ทวงรักนางซิน
เขียนโดย Phaky
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.
แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) นางซินตกสวรรค์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เจอแบบนี้ก็ได้แค่บีบมือ สงสารพิมพ์เนอะ เพื่อนร่วมงานแบบนี้มีเยอะซะด้วย
********************************************
“ม่าน ช่วยดูให้หน่อยสิว่านั่นใช่เพื่อนพิมพ์ของพวกเราหรือเปล่า”
สองมือน้อยที่ง่วนอยู่กับสายคาดหมวกกันน็อกชะงักกึกกับเสียงแหลมๆที่ลอยมากระทบโสตประสาท ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็ทราบว่าใคร เทพิมพ์เม้มปาก เกร็งตัวรอรับเมื่อได้ยินเสียงเดินเท้าเข้ามาใกล้ๆบริเวณที่จอดรถสำหรับพนักงาน วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกหลังคืนสถานะโสด ก่อนออกจากบ้านเธอเตรียมใจไว้แล้วว่าคงตกเป็นประเด็นให้เหล่าพนักงานพูดถึงอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อไม่มีสารถีหน้าหล่อมาส่งเหมือนเคย เทพิมพ์หลับตาลงพลางถอนหายใจเฮือกโต เริ่มตั้งแต่ลานจอดรถกันเลยทีเดียว
“เดาไม่เห็นยากหรอกเอื้อม หน้าจืดๆ แบบนี้ มีแต่นางซินคนเดียวนั่นแหละ”
ช่วงที่เทพิมพ์เป็นแฟนกับเจ้าของโรงแรมที่กำลังฝึกงาน ม่านฟ้ากับเอื้อมดาวยังมิวายหาจังหวะกระแซะแดกดันด้วยความหมั่นไส้ไม่เคยขาด แต่อาจลดทอนความรุนแรงของถ้อยคำด้วยเกรงว่ายายหน้าจืดที่มองอย่างไรก็สวยสู้ตัวเองไม่ได้จะไปฟ้องธรธัญญ์ให้งานเข้า ทว่าภาพที่เห็นว่าเทพิมพ์ขับมอเตอร์ไซค์มาทำงานเองเหมือนครั้งที่ยังเป็นแค่เด็กฝึกงานต๊อกต๋อย ก็คงแปลเป็นอื่นไม่ได้นอกจากหญิงสาวถูกเจ้าของนาราแกรนด์โฮเทลเฉดหัวทิ้งดั่งที่เคยตั้งตัวเป็นแม่หมอทำนายไว้ เอื้อมดาวกับม่านฟ้าจึงยิ้มกริ่ม ได้เวลาระบายความริษยาที่เก็บกักมานานแบบไม่ต้องเกรงใจอะไรอีกแล้ว
“นิทานหลอกเด็กจบแล้วหรือจ๊ะพิมพ์ ซินเดอเรลล่าถึงกลับมาขี่มอเตอร์ไซค์กระจอกๆเหมือนเดิม”
“สงสัยจะใช่ ตาถึงได้บวมเป่งเหมือนคนนอนร้องไห้ทั้งคืนแบบนั้น”
“ใฝ่สูงเกินตัว เวลาตกมันก็เจ็บหนักแบบนี้ล่ะนะ เอื้อมอุตส่าห์เตือนแล้ว ม่านก็อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างล่ะ”
จีบปากจีบคอเตือนม่านฟ้า แต่เอื้อมดาวกลับเดินตามติดเทพิมพ์ที่ทำหูทวนลมไปยังห้องเบิกยูนิฟอร์ม แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูของนางซินตกอับด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็เยาะเย้ยมากกว่าจะหวังดี
“ม่านไม่กล้าหรอกเอื้อม ส่องกระจกทุกวัน ม่านรู้ตัวดีว่าสวยไม่ได้เศษเล็บของคุณเวนิส คุณธัญญ์หรือจะสนใจ”
“พูดถึงคุณเวนิสแล้วอิจฉาเนอะ คนอะไรส๊วยสวย เมื่อวานมองใกล้ๆ หาตำหนิสักนิดยังไม่เจอ”
“เมื่อวานคุณเวนิสมาที่นี่เหรอ”
ม่านแพรแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ การปรากฏตัวของเวนิสาเมื่อวานเคียงข้างกับธรธัญญ์กระตุ้นต่อมเผือกให้ขยันทำงานจนเธอทั้งสองต้องรีบมาดักรอเทพิมพ์ให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่เหล่าพนักงานจับกลุ่มวิเคราะห์กันหน้าดำคร่ำเครียดเป็นจริงแล้วหรือไม่
“อือ เห็นนั่งทานซูชิกับคุณธัญญ์ที่ห้องอาหารญี่ปุ่น กลับมาคืนดีกันแล้วแหงๆ ธรรมดาอ่ะนะ กิ่งทองยังไงก็ต้องคู่กับใบหยกอยู่วันยังค่ำ”
ที่ต่อบทละครกันมายืดยาวก็เพื่อสิ่งนี้สินะ สองสาวต้องการอัพเดทให้เธอรู้ว่าธรธัญญ์กับเวนิสากลับมาเจอกัน แต่หารู้ไม่ว่าเธอทราบเรื่องนี้ก่อนใครเสียอีก นึกแล้วก็เจ็บจี๊ดในอก เพราะมีความเป็นไปได้สูงถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งคู่จะกลับมาคบกันอีกครั้ง เรียวปากบางเม้มแน่นกลั้นเสียงสะอื้น แต่ครู่เดียวกลับคลี่ยิ้มอ่อน ความเสียใจยังคงเต็มเปี่ยม ทว่าก็อดดีใจกับอดีตคนรักด้วยไม่ได้ที่ครั้งนี้ชายหนุ่มได้ทำตามความต้องการของใจ ไม่ต้องลากเธอไปเป็นข้ออ้างเพื่อแอบมองคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว
“ถึงว่าสิ ตัวจริงกลับมาแล้วนี่เอง ตัวประกอบถึงถูกถีบกระเด็น อย่าคิดมากไปเลยนะพิมพ์ พิมพ์ทำถูกแล้วล่ะที่ไม่เอาราคีไปแปดเปื้อนราศีคุณธัญญ์”
“เธอสองคนนี่ตอนเด็กที่บ้านคงเลี้ยงมาคู่กับหมาสินะ ถึงได้เห่าเก่ง สันนิษฐานว่าน่าจะล่ามไว้ข้างบ่อส้วมด้วย ปากถึงได้เน่าหนอนชอนไชขนาดนี้”
เม็ดทรายวิ่งเร็วจนแทบลืมไปเลยว่าเคยขาสั้นไปหยุดยืนข้างๆร่างบางของคนที่ดวงตากำลังแดงก่ำทันทีที่ผลักบานประตูเข้ามาแล้วเห็นสองสาวขี้อิจฉาเดินตามหลังเทพิมพ์ไปติดๆ พนันกันร้อยเอาบาทว่าเอื้อมดาวกับม่านฟ้ากำลังทับถมให้เพื่อนเธอยิ่งปวดใจเป็นแน่ วิ่งไปก็เจ็บใจตัวเองไปด้วย อุตส่าห์คิดว่าตัวเองมาเข้างานทันก่อนที่เทพิมพ์จะมาแล้วแท้ๆ ด้วยคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าวันนี้เพื่อนสนิทคงเจอแต่คำพูดถากถางทำร้ายจิตใจทั้งวันจึงคิดจะมาอยู่เคียงข้างเป็นคอยปราบเหล่ามารร้าย แต่กลายเป็นว่าเธอช้าไปเสี้ยวนาทีจนเปิดโอกาสให้ชะนีปากมอมสองนางนั่นใช้วาจาเชือดเฉือนเทพิมพ์จนได้
“แกว่าใคร นังทราย!”
“ทั้งชีวิตที่ฉันเจอคนมา มีแค่หล่อนสองคนเท่านั้นแหละที่ชอบเห่าชอบหอน...เหมือนหมา”
“อีทราย!”
“จะเอาไงล่ะ อีเอื้อม อีม่าน”
ตอนใช้คำพูดแย่ๆทำร้ายคนอื่นไม่เคยรู้สึก แต่พอเจอคนจริงตอกกลับจนหน้าหงายบ้าง เอื้อมดาวกลับเดือดดาลทนฟังไม่ได้ถึงขั้นยกมือขึ้นในอากาศโดยมีม่านฟ้าเป็นลูกยุอยู่ข้างหลัง เตรียมใช้มันฟาดปากของเม็ดทรายที่ชอบทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์เทพิมพ์เป็นการสั่งสอน ทว่าฝ่ามือน้อยๆของคนตัวเล็กแต่ใจใหญ่ที่เงื้อขึ้นเร็วกว่าพร้อมดวงตาของนักสู้หยุดความโอหังของเอื้อมดาวได้ชะงัก แม้ว่าเทพิมพ์จะคอยห้ามปรามเพื่อน แต่คิดว่าเชื่องช้าปัญญานิ่มอย่างยายหน้าจืดคงเอาหมาบ้าไม่อยู่แน่
“ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือราคาถูก เอาเวลาที่ทะเลาะกับฉัน ไปปลอบเพื่อนแกดีกว่า ขยะ!”
ฝ่ามือของคนเก่งเฉพาะปากยกค้างในอากาศ ก่อนค่อยๆดึงกลับอย่างเย่อหยิ่ง กลบเกลื่อนความกลัวด้วยวาจาดูแคลน แล้วพากันเดินหลบฉากไปเนียนๆหลังกระทืบซ้ำไปที่บาดแผลสดใหม่ของเทพิมพ์ได้สมใจ
“พิมพ์ แกโอเคไหม”
จบเรื่องจากคู่ซี้ขี้อิจฉา เม็ดทรายก็หันกลับมาหาเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เรียวหน้าซีดโทรมพยักรับ แต่หยดน้ำตาที่กลั้นไว้จนขอบตาปริเปล่งกลับพังทะลักทะลายอาบแก้มฟ้องความเจ็บปวดในใจ เม็ดทรายดึงร่างสั่นเทาของเทพิมพ์เข้าไปกอดแนบแน่น สงสารเพื่อนรักเหลือเกิน คนน่ารักแสนดีอย่างเทพิมพ์ไม่ควรถูกกระทำเช่นนี้เลย อยากสั่งสอนคนใจร้ายนั่นให้รู้สำนึกว่ากำลังทำเพชรล้ำค่าหลุดมือ แต่ก็ติดที่คู่กรณีดันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมีปัญญาต่อกรด้วย
*************************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ