สาวผมแดงกับปีศาจจิ้งจอก

-

เขียนโดย FreelyMint

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 04.01 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  2,379 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2563 04.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 ความจริงที่เพิ่งรู้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1

ความจริงที่เพิ่งรู้

            10 ชั่วโมงก่อนหน้า

            “เอาเอสเปรซโซ่เย็นอีกแก้วค่ะ” ฉันเดินไปบอกกับพนักงานที่เคาน์เตอร์แล้วยืนรอรับกาแฟแล้วค่อยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ

            ภายในร้านก็มีทั้งคนที่นั่งจิบกาแฟเหมือนกับฉัน แล้วก็มีคนที่แวะมาซื้อกาแฟกลับไปดื่ม แต่ไม่ว่าใครต่างก็มองมาที่ผมของฉัน ฉันเริ่มจะอึดอัดกับสายตาเหล่านั้นเต็มที รู้อย่างนี้น่าจะม้วนผมแล้วใส่หมวกออกมาเจอลูกค้าก็ดี

            ฉันชื่อ ‘ริน’ ตอนนี้ก็อายุ 23 ปีแล้ว หลังจากเรียนจบฉันก็ทำงานเป็นพนักงานแบงก์ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง และขายประกันไปด้วย แต่งานประกันมันกลับทำให้ฉันได้เงินมากกว่างานหลักซะอีก มันก็อาจจะมาจากสาเหตุที่ฉันมีวาทศิลป์เป็นอาวุธที่ทำให้ใครคล้อยตามง่ายๆ ล่ะนะ ฉันก็เลยออกมาขายประกันเต็มตัว ทำให้มีชีวิตอิสระขึ้นมาจากเดิมพอสมควร

            วันนี้ลูกค้านัดฉันเอาไว้เพื่อที่จะปรึกษาเรื่องทำประกัน ถึงแม้ปกติฉันจะเน้นคุยกับลูกค้าแบบออนไลน์ แต่ลูกค้าคนนี้เรียกฉันมาปรึกษาเพราะจะทำประกันทั้งครอบครัว ฉันเลยต้องแบกสังขารมาเพื่อรับทรัพย์โดยเฉพาะ

            แต่นี่เวลาก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกค้า

            ฉันถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะดูดกาแฟเข้าเต็มคำ อยู่ๆ หัวใจมันก็เต้นตุบๆๆ อย่างแรงเลยต้องรีบวางแก้วลงอย่างไว

            เอ่อ.. ฉันไม่ได้เป็นโรคหัวใจอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แค่ดื่มกาแฟรอลูกค้าแก้วนี้เป็นแก้วที่ 3..

            ครืด.. ครืด...

            ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือแล้วกดรับสาย ซึ่งคนที่โทรเข้ามาก็คือลูกค้าตัวดีที่ปล่อยให้ฉันรอเก้อ

            “สวัสดีค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ แม้ในใจตอนนี้จะกำลังเดือดปุดๆ อยู่ก็ตาม

            “ขอโทษด้วยนะคะคุณริน พอดีฉันติดธุระด่วนเลยไปตามนัดไม่ได้แล้วค่ะ”

            “อ๋อ อย่างนั้นเหรอคะ เอาไว้เรานัดกันวันหลังก็ได้ค่ะ”

            “แต่วันนี้ตอน 4 โมงเย็นคุณรินพอจะมีเวลาว่างไหมคะ ฉันกลัวว่าวันอื่นจะไม่มีเวลาแล้วเพราะต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ”

            “สี่โมงเย็นรินสะดวกค่ะ นัดเจอกันที่ไหนดีคะ”

            “คอนโดฉันเองค่ะ ใกล้กับบริษัทของคุณรินเลย เดี๋ยวจะส่งโลเคชั่นไปให้นะคะ”

            “ค่าๆ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ”

            ฉันกดวางสายด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย แต่เอาเถอะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนเบี้ยว เสียเวลาไปตั้งเป็นชั่วโมงเลยนะเนี่ย

            ฉันลุกออกจากร้านกาแฟ ก่อนจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง ..ไปไหนต่อดีนะ

            เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันไม่ได้เจอกับนัท เขาเป็นแฟนของฉันที่คบกันมาได้สามปีกว่าแล้ว ปกติวันหยุดแบบนี้เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่ฉันติดลูกค้าเลยต้องเบี้ยวนัดกับแฟน ไหนๆ วันนี้ก็ยังพอมีเวลา ไปเซอร์ไพร้ส์เขาหน่อยดีกว่า

            ฉันมาที่คอนโดของนัท เปิดประตูห้องเข้าไปด้วยคีย์การ์ดสำรองที่เขาให้ฉันเก็บไว้ ฉันวางเค้กที่ก่อนหน้านี้ไปต่อแถวซื้อมาเกือบชั่วโมงไว้ที่เคาน์เตอร์ แต่พอเดินหานัทจนทั่วบ้านก็ไม่เห็น โทรไปเขาก็ไม่รับ ไปไหนของเขากันนะ ปกติถ้าจะออกไปไหนก็ต้องไลน์บอกฉันแล้วนี่นา

            สุดท้ายฉันก็ต้องหอบสังขารไปหายัยแพท เพื่อนซี้ปึ๊กของฉันที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของนัท

            “อะไรของแกเนี่ยยัยริน พอมาถึงก็ทำหน้าหงิก”

            “วันนี้เจอแต่เรื่องไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง เฮ้ออ เซ็งจัง นี่แกช่วยต้มบะหมี่ให้ฉันชามสิ”

            “แหม มาบ้านคนอื่นแล้วยังจะใช้เจ้าของบ้านอีกนะ”

            แต่ถึงจะบ่นไปอย่างนั้น แพทมันก็เดินไปต้มบะหมี่ให้ฉันอยู่ดี แพทเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ฉันมี ฉันรู้จักกับแพทเพราะยัยนั่นชอบผมสีแดงของฉัน ในตอนนั้นแพทยกให้ฉันเป็นไอดอลที่กล้าแหกกฎโรงเรียนด้วยการย้อมผมสีแดงแปร๊ด กว่ามันจะรู้ความจริงว่าฉันผมสีแดงมาตั้งแต่เกิดก็ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เหตุผลที่ทำให้เรารู้จักกันมันมีแค่นั้นจริงๆ แต่เราก็เป็นเพื่อนกันมาได้เข้าปีที่เจ็ดแล้วมั้ง

            ฉันนั่งกินบะหมี่จนเกลี้ยงชาม ก่อนจะมองนาฬิกา ตายแล้ว บ่ายสามครึ่ง !!

            “ยัยแพท ฉันติดงาน ให้ตายสิลืมจนได้ ฉันไปละนะ อ้อยืมหมวกด้วย”

            ฉันพูดรัวๆ ใส่เพื่อน แล้วเดินไปหยิบหมวก Newsboy Cap หรือ ที่เรียกกันทั่วไปว่าหมวกฟักทอง ใบโปรดของเพื่อนไปหน้าตาเฉย เอาเถอะ มันโกรธฉันได้ไม่ถึงห้านาทีหรอก

            ฉันรีบขับรถมาที่คอนโดของลูกค้าตรงเวลาเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกินสักนาที ส่วนลูกค้าก็มานั่งรอฉันที่ล็อบบี้ก่อนแล้ว

            “คุณรินใช่มั้ยคะ”

            “ใช่ค่ะ รู้ได้ยังไงคะเนี่ย”

            “ผมสีแดงขนาดนี้ จำง่ายจะตายค่ะ”

            “ฮ่าๆ อย่างนั้นเหรอคะ” ขนาดม้วนผมแล้วแต่มันก็ยังเด่นสะดุดตาอยู่สินะ ไอ้ผมสีแดงๆ ของฉันเนี่ย

            ลูกค้าพาฉันไปนั่งที่โซฟาบริเวณล็อบบี้ แต่ถนนหน้าคอนโดกำลังซ่อมแซมพอดี เลยมีเสียงดังรบกวนการพูดคุยของเราสองคน

            “ถ้าคุณรินไม่ติดอะไร ขึ้นไปคุยต่อที่ห้องฉันได้นะคะ”

            “เอ่อ..เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”

            ฉันเดินตามลูกค้าไปที่ห้องด้วยความเกรงใจ พอไปถึงฉันก็นั่งสงบเสงี่ยมที่โซฟาเตรียมเอกสารเอาไว้รอ

            “เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้นะคะคุณริน”

            “ค่า ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้ลูกค้าอย่างเกรงใจ ก่อนที่จะมีใครบางคนเปิดประตูห้องนอนออกมา พอฉันเห็นว่าเขาเป็นใครหัวใจมันก็หล่นวูบ

            นัท..

            นัทยืนอึ้งเมื่อเห็นฉัน ในตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างก็มัดผ้าขนหนูเอาไว้หลวมๆ เราสองคนยืนมองหน้ากันนิ่ง บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ แม้ในใจฉันอยากจะโวยวาย แต่มันก็ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก

            “อ้าวนัท รีบไปอาบน้ำสิ มายืนแบบนี้คุณรินก็ตกใจหมดพอดี” ลูกค้าพูดกับนัทด้วยคำพูดที่ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ก่อนจะวางน้ำเปล่าเอาไว้ที่โต๊ะ ฉันจึงได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ พอมองหน้านัทอีกครั้งเขาดูเครียดมาก สีหน้าเป็นกังวลจนฉันดูออก

            “คือว่าฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปทำธุระ วันนี้เอาเอกสารไปอ่านแล้วกันนะคะ ถ้าตกลงจะทำสัญญาเมื่อไหร่เอาไว้เราค่อยนัดกันอีกรอบนะคะ”

            ฉันพูดกับลูกค้าโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ฉันเดินออกมาอย่างรีบร้อนเพราะกลัวน้ำตามันจะหยดลงตรงหน้าสองคนนั้น แค่ดูจากสถานการณ์ฉันก็เดาออกแล้วว่าสายตาของนัทมันกำลังบอกให้ฉันห้ามพูดเรื่องของเราออกไป ผู้หญิงคนนั้นคงสำคัญกับเขามากจริงๆ

            ฉันเข้ามานั่งในรถของตัวเองแล้วปล่อยโฮจนแทบขาดใจ ความรู้สึกมันทั้งเสียใจและสับสน ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามนัท แต่ภาพที่ได้เห็นมันก็ชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้ว

            สุดท้ายคนที่เป็นที่พึ่งให้ฉันในช่วงเวลาแย่ๆ แบบนี้ก็มีแค่แพท ฉันเลยขับรถกลับมาที่บ้านของแพทอีกครั้ง ปล่อยโฮอย่างไม่ห่วงสวย ส่วนยันนั่นแม้จะไม่ได้พูดปลอบโยนอะไรมากมาย แต่แพทก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจว่าฉันยังเหลือคนที่จริงใจอยู่

            ฉันร้องไห้จนแทบจะจมกองน้ำตาตายจนหยุดร้องได้เมื่อครบ 3 ชั่วโมงพอดี แพทเลยสละห้องนอนให้ฉันพักผ่อน ก่อนจะบอกให้ฉันตื่นตอนสองทุ่มโดยไม่ได้บอกว่าทำไม

            พอฉันตื่นยัยนั่นก็ให้ฉันไปอาบน้ำ เสร็จก็ให้ฉันแต่งตัวด้วยชุดเซ็กซี่แหวกจนแทบจะเหมือนไม่ใส่ จนฉันทนไม่ได้เลยต้องหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่แทน หลังจากนั้นมันก็จับฉันแต่งหน้า

            “นี่แกจะพาฉันไปไหนเนี่ยยัยแพท”

            “ไปเปิดโลก” พูดจบแค่นั้นยัยเพื่อนตัวดีก็ลากฉันขึ้นรถแล้วพาขับออกไปหน้าตาเฉย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา