้เรื่อยๆ เขาเชื่อมั่นว่าสามารถเอาชนะได้เพราะสไตล์เน้นการโจมตีนั้นต้องคำนวณเผื่อเยอะทำให้มีโอกาสเดินหมากผิดสูงเมื่อเวลาเริ่มน้อยลง ในตอนนั้นเขาก็แค่เดินหมากตามสามัญสำนึกและอย่างน้อยหยุดการโจมตีและชนะได้ในช่วงท้ายเกมจากจำนวนหมากที่มากกว่าในตำแหน่งที่ดี
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านใบไม้รูปหัวใจซึ่งห้อยลงมาจากกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ซึ่งรองรับร่างกายของหญิงสาว วิวห่างไกลออกไปเป็นสระน้ำซึ่งมีคู่รักปั่นเรือเป็ดซึ่งสร้างเป็นทรงหงษ์ขาว เธอยิ้มให้กับความประทับใจของภาพตรงหน้า ทันใดนั้นความเจ็บปวดกะทันหันประดังเข้ามาจากภายใน แขนที่เคยเข้มแข็งของเธอสยายออกข้างตัว ขาพับส่งให้ก้นของเธอสัมผัสกับความชื้นของใบหญ้าเบื้องล่าง ศีรษะที่เคยมองตรงเอียงอ่อนพ่ายแพ้ให้กับแรงโน้มถ่วง ปอดสูดอากาศเข้าออกอย่างหนักเพื่อดึงรั้งสติให้ยังอยู่กับตัว ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากลำคอของเธอได้
ยามเป็นคนแรกที่วิ่งปรี่เข้ามาทันทีที่เห็นเปลวเพลิงส่งควันขาวออกมา เมื่อเข้าใกล้ก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาห้อมล้อมด้วยสีที่ตรงข้าม ความอ่อนต่อโลกและตื่นตระหนกทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ส่งเสียงโวยวายจนเรียกความสนใจจากผู้คน นักออกกำลังกายเข้ามาห้อมล้อมด้วยความสับสน เอกพุ่งแหวกฝูงชนเข้ามาใช้กระดานหมากรุกผ้าปัดเพื่อดับไฟซึ่งก่อตัวข้างหญิงสาว ใช้ดวงตาสำรวจเธอและตะโกนเรียกให้คนอื่นช่วยพาเธอไปยังที่ปลอดภัย เธอกุมแขนของเขาแน่น ขยับริมฝีปากเป็นคำพูดซึ่งชายหนุ่มไม่สามารถได้ยินชัด เขาตอบรับได้เพียงใช้มือลูบไล้ไอร้อนออกจากใบหน้าของเธอ
พนักงานสี่คนที่ก่อนหน้านี้เพ่งความสนใจแค่กับงานรีบเดินเข้ามาตามคำขอร้องของเขา วางตะกร้าดอกไม้สีขาวลงข้างหญิงสาวก่อนจะช่วยกันประคองรยางค์และเรือนร่างของเธอขึ้นรถบรรทุกสีขาวเพื่อเดินทางไปยัง พวกเขาเลื่อนรั้วกั้นท้ายรถและสร้างช่องว่างท่ามกลางสัมภาระให้ร่างของหญิงสาวพักพิง สามีประคองศีรษะจากความแข็งกระด้างของพื้นรถ ผู้คนยังคงจับจ้องและพูดคุย สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปยังต้นไม้ที่เธอล้มลงซึ่งห่างออกไปไกลขึ้นทุกลมหายใจ
แสงไฟดวงแล้วดวงเล่าล่องลอยผ่านศีรษะขณะที่เหล่าพยาบาลดันรถเข็นซึ่งบรรทุกร่างของเธอไปตามเส้นทางด้วยความกระตือรือร้น เมื่อมันหยุดลง สติของเธอก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง เบื้องหน้าของเธอคือกลุ่มคนไร้หน้าในชุดและหมวกคลุมสีเขียวอ่อน พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเธอ ง่วนอยู่กับภาระหน้าที่ของตัวเอง ยกเว้นพยาบาลสาวคนหนึ่งผู้ซึ่งยืนด้านข้างเธอและจ้องมองมายังดวงตาตื่นกลัว บอกเธอให้ทำใจให้สบาย เมื่อถึงเวลา พยาบาลกรอกของเหลวสีใสเข้าในหลอดฉีดยา หญิงสาวส่ายหน้าอย่างรุนแรงเมื่อทั้งคู่สบสายตากัน ทำให้เข็มฉีดยาในมือของพยาบาลชะงักการเคลื่อนไหวลง
เอกนั่งลงบริเวณที่นั่งใกล้เคียงห้องทำคลอด ใจหนึ่งอยากลุกขึ้นเดินกระวนกระวายแต่ไม่เห็นประเด็นในการทำแบบนั้น มือประคองกระดานหมากรุกซึ่งใช้ตบเพลิงจนดับลง รอยเผาแปดเปื้อนตารางหกสิบสี่ช่องซึ่งเคยสมดุลไปด้วยสีขาวสลับดำ เขานั่งไม่ปริปากกับคนรอบตัวที่ใส่ใจกับธุระของตัวเองนับชั่วโมง แก่ขับรถฝ่าจราจรพลุกพล่านติดตามมาในเวลาไม่นาน พวกเขามองตากันอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะนั่งนิ่งรอความเปลี่ยนแปลงอย่างจดจ่อต่อไป
ประโยคแรกจากปากของแก่ในเวลาเนิ่นนานคือการถามถึงชื่อลูก เขาหันไปมองแก่ด้วยความโกรธ แต่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนไม่ได้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์เดียวกับเขา ทำให้เขาเก็บความร้อนไว้ในใจและคิดถึงสิ่งที่เพื่อนพูด พยายามกลั่นกรองคำตอบที่เคยนึกไว้ แต่บางสิ่งรั้งเขาไว้จากการตอบคำถาม เขาทำได้เพียงจ้องมองเส้นสีดำซึ่งตัดขวางตามพื้นกระเบื้อง ในตอนนั้นความเงียบที่เคยมีกลับเงียบยิ่งกว่าเดิม เสียงเข็มนาฬิกาดังในโสตประสาทของเขา ‘ชาลี’ แก่พูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังร้านสะดวกซื้อ ‘เอาอะไรไหม’ เขาส่ายหน้าทั้งที่ยังก้ม เสียงฝีเท้าของเพื่อนดังห่างออกไปจนหลุดจากขอบเขตของการได้ยิน
เอกนั่งนึกถึงสิ่งที่แก่พูดอยู่นานจนคิดได้ว่านานเกินไป ในที่สุดเขาก็ลุกออกไปเดินเล่นตามทางที่ป้ายชี้นำ เมื่อเดินออกมาจากจุดที่เคยนั่งอยู่นับครึ่งวันก็พบกับผู้คนมากมายซึ่งป่วยเป็นโรคสารพัด ทั้งชายชราซึ่งหิ้วสายฟอกไตติดข้างตัวเดินไปจ่ายใบเสร็จ หญิงสาววัยรุ่นซึ่งยืนร้องห่มร้องไห้หลังจากเดินผ่านประตูห้องวินิจฉัย เด็กในชุดคนไข้ซึ่งไม่เหลือเส้นผมบนศีรษะโบกมือมายังเขา ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงห้องน้ำ พิงศีรษะลงเหนือโถปัสสาวะ มองดูสายน้ำไหลรินและหายลงไปในรูเล็กซึ่งนำไปสู่ท่อสะสมสิ่งปฏิกูลต่างๆ เขาล้างมือพลางคิดถึงความน่าสะอิดสะเอียนที่ผ่านสายตาก่อนหน้านี้ จ้องมองใบหน้าของตัวเองในกระจกอยู่นานก่อนจะหันไปอาเจียนอย่างแรงลงในโถส้วมด้านหลัง
แก่ยืนรอเขาอยู่หน้าประตูสีเทาพร้อมกับพยาบาลซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากห้องห้องคลอด เขาเดินเข้าไปใกล้เพื่อรับฟังสิ่งที่เธอต้องการจะพูด สีหน้าของเธอไม่สามารถบ่งบอกได้ภายใต้หน้ากากหนาสีขาว เขายิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูดแต่ความเรียบเฉยก็กลับมาบนใบหน้าของเขาเมื่อประโยคบอกเล่าดำเนินไปจนจบ เขาจ้องมองส่วนเดียวที่ไม่ถูกปกคลุมบนใบหน้าของพยาบาลขณะที่เธอเรียกร้องการตอบรับจากเขา ก่อนจะเบือนหน้าไปยังทิศตรงข้ามเพื่อสูดลมหายใจและใช้กำปั้นต่อยลงบนใบหน้าของเธออย่างแรง ผ้าสีขาวบนใบหน้าของเธอไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป ผู้สังเกตการณ์รีบเข้ามาล็อกแขนของเขาก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย พยาบาลซึ่งในตอนนี้มีรอยช้ำระหว่างดวงตาทั้งสองจ้องมายังเขาด้วยสีหน้าซึ่งซ่อนเร้นอารมณ์ก่อนจะเดินหนีไป
เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้แม้จะมาถึงสถานีตำรวจ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงเขาดำเนินชีวิตตามที่คนรอบข้างเรียกร้องไม่ได้ พยาบาลไม่ได้มาด้วยเพราะยังติดธุระในโรงพยาบาล มีพนักงานอีกคนมาแจ้งความแทนในฐานะเธอ ชายร่างใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะซักไซ้และเทศนาเขาอยู่นาน เขาพยักหน้ารับทุกคำพูดและตอบห้วนสั้นไปตามจังหวะที่ควร จิตใจนึกถึงสิ่งที่รอเขาอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อสะสางความวุ่นวายลงได้ เขารีบโบกแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับไปยังที่ที่เขาจากมา คนขับเปิดซีดีบทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิมเสียงดัง หากเป็นในยามปกติเขาจะบอกให้ปิดมันลง แต่ในตอนนี้จิตใจเขาพะวักพะวงกับแค่จุดหมาย เมื่อรู้ว่าลิฟต์ไม่ทันใจเขาจึงก้าวขึ้นบันไดชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อขึ้นไปมองหน้าลูกชายซึ่งอาศัยอยู่ในกล่องแก้วเป็นครั้งแรก ดูเหมือนเด็กชายกำลังหลับอยู่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะโบกมือทักทาย เขาคาดหวังให้ลูกชายรู้สึกถึงความสุขของช่วงเวลานี้เช่นเดียวกับที่เขารู้สึก
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เขายังคงรออยู่ตามที่นั่งของโรงพยาบาล คืนนั้นเขาฝันเห็นว่าตัวเองกำลังยืนซื้ออะไรสักอย่างในร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ทันใดนั้นเองเสียงออดจากประตูอัตโนมัติดังขึ้น ลูกชายของเขาเดินตรงมายังช่องแช่เย็นซึ่งเขากำลังยืนอยู่ เขาบิดฝาขวดนมพาสเจอร์ไรซ์เปิดออกให้ลูกชายดื่ม ‘มาที่นี่ครั้งแรกเหรอ’ เขาถามลูกชาย มันเป็นคำถามที่ประหลาดแต่เขาไม่มีสัมปชัญญะมากพอจะตระหนัก เขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเพราะถูกปลุกขึ้นโดยมือซึ่งสั่นไหวบนไหล่
เขาเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับสมาชิกใหม่ซึ่งนอนหลับสบายอยู่ในรถเข็นสีดำ อากาศยามเย็นหนาวไม่เท่าหัวใจของเขา โบกมือเรียกแท็กซี่และวางลูกชายลงบนริมขวาของเบาะหลัง เนื้อที่ที่เหลือมากพอเกินกว่ายืดแข้งยืดขาทำให้เขารู้สึกเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็น จิตใจเขาล่องลอยไปจนไม่ได้ใส่ใจจะบอกจุดหมายปลายทางให้กับคนขับ จ้องมองเบาะนั่งว่างเปล่าของคนที่เขาต้องมารับหลังจากนี้ในรถอีกคัน ในที่สุดรถก็ขยับไปตามทางที่มันเคยผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน แต่สำหรับเขาแล้ว ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ตั้งแต่แสงไฟที่สาดส่องลงมาโคมแล้วโคมเล่า ผู้คนที่เดินตามทางเท้า และบ้านซึ่งยังคงตั้งอยู่ที่เดิม คนขับถามถึงชื่อลูกชาย เขาหันไปมองใบหน้าซึ่งยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว ‘ชาลี’ เขาตอบคนขับรถ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ