โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
157) ด้านมืดของโอรีเวีย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กทั้งสามต่างมองหน้ากันแล้วพร้อมใจก้มลงไปดูเบื้องล่างที่ดำมืดไม่น่าไว้วางใจนั้น เหมือนว่าพวกเขาจะสามารถมองเห็นบันไดแค่สิบสามขั้น ส่วนที่ลึกลงไปกว่านั้นแสงจากข้างนอกส่องไปไม่ถึง
“ ข้าได้ยินมาว่าโอรีเวียนั้นมั่งคั่ง ”
โลธอร์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“ บอกข้าหน่อยว่าข้างล่างนี้ซ่อนทองคำเอาไว้ ถ้าคิดจะเสียงชีวิตทั้งทีก็ควรจะมีของล้ำค่าล่อตาล่อใจ สำหรับคนทั่วไปแล้วเพื่อสนองความละโมบย่อมสังเวยได้ทุกอย่าง ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ”
“ เดิมทีปัญญาและความรอบรู้คือสมบัติล้ำค่าคู่เมืองโอรีเวีย แต่ตอนนี้ไม่เป็นดังนั้นแล้ว ”
อีเลียสบอก
“ ดีแล้วล่ะเพราะข้าไม่นิยมกินหนังสือเป็นอาหารหลักหรือต่อให้เป็นแค่อาหารว่างก็ตามที ”
เด็กอ้วนว่า
“ แต่เบื้องล่างนี้ ”
คนร่างผอมแห้งกล่าวพลางชี้นิ้วลงไป
“ ถ้าเดาไม่ผิดมันคือเมืองแพสทรูแลนด์ เมืองเก่าแก่ที่รุ่งเรืองที่สุดและล่มสลายไปในปลายยุคของซาเหวจลอร์ด ก่อนที่จะมีการสร้างโอรีเวียซ้อนทับไว้ด้านบน ”
“ แล้วเหตุใดโอรีเวียไม่อยู่บนกองเนินถ้ามีเมืองเก่าอยู่ข้างล่างจริง ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ เพราะว่าผู้ใช้เวทมนต์ฝังมันลงไต้ดินทั้งสมบัติและเหล่าภูตผี ทุกสิ่งทุกอย่างได้รวมกันอยู่ในนั้น ล้วนแล้วแต่เสื่อมโทรม ดำมืดและชั่วร้าย น้อยคนนักที่จะรู้เมืองโอรีเวียที่มั่งคั่งและงดงามนั้นยังซ่อนมุมที่น่ากลัว เศษกระดูกจากสงคราม สัตว์ปีศาจที่พลัดหลง วิญญาณร้ายที่คั่งแค้น ทั้งหมดอยู่เบื้องล่างนั้นพร้อมกับอดีตอันอื้อฉาว พวกเจ้าลองคิดดูดีๆ ในตอนที่ยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ ว่าคุ้มแล้วหรือที่จะเสี่ยงชีวิต ”
“ สมบัติที่ว่ามีมากเท่าไหร่ล่ะ ”
โลธอร์ถามบ้าง
“ ข้าว่าตามตำรา มากหรือน้อยนั้นยืนยันไม่ได้ หลังจบสงครามเมืองแพสทรูแลนด์พังพินาศอย่างหนักและเต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย แม้ในยุคนั้นจะมีโจรชั่วและนักล่าสมบัติมากมาย แต่เมืองที่ถูกถล่มโดยจอมปีศาจจนราบคาบแบบนั้น มันเสี่ยงเกินไปที่จะขุดคุ้ยหาสมบัติ ถึงอย่างไรชีวิตก็มีค่ากว่าทองคำหรือไม่จริง ”
“ แสดงว่าของมีค่าต่างๆ ยังไม่ถูกขนย้าย ”
เจ้าเด็กร่างอ้วนว่า
ดวงตาเป็นประกาย
“ นี่ฟังข้าจบหรือเปล่า ก็บอกแล้วไงว่านอกจากสมบัติแล้วยังมีผีร้ายอยู่ด้วย เจ้ากลายเป็นคนละโมบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
อีเลียสโวยวาย
แล้วหันมาทางเด็กชายชาวซีนาร์ย
“ ฟิโลโซเฟอร์เจ้าลองคิดดูให้ดี สิ่งที่กำลังทำอยู่มันคุ้มค่าแล้วหรือ ”
เด็กชายตัวน้อยมองดาบสีเงินในมือ
แล้วพยักหน้า
เข้ารู้สึกเป็นห่วงเจ้าของดาบอย่างบอกไม่ถูก
“ แล้วเจ้าล่ะอีเลียสอยากลงไปหรือไม่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามกลับ
เจ้าเด็กร่างผอมนั่งลง
ยกมือขึ้นกอดอก
“ ข้าไม่แม้แต่จะคิดที่แบบนั้นมีแต่คนเสียสติเท่านั้นที่อยากไป ”
“ เช่นนั้นแล้วข้าจะไปคนเดียว กลับเข้าหอนอนไปเถิด ขอบใจมากที่อุตส่าห์ช่วยหาทางเปิดประตู ”
เด็กชายว่า
“ คนเดียวที่ไหน ”
โลธอร์ท้วง
“ ข้าเกิดในหุบเขา เรื่องมุดถ้ำขุดเหมืองน่ะคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ข้างล่างนี้เป็นเมืองเก่าเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย ข้ามาถึงนี่แล้วไม่คิดลงไปชื่นชมเป็นไปได้หรือ ”
“ ให้ตายสิ ”
เด็กร่างผอมแห้งร้องด้วยความขัดใจ
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเราไปไม่นาน เจ้าไปนั่งรออยู่กับฟีไลร่าเดี๋ยวกลับมาคงมีเรื่องสนุกเล่าให้ฟัง ”
โลธอร์บอก
“ เมื่อเจ้าทั้งสองตัดสินใจเช่นนั้น ข้ามีทางเลือกอื่นด้วยหรือนอกจากตามไปด้วย พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วข้าทนนั่งรอฟังข่าวไม่ไหวหรอก ”
ฟิโลโซเฟอร์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
อีเลียสฉลาดก็จริง
แต่เขามิใช่นักสู้
โลธอร์กลับชอบใจ
เขารับรองจะดูแลสหายร่างผอมให้ดี
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“ ทางลงที่มืดมิดช่างเป็นลางที่ไม่ดีเอาเสียเลย ”
อีเลียสบ่น
“ ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะนำแสงสว่างมาให้เอง ”
เด็กชายจากหมู่บ้านแห่งการทำเหมืองหยิบตะบันไฟ
แล้วโยนลงไปข้างล่าง
แสงไฟสว่างวูบวาบก่อนจะกลืนหายเข้าไปในความมืด
แต่กระนั้นก็ยังส่องให้เห็นบันไดเวียน
ที่ไม่มีราวจับ
หมุนวนลงสู่เบื้องล่าง
“ เอาล่ะทีนี้ใครจะไปก่อน ”
โลธอร์ถาม
เด็กชายชาวซีนาร์ยก้าวเท้าลงไปโดยไม่เอ่ยความเห็นใด
“ ให้ได้อย่างนี้สิ ”
อีเลียสจุดคบไฟแล้วส่งไปให้
ฟิโลโซเฟอร์รับมาถือในมือข้างหนึ่ง
ส่วนอีกข้างกำดาบสีเงินเอาไว้อย่างมั่นคง
เพทายที่ประดับบนด้ามดาบ
เปล่งประกายสีจาง
นั่นทำให้เด็กชายใจคอไม่ดี
เขารู้สึกได้ว่า
มีอำนาจมืดบางอย่าง
รออยู่เบื้องล่าง
และดาบเวทมนตร์ของดารีลก็รับรู้ถึงมันเช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ