โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
55) วิวาท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องโถงอาหารในเวลานี้เงียบกริบ นักเรียนที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ยังไม่ลุกจากที่ สายตาแทบทุกคู่จับจ้องมายังกลุ่มของฟิโลโซเฟอร์ น้อยคนนักที่กล้ามีเรื่องกับเจ้าชายเอลานอส ในระหว่างที่เด็กๆ มองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ ในเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ขอเชิญเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ไปพักผ่อนเสียเถิด ปล่อยให้คนอื่นได้อยู่ในที่ทางของเขาบ้าง ”
ดารีลนั่นเอง
เขาเดินมาหยุดข้างเจ้าชายตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
เบื้องหลังของเขาคือเจ้าหญิงลูเซียน่าพร้อมด้วยบริวารอีกห้าคน
“ อย่ามายุ่งเรื่องของข้า ”
เอลานอสตอบด้วยน้ำเสียงกักขฬะ
“ ข้าคงต้องเตือนความทรงจำของท่าน เจ้าชายเอลานอสบุตรแห่งกษัตริย์แฮโรด ความสงบเรียบร้อยในปราสาทขาวคือหน้าที่ของข้า ”
“ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ”
เจ้าชายน้อยชี้ตรงปากที่ยังคงมีเลือดไหล
“ ข้าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ”
ดารีลยิ้มแล้วกล่าวว่า
“ มันคงเป็นปัญหาใหญ่ของโอรีเวีย ผู้กล้าฝึกหัดถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำร้ายจนบาดเจ็บ ทั้งที่มีทหารคุ้มกันอยู่ข้างกาย จอมเวทวาลานจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ บางทีท่านอาจมีหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไปยังเมืองโอลีออน สำหรับความน่าอับอายที่เกิดขึ้น ”
คำพูดนั้นสร้างความโกรธเคืองให้กับเจ้าชายเอลานอสเป็นอย่างมาก
แต่เขารู้ตัวว่าทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้
และสมุนทั้งสองก็ขี้ขลาดเกินไป
“ ดารีล อย่าได้บังอาจกับข้า เจ้าคิดว่าการเป็นคนโปรดของครูใหญ่นั้น จะสามารถคุ้มหัวเจ้าได้อย่างนั้นหรือ ”
เจ้าชายน้อยยังไม่วายขู่
“ แน่นอนว่าไม่ได้ และตำแหน่งเจ้าชายก็ปกป้องชีวิตของท่านไม่ได้เช่นกัน ถ้าหากท่านยังหาเรื่องคนไม่เลือกหน้าเช่นนี้ ”
น้ำเสียงของหลอดดารีลยังคงสุภาพ
ทหารคุ้มกันที่มากับเจ้าชายต่างจ้องมองดูพ่อมดรูปงามด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
มีเพียงเจ้าชายอายุน้อยที่ยังยืนหยัดสู้
“ อ้อใช่สิ จากตระกูลนักรบกระจอกๆ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ เจ้าขู่ได้ทุกคนอยู่แล้วใครเขาจะกล้า ข้าอยากรู้นักทุกคนในนักตระกูลของหลอดเดเวอร์ลอสล้วนหน้าตาอัปลักษณ์ แต่เจ้ากลับห่างไกลสิ่งเหล่านี้ เรื่องที่ว่าเจ้าเป็นบุตรชายของนักรบดาเรนอาจเป็นคำลวงก็ได้ บางทีแม่ของเจ้าอาจเป็นแค่หญิงโสเภณีที่สมสู่กับพ่อมดลามกแก่ๆ หลอดเดเวอร์ลอสเล็งเห็นผลประโยชน์ในอนาคตจึงแกล้งรับเจ้าเป็นหลาน ”
ดารีลคว้าหมับเข้าที่ลำคอของเอลานอส
“ เจ้าอย่ากล่าวล่วงเกินมารดาข้าผู้ที่เจ้าไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า การกล่าวหาคนอื่นด้วยความเท็จนั่นหยาบคายยิ่งนัก ”
เจ้าชายชำเลืองมองสมุนที่ต่างถอยออกห่างด้วยความหวาดกลัว
จึงได้พยายามแกะมือนั้นออกแต่ไร้ผล
“ เจ้าชายข้ามีสิ่งหนึ่งจะถามท่าน ”
เจ้าหญิงลูเซียน่ากล่าว
“ ท่านมีราคาเท่าใดในโอรีเวียนี้ ท่านพยายามยกตนขึ้นทั้งที่ท่านก็รู้ว่าแม้แต่กษัตริย์ก็ยังต่ำต้อยกว่าพ่อมด ดังนั้นแล้วหากวันนี้ท่านต้องตายด้วยน้ำมือของดารีลผู้ใดกันเล่าจะจดจำท่าน ผู้ใดจะร่ำให้ถึงท่านด้วยเหตุที่ท่านได้กระทำสิ่งต่างๆ ทั้งในเมืองนี้และเมืองเกิด ยังมีผู้ใดเคารพรักท่านอยู่อีกหรือ ”
เจ้าชายเริ่มส่งเสียงไอออกมา
“ ลูเซียน่าเจ้ายังไม่รู้อะไรสูงอะไรต่ำ พ่อมดจอมปลอมผู้นี้ไม่ได้คู่ควรกับเจ้าเลย ในตอนนี้เจ้ากำลังลุ่มหลงจึงมองไม่เห็นความชั่วร้ายของเขา ”
“ ข้าเลือกจากจิตใจที่ใสสะอาดและเจ้าคงไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ดารีลปล่อยเขาเสียเถิด อย่าให้มือของเจ้าต้องเป็นมลทินเพราะคนผู้นี้เลย เขาไม่อาจหลุดพ้นจากโคลนตมเพราะมันคือเนื้อแท้ของเขานั่นเอง ”
ดารีลก็ปล่อยอย่างว่าง่าย
เจ้าหญิงมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเต็มตื้น
พ่อมดน้อยคนนี้เชื่อฟังนาง
มันช่างรู้สึกปราบปลื้มจนหัวใจพองโต
“ เราไปจากที่นี่กันเถอะ ข้ามีเรื่องมากมายต้องพูดกับท่าน ”
นางว่าแล้วค่อยๆ ผลักให้ดารีลเดินตรงไป
ฟีไลร่าได้แต่มองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
เพราะนางไม่สามารถเข้าถึงคนผู้นั้นได้เลย
เจ้าชายเอลานอสที่ยังรู้สึกเจ็บแค้นแอบชักมีดพกออกมา
ฟิโลโซเฟอร์พุ่งเข้าไปขวางด้วยความตกใจ
แต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าหญิงลูเซียน่าที่อยู่ใกล้กว่า
ทั้งที่มีท่าทางเหมือนคนอมโรคอยู่ตลอดเวลา
แต่กลับสามารถคว้าเจ้าชายเอลานอสทุ่มลงพื้นเสียงดังสนั่นด้วยความรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
ทับทิมที่ประดับบนจี้คล้องคอของเจ้าหญิงส่องประกายสีแดงอำมหิตเพียงวาบเดียวแล้วจางหายไป
เด็กทั้งห้องต่างตกตะลึง
ดารีลที่ดูเหมือนยังไม่รู้เรื่องอะไรก็หันกลับมามอง
เจ้าชายเอลานอสยังนอนกลิ้งอยู่บนพื้นมีดพกของเขากระเด็นไปไกล
ส่วนเจ้าหญิงลูเซียน่าทำเป็นนั่งผูกเชือกรองเท้า
เหล่าบริวารทั้งห้าต่างพร้อมใจกันนิ่งสงบราวกับไม่เห็นอะไรผิดปรกติ
“ ข้าสะดุดเชือกรองเท้าน่ะ ส่วนเจ้าชายเอลานอสคงสะดุดน้ำลายตนเอง เจ้าอย่าใส่ใจเลย ”
นางกล่าวแก้เก้อ
เมื่อเห็นดารีลยังจ้องอยู่
ดังนั้นพ่อมดน้อยจึงทรุดกายลงผูกเชือกรองเท้าให้นาง
เจ้าชายลุกขึ้นมายืนโซเซแต่ก็ยังไม่วายจัดมงกุฎทองให้เข้าที่
ทหารอารักขาต่างรีบเข้ามาพยุง
แต่เจ้าชายสะบัดมือหนี
แล้วเขาก็เดินกระแทกเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหญิงลูเซียน่าหันมาทางฟิโลโซเฟอร์
ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นแย้มยิ้ม
“ ไม่รู้ทำไม ข้าเห็นความกล้าหาญในหัวใจของเจ้า ”
นางกล่าว
แล้วหยิบถุงผ้าบรรจุลูกกวาดหลากสีส่งให้
เด็กชายมีท่าทีลังเลแต่ก็รับถุงขนมแล้วส่งต่อให้คาโอเรีย
เด็กหญิงกล่าวขอบคุณแล้วถือไว้อย่างนั้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
ดารีลมองฟิโลโซเฟอร์สลับกับกระป๋องอาหาร
เขาหยิบเครื่องเทศบดผงอัดแท่งชิ้นเล็กๆ ให้เด็กชายตัวน้อย
ฟิโลโซเฟอร์ตาค้าง
“ เอาจริงดิ ”
“ เจ้าเคยเห็นข้าล้อเล่นหรือไง ”
เจ้าของเครื่องเทศถามกลับ
เขาจึงกลั้นใจกลืนลงไป
แม้จะงุนงงแต่เด็กชายตัวน้อยแน่ใจว่าดารีลไม่มีวันทำร้ายเขา
เมื่อเครื่องเทศผ่านลำคอเขารู้สึกแสบร้อนแต่ไม่ถึงกับทุรนทุรายเหมือนอย่างเคย
ดารีลจ้องมองอาการของฟิโลโซเฟอร์ตาไม่กระพริบ
จากนั้นจึงหยิบแอปริคอตอบแห้งชิ้นหนึ่งออกมา
ยัดเยียดใส่ปากเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง
มันมีรสเปรียวอมขมเล็กน้อย
“ อยู่โอรีเวียแล้วกินเครื่องเทศไม่ได้นี่มีโอกาสอดตายได้เลยนะ ”
ดารีลว่า
“ ข้ารู้แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ข้าเป็นแบบนี้มานานแล้ว จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ”
“ เอาเป็นว่าเย็นนี้ให้มารดาของเจ้าปรุงเครื่องเทศลงในอาหารด้วย แล้วถ้าหากอาการยังแย่อยู่ค่อยหาเวลาไปพบข้าอีกครั้ง ”
เขาว่าเท่านั้นแล้วพาเจ้าหญิงออกไป
“ ทำไมล่ะ ถ้าข้าสบายดีแล้วจะไปหาเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ตะโกนตามหลัง
เด็กชายเพิ่งรู้ตัวว่าดารีลทำอะไรกับเขา
“ คิดว่าหาข้าเจอก็ลองดู แต่บ้านของข้านั้นไม่ใช่ที่ของเด็กๆ เลิกล้มความคิดไปได้เลย ”
พ่อมดหน้อยกล่าวเหมือนรู้ทัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ