แต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!
เขียนโดย darkaura24
วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.30 น.
แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 15.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) 4:เปลี่ยนใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
เปลี่ยนใจ
ณ เรือนเคียงภูผา จวนสกุลหาน
ทุกคนต่างก็นั่งอยู่พร้อมหน้ากัน แต่กลับไร้เงาของหานอิงมี่และหานหมิงซาน
“แล้วธิดาของท่านไปไหนล่ะท่านหลี่หลุน” เซี่ยถังยี่ถามหานหลี่หลุน ที่ตอนนี้มีสีหน้ากลุ้มใจเล็กน้อย
“อีกสักครู่นางคงมากระมัง สงสัยจะยังแต่งตัวไม่เสร็จ”
หาข้อแก้ตัวส่งๆ ไปก่อนละกัน สักพักก็มีคนมา หาใช่ใครที่ไหน เป็นหานหมิงซานนั่นเอง
“อ้าว เจ้าคนเมื่อตอนนั้น” หมิงซานร้องทัก แล้วทำความเคารพทุกคนก่อนหันไปแนะนำตัวกับ เฟยหง
“ใช่แล้ว ข้าคือหานหมิงซาน บุตรชายคนรองของตระกูลหาน” จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งประจำที่ของตน
แล้วสตรีนางนั้นเล่า…
พลันน้ำเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึงก็ดังขึ้นมาจากประตูห้อง
“ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน ข้าหานอิงมี่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดนึงจึงไปนอนพักมาเจ้าค่ะ”
จากนั้นร่างบอบบางดั่งกิ่งหลิวกับใบหน้าขาวเนียนดั่งหยกเนื้อดี ในอาภรณ์พริ้วสีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาตามแบบกุลสตรีที่ดี ทำให้ทุกคนในที่ตรงนั้นตกตะลึง ยกเว้นหมิงซานที่แอบหัวเราะ
ไปนงไปนอนอะไรกันน้องข้า..เจ้าเพิ่งไปดวลหมากกับว่าที่สามีของตนเองมามิใช่รึ?!
แลเห็นทีคนที่ตกใจมากที่สุดไม่พ้นจะเป็นเซี่ยเฟยหง แต่เขาก็ซ่อนอาการนั้นได้อย่างแนบเนียน ส่วนเซี่ยถังยี่และเซี่ยฮูหยินก็มองนางด้วยความชื่นชม
‘ข้าบอกแล้ว’ เซี่ยถังยี่แอบส่งสายตาบอกเซี่ยฮูหยิน
‘ข้าเชื่อแล้วท่านพี่’ นางส่งสายตาตอบกลับ
“คารวะท่านพ่อ ท่านแม่รอง ท่านแม่สาม ท่านเซี่ยถังยี่ ท่านเซี่ยฮูหยิน ท่านพี่หมิงซาน และ…” นาง เดินเข้ามาตรงหน้าว่าที่คู่หมั้น ก่อนจะจงใจโค้งตัวให้อย่างช้าๆ
“คารวะท่านเซี่ยเฟยหงเจ้าค่ะ”
นี่คือยายเด็กม้าเมื่อหลายปีก่อนจริงหรือ มินึกว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เฟยหงมองสาวงามตรงหน้าอย่างชอบใจ เขามิอยากถอนหมั้นแล้วสิ
“ถ้าทุกคนมาพร้อมหน้ากันแล้วก็ดี คืออย่างนี้ เฟยหงอยากมาพบหน้าว่าที่คู่หมั้นของเขามาก ทางเซี่ยฮูหยินก็อยากพบลูกสะใภ้เช่นกัน พวกเราจึงเดินทางมาที่นี่”
เซี่ยถังยี่เป็นคนเปิดบทสนทนา ก่อนที่เซี่ยฮูหยินจะพูดต่อ
“แลอยากคุยเรื่องการจัดงานสมรสของทั้งสองคนด้วย”
“เช่นนั้นพวกเรามาคุยรายละเอียดกันเลย พวกเจ้าอิงมี่กับเฟยหงช่วยออกไปก่อน..” หลี่หลุนพูดแล้วปรายตามองมาที่สองคนนี้
“ได้ขอรับ งั้นลูกขอพาว่าที่คู่หมั้นไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำได้หรือไม่” เฟยหงเอ่ย ส่วนอิงมี่ก็ไม่ว่ากระไร ตามน้ำไปก่อน
นางปรายตามองอีกฝ่ายพลางด้วยความหมั่นไส้
พอรู้ว่าคู่หมั้นของตนเป็นสาวงามเช่นนี้ ก็แสดงกิริยาสนอกสนใจออกนอกหน้า นี่ถ้าหากนางปรากฏตัวในรูปลักษณ์เด็กเปรอะเปื้อนคนนั้น เขาคงทำหน้าระอาเป็นคนแก่เหมือนสมัยก่อนแน่แท้
“ได้สิหลานชาย ข้ายินดีมากยิ่ง” หลังจากหานหลี่หลุนอนุญาต เฟยหงก็หันมายื่นมือให้อิงมี่จับ นางก็ต้องจับอย่างเสียมิได้
คอยดูเถอะ!! เมื่อใดที่เดินออกไปถึงข้างนอก นางไม่ไว้หน้าบุรุษผู้นี้แน่!
--------------------------------------------------------------------------------
ณ ศาลา
ฟึ่บ! เมื่อพ้นสายตาผู้คน อิงมี่ก็สะบัดมือออกทันที
“ถึงแล้วก็ปล่อยมือข้าเสียทีเจ้าค่ะ” จากนั้นนางก็พึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนเอามือไปเช็ดกับเสื้อผ้าของตน แน่นอนว่าการกระทำนั้นย่อมสร้างความขุ่นใจให้เฟยหงอย่างยิ่ง
นางกำลังสื่อว่ารังเกียจเขา? !
กระนั้นเขาก็ยังมิได้พูดอะไรออกไป จนอิงมี่เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาเอง
“ขอเข้าเรื่องเลยนะเจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านถอนหมั้นเสีย ข้ามิต้องการแต่งงานกับท่านเจ้าค่ะ”
นี่นางพยายามพูดกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพและให้เกียรติแล้วนะ ดูสิมีคำลงท้ายทุกคำ
“เพราะเหตุอันใดเล่า” เฟยหงถามด้วยความสงสัย ถึงตอนนี้เขาเริ่มคิดแล้วว่าเหตุผลที่นางเขียนในจดหมาย มันคงไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ของนางแน่ๆ ดูจากการกระทำหลายๆ อย่างของนางแล้ว
หากนางมิคู่ควรจริงมีหรือ ที่ผ่านมาจะจงใจปั่นหัวเขา.. และมันได้ผลเสียด้วย เคลิ้มเลยทีเดียวเชียวล่ะ แต่เมื่อกี้กลับทำตัวแปลกๆ อย่างกับว่ารังเกียจเขาจะเป็นจะตาย
“ข้าก็เขียนไว้ในจดหมายแล้วนี่เจ้าคะ” อิงมี่ตอบพลางยักไหล่ ให้ตายเถอะ เสียงหวานๆ เมื่อกี้ที่นางพูดหายไปไหนกัน
“ข้าต้องการฟังเหตุผลที่แท้จริง” เฟยหงเอ่ยเสียงดัง ทำให้อิงมี่ตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่หมั่นไส้เขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้นางพูดออกไปโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อพูดดีๆ แล้วท่านมิจบ อย่าหาว่าตัวข้าหานอิงมี่ ไม่ไว้หน้าท่านละกันเจ้าค่ะ!
“แน่ใจหรือเจ้าคะ” ร่างบางพูดแล้วแค่นยิ้ม ยิ่งทำให้เฟยหงหงุดหงิดมากขึ้น
นี่นางตั้งใจยั่วโมโหเขาใช่หรือไม่?!
“หากข้าพูดไปแล้วท่านจะรับมันได้หรือเจ้าคะ” ว่าแล้วก็ทำหน้ากวนประสาท
“ลองพูดมา” เฟยหงตอบนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในร้อนเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุออกมา
“ข้าไม่อยากแต่งงานกับท่าน เพราะข้าไม่ชอบท่านเจ้าค่ะ..ข้าเกลียดคนแบบท่าน”
นางพูดออกไปเรียบๆ แต่เฟยหงฟังแล้วราวกับมีคนเอาบาทามายันหน้าก็มิปาน
ทั่วทั้งอาณาจักรไท่นี้ ยังไม่เคยมีสตรีผู้ใดกล้าพูดปฏิเสธเขาเช่นนี้ ยิ่งบอกว่าเกลียดแล้วด้วย
“คนแบบข้ามันทำไมรึ” เฟยหงกัดฟันถาม ส่วนอิงมี่ยิ่งเห็นสีหน้าเขาตอนนี้นางก็ยิ่งชอบใจ เห็นทีคงจะลืมไปแล้วกระมังว่าถ้าอยากถอนหมั้น ต้องพูดเช่นไร ที่นางทำไม่ต่างอะไรจากการเอาน้ำมันไปสาดลงในกองไฟเลย
“เสเพลเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าขืนแต่งกับท่านไปแล้วท่านจะนำกามโรคมาสู่ข้า” นางโพล่งออกไป แล้วแกล้งทำสีหน้าหวาดกลัวอย่างเนียบเนียน
“อย่างงั้นรึ แล้วเจ้าคิดหรือว่าข้าชอบเด็กม้าดีดกะโหลกแบบเจ้า” เฟยหงเป็นฝ่ายพูดบ้าง แต่อิงมี่ก็หัวเราะอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าเมื่อสองปีก่อนตอนพบข้าที่ตลาด ท่านยังชวนข้าไปโรงเตี๊ยมอยู่เลย นั่นล่ะคนเดียวกันกับเด็กม้าดีดกะโหลกที่ท่านเกลียดนักหนา” เล่นเอาเฟยหงถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“และสรุปง่ายๆ พวกเราจะถอนหมั้นกัน”
“ข้ามิถอน” เฟยหงเอ่ยสั้นๆ แต่ได้ใจความ ทำเอาอิงมี่ตกใจไม่น้อย ด้วยนางก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง
“ได้โปรดเถิดท่านเฟยหง ท่านเองก็มิได้รักข้านี่” นางพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน แล้วไปคุกเข่าตรงหน้าแม่ทัพหนุ่ม หากแต่เฟยหงกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ
“จะมาเล่นงิ้วตอนนี้มันก็มิทันแล้วล่ะ” ถ้าไม่ได้เห็นวาจาที่นางกล่าวว่าเขาเมื่อครู่ เขาคงยอมแต่โดยดี แต่ในเมื่อนางอยากทำหน้ากากตัวเองแตกแล้ว จะเก็บมาใส่ใหม่อย่างไรก็ไม่เนียน
…เกลียดเขานัก เขาก็มิยอมให้นางถอนหมั้นเขาได้สมใจหรอก
“…..” อิงมี่ได้แต่เงียบ
“เจ้าพลาดแล้วล่ะอิงมี่ ข้าเข้าบ้านดีกว่า ป่านนี้ผู้ใหญ่คงคุยเรื่องของเราเสร็จแล้ว” เฟยหงยักคิ้วแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้นางยืนเซ็งตัวเองอยู่ข้างนอกคนเดียว….
เมื่อกี้ข้าพูดอะไรลงไป ไม่น่าเลย ข้าน่าจะยอให้เขาตายใจแล้วค่อยออดอ้อนเพื่อขอถอนหมั้น แต่ทำไงได้ในเมื่อข้าหมั่นไส้ไอ้คุณชายเสเพลนั่นมากจนระงับปากไว้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมิมีหนทางในการล้มงานหมั้นนี่นา ขอแค่มีเหตุอันสมควร เหลือเวลาอีกตั้งสามเดือนให้คิด ใจเย็นๆ ไว้ตัวข้า….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ