นรกบนดิน(yuri)
เขียนโดย themockingjay
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) อาจารย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"จารย์" จริงหรอเธอไม่อยากจะเชื่อ ให้ตายเถอะรู้ไหมว่าเธอคิดถึงแค่ไหน ห่วงมากแค่ไหน ติดต่อก็ไม่ได้ หลังจากที่เธอไปบ้านรินและเกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออาจารย์ของเธออีกเลย หลังจากที่เธอเข้ามาพักที่ค่ายทหารนี้ เขาก็ไม่ให้ติดต่อกับใคร เพื่อกันปัญหาหลายอย่างถ้าหากมีคนพบสถานที่นี้ คนอื่นก็จะแห่มาตามหลังจากนั้นคงพาเชื้อเข้ามาด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากให้เกิดปัญหานี้ขึ้น จึงไม่ให้ใครในค่ายทหารนี้สามารถติดต่อกับบุคคลภายนอกได้
เรื่องของโทรศัพท์เขาจะยึดทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่จะแจกโทรศัพท์ที่ใช้เพียงโทรเข้าและออกเท่านั้น (คล้ายๆ โนเกียแบบปุ่มกด) หากใครต้องการที่จะติดต่อ ซึ่งเธอเองจำเบอร์อาจารย์ของเธอไม่ได้ เลยก็เป็นแบบเลยตามเลยมานี้
"แพรว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" อาจารย์เค้ก ผู้มีหน้าตาราวกับเหยี่ยว ใบหน้ารูปไข่ ตาสองชั้น คิ้วเข้มได้รูป ใบหน้าเนียนใสจมูกโด่ง มีทรวดทรงองเอว จัดว่าเป็นนางแบบได้ก็คงไม่มีใครว่าอะไร และพวกเธอทั้ง2คนนั้นอยู่ในความสัมพันธ์ที่อธิบายค่อนข้างยาก จะอยู่ในฐานะคนคุยไหมก็ไม่รู้ แฟนรึเปล่าก็ไม่น่าใช่
ก่อนที่จะเกิดเรื่องก็โทรคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ถี่ เป็นแบบนี้มาปีกว่าเเล้ว แต่ก็นะก็เธอไปบังเอิญรักผู้หญิงเย็นชาที่ในหัวมีแต่งานกับงานเท่านั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีเธอในนั้นบ้างรึเปล่า
"พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ อาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ"
" อื้มก็ดี เอ่อเราเข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า" อาจารย์ผายมือให้เข้าไปในห้องของอาจารย์
"อ.. อ๋ออค่ะ" ให้ตายเถอะประหม่าชะมัด และทางอีกฝ่ายก็ไม่ต่างกัน อาจารย์หน้าแดงไปถึงหูแต่ลูกศิษย์เธอก็ใสซื่อจริงๆ ทำอะไรไม่เคยจะรู้เล้ยว่าเธอคิดอะไรอยู่ นี่ถ้าไม่ทำให้รู้คงไม่รู้จริงๆ สินะ
หลังจากที่พวกเธอเข้ามาให้ห้องเรียบร้อยเเล้ว เธอเรียกลูกศิษย์ของเธอให้เข้ามานั่งที่เตียงได้เลย ไม่ต้องเขินยืนหน้าประตูอยู่อย่างนั้น
"อาจารย์คะ เอ่อคือ...."
"ไม่ต้องเรียกทางการก็ได้ เรียกเหมือนอย่างที่เคยเรียกนั่นแหละ"
' ว้ายยยยยยยยยยย ฉันเขินนนนอะแกรรร รินช่วยฉันด้วยฉันอยู่กับอาจารย์สองต่อสองในห้อง! ' แพรวคิดในใจปกติเคยคุยกันในโทรศัพท์ไม่เคยคุยแบบตัวเป็นๆ แบบนี้เลยง่ะ!!
"ค่ะพี่เค้ก"
'เชี้ยเขินโว้ยย'
"นั้นแหละ" ลูกศิษย์เธอนี่ดูง่ายมากจริงๆ แค่เรียกชื่อเธอแค่นี้ถึงกับเขิน น่ารักจริงๆ
"คือเอ่อพี่เค้กมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ พี่เค้กไม่เป็นอะไรนะคะ เอ่อคือ..."
"รู้แหละว่าเป็นห่วง" เธอเอื้อมมือไปสัมผัสกับใบหน้าที่เธอเอ็นดูนักเอ็นดูหนา
"......."
"โอเคพี่ไม่แกล้งเธอแล้ว เดี๋ยวจะเขินไปยิ่งกว่านี้" เค้กหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางอันน่ารักน่าชังของแพรวที่ตอนนี้ ตัวไหม้ได้ไหม้ไปแล้ว เขินจนอยากจะเป็นลมจริงๆ
"ตอนวันที่พี่คุมสอบพวกเธอเสร็จ พี่ก็เก็บงานอะไรให้เรียบร้อยในห้องอาจารย์จนถึงประมาณบ่ายสอง ประชาสัมพันธ์ได้ประกาศว่าให้อาจารย์และนักศึกษาทุกคนไปรวมตัวกันที่ตึกประชุมใหญ่ พี่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไร พอไปถึงก็เห็นทหารอยู่ประมาณ100นายมั้งเห็นจะได้ หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็พูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังและบอกให้อยู่ในความสงบ ตอนนั้นพี่ตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน หลังจากนั้นเขาก็กระจายเจ้าหน้าที่ให้พาตัวแต่ละคนอพยพพี่ก็เดินตามเขามาแหละจนมาถึงที่นี่ แล้วเธอละมายังไง"
"คือว่า....." หลังจากนั้นแพรวก็เล่าเรื่องในบ้านและเล่าเรื่องที่แม่ของรินเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
"จริงหรอที่เธอเล่ามาทั้งหมดเนี่ย"
"จริงค่ะพี่เค้ก พี่เค้กไม่ต้องกังวลนะคะ ตอนนี้เราเซฟเเล้วค่ะ" เธอพูดแล้วเอื้อมมือไปจับมือพี่เค้ก เพื่อให้คลายกังวลและยิ้มให้เท่าที่เธอจะทำได้เพื่อไม่ให้พี่เค้กเครียดและให้รู้สึกว่าเธอยังอยู่ตรงนี้เพื่อพี่เค้ก ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ประมาณนั้นนะ
เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นจริงๆ จากการกระทำของเด็กตัวน้อยของเธอและจากสายตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นห่วงเธอแค่ไหน มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ เมื่อคนที่เรารักยังอยู่กับเราและจะไม่จากไปไหน
เมื่ออารมณ์มันพาไปมือที่กุมของกันและกันอยู่ เธอได้เอามือของเธอออกและเปลี่ยนเป็นหลังคอเด็กตัวน้อยของเธอและเอานิ้วชี้ค่อยๆ ลูบให้รู้สึกวาบหวิว
"อื้อออ พี่เค้กทำอะไรคะ" แพรวรู้สึกเคล้มไปกับการกระทำทำให้เผลอส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว และเผลอเอามือไปจับแขนเพื่อให้หยุดการกระทำนั้นแต่ดูเหมือนจะตรงกันข้าม
"แพรวรู้รึเปล่าว่าที่เราคุยกันมาปีกว่านี้ พี่รู้สึกยังไง" เธอพูดแต่มือนั้นจะเหมือนปลาหมึกก็ว่าได้ มือซ้ายลูบคอไปเรื่อยๆ ส่วนมือขวาค่อยๆ ลูบตั้งแต่เข่าสูงขึ้นไปให้เด็กน้อยได้มีอารมณ์เล่น
"มะ... ไม่รู้สิคะ พี่... อะ... อ้ะ... อาจจะไม่รู้สึกกับแพรวเลยก็ได้ค่ะ" มือแพรวได้เอื้อมไปจับมือกำลังลูบวนๆ ขาของเธอให้หยุดแต่ไม่เป็นผล
'พี่เค้กเอาแรงมาจากไหนเยอะเเยะเนี่ย'
"เธออยากรู้ไหมว่าพี่คิดยังไงกับเธอ" เธอค่อยขยับเข้าไปไกล้แพรวทีละนิด มือเธอก็ทำหน้าที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่างในตัวแพรวขึ้นมา
"พ.. พี่คะ ค.. คือแพรวว่าเราไปกินข้าวดีกว่าค่ะ พี่หิวยังคะ"
"หิวค่ะ พี่ว่าจะกำลังกินอยู่เลยค่ะ"
"ค... อ้ะ... ค่ะ แพรวว่าไปกันดีกว่... อื้อออ" มือเธอที่กำลังสารวนอยู่กับต้นขาอยู่นั้นก็ค่อยๆ ลูบจากต้นขาไปยังแคมซึ่งจุดนั้นเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ได้ดีจริงๆ
" นี่ไงพี่ขอกินของหวานก่อนค่อยไปกินข้าวนะ" จากนั้นเธอก็ประกบริมฝีปากของกันเเละกัน แพรวเองก็คงพึ่งรู้ว่ารสจูบนั้นหอมหวานจนเธออยากจะลองชิมอีกสักครั้ง
รสชาติที่นุ่มเหมือนมาชเมลโล่ หวานเหมือนน้ำผึ้งที่ยากจะพละออกจากรสชาติที่นุ่มนวล หอมหวานซะจนความรู้สึกของแพรวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ
"อื้มมมม" มือเธอก็วนลูบทั่วร่างกายแต่เหมือนรู้สึกว่าเด็กน้องของเธอจะขาดอากาศหายใจสักก่อนจึงพละออกมา
"แห่กๆ " แพรวจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแน่น
"พี่ขออีกรอบได้ไหม"
"คือให้หนูพักก่อนได้ไหมคะ....อื้มมมมม" เธอออดใจไม่ไหวจริงๆ หน้าแพรวตอนแดงๆ และกำลังเหนื่อยอ่อนมันยิ่งทำให้เธอมีอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ชิมของหวานไปหลายนาทีเธอจึงค่อยๆ ผละออกให้แพรวได้มาอากาศหายใจบ้าง
"นี่แหละคำตอบของพี่" เธอยิ้มหวาน ให้ตายเถอะเราจะคุยกันเป็นปีไปเพื่ออะไรล่ะถ้าไม่สนใจกันตั้งแต่แรก
"ค่ะ" แพรวก้มหน้างุดเขินจนทำตัวไม่ถูก หน้าก็แดง อายก็อาย เขินก็เขิน
' บ้าเอ้ยยยย ลอยได้ลอยเเล้วนะ'
"เอ่อคือ...แพรวขอถามหน่อยได้ไหมคะพี่เค้ก"
" ถามมาเถอะ สำหรับแพรวพี่ยอมหมดอยู่เเล้ว"
"ค่ะ เอ่อคือว่าทำไมพี่เค้กถึงมาบอกตอนนี้ละคะ"
"555555นี่แสดงว่ารู้แล้วหรอว่าพี่คิดยังไงกับเธออะ"
" ก็.... นิดนึงค่ะ แต่ไม่ค่อยแน่ใจแค่นั้นเองค่ะ"
"ร้ายเหมือนกันนะ เธอเนี่ยย"
"อะไรคะพี่ เนี่ยพี่เค้กยังไม่ตอบคำถามแพรวเลยนะคะ"
"555555 ขอบจูบอีกครั้งได้ไหมคะ แล้วพี่จะบอกให้ฟัง"
'ว้ายยยยยยยยยย เขามาขอจูบฉันนน มีค่ะด้วยอะแกรรรรรรร ฉันหลงเขา แต่งค่ะแต่งเลย เงินไม่ต้องค่ะพี่เค้ก เอาตัวหนูไปเลยค่ะ'
"แปบเดียวนะคะ"
"ค่ะแปบเดียว"
"อืมมมม" เธอเข้าไปจูบแพรวอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลทำให้เจ้าตัวเล็กของเธอเคลิ้มจนล้มลงไปนอนกับเตียงและกอดคอเธอเหมือนว่ายังไม่อยากให้ไปไหนเหมือนกัน ดูแล้วอีกนานแน่ๆ ให้ตายเถอะวันเดียวยังขนาดนี้ไม่ต้องคิดเลยว่าวันต่อไปจะขนาดไหน ตัวเล็กของเธอน่ากินจนอดใจไม่อยู่จริงๆ
หลังจากพวกเธอได้ลิ้มรสของกันและกันเสร็จและเห็นอันสมควรว่าได้เวลาไปทานข้าวเเล้วเพราะตอนนี้เวลา 16.49น. อีก11นาทีโรงอาหารจะเปิดและจะได้ใช้บริการ ระหว่างที่กำลังแต่งตัวให้เรียบร้อย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากห้องข้าง
"แพรวอยู่ข้างในไหม ได้เวลากินข้าวเเล้ว เดี๋ยวมาหิวตอนดึกฉันไม่รู้ด้วยนะ"
"เพื่อนเธอมาตามเเล้วน่ะ" พี่เค้กขำเล็กน้อย
"5555ค่ะ"
'เชอะเพื่อนเธอมาตามตอนได้เวลาพอดีเป๊ะเลย'
พอเธอแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินออกไปรอพี่เค้กด้านนอกจู่ๆ ก็โดนดึงตัวไปกอด
"ว้ายพี่เค้ก ทำอะไรคะ"
"ที่พี่มาบอกตอนนี้เพราะจริงๆ เเล้วพี่จะบอกหลังสอบเสร็จแต่หาโอกาสบอกไม่ได้และมันก็เกิดเรื่องสักก่อน พี่กลัวน่ะ
กลัวจะไม่ได้บอกเธอ กลัวว่าพี่จะไม่ได้เจอเธออีก แต่เมื่อเจอแล้วยิ่งอยู่ข้างห้องกันอีก มันก็อดไม่ได้น่ะ เธอมองหน้าเจ้าตัวเล็กของเธออย่างจริงจัง แพรวเองก็รับรู้ว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดมันสำคัญกับเธอเเละเจ้าตัวขนาดไหน
แพรวได้ยินดังนั้นจึงกอดคอพี่เค้กและเขย่งปลายเท้ากดรินฝีปากของเธอเข้ากับริมฝีปากของพี่เค้กแล้วค่อยผละออก
"แพรวรักพี่นะคะ" คำว่ารักเนี่ยลึกซึ้งจังนะ เป็นคำที่ถ้าหากเป็นฝ่ายถูกบอกรักจากคนที่เรารักตอนนั้นเราคงบอกกับทุกคนได้เลยว่าความสุขเป็นหน้าตาแบบนี้นี่เอง เธอเองก็ไม่เคยอยากจะรักใครหรอกวันๆ ก็ทำแต่งานจนเจ้าตัวเล็กเข้ามาในชีวิตนี่แหละ ถึงทำให้เธอรู้จักคำว่ารักจริงๆ สักที ต้องขอบคุณเจ้าตัวเล็กมากๆ
"พี่ก็รักแพรวค่ะ " บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักมันหอมหวานเสมอ เธอก้มลงไปกอดเจ้าตัวเล็ก ซึมซับกันและกันก่อนค่อยผละออกมา
" ก๊อกๆๆ แพรวแกทำอะไรอยู่เนี่ย ฉันยืนรอนานแล้วนะ "
" ไปกินข้าวกันค่ะพี่เค้ก"
" ค่ะ " เธอทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนที่จะเดินออกไปเปิดประตู
" อ้าว แพรวแกไปไหนมา ทำไมแก….เอ่อ….ไปอยู่ในห้อง อารย์ " หลังจากเธอเคาะประตูเพื่อนตัวดีของเธอเป็นสิบๆ รอบ จู่ๆก็มีเสียงห้องประตูข้างๆ เปิดมา เป็นแพรวที่เดินออกมาก่อนแล้วตามด้วยอาจารย์เธอ
" อาจารย์สวัสดีค่ะ"
"จ้ะ เราไปกินข้าวกันดีกว่านะ เหมือนจะสายแล้วด้วย"
"ค่ะพี่เค้ก " เธอที่ยืนงงๆ กับบรรยากาศแปลกๆ สรรพนามแปลกๆ มีการยิ้มให้กันด้วย เธอหรี่ตามองแพรว ก่อนที่อาจารย์จะเดินนำและปล่อยให้พวกเธอทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
" มันหมายความว่ายังไง เหลามาให้หมดเลยนะ""
55555 เห็นหน้าแกตอนงงนี่ตลกดีอะ"
"แหม่ หน้าตาอิ่มหน่ำสมบูรณ์เลยนะเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่า"
"บ้าหรอ ยัง คืองี้... " แล้วเธอก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอปิดประตูใส่
" ว้ายยยย แรงมาก ฉันฟินแทนแกจริงๆ อะ"
"ใช่ปะ ตอนจูบนะฉันแทบขึ้นสวรรค์อะ"
" ฟินขนาดนั้นเลยหรอคะ"
" ฟินขนาดนั้นเลยอะค่ะ" พวกเธอเม้ามอยกันระหว่างเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่โกดัง11 โดยมีอาจารย์เดินนำหน้า
" อ้าวแล้วพ่อแม่แกอะ"
" ไปกันก่อนแล้ว ก็ฉันมัวแต่รอแกไปจู๋จี๋กับจารย์อยู่เนี่ย"
" ง่อลเพื่อนใครเนี่ย ทำไมน่ารักจัง"
" จ่ายมาด้วย20บาท"
"เอารอยยิ้มของฉันที่สุดแสนจะ…."
" พอออ เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง"
"แรงงงง ฉันร้องไห้ละ"
"เดี๋ยวฉันไปเรียกจารย์ให้"
รู้ใจ555555" พอพวกเธอทั้งสามคนถึงโรงอาหารแล้วหน้าตาคล้ายๆ โรงอาหารที่โรงเรียน จะมีร้านอาหารอยู่3ด้าน รอบๆ โรงอาหาร ที่นั่งจะเป็นโต๊ะยาวเป็นแถวยาว มีหลายแถวเพราะโรงอาหารนี้ต้องรองรับคนประมาณ4พันคน
" โรงอาหารหรือราชมังฯ ใหญ่มากอะ "
" พี่ว่าเราเข้าไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะ "
" ได้ค่ะพี่เค้ก"
" แหม่"
"นิดนึงอะแกรร คนกำลังมีความรักอะนะ "
" แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวนะ" เธอเบ๊ะปากมองบน อดหมั่นไส้คนขิงเก่งไม่ได้จริงๆ
" โฮ้ะๆ "
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปสั่งอาหาร โดยที่เราจะสั่งอาหารได้เลยไม่มีการแลกเงิน หรือคูปองอะไรต่างๆ สำหรับเธอแล้วตอนนี้ เธออยากกินส้มตำ
"จะมีไหมน้า โอ้ยขอโทษค่ะ"
"ขอโทษครับ" เธอมัวแต่มองเมนูอาหารที่หลากหลายจนลายตาทำให้เธอไม่ได้มองทางเดินไปชนกับคนคนหนึ่งเข้า เมื่อเธอกับเขาเผลอสบตากันให้เธอรู้ว่าเขาจัดอยู่ในกลุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเลยนะเนี่ย น่าจะสูงกว่าเธอสัก10ซ.ม. ประมาณ180ได้มั้งนะ คิ้วเข้ม ใบหน้ากับสันกรามดูเข้ากันได้ดี ที่สำคัญมีซิกแพคด้วย หล่อไปไหนพ่อคูณ
เธอยิ้มๆ ให้อีกคนก่อนที่จะเดินเลือกเมนูต่อ
" เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณพึ่งเข้ามาใช่ไหมครับ"
" อะ เอ่อ ใช่ค่ะ "
" คุณกำลังหาเมนูอะไรหรอครับเผื่อผมจะนำแนะได้ " ผู้ชายคนนั้นยิ้มๆ
' เวลายิ้มนี่คงตกผู้หญิงไปได้หลายคนเหมือนกันนะเนี่ย แต่เธอคงไม่ใช่หนึ่งในนั้น'
" คือฉันอยากกินส้มตำอะค่ะ ไม่ทราบว่าเดินไปทางไหนหรอคะ"
"อ๋ออ ทางนี้ครับเดี๋ยวผมนำเอง ผมก็กำลังอยากกินอยู่เหมือนกันครับ"
"อ๋ออค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยนำทางให้ " เธอยิ้มๆ
'ไอหมอนี่ดูมีอะไรนะ ต้องการอะไรจากเราไหมเนี่ย'
" ผมชื่อ กัน ครับ เอ่อคุณชื่อ…"
" ฉันชื่อ ริน ค่ะ"
" ครับนี่ครับถึงแล้ว" กันยิ้มหวานให้เธอซึ่งเธอเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน
"ขอบคุณนะคะ"
หลังจากที่เธอยืนคุยกับกันและได้เมนูที่เธอต้องการแล้ว เธอก็พึ่งรู้ว่ากันเป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่ ตอนแรกเขาก็เหมือนเธอนี่แหละ แต่บังเอิญว่าเขาไปแอบได้ยินผู้ใหญ่เขาคุยกันตอนนั่งอยู่ในโรงอาหารว่ามีโครงการที่คนธรรมดาเข้าไปเป็นหน่วยรบช่วยเหลือคนที่ประสบภัยที่อยู่ข้างนอกได้ เขาก็เลยอยากจะทำจึงเข้าไปเป็นซึ่งตอนนี้เขาก็เข้ามาประมาณ1เดือนแล้วเธอคิดว่าก็คงใช่แหละ หุ่นฟิตขนาดนี้แต่เธอรู้สึกว่าเคมีเธอกับผู้ชายคนนี้เข้ากันแปลกๆ ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี
" มาแล้ววว"
"ไปซื้อข้าวหรือไปเต๊าะผู้หญิงมาเนี่ย นานมาก"
" เปล่าย่ะ ไปโดนผู้ชายเต๊าะมา"
" ว้ายแรง ใครอะ"
" ชื่อกัน หน้าตาดี มีซิกแพค เขาอยู่หน่วยที่แม่ฉันบอกด้วยนะ ฉันว่าถ้าเราอยากเข้าเดี๋ยวไปถามเขาได้"
"หรอสนใจโครงการหรือสนใจใครกันแน่"
" ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายไหมล่ะ แกก็รู้"
" อ้าวจริงหรอเนี่ย พี่ก็คิดว่าเธอชอบผู้ชายสักอีก"
"งี้ไงแกถึงไม่มีแฟนสักที5555555"
" จ้าๆ ยอมแล้ว กินข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวก็เย็นอะ"
พวกเธอกินข้าวเสร็จก็ยกจานไปไว้ที่ล้างจานจากนั้นก็กลับโกดังแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง ดูเหมือนว่าเพื่อนตัวดีของเธอจะอยู่ไม่ติดห้องแล้ว ก่อนเข้าห้องยังมีการมาโบกมือก่อนเข้าห้องจารย์ด้วย
'แหม่ ขิงได้เป็นสวนแล้วแม่ ขิงเก่งจังเลย'
เธอเข้าห้องมาและล้มตัวลงนอน เธอจะเอายังไงดีกับชีวิตตอนนี้ เธอคิดจะอยู่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ชีวิตก็แย่พอๆ กับตอนที่เธอโดนแม่เธอด่าตอนอยู่ในห้องวันๆ ไม่ไปไหน มัวแต่ดูการ์ตูนว่า นายกเขามีนิสัยแบบนี้หรอ (ไม่ใช่นายกคนปัจจุบันนะ) จุก จุกมาก ย้อนมาดูตัวเองก็รับไม่ได้ตอนนั้นก็แย่พอแล้วตอนนี้ที่เราวางแผนว่าจะทำเป็นขั้นตอนในการเป็นผู้นำกลับไม่มีทางเหลืออยู่เลย ชีวิตไขว้เขวไปหมด แต่ก็อยากทำให้ชีวิตเธอมีประโยชน์บ้าง คิดจะไปอยู่ในหน่วยกับกันที่พึ่งรู้จักกันมาดีไหมนะ เธอยิ่งไม่มีอะไรทำอยู่ด้วยเธอคิดวนๆ แบบนี้จนหลับไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ