Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
15.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Trap Evil : 03
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ03
“มึงมองโทรศัพท์บ่อยไปนะ”
เสียงของไอ้ราพณ์เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันเอ่ยทักขึ้นหลังจากที่มันสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่จ้องโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของตัวเองนิ่งๆอยู่อย่างนั้นโดยไม่ยอมพูดยอมจากับใคร โทรศัพท์นี่มันเป็นของยัยผู้หญิงซุ่มซ่ามที่เดินมาชนผมที่ใต้ตึกคณะบริหาร มันจะบังเอิญเกินไปไหม ที่โทรศัพท์ของผมกับเธอดันเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือรหัสผ่านเรายังใช่ตัวเดียวกันอีก แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าไอ้เครื่องนี้ไม่ใช่ของผมมันเพราะรูปพักหน้าจอที่ฉายอยู่บนหน้าจอนี่แหละ ของผมมันเป็นแค่พื้นหลังสีดำพื้นๆธรรมดาๆ แต่ของผู้หญิงคนนั้นเป็นรูปคู่ รูปคู่ที่ดูก็รู้ว่าคนถ่ายมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ถ่ายรูปนี้
“เฮ้ย นั่นโทรศัพท์ใคร ไม่ใช่ของมึงนี่”
ไอ้ไตรทศเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชะโงกหน้ามาดูสิ่งที่ผมกำลังถืออยู่ในมือและเป็นสิ่งที่ผมกำลังสนใจอยู่ตอนนี้ หลังจากที่ไอ้ราพณ์พึ่งทักไปเมื่อครู่
“แล้วมึงเอาของใครมาใช้ว่ะ”
ไอ้ปักษาเอ่ยเสริมขึ้นอีกคน วันนี้พวกเพื่อผมมันเสือกเป็นพิเศษไหม
“กูไม่รู้ สงสัยสลับกันตอนเดินชนกันมั้ง”
ผมกล่าวแล้วมองดูรูปภาพที่เจ้าของเครื่องถ่ายไว้ด้วยความสนใจ ไม่รู้ดิผมว่าผู้หญิงคนนี้มันมีอะไรแปลกๆ
“แล้วมึงไปสลับกับใครว่ะ”
“กูไม่รู้ รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง”
ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าผมเริ่มรำคาญพวกมันเต็มที่แล้ว แต่เพื่อนผมหรือจะกลัว ถ้าคนเราไม่มีนิสัยเหมือนกันจะเป็นเพื่อนกันมาไม่รอดจนถึงทุกวันนี้หรอก จริงไหม
“สวยไหม”
“ไม่รู้ดูเอาเอง”
ผมพูดแล้วโยนโทรศัพท์ไปให้พวกมันอย่างส่งๆโดยไม่สนใจมันเลยสักนิดว่ามันจะตกลงไปหล่นที่ไหน จะถนอมมันทำไมก็มันไม่ใช่ของผม
“เฮ้ย น่ารักดีนี่หว่า เนิร์ทๆดี แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้มันไอ้พันแสง นิ”
มันเป็นเสียงอขงไอ้ไตรทศที่เป็นคนเดียวที่ขี้เสือกที่สุดในกลุ่มผมเลยก็ว่าได้ แต่ ไอ้พันแสงที่มันเอ่ยถึงนี่มันใคร
“แฟนมันเหรอว่ะ”
ไอ้ราพณ์หันไปถามไอ้ไตรทศเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ใครก็ได้ บอกผมหน่อยว่าไอ้พันแสงที่พวกเพื่อนผมกำลังพูดถึงมันคือใคร
“กูจะไปรู้เหรอ มันไม่ใช่พวกในถิ่นนี้ กูรู้แค่ว่ามันร้ายพอตัวเลยละ”
ไอ้ไตรทศกล่าวพร้อมกับทำหน้ากังวลเล็กน้อย ผมไม่ค่อยได้เห็นคนอย่างมันทำหน้าแบบนี้สักเท่าไหร่ แสดงว่าไอ้พันแสงอะไรนั่นร้ายน่าดู แต่ต่อมาโทรศัพท์ที่ไอ้ไตรทศถืออยู่ก็สั่นขึ้นมาเมื่อมีสายเรียกเข้า
“มีคนโทรมาว่ะ”
มันกล่าวแล้วยื่นโทรศัพท์เครื่องนั้นมาให้ผม เบอร์ที่โทรมามันถูกบันทึกชื่อไว้ด้วยฝีมือของเจ้าของเครื่อง มันเลยทำให้ผมรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร
พันแสง
และคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือคนเดียวกันกับเจ้าของหัวข้อบทสนทนาเมื่อกี้ไงล่ะ
[อยู่ไหน บุหลัน]
ทันทีที่ผมกดรับคนปลายสายก็ยิงคำถามใส่ผมทันที แต่ในน้ำเสียงก็บ่งบอกถึงความหงุดหงิดนั้นมันแฝงไปด้วยอารมณ์ที่บ่งบอกถึงความห่วงใยไปด้วย สงสัยยันนี่คงเป็นแฟนไอ้พันแสงอะไรนั่นจริงๆ
"..."
ผมไม่ได้ตอบกลับแต่ผมตัดสินใจกดตัดสายไปทิ้งแทน ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของบรรดาเพื่อนจอมเสือกของพวกผม แต่แล้วโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง แต่มันเป็นเบอร์ที่ผมคุ้นตาผมเป็นอย่างดี ก็มันเป็นเบอร์ของผมยังไงล่ะ
[เอ่อ สวัสดีค่ะ]
น้ำเสียงที่บบ่งบอกถึงความรู้สึกประหม่าบวกกับการพูดที่ตะกุกตะกักนั่นอีก มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาได้ทันที ให้ตายสิ น่ารำคาญชะมัด
“อืม”
[ฉันมาถึงแล้วค่ะ]
“VIP โซน A ห้องแรก”
ก็ผมมันเป็นคนประเภทพูดน้อยต่อยหนักผมจึงพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่จะกดตัดสายทิ้งไป แล้วผมก็กวาดสายตามองดูรอบๆไปด้วยความเบื่อหน่าย แบบว่าตอนนี้ผมรู้สึกเบื่อจริง เพราะคืนนี้ผมต้องรอคู่กรณีของผมเอาผู้หญิงมาถวายให้อีก ลองคิดดูสิ ว่าคืนนี้มันน่ามันน่าเบื่อขนาดไหน
บุหลัน Talk
[VIP โซน A ห้องแรก]
มันคือไร คือฉันงง ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเข้าผับเป็นครั้งแรก แถมยังต้องเอาโทรศัพท์มาเปลี่ยนกันอีก พอฉันโทรเข้าไปในเครื่องของฉัน คือปลายสายขอกมาแค่ประโยคสั้นๆแล้วก็ตัดสายไป เขาคิกว่าคนอย่างฉันมันจะไปเข้าใจเหรอ
“ว่าไงบ้าง บุหลัน”
มิลาถามขึ้นพร้อมจับไหล่ฉันไว้เบาๆ ฮือ ฉันไม่ชอบที่นี่เลยมีแต่กลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่เต็มไปหมด ฉันเป็นคนแพ้กลิ่นบุหรี่ด้วยดิ แถวยังมีแสงไปหลากสีที่น่าเวียนหัวอีก ดีที่ฉันไม่ได้มาคนเดียว ไม่งั้นฉันได้เป็นลมล้มลงที่กลางผับนี้แน่ๆ
“เขาบอกว่า VIP โซนA ห้องแรกอ่ะ มันคือไร ฉันไม่เข้าใจ”
“ยัยเอ๋อเอ๊ย ดีแล้วที่ฉันไม่ปล่อยแกมาคนเดียว มาเดี๋ยวฉันพาไปเอง”
มิลาหันมาพูดกับฉันแล้วลากไปยังจุดหมายปลายทางทันที และตอนนี้พวกเราก็มาถึงหน้าประตูห้องที่ว่านั่นแล้ว
“เอาไงต่อ”
“เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง มิลารออยู่ตรงนี้แหละ”
ฉันอยากทำอะไรด้วยตัวของฉันบ้างเลยบอกไปแบบนั้น ฉันไม่อยากตัวเองเป็นภาระของใครอีกแล้วแหละ
“จะดีเหรอ”
มิลายังคงไม่คลายความกังวลไป ฉันเลยจับมือเธอไว้แล้วยิ้มให้ เพื่อสื่อให้เห็นว่างานนี้ฉันสู้ตาย
“เชื่อใจฉันเหอะน่ะ”
ฉันพูดแล้วหันไปมองตรงบานประตู บอกตามตรงตอนนี้เลยน่ะ ฉันโคตรกลัวเลย กลัวจนขาสั่นไปหมดแล้ว แต่ฉันจะแสดงความอ่อนแอให้มิลาเห็นอีกไม่ได้ สู้ๆ บุหลัน
ก๊อก ก๊อก
ฉันเคาะประตู แล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นได้ สิ่งที่ฉันพบคือ กลุ่มผู้ชายน่าตาดี 4 คนกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ นี่ฉันหลุดเข้ามาในโลกของเทพบุตรหรือยังไงกันทำไมในห้องนี้ถึงได้รวมผู้ชายหน้าตาดีไว้เต็มไปหมดแบบนี้กันเนี้ย เหมือนพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงการมาของฉันพวกเขาถึงได้พร้อมใจกันหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
“เอ่อ คือ”
และตอนนี้ฉันก็เกิดอาการใบ้รับประทานขึ้นมาอย่างฉับพลัน ปกติฉันเป็นคนพูดมากน่ะแต่ตอนนี้นึกหาคำพูดไม่ออกจริงๆ
“โทรศัพท์สินะ”
จู่ๆก็มีเสียงของผู้ชายเอ่ยขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว มันทำให้ฉันสะดุ้งไปเล็กน้อย ก็คนมันตกใจนี่น่า
“ใช่ค่ะ”
ฉันตอบกลับไปแล้วหันไปสบตากับคนที่พูดประโยคเมื้อกี้นี้ พวกเขาทุกคนดูหล่อมากและหน้าตาก็บ่งบอกอย่างเห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างที่จะอันตราย นี่ขนาดฉันที่ไม่ค่อยจะชำนาญเรื่องนี้สักเท่าไหร่ฉันยังพอรับรู้ได้ สงสัยเพราะฉันสังเกตตรงที่เขามีรังสีเหมือนพี่ชายฉันละมั้งถึงได้รับรู้อะไรแบบนั้นได้
ฉันที่ค่อนข้างที่จะสนิทกับพี่ชายและบ่อยครั้งทีี่ฉันต้องไปเจอกับบรรดาเพื่อนของพี่ชายฉัน บอกได้เลยว่ากลุ่มของพวกผู้ชายกลุ่มนี้มีรังสีความชั่วร้ายไม่ต่างจากพวกพี่ฉันเลยสักนิด นี่ฉันกำลังทำอะไรของฉันอยู่กันเนี้ย ฉันควรทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี ใครก็ได้ บอกฉันที
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล.บุหลันเป็นคนที่เอ๋อและปัญญาอ่อนค่ะ 5555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ