ขบวนรถไฟไถ่บาป
เขียนโดย CryingWolf
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.28 น.
แก้ไขเมื่อ 2 มกราคม พ.ศ. 2563 17.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) วันออกเดินทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความท้องฟ้าสีหม่นในยามเช้ามืด ประกอบกับบรรยากาศอึมครึมของเมฆฝนที่กำลังก่อตัว ทั้งสองสิ่งที่อยู่รวมกัน ทำให้วันนี้กลายเป็นวันที่ไม่ค่อยเหมาะกับการออกเดินสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นได้หลายคนคงจะเลี่ยงที่จะออกเดินทางในวันที่บรรยากาศหม่นหมองแบบนี้ เป็นไปได้คงจะเลือกออกเดินทางในวันที่บรรยากาศแจ่มใสกว่านี้
“ถ้ารู้ว่าอากาศวันนี้จะอึมครึมขนาดนี้ รู้อย่างนี้ ไม่เลือกที่เดินทางแล้วนอนอยู่บ้านดีกว่าวันนี้” ผมที่นั่งอยู่บนม้านั่งของสถานีรถไฟได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง
“เฮ้อ แต่จะกลับตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วสินะ” ผมถอนหายใจฟอดใหญ่ไปที่กองกระเป๋าและสัมภาระข้างม้านั่ง จากนั้นจึงรีบหันเหความสนใจของตัวเองด้วยการกวาดสายตาไปรอบ ๆ สถานีรถไฟ
ภายในสถานีรถไฟ มีคนที่นั่งรอขบวนรถไฟขบวนเดียวกับผมอยู่ประมาณ 9 คน ทุกคนต่างก็มีกระเป๋าและสัมภาระอื่นหลายอย่างแบบเดียวกับผม แต่สำหรับผมที่พึ่งเคยออกเดินทางด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ทุกคนในสถานีก็เป็นเหมือนกับคนแปลกหน้า และผมเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่จะได้เดินทางร่วมกับคนแปลกหน้าเหล่านั้นเป็นเวลา 30 วัน
ผมจ้องมองว่าที่เพื่อร่วมทางของผมไปสักพัก ก่อนที่จะหยิบคู่มือการเดินทางที่อยู่ในกระเป๋าสะพายออกมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา
ข้อแนะนำสำหรับผู้โดยสารขบวนรถไฟไถ่บาป
- ผู้โดยสารแต่ละท่านจะได้พักในตู้โดยสาร ท่านละ 1 ตู้
- ตู้โดยสารที่ 6 จะเป็นตู้เสบียงที่มีอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้โดยสาร, ตู้โดยสารที่ 7 จะเป็นตู้สำหรับห้องนั่งเล่น และตู้โดยสารที่ 8 จะเป็นตู้ชมวิว
- ตู้โดยสารของผู้โดยสารแต่ละท่านจะมีบรรยากาศเปลี่ยนไปตามสภาพจิตใจของผู้โดยสารที่พักอยู่ในตู้โดยสารนั้น
- ในการเดินทางครั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องต้องนำสิ่งที่ผู้โดยสารคิดว่าสามารถแสดงตัวตนของผู้โดยสารได้ที่สุดอย่างน้อย 1 อย่าง
- เมื่อขบวนรถไฟเดินทางมาถึงสถานีปลายทาง ผู้โดยสารจะต้องตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ เพื่อรับการพิจารณาไถ่บาป
- ผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะลงขบวนรถไฟก่อนถึงสถานีปลายทาง สามารถติดต่อขอลงได้ผ่านการกดปุ่มสีดำที่อยู่ในตู้โดยสารของตัวเอง
- หากผู้โดยสารท่านใดมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่ผ่านโทรศัพท์ที่อยู่ในตู้โดยสารของตัวเอง
*** ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านเดินทางกับเรา ขบวนรถไฟไถ่บาป อย่างมีความสุขนะคะ ***
“มันแปลกดีใช่ไหมล่ะ? พวกข้อแนะนำเหล่านี้” ผมได้แต่ตั้งข้อสงสัยกับตัวเองหลังจากที่อ่านคำแนะนำในคู่มือการเดินทาง แต่ที่น่าจะแปลกว่านั้น ก็คงเป็นการที่ผมตั้งข้อสงสัยแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินทางไปกับขบวนรถไฟประหลาดขบวนนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมหยิบคู่มืออันนี้ขึ้นมาอ่าน
“ถึงจะบ่นไปก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ล่ะนะ” ผมสบถกับตัวเอง ก่อนที่จะสลัดข้อสงสัยเหล่านั้นออกไปจากหัว และนั่งเหม่อออกไปทางชานชาลา
ไม่รู้ระหว่างที่ผมอ่านคู่มือการเดินทางและนั่งเหม่อนั้น เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็ได้เริ่มขึ้นและทำให้บรรยากาศของช่วงเช้ามืดกลายเป็นช่วงเช้าตรู่แทนซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ท้องฟ้าก็ดูอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกอยู่ดี
“ดูย้อนแย้งจัง” ท้องฟ้าสีหม่นกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านหมู่เมฆครึ้มทำให้ผมเกิดความคิดแบบนั้น แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดต่อ เสียงประกาศที่ดังจากหน้าชานชาลาก็ได้ดึงเอาความสนใจของผมและว่าที่เพื่อนร่วมทางของผมไป
“ค่า สวัสดีค่ะ ต้องขออภัยท่านผู้โดยสารทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ให้รอนะคะ ฉัน เจย์ เป็นพนักงานต้อนรับของขบวนรถไฟไถ่บาปค่ะ” เจย์พนักงานสาวผมบลอนด์ยาวประบ่า ยืนประกาศอยู่หน้าชานชาลาผ่าโทรโข่งอันใหญ่ที่เธอสะพายอยู่ด้านข้างของลำตัว เครื่องแบบสีน้ำเงินอ่อนและหมวกพนักงานต้อนรับสีน้ำเงินอ่อนของเธอ ประกอบกับรองเท้าส้นสูงสีแดงเข้ม ทำให้เธอดูเป็นพนักงานต้อนรับที่ดูสง่ากว่าพนักงานต้อนรับทั่วไปเลยทีเดียว
“หวังว่าท่านผู้โดยสารทุกท่านจะอ่านคู่มือการเดินทางมากันเรียบร้อยแล้วนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนตารางเดินทางในวันนี้ ฉันจะอธิบายเพิ่มเติมจากคู่มือการเดินทางก่อนที่ขบวนรถไฟจะเข้าเทียบที่ชานชาลานะคะ” เจย์ประกาศต่อไป เสียงของเธอดูสดใสและเป็นกันเองจนทำให้บรรยากาศอึมครึมที่ปกคลุมรอบสถานีค่อย ๆ หายไป
“ท่านผู้โดยสารจำข้อแนะนำข้อที่ 5 ได้ใช่ไหมคะ สำหรับคำถามที่ทุกท่านต้องตอบในวันสุดท้ายของการเดินทาง ที่สถานีปลายทาง เพื่อเข้ารับการพิจารณาไถ่บาป เป็นคำถามสั้น ๆ ง่าย ๆ ค่ะ” เจย์หยุดประกาศไปชั่วขณะ ก่อนที่สีหน้ายิ้มแย้มของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
“บาปที่คุณต้องการจะไถ่มากที่สุดคืออะไร?” พริบตาที่เธอประกาศคำถามที่เป็นเหมือนคำถามตัดสินเส้นทางชีวิตของผู้โดยสารทุกคน บรรยากาศที่ดูเหมือนจะสดใสในชั่วขณะ กลับกลายเป็นบรรยากาศอึมครึมเหมือนในตอนแรก ไม่สิบรรยากาศในตอนนี้ดูอึมครึมยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก
“ใช่แล้ว ทุกคนที่สถานีนี้ ล้วนแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือการหาว่าบาปที่ตัวเองสร้างไปแบบไม่รู้ตัวคืออะไร” ผมได้แต่คิดในใจ ก่อนที่เจย์ซึ่งตอนนี้สีหน้ากลับมายิ้มแย้มราวกับว่าไม่เคยประกาศคำถามเมื่อครู่มาก่อน จะประกาศอีกครั้ง
“ตอนนี้รถไฟก็ได้เข้าเทียบชานชาลาแล้ว ถ้าท่านผู้โดยสารพร้อมแล้ว ก็นำกระเป๋าและสัมภาระขึ้นไปยังตู้โดยสารของตัวเองตามที่ระบุไว้ในคู่มือได้เลยค่ะ”
หลังจากที่เจย์หยุดประกาศไปได้สักพัก ผมก็ได้แต่นั่งอึ้งอยู่บนม้านั่งที่ผมนั่งฟังเสียงประกาศมาตั้งแต่ตอนแรก ในขณะที่ว่าที่เพื่อนร่วมทางของผมต่างพากันขนสัมภาระขึ้นไปยังตู้โดยสารของตัวเอง
“คุณคราวน์ใช่ไหมคะ รีบขนของไปที่ตู้โดยสารได้แล้วค่ะ ไม่งั้นคุณจะตกรถเอานะคะ” เจย์ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่หน้าชานชาลาแล้ว แต่อยู่ตรงหน้าของผมแทนพูดกับผม
ผมไม่ทันได้รู้เลยตัวเลยว่าเจย์ได้เดินหาผมตั้งแต่ตอนไหน ด้วยความตกใจผมจึงพยักหน้าและรีบขนกระเป๋าและสัมภาระของผมตรงไปยังขบวนรถไฟ
“อ้อ! แล้วก็ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านมีความสุขกับการเดินทางบนขบวนรถไฟไถ่บาปตลอด 30 วันนี้นะคะ” เสียงประกาศของเจย์จบลง ก่อนที่เสียงใหม่จะเริ่มดังขึ้น เสียงนั้นไม่ใช่เสียงอื่นใด นอกจากเสียงฝนในใจของผม ที่ตอนนี้ได้ตกลงในความเป็นจริงแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ