นรกบนดิน(yuri)
เขียนโดย themockingjay
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ผู้ชายที่กำลังข้ามถนน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“รินตื่นได้แล้วลูก วันนี้มีสอบตอน9โมงไม่ใช่หรอ เดี๋ยวลูกก็ไม่สอบไม่ทันหรอก” แม่ที่กำลังทำอาหารอย่างเร่งรีบเพราะอีกเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเข้างานเเล้วและยังต้องรีบปลุกลูกตัวดีที่กำลังนอนฝันอย่างสบายใจโดยที่ไม่รู้ว่าวันนี้มีสอบfinal test
“ ค่า...” ริน อภิสรา จันทรวรกุล ใบหน้าเนียนสวยที่ต้อนรับกับแสงตะวันทำให้ดูผ่องโดยไม่ต้องแต่งหน้า ขนตาเรียวยาว จมูกโด่งคมได้รูปเข้ารูปกับใบหน้ารูปใข่ เธอสามารถเป็นดารานางแบบได้สบายๆ ทั้งรูปร่างและหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ จัดว่าเป็นคนที่สวยและดูน่ารักในเวลาเดียวกันเธอได้เอ่ยตอบรับแม่ของเธอที่อดีตเป็นถึงนางงามระดับประเทศแต่ผันตัวมาเป็นนักสิทธิสตรีและได้เจอพ่อของเธอที่ซึ่งเป็นนักปฎิรูปสังคม ซึ่งแนวคิดหัวสมัยใหม่บวกกับแนวคิดของพ่อและแม่มารวมกัน ทำให้เธอแทนที่จะกลายเป็นนางแบบดาวรุ่งของประเทศกลายเป็นนักศึกษาที่อยากจะพัฒนาประเทศให้มีสิทธิเสรีภาพมากกว่านี้
“ วันนี้มีสอบไม่ใช่หรอลูก ถ้าไปสอบไม่ทันแม่ไม่รู้ด้วยนะ”
“ จริงด้วย! ตายละลืมไปได้ไงเนี่ย!"
เธอเด้งตัวลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็วลุกพับที่นอนและรีบทำธุระส่วนตัวก่อนลงไปกินข้าวเพราะดูเวลาแล้วถ้าเธอไม่รีบมากกว่านี้เธอคงหมดสิทธ์สอบแน่ๆ
“ แม่คะหนูไปก่อนนะคะ รักแม่นะคะจุ๊ปๆ”
“ แหม่ลูกคนนี้นิ ถ้าไฟไม่ลนก้นแล้วคงไม่กระตือรือร้นเนอะ”
“แฮะๆ หนูไปก่อนนะคะ“ เธอพูดเสร็จก็เข้าไปหอมแก้มแม่ไปสต๊าทรถมอเตอร์ไซค์และออกอย่างเร่งรีบ
“จ้า ตั้งใจสอบนะ“ พอเธอออกไปเสร็จแม่ก็เรียกคุณพ่อที่นอนไม่ต่างจากลูกตัวเล็กสักเท่าไรนัก
“ที่รักคะ ตื่นได้แล้ววันนี้มีประชุมใหญ่นะคะคุณ แหม่ปลุกยากปลุกเย็น เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำไปลาดคุณนะคะ ถ้าไม่ตื่น กับข้าววางอยู่บนโต๊ะนะคะคุณรีบลงมาด้วย เดี๋ยวข้าวเย็นหมดค่ะ” แม่ที่ล้างจานจากการทำอาหารเสร็จอยู่ในครัวตะโกนข้ามชั้นไปหาคุณพ่อที่ยังไม่รู้สึกตัว
“ลุกแล้วจ้ะที่รัก แหม่อย่าพึ่งดุกันสิคะ” พ่อที่กลัวการโดนน้ำมาลาดลงที่นอน แล้วพ่อก็ต้องเป็นคนทำความสะอาดที่นอนเอง ก็ลุกขึ้นพรวด และตะโกนข้ามชั้นไปหาคุณแม่
“เฮ้อเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลยจริงๆ” คุณแม่บ่นกับตัวเอง
หลังจากที่เธอรีบบิดเยียดร้อยเธอไปถึงมหาลัยทันได้อย่างเฉียดฉิวและเธอก็สามารถเข้าไปสอบได้ทันเวลา
'เกือบเเล้วไหมล่ะ ดีนะ9โมงพอดี' เธอคิดในใจหลังยกดูนาฬิกาที่ข้อมือด้านซ้ายของตัวเองและรีบเดินไปประจำโต๊ะสอบที่บังเอิญโต๊ะนั่งสอบของเธอนั้งอยู่ข้างๆเพื่อนตัวดีนี่เอง
"แหม่ ไม่มาสักเที่ยงเลยละเพื่อนรัก อีก10นาทีเขาจะแจกข้อสอบละ" แพรวเพื่อนสุดแสนจะสนิทของเธอเอง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมยันมหาลัย เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ(ไม่ใช่ไรหรอกรู้ความลับเยอะไป ล้อเล่น) หน้าตาน่ารักออกทางจีนเพราะพ่อเป็นคนเชื้อสายจีน มันก็พูดได้บ้างไม่ได้บ้างตามภาษาว่าที่นายกคนต่อไปรองจากตัวเธอเองอะนะ
"ก็ดูนิยายที่แกส่งมาเมื่อคืนจนดึกนี่แหละ" ระหว่างที่เธอพูดไปเธอก็เตรียมอุปกรณ์การสอบขึ้นมาด้วย
"ตกลงฉันผิดว่างั้น"
"อะแฮ่ม ต่อไปนี้อาจารย์จะแจกข้อสอบเเล้ว กรุณาอยู่ในความเงียบด้วยนะคะ"
"อาจารย์ไม่ได้แซะเราเลยเนอะแก55555 " เพื่อนเธอพูดหลังจากเห็นแววตาอันน่ารักน่าชังของอาจารย์ที่เพื่อนเธอชอบนักชอบหนาได้มองมายังพวกเธอสองคน
" เอาน่ะ อาจารย์ออกจะสวยปานนั้นให้อภัยจารย์" เธอคิดจริงๆนะ อาจารย์คนนี้อายุพึ่งจะสามสิบต้นๆ ฉลาด แถมมาเป็นอาจารย์สอนมหาลัยแบบนี้ ใครจะไม่เอาบ้างว้า
"แกดูวันนี้ดิ จารย์ทั้งทาปากแดงหน่อยๆ ใส่กระโปรงทรงเอ ฟิตปั๋งเลยนะเว้ย" เธอกระซิบเพื่อน พวกเธอได้เรียนกับอาจารย์คนนี้มา1ปีเเล้ว ตอนแรกมันก็ดูสนใจมาก แต่หลังๆมาเหมือนมีsomethingสักอย่างแต่ก็ไม่ได้ถามไป
"หึ ใส่มาอ่อยใครสิไม่ว่า" เพื่อนเธอพูดเสียงงอนๆ
"หึงก็บอกเถอะ ตกลงตอนนี้เป็นอะไรกันแล้วคะเพื่อน" เธอถามอย่างเอื่อมๆ
"กรุณาเงียบด้วยนะคะ" อาจารย์เดินมาถึงโต๊ะของพวกเธอสองคนและเอ่ยเตือนไปโดยที่สายตาไม่ได้อยู่ที่เธอหรอก แต่ไปอยู่ที่เพื่อนตัวดีของเธอนู่นจากนั้นอาจารย์ก็เดินแจกข้อสอบคนถัดไป
"ดูเหมือนแกมีอะไรต้องคุยกับจารย์นะ" เธอกระซิบบอกเพื่อนของเธอที่ตอนนี้กำลังทำหน้ายู่ใส่ครูที่น่ารักน่าชังของเพื่อนเธอ
1ชั่วโมง30นาทีผ่านไป
"ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวรอที่ม้าหินอ่อน"
เธอพูดหลังจากทำข้อสอบเสร็จและเสียงออดอนุญาตให้ออกจากห้องสอบได้ดังไปครึ่งชั่วโมง
"โอเค" หลังจากที่เพื่อนเธอตอบตกลงเธอก็เดินออกจากห้องสอบและเดินไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางไปโรงอาหารของมหาลัย เธอรู้สึกดีมากๆที่ห้องสอบอยู่ล่างสุดไม่งั้นพวกเธอต้องเดินขึ้นไปชั้น5 และลิฟต์ดันเสียตรงกับวันสอบอีก พวกที่มีสอบชั้นนี้ของวันนี้ก็ซวยไปจริงๆ
เธอเดินเข้าไปหาอะไรกินที่โรงอาหารเธอเดินอยู่ประมาณสี่รอบเพราะไม่รู้จะกินอะไรดีสุดท้ายเธอก็ได้ราดหน้าหมี่กรอบไปกิน เธอเดินมาตรงม้าหินอ่อนที่พวกเธอชอบมานั่งกันเป็นประจำข้างๆสนามฟุตบอล ไม่ใช่ดูผู้ชายหรอกแต่มาดูผู้หญิงเต้นเชียร์หลีดเดอร์หมายถึงเพื่อนเธออะนะเธอนั่งลงได้ครู่เพื่อนเธอก็ลงมาพอดี
"รินฉันไปหาไรกินแปบนะ"เธอพยักหัวให้เป็นอันรับรู้และเพื่อนของเธอก็เดินไปหาอะไรกิน พอเพื่อนของเธอเดินไปเธอก็หาสิ่งน่าสนใจต่อมาคือโทรศัพท์ เธอเข้าแอปหนึ่งที่เป็นรู้นกสีฟ้าในนั้นจะมีข่าวสารต่างๆมากมายให้เธอได้รับแต่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับสารด้วย ซึ่งวันนี้เธอก็เข้าเล่นปกติและดูว่าเรื่องอะไรจะติดแฮชแท็กเป็นอันดับหนึ่งของวันนี้
#เชื้อไวรัสกินคน
ห้ะ? หลังจากผ่านโควิด-19 ไปเเล้วสักพักยังจะมีเชื้อไวรัสเพิ่มอีกหรอ
"ฉันมาละ วันนี้ป้าจิ้บขายหอยทอดด้วยนะเว้ย วันนี้คงไม่มีอะไรอเมซิ่งไปกว่านี้ละ" เพื่อนเธอนั่งลงตรงข้ามเธอด้วยสีหน้าอเมซิ่งจริงๆนั่นแหละ เพราะเมนูนี้กว่าป้าจิ้บจะทำรอเป็นเดือนกว่าจะได้กิน
"แกดูอะไรอยู่วะ หน้าเครียดเชียว"
"เรื่องอเมซิ่งมันต่อจากนี้ต่างหากเว้ย แพรว" เธอยื่นโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไปให้เพื่อนของเธอดู
"เชื้อไวรัสกินคน? ติดแฮชแท็กอันดับหนึ่งสะด้วย นิยายหรอ ในทวิตรีวิวเป็นไง" เพื่อนเธอถามด้วยสีหน้าไม่ยี่ระ
"ฉันไม่รู้เหมือนกันอะ ที่ฉันอ่านก็มีแต่เนื้อหาที่เกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ ฉันก็งงว่าทำไมจู่ๆถึงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้"
"ลองอ่านให้ฉันฟังหน่อยว่าไอเชื้อบ้านี่มันเป็นยังไง" เพื่อนเธอพูดไปกินไป แต่ในขนาดเดียวกันนั้นจู่ๆก็มีเครื่องบิน 4 ลำ ได้บินผ่านเธอกับเพื่อนของเธอไป
"มันแปลกอะ" พวกเธอสองคนพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"นั้นมันf-14Tomcat เลยนะนั้น อย่างเท่อะ"
"ฉันก็ว่าแหละ" พวกเธอมองด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก ปกติพวกเราก็สนอกสนใจในเรื่องพวกนี้อยู่เเล้วด้วยยิ่งมาเห็นกับตาที่เครื่องบินบินผ่านมหาลัยเธอไปอย่างเฉียดฉิวและใกล้มากด้วยพวกเธอก็ยิ่งตื่นเต้น
"ปกติไม่เคยเห็นf-14Tomcat ออกมาบ่อยๆยกเว้นมีการทำสงครามกันนิ "
" นั้นดิ หรือว่าจะซ้อมรบอะไรงี้ เห็นเปิดศึกกับอเมริกาก็บ่อยอยู่นิ"
'มันก็จริงนี่เห็นทำสงครามทางการค้ากันไปมากว่าจะสงบได้ก็ใช่ย่อยอยู่ 'เธอคิด
"ใช่ ทำไมเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐถึงได้บินผ่านประเทศไทยอะ "
" เออนั่นดิ เส้นหมี่กรอบแกนี่กะจะให้มันอืดเลยใช่ไหมนั่นอะ"
"เออจริง555555" จากที่เครียดๆเรื่องไวรัสว่ามันจะเหมือนโควิด-19รึเปล่า กลายเป็นพูดเรื่องเครื่องบินสะงั้น
'คงไม่มีอะไรหรอก'เธอคิด มันคงถึงเวลาที่เธอควรวางโทรศัพท์เเละกินของที่วางอยู่ตรงหน้าได้เเล้วไม่อย่างนั้นแมลงวันที่บินอยู่รอบๆตัวเธอคงจะแห่ยกพวกมากินอาหารของเธอจนหมดเป็นแน่
หลังจากพวกเรากินไปได้สักพักก็นั่งอืดอยู่บนม้าหินอ่อนอย่างเอื่อยเฉื่อย แน่นอนว่าการกินให้อิ่มนั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่การกินเยอะเกินควรนั้นย่อมไม่ดีกับตัวพวกเธอทั้งสองคนแน่ๆเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสองคนจะเริ่มรู้สึกว่าหนตามันหนักขึ้นเรื่อยๆเเล้ว
"ริน ฉันว่าเราควรกลับไปนอนที่บ้านอะ "ตอนนี้เพื่อนของเธอเพราะจะหลับได้ทุกเมื่อแต่ดูเเล้วต้องไม่ใช่ที่ตรงนี้และเธอเองก็ไม่ต่างกัน
" ฉันก็ว่า"
"แปะเก็บของเเล้วไปบ้านแกกัน"
"หรอออออออ"
"น่า ขอวันเดียวเองเพื่อน บ้านเพื่อนก็อยู่ไม่ไกลแถมมีมอเตอร์ไซค์ด้วย พลีสสสส"เพื่อนของเธอทำด้วยสีหน้าอ้อนวอนอย่างสุดซึ้ง
"รอบนี้ถ้ามาเเล้วต้องล้างจานที่ตัวเองกินด้วยนะจ้ะเพื่อน"
เลิฟฟฟฟฟที่สุดเลยเพื่อนคนนี้ ได้จ้ะเพื่อนคนนี้จะไม่ทำให้รินผิดหวัง"
"โอเคเอาขยะไปทิ้งเล้วรอตรงนี้นะเดี๋ยวฉันไปเอารถมาก่อน"
"ได้จ้ะเพื่อน รักเพื่อนที่สุดเลย" และส่งหัวใจโดยทำท่าเป็นรูปหัวใจที่เพื่อนเธอคงคิดว่าสวยที่สุดแต่ฉันคิดว่าไม่เลย
หลังจากเธอวนรถมารับเพื่อนและกำลังขี่รถกลับบ้านอยู่นั้นจู่ๆพวกเธอก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อขาดรุ่ยคล้ายๆเหมือนโดนตัวอะไรขย่ำมาและมีสีแดงเปื้อนทั่วตัวกำลังเดินข้ามขนนอยู่ และถนนเส้นนี้ดูเหมือนจะเป็นใจให้มีแต่พวกเธอแค่คันเดียวที่วิ่งอยู่
'ปกติมันต้องมีรถบ้างไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้มันไม่มีสักคันเลยล่ะดีนะที่ตอนนี้กำลังบ่ายไม่งั้นคงต้องรอให้ผู้ชายคนนั้นข้ามจนเสร็จเเล้วเธอเองคงต้องบิดร้อยไมล์แน่ๆ'เธอคิด
"แพรว แกคิดว่าเราควรทำยังไงกับผู้ชายคนนั้นดีอะ" เธอที่กำลังขี่รถอยู่ค่อยๆชะลอและหยุดอยู่ข้างทางที่ห่างจากผู้ชายคนนั้นพอสมควรเพื่อดูว่าผู้ชายที่กำลังข้ามถนนนั้นเป็นอะไร ใช่คนบ้ารึเปล่า
"ฉันว่าแกควรอ้อมอะ ดูเเล้วไม่น่าไว้ใจเท่าไร"เพื่อนของเธอจับไหล่เธอแน่น
"แล้วเมื่อกี้อะริน ฉัน... ฉันเห็นใส้ของผู้ชายคนนั้นไหลออกมาจากท้องของเขาอะ"
"ห้ะ!!!! แกว่าอะไรนะอย่ามาอำฉันเล่นนะเฮ้ย "เธอพูดอย่างตกใจแต่เสียงก็ดังพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน
" ฉ.. ฉันว่าเราไปอีกทางดีกว่าแล้วพอกลับถึงบ้านเดี๋ยวฉันเเล้วให้แกฟัง"เพื่อนของเธอมือเริ่มสั่น ปกติเพื่อนของไม่เคยเป็นแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
"โอเคๆ จับฉันดีๆนะเผื่อเกิดอะไรฉันจะได้รีบบิด"
"อืมฝากด้วยนะ"
'นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย' เธอคิดและในขณะเดียวกันเธอก็ได้เลี้ยวเข้าซอยด้านขวาจากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆจนถึงบ้านของเธอ
"แพรวมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ" เธอพูดขณะที่เอารถไว้ในบ้านจากนั้นก็เดินจูงมือเพื่อนของเธอที่ตอนนี้ทำหน้าเครียดจนฉันอดหวั่นใจไม่ได้จริงๆ
หลังจากที่เธอเข้าบ้านพาเพื่อนของมานั่งที่โซฟาเสร็จก็เดินไปเอาน้ำเปล่ามารินให้
"ไหนแกลองเล่ามาหน่อยว่ามันเป็นยังไง"เธอพูดหลังจากรินน้ำให้เพื่อนของเธอและนั่งลงข้างๆและจับมือเพื่อนอย่างอ่อนโยนและหวังว่าจะช่วยเพื่อนของเธอให้ดีขึ้น
"คืองี้นะ......... "
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ