ขบวนรถไฟไถ่บาป

7.3

เขียนโดย CryingWolf

วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.28 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,859 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มกราคม พ.ศ. 2563 17.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เพื่อนร่วมทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หลังจากที่เบ็น ชายหนุ่มมาดนักวิชาการได้แนะนำตัวเองเสร็จ ทั้งห้องก็เงียบไปสักพัก อาจจะเป็นเพราะคนอื่นยังคงไม่แน่ใจว่าใครควรเป็นคนแนะนำตัวต่อไปดี แต่ที่ผมเงียบไปเพราะว่าผมต้องจัดการความรู้สึกของตัวเอง

          ทั้งที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันแบบจริงจัง แต่ความรู้สึกพิลึกนี่ก็ยังคงถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ถ้าหากโลกนี้มีวลีที่ว่ารักแรกพบแล้วล่ะก็ สำหรับผมในตอนนี้คงเรียกได้ว่าเกลียดแรกพบกระมัง

          ดูเหมือนว่าเบ็นจะสังเกตเห็นว่าทุกคนเงียบกันมาได้สักพักแล้ว เขาจึงเสนอไอเดียขึ้นมา

          “ถ้าอย่างนั้น เราวนทางขวาดีไหมครับ? ทุกคนจะได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วจะได้แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวกันต่อ”

          “งั้นฉันแนะนำตัวต่อจากคุณเลยนะคะเบ็น ฉันเฟลตาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ” เฟลตา หญิงที่มีส่วนสูงมาตรฐานลุกขึ้นพูด ก่อนที่เธอจะนั่งลงบนโซฟารูปตัวแอลที่อยู่หน้าโทรทัศน์ เธอใส่เสื้อยืดสีกรมและใส่เสื้อกันหนาวสีเทาทับไว้อีกที กางเกงยีนขาเดฟ ดูจากการแต่งตัวของเธอ เธอคงเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีระเบียบวินัยอยู่พอตัว

           คนที่แนะนำตัวถัดมาก็คือไมโล

          “สวัสดีทุกคน เราชื่อไมโล หวังว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาที่ดีตลอดการเดินทางนะ” เสียงของเขาก็ยังคงดังและแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกับตอนที่เขาคุยกับผม หลายคนต่างพอกันหัวเราะให้กับน้ำเสียงที่มุ่งมั่นของเขา บางคนก็ตกใจเพราะการแนะนำตัวของเขา เมื่อไมโลแนะนำตัวเสร็จเขาก็เกาหัวแก้เขินและลงไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม

          คราวนี้นี้ถึงตาของผมที่ต้องแนะนำตัวแล้ว ผมลุกยืนจากโซฟาที่อยู่ตรงข้ามชั้นวางหนังสือ เพราะชั้นวางหนังสือสูงไม่มาก ทำให้ไมโลและเฟลตาที่อยู่หลังชั้นวางหนังสือสามารถเห็นผมได้โดยที่พวกเขาไม่ต้องลุกยืน นั่นก็เป็นข้อดีเหมือนกัน เพราะว่าผมไม่ต้องเดินไปกลางห้องเหมือนกับเบ็นเพื่อให้ทุกคนเห็น

          “อ่า สวัสดีครับ ผมชื่อคราวน์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ทันทีที่แนะนำตัวเสร็จ ผมก็ลงไปนั่งบนโซฟาและจัดการกับความรู้สึกเกลียดแรกพบของตัวเองต่อ

          “ค่ะ สวัสดีทุกคนนะคะ ฉันนิโคลค่ะ” นิโคลผู้หญิงที่นั่งอ่านหนังสือที่นำมาจากห้องพักของตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาตัวตรงข้ามกับผมและแนะนำตัว หน้าผากของเธอเถิกเล็กน้อย เธอแต่งกายแบบเรียบง่าย เสื้อยืนแขนสามส่วนลายทางกับกางเกงขายาว ภาพลักษณ์ของเธอประกอบกับแว่นตาของเธอ ทำให้คุณเดาได้เลยว่าเธอต้องเป็นนักอ่านตัวยง

          หลังจากที่นิโคลนั่งลงบนโซฟาเสร็จก็มาถึงตาของหญิงร่างเล็กที่ดูแล้วมีอายุมากที่สุดในบรรดาผู้โดยสารทั้งหมด

          “สวัสดีค่ะ ฉันมาริเน็ทค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย คล้ายกับคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ มามาก ถึงแม้ว่าเธอจะดูมีอายุมากที่สุดในบรรดาผู้โดยสารทั้งหมด แต่เธอก็ไม่ได้ดูอาวุโสเทียบกับคนรุ่นพ่อ ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ของผมไม่กี่ปีเอง

          ยังไม่ทันที่มาริเน็ทจะนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยดี หญิงร่างยักษ์ที่นั่งข้างเธอก็โบกมือทักทายให้กับทุกคนในห้องพักและทำการแนะนำตัว

“ส่วนฉันเบอร์จิท ยินดีที่ได้รู้จัก” ร่างกายของเธอตัวใหญ่มากจนเธอไม่จำเป็นต้องยืนเลย อีกทั้งเสื้อยืดสีน้ำเงินโทรม ๆ ของเธอก็ยังสะดุดคนทั้งห้องอีกด้วย

เมื่อเบอร์จิทแนะนำตัวเองอย่างกะทันหันเสร็จแล้ว ก็ถึงตาของคนถัดไป เขาเป็นผู้ชายสวมแว่นที่สายตาจับจ้องอยู่ที่เครื่องเล่นเกมของเขาอยู่ตลอดเวลา

ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องพักได้ไม่นาน เบ็นก็เดินเข้าไปหาเขาคนนั้น

“เอ่อ คุณครับ ถึงตาคุณแนะนำตัวแล้วครับ” เบ็นสะกิดที่หัวไหล่ของเขาแล้วพูดกับเขา ก่อนที่เขาจะเงยหน้าจากเครื่องเล่นเกมแล้วตอบ

“อ่าวหรอ โทษที ๆ ฉันชื่อคาลอส ยินดีที่ได้รู้จัก” คาลอส หนุ่มแว่นผู้ใส่เสื้อยืดที่ดูใหญ่กว่าไซส์ของตัวเขาเองกับกางเกงขายาว ผมพึ่งจะมาสังเกตว่ามือของเขาสไลด์เครื่องเล่นเกมไปมาตลอดเวลาที่เขาแนะนำตัว ราวกับว่าเขากำลังเล่นมันอยู่ในตอนที่เขาแนะนำตัว เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาติดมันแบบถอนตัวไม่ขึ้น

“ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามหลีกเลี่ยงหมอนี่ดีกว่า น่าจะเป็นคนที่คุยด้วยได้ยาก” ผมคิดอยู่ในใจ

หลังจากที่เขาแนะนำตัวเสร็จ เขาก็ก้มหน้าลงไปที่เครื่องเล่นเกมของเขาต่อแทบจะทันที

“งั้นถึงตาของผมแล้วสินะ สวัสดี ผมชื่อแกรี่ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายร่างสูงมาดเข้ม สวมเสื้อยืดและกางเกงวอร์มลุกขึ้นพูด ถ้าฟังเผินน้ำเสียงของเขาแบบเผิน ๆ อาจฟังดูคล้ายกับเสียงของครูฝึกทหาร แต่ถ้าหากลองฟังดูอีกทีก็จะพบว่า เขาแค่พูดแบบขาดช่วงเท่านั้น

ทันทีที่แกรี่นั่งลงบนโซฟา ชายร่างเล็กก็ลุกขึ้นแนะนำตัวต่อ เขาเป็นคนสุดท้ายที่ได้แนะนำตัว

“เราชื่อเอียน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ชายร่างเล็กพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา เขาใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น การแต่งกายของเขานั้นดูค่อนข้างเรียบร้อย ประกอบกับเสียงที่ค่อนข้างเบาของเขาทำให้เขาดูเป็นคนที่ขี้อาย

“เอ่อ คุณช่วยแนะนำตัวใหม่จะได้ไหม พอดีผมไม่ค่อยได้ยินเลย” เบ็นพูด เพราะเสียงของเขาเบาถึงขนาดที่ผมและนิโคลต้องเงี่ยหูเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อให้ได้ยิน

“เราชื่อเอียน ยินดีที่ได้รู้จักนะ!” คราวนี้เขาตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้น ถ้าสังเกตให้ดี รอบคอของเขามีสายหูฟังที่ต่อกับเครื่องเล่นเอ็มพี 3 แบบพกพาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา ผมเดาว่าเขาคงเป็นคนที่ชอบเสียงเพลงเอาเสียอย่างมาก

ทันทีที่เอียนแนะนำตัวเสร็จและกำลังนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับแกรี่ เสียงลำโพงที่อยู่บริเวณทางเข้าห้องนั่งเล่นทั้งสองฝั่งก็ดังขึ้น

“ค่า ทุกท่านทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นกิจกรรมที่ทุกคนต้องทำในวันนี้ก็หมดแล้วค่ะ ตอนนี้เชิญทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยได้เลยค่ะ ส่วนรายละเอียดสำหรับกิจกรรมในวันถัด ๆ ไป จะมีจดหมายแจ้งเตือนส่งไปยังห้องพักในตู้โดยสารของแต่ละท่านนะคะ” เสียงประกาศของเจย์ดังขึ้น

“แม่นี่จะกัดไม่ปล่อยจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?” ผมคิดอยู่ในใจ และยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อไปมากกว่านี้ เสียงประกาศก็ดังต่อ

“อย่าลืมไปอ่านคู่มือการเดินทางของแต่ละคนนะคะ ทุกคนจะได้ทำตัวถูกและเพลิดเพลินไปกับบริการทุกอย่างบนขบวนรถไฟขบวนนี้ สำหรับวันนี้ ดิฉัน เจย์ พนักงานต้อนรับของขบวนรถไฟไถ่บาปขอลาท่านผู้โดยสารทุกท่านไปก่อน ไว้พบกันใหม่ในวันถัดไปนะคะ” สิ้นเสียงประกาศของเจย์ ก็มีเสียงดังคลิกจากประตูทั้งสองฝั่ง

“เสียงนี้น่าจะเป็นเสียงประตูเปิดนะ” เบ็นพูด หลังจากนั้นมาริเน็ทก็เดินไปลองเปิดประตู

“ใช่ ประตูเปิดแล้วล่ะ” มาริเน็ทตอบและเดินกลับไปหาเบอร์จิท สองคนพูดคุยกันเหมือนกับว่าทั้งคู่จะชวนกันไปไหนต่อสักที่

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก มาริเน็ทและเบอร์จิทก็เดินออกไปยังประตูที่เชื่อมกับตู้โดยสารที่ 6 ผมเดาว่าที่พวกเธอสองคนคุยกันเมื่อกี้คงจะเป็นการชวนกันไปทานอาหารเช้า พอทั้งสองคนออกจากห้องนั่งเล่นไป คนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปเช่นกัน เบ็น ไมโล เฟลตา แกรี่ และเอียนก็เดินออกไปทางประตูที่เชื่อมกับตู้โดยสารที่ 6 เช่นกัน ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงแค่ผม นิโคล และคาลอส

นิโคลยังคงอ่านหนังสือของเธออยู่ เธอคงจะอ่านหนังสือของเธอให้จบแล้วค่อยไปหาอะไรทานหรือไม่ก็กลับตู้โดยสารของเธอ ส่วนคาลอส เขาหลับไปแล้ว เพราะผมมัวแต่สนใจเสียงประกาศของเจย์ทำให้ผมไม่ได้ทันสังเกตว่าเขาหลับไปตอนไหน

“ถ้าเขาจะหลับตรงนั้นไปทั้งวัน นั่นไม่ใช่ปัญหาของเราสักหน่อย” ผมคิดในใจก่อนที่ผมจะเดินไปยังตู้โดยสารที่ 6 เพื่อหาอะไรทานแล้วกลับห้องพักไปนอน

ผมเปิดประตูละเข้าไปยังตู้โดยสารที่ 6 ที่เป็นตู้เสบียงเพื่อไปทานอาหารเช้า ถึงจะบอกว่าอาหารก็เถอะ แต่การแนะนำตัวเมื่อกี้ก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง ทำให้ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว

ตู้เสบียงมีความหรูหราผิดกับห้องเสบียงบนรถไฟทั่วไป โต๊ะทานอาหารอย่างดี เครื่องสั่งอาหารที่เมื่อกดเมนูที่เราต้องการเครื่องจะทำเมนูนั้นมาให้เราทาน มุมเครื่องดื่มที่มีเครื่องดื่มแบบบริการตัวเองอยู่มากมายหลายแบบ ผมถึงกับแปลกใจว่าทำไมระหว่างตอนที่เดินมายังตู้โดยสารที่ 7 ผมไม่ได้สังเกตตู้เสบียงเลย

ผมที่กำลังแปลกใจก็เดินไปยังเครื่องสั่งอาหาร และสั่งสปาเกตตีเมนูโปรดของตัวเอง ในระหว่างที่รอเครื่องสั่งอาหาร ผมก็เดินไปหยิบชาเขียวที่มุมเครื่องดื่ม ในตอนที่ผมกำลังเดินกลับไปยังเครื่องสั่งอาหาร ผมก็กวาดสายตาหาโต๊ะที่ยังว่างอยู่

โต๊ะทานอาหารมีอยู่ทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน โดยโต๊ะแต่ละตัวจะมีเก้าอยู่โต๊ะละคู่ รวมจำนวนเก้าอี้ทั้งหมด 10 ตัว ซึ่งพอดีกับจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด ทุกคนที่มายังตู้เสบียงก่อนผมต่างพากันจับคู่นั่งทานอาหารเรียบร้อยแล้ว แต่โชคยังดีที่นิโคลและคาลอสยังไม่มายังตู้เสบียง ทำให้เหลือโต๊ะที่มี่คนนั่งอยู่หนึ่งตัวพอดี ผมจึงนำขวดชาเขียวไปวางเพื่อเป็นการจองโต๊ะตัวนั้น และเมื่อผมกลับมาเครื่องสั่งอาหารก็ทำอาหารของผมเสร็จพอดี

ผมรีบเดินไปนั่งยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่ และทานอาหารเช้าที่ใกล้เที่ยงแล้วของผม เมื่อทานเสร็จผมก็นั่งรอให้อาหารย่อยอยู่สักพัก

ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่ทานอาหารเสร็จต่างก็คุยเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ผมกลับปล่อยเวลาให้ผ่านไปและมองไปยังนอกหน้าต่าง

“ฝนยังไม่หยุดตกอีกหรอ?” ผมคิด

เมื่อผมแน่ใจว่าอาหารย่อยดีแล้ว ผมจึงนำถาดอาหารไปเก็บยังที่วางถาด แล้วเดินกลับไปยังตู้โดยสารของตัวเอง ปล่อยให้ว่าที่เพื่อนร่วมทางของผมที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทางของผมแล้ว คุยกันต่อไป

“ไว้ค่อยคุยกันวันอื่นก็คงไม่สายหรอกเนอะ” นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวันนี้ที่ผมจำได้ ก่อนที่จะเปิดประตูห้องพักของตัวเองและทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงแต่หัววัน และลากยาวไปจนถึงเช้าวันถัดไป

 

*** จบวันที่ 1 สภาพอากาศ: มีเมฆครึ้มและฝนตกแบบประปราย***

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา