บันทึกรักกรินเดลวัลด์ ( The love story of Grindelwald)

-

เขียนโดย Lukekane

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 08.04 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,514 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กันยายน พ.ศ. 2562 08.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 : ก๊อดดริกซ์โฮลโลว์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


                                                                              บทที่ 1 : ก๊อดดริกซ์โฮลโลว์

          ก็อดดริกซ์โฮลโลว์ หมู่บ้านอันเรืองรองท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนวันอันเงียบสงบ ใครจะล่วงรู้ว่าที่นี้ เคยเป็นฉากสำคัญ และได้ต้อนรับการมาเยือนของจอมมารที่ต้องการทำลายชีวิตเล็กๆ ของทารกน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่จอมมารทำไม่สำเร็จ และอีกสิบยี่สิบปีต่อมาภายหลังการเถลิงอำนาจอีกครั้งเขาก็พบจุดจบจากความพยายามที่ไม่สิ้นสุดเพื่อพรากชีวิตแฮร์รี่เด็กชายผู้พิชิต ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบังคับกฎหมายเวทมนตร์

    ภายใต้ซากปรักหักพักที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลแบ็กช๊อต ในสายตาของมักเกิ้ลที่นี่คือฝันร้าย เมื่อหญิงชราผู้โดดเดี่ยวจบชีวิตลงด้วยคมเขี้ยวของอสรพิษปริศนาอย่างน่าเศร้า มีข่าวลือกันในหมู่บ้านคืองูไพธอนยักษ์ จากปากคำของมักเกิ้ลที่ได้ยินเสียงขู่ฟ่อๆของมันในคืนเกิดเหตุ

    เมื่อไม่มีเจ้าของดูแลตัวคฤหาสน์เลยถูกทิ้งร้างและทรุดโทรมตามกาลเวลา ผุผังลง และกลายเป็นที่เล่นซน ของเด็กเด็กอย่าง เอส บารอน เด็กหนุ่มวัย 11 ปีที่ตัวเล็กกระจิ๊ด ใบหน้าตกกระ

    บารอนชอบมาที่นี่บ่อยๆเพราะความลึกลับของตัวอาคารที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง แต่ยังตั้งตระหง่านอยู่ได้ เขาสนุกที่ได้ปีนป่ายมัน หลงรักกลิ่นกำยานที่ฉุนกึกเก่าเก็บในตู้ไม้โอ๊คต่างกำบัง ใช้ซ่อนตัวหลบหลีกจากทำงานบ้านของแม่เลี้ยงเขาได้ดี

    ครอบครัวของเขาไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น แต่มันก็ไม่แย่นักหรอก บารอนอาศัยอยู่กับพ่อที่วันๆไปแต่สนามม้า และเลี้ยงดูครอบครัวจากเงินพนัน ส่วนแม่เลี้ยงที่แต่งตัวสวย ฉีดน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ใส่กระโปรงสีบานเย็นฉูดฉาด จิกหัวใช้ให้เขาทำงานบ้านลับหลัง แต่ต่อพ่อหน้าก็ทำเป็นรักหวงแหนเขา เชื่อตายแหละ แม่ของบารอนแยกทางกับพ่อตั้งแต่เขาอายุได้ 5 ขวบได้ยินข่าวว่าไปแต่งงานกับพ่อใหม่ และมีลูกแล้ว 1 คนเป็นผู้ชาย

    ความทรงจำเดียวที่ยึดโยงเขากับแม่ไว้คงจะเป็นกำไลข้อมือทองคำสวิสอันนี้ มันอยู่กับข้อมือเข้าตั้งแต่เกิด และแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็หาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำไมมันถึงโตขึ้นตามขนาดมือ 10  ปีที่ผ่านพ่อใช้ความพยายามจนเหนื่อยเพื่อจะเอาไปจำนำแต่ไม่สำเร็จ

    เฮ้!สวัสดีพวก

    “อาร์โนลด์”เขาขานรับเด็กหนุ่มผมหยิกลูกครึ่งกรีกที่ปรี่ตรงมาหาเขา ฤดูร้อนที่ผ่านมาเขาสูงขึ้นกว่าสิบเซ็นติเมตรจนตอนนี้บารอนดูเหมือนไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยก

    “นายไม่ไปช่วยร้านขนมปัง”

    “นายอยากกินฟรีอีกละซิ คราวที่แล้วยังไม่จ่ายฉันเลย”

    “ขี้งก”ผมไม่ได้มีเพื่อนเยอะ ก็มีอาร์โนลด์นี่แหละที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านเขาเปิดร้านขายขนมปัง พ่อของอา
ร์ดโนลด์ มิสเตอร์อารโนลด์ซีเนียร์ เป็นคุณลุงพุงพลุ้ยที่อ่อนโยน และใจดีที่สุดในละแวก เขาชอบแจกขนมแบ่งปันให้คนจรจัด และเด็กเด็กอย่างเอส

    “นายจะทำอะไร อย่าไปยุ่งกับตู้หนังสือนั่นเลย สาบานได้ว่าฉันได้ยินหนังสือบางเล่มกรนด้วยแหละ”

    “ก็ฉันจะพิสูจน์ ให้นายดู”อาร์โนลด์เดินตรงไปเตะแรงๆเขาที่ตู้จนกองหนังสือถล่มลงมากองอยู่กับพื้นจนหมด เขาหันมายิ้มเยาะและทำมือล้อเลียนอส ตอนนั้นเองที่ตู้หนังสือขนาดสูงท่วมหัวโงนเงน และพังถล่ม เอสพุ่งตรงไปผลักอาร์โนลด์ ทั้งสองกลิ้งหลบได้ทัน ไปหยุดที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของตู้หนังสือ

    “เอสหัวนาย”

    “อาร์น แขนนาย”เขาทั้งคู่ต่างหัวเราะในวีรกรรม และไม่สังเกตเลยว่าแผลที่หัวและเลือดที่ไหลริน กำลังหยดลงพื้นติ๋งq       

        “อืมเลือดมักเกิ้ล ไม่สิพวกเลือดสีโคลนต่างหาก สีโคลนสองคนซะด้วย พอใจ พอใจมาก”

    “นายได้ยินเหมือนฉันรึเปล่า”

         ชู่ว์! หนังสือกำลังพูด

    “อืออืม ความรักวัยแรกรุ่น สุดพิเศษ หอมหวาน รักที่เกิดจากความผูกพัน ใกล้ชิด สนิทเสน่หา ว้าว  ต่างคนต่างยังไม่รู้ใจตัวเอง ยังปากแข็งอยู่ เอาไว้ทีหลังเรื่องนั่นช่างมันก่อน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันและเจ้านายที่รัก ห้าๆ ห้าๆ ห้าๆ”

    ถูกของอาร์น ในจุดที่ควรจะมีตู้หนังสืออยู่มีหนังสือปกหนังล่ามด้วยโซ่ทับอีกชั้น มีฟองเหมือนหมากฝรั่งที่ถูกเป่าลอยออกมาจากรูกุญแจ แต่เอสว่ามันดูเหมือนขี้มูกที่พองลมมากว่า นี่มันหนังสือกำลังหลับ กรน แล้วก็ละเมอด้วย

    “นายตบหน้าฉันที สาบานได้ว่าหนังสือไม่ได้พูดคนเดียว”

    โอ๊ย! “เออความจริง” ทั้งสองมองกันอย่างขอความเห็นของแต่ละฝ่าย แต่ก่อนอะไรจะเกิดขึ้นทั้งหมดฟองขี้มูกนั้นเกิดแตกโผล๊ะ เสียงโซ่เสียดสีกัน และแม่กุญแจได้หลุดจากพันธนาการแล้ว

    “เลือดสีโคลนฉันพอใจมาก มานี่ เข้ามาหาฉันสิ อย่าได้กลัว”

    “อาร์น ฉันว่าเราโทรหาตำรวจก่อนเถอะ”

    “หยุดเลย นายบ้าไปแล้วหรือไง ถ้าพวกนั้นมาเขาก็จะหาว่าเราเสียสติ แล้วก็เขาจะจับมันส่งให้พวกนาซ่าจอมจุ้น นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ ไม่ว่าหนังสือนี่จะเป็นอะไร มันต้องการเรา และเราเป็นคนเจอ และต่อให้นายลากพวกผู้ใหญ่มาอีกสักสิบคน พวกนั้นคงช่วยเราได้เยอะเลย”

    “คนกระทรวงเวทมนตร์กำลังมา มาสิพาฉันไป นายทั้งสองจะปลอดภัยถ้าไปหลบอยู่หลังตู้นั่น และเอาโซ่นั้นมารัดฉันไว้ให้ดีล่ะ”

    “ทำตามที่มันบอกเร็ว”

    “อาร์นเชื่อมั่นแล้วเราจะปลอดภัย”พูดจบทั้งสองก็ใส่โซ่และพรุ่งตรงไปหลบในตู้ไม้ที่ใกล้ที่สุดซึ่งเขาเข้าไปอัดกันได้พอดีกับการปรากฎตัวของบุคคลในชุดคลุมยาวที่สะบัดพลิ้วตามลม

    แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีสีหน้าที่กลัดกลุ้มพอพอกลับบรรยากาศในวันฟ้าหม่นหมอง เขาจำสถานที่นี้ได้ดีและถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อย่างย่างกรายมาที่นี่อีก แต่ทันทีที่สัญญาณตรวจสอบการกระทำผิดของเวทมนตร์ศาสตร์มืดดังขึ้น เขาก็เป็นคนแรกที่มาถึง เช่นเดียวกับหญิงสาวเจ้าของผมบลอนด์ยาวสลวยที่ตึงเครียดจนคิ้วขมวดเป็นเป็นปมตอนนี้ เฮอรืไมโอนี่ เกรนเจอร์

    “ท่านรัฐมนตรี ท่านควรจะอยู่ในงานควิดดิชเวิลดิ์ครับไม่ใช่เหรอ--

    แฮร์รี่เอ่ยแซวหน้านิ่งอย่างสร้างบรรยากาศ

    “ตลกตายล่ะแฮร์รี่ ฉันกับเธอก็มีความทรงจำที่สุดแสนวิเศษที่นี่เหมือนกันแหละ เมื่อนึกถึงนากินีแววตาที่น่าสะพรึง ตัวมันเลื่อม และเสียงขู่ฟ่อๆแล้ว เธอก็อยากจะสำรอกขนมกบช๊อคโกแล๊ตที่พึ่งกินเข้าไปออกมา อีกเดี๊ยวรอนก็คงจะมาถึงแล้วล่ะ รอนมาถึงอาการหัวเสียของเขามีไม่ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่

     “โห้ ให้ตายเถอะเมอร์ลิน ยัยโรสกำลังเต้นระบำนกฮูกอยู่หน้าเก้าอี้พิเศษสำหรับท่านรัฐมนตรี และคู่สมรส ที่บังเอิญว่าวันนี้เก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองตัว ฉันไม่แปลกใจเลยถ้าคืนนี้ฉันต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเมื่อกลับไปถึงบ้าน”

    “หยุดทะเลาะกันเถอะ ฉันไม่อยากอ่านเดลี่พรอเฟ็ตพาดหัวว่าปัญหาหลังบ้านรัฐมนตรีเกรนเจอร์”แฮร์รี่หยุดสงครามปราสาทและเริ่มใช้ไม้กายสิทธิ์ตรวจจับความผิดปกติ ขณะที่ความมืดเริ่มโรยตัวลง

    หึ! ทั้งสองเมินหน้า และเดินตรวจตราไปคนละทาง

    “เธอไม่ได้บอกใครให้ตามมาใช่ไหมเฮอรืไมโอนี่”

    “ใช่ฉันย้ายเครื่องตรวจจับศาสตร์มืด ย่อขนาดและเอามาไว้ในห้องฉัน จะได้คัดกรองได้ว่าอันไหนที่เราควรจะออกโรงเอง”
    “รอบคอบมากครับท่านรัฐมนตรี”รอนแขวะ

    “จากที่ฉันตรวจสอบที่เกิดเหตุ เหมือนมีใครมาเล่นซนแถวนี้มากว่า กองหนังสือระเกะระกะ ไม่มีวี่แววของศาสตร์มืด เลย เดี๊ยวก่อน แล้วทำไมหนังสือพวกนี้ หนังสือต้องหามถึงวางอยู่กลางชุมชนมักเกิ้ลที่เปิดโล่งมาสิบสองปี ใครตอบคำถามฉันได้บ้าง”รอนพูดขณะหยิบหนังสือเรื่องเวทมนตร์ดำที่ร้ายกาจที่สุดที่แยกเขี้ยวและตั้งท่าจะเขมือบเขาทั้งเป็น

    “เมอร์ลินเป็นพยานฉันว่าฉันเข้าใจแล้ว ง่ายๆนี่คือตู้เก็บความลับ ปลอดภัย ล่องหนสำหรับทุกอย่างจากสายตาและอุปกรณ์เวทมนตร์อำพรางได้ดีสุดๆ จอร์จมีอยู่หนึ่งตู้แต่แม้เอาไปบริจาคแล้วเพราะเห็นว่ามันรกบ้าน เขาโมโหใหญ่เลย”

    “ถ้าเป็นอย่างที่นายว่า—เราคงจะคิดมากเกินไป”

    “แฮร์รี่—คือนาย”ทั้งสองจับจ้องที่หน้าผากเขา

    “ไม่ มันไม่เจ็บมาสิบสองปีแล้ว รอนพูดถูกฉันว่าเรามาจัดการกับของผิดกฎหมายพวกนี้ ก่อนที่มักเกิ้ลจะมามุงซะก่อน ขี้เกียจปรับลบความทรงจำ”

    อินเฟอร์โน เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นและเผาผลาญไม่ใช่แค่เพียงกองหนังสือ แต่เป็นคฤหาสน์ทั้งหลังเหลือทิ้งไว้เพียงกองขี้เถ้า และไอฝุ่นกลบฟังความทรงจำอันขมขื่นของทั้งสาม

    “ไปกันเถอะ”เฮอร์ไมโอนี่ อ้อยอิ่งขณะที่ทั้งรอนและแฮร์รี่เตรียมเสื้อคลุมเดินทางไว้พร้อม เธอกำลังปล่อยให้ความคิดปลิดปลิวไปตามกระแสของเถ้าถ่าน มักเกิ้ลเริ่มจับกลุ่มกันแล้ว

    “สังหรณ์ใจไม่ดีเลย แฮร์รี่บอกฉันทีว่าจะไม่มีอะไร”

    “ไม่มีอะไรหรอกครับท่านรัฐมนตรี และถึงมีอย่าลืมนะว่าท่านไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”แฮร์รี่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่หาได้ยากเต็มทีของผู้หญิงแกร่งที่แบกรับภาระทั้งเรื่องครอบครัว และโลกเวทมนตร์ไว้บนบ่าของเธอคนเดียว

    “ขอบใจนะ”
                                                         ----------------------------------------------------------------------------
                                             โปรดติดตามต่อจ้า ชอบไม่ชอบความคิดเห็นติชมจะเป็นกำลังใจยิ่ง กราบงามๆรักนักอ่านทุกคน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา