ลำนำบุปผาพิษ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.

  30 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) บทที่ 57-58

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 57 ยอมให้ข้าอีกสักครั้งเถิด

เวลากลางดึก ในป่าเล็กๆ แห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมือง มีแมกไม้เขียวชอุ่มผืนป่าเขียวขจีอยู่ภายใต้แสงจันทร์ในยามนี้ ทั้งลึกทึบและเงียบสงัด

กู้เทียนฉิงที่เหินทะยานมาตลอดทางพุ่งเข้าไปในป่าเล็กๆ นั้นอย่างรวดเร็ว นางคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี เดี๋ยวเลี้ยวไปทางตะวันออก เดี๋ยวเลี้ยวไปทางตะวันตก เพียงพริบตาเดียวก็เข้ามาในป่าลึกแล้ว

ภายใต้ต้นไม้ใหญ่มีบุรุษชุดเขียวผู้หนึ่งยืนอยู่ รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา กำลังกระสับกระส่ายอยู่ตรงนั้น

“พี่หรงเหยียน” กู้เทียนฉิงเรียกเบาๆ แล้วโผเข้าไปหาบุรุษชุดเขียวประดุจนกนางแอ่นที่บินกลับรัง

บุรุษชุดเขียวคนนั้นก็คือองค์ชายสิบสองหรงเหยียนนั่นเอง เขาอ้าแขนออกแล้วโอบกอดกู้เทียนฉิงเอาไว้ พลางก้มศีรษะลงไปจุมพิตนาง

จุมพิตนี้ยาวนานมาก ขณะที่องค์ชายหรงเหยียนกอดจูบนางอยู่นั้นมือไม้ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง บีบคลึงอยู่ไม่หยุด...

ผ่านไปไม่นาน เสื้อผ้าของคนทั้งสองก็หลุดลุ่ยไปบ้างเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วองค์ชายหรงเหยียนก็ยังเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยเลือดร้อน เขาจึงดันกู้เทียนฉิงลงไปที่พื้นอย่างอดใจไม่อยู่ แล้วเอื้อมมือจะไปดึงกางเกงของนางออก...

เห็นได้ชัดว่ากู้เทียนฉิงเองก็มีอารมณ์เช่นกัน ใบหน้างามแดงก่ำ แต่กลับคว้ามือขององค์ชายหรงเหยียนไว้แล้วเอ่ยห้าม “พี่หรงเหยียน ไม่ได้นะ!”

องค์ชายหรงเหยียนหอบหายใจถี่รัวพลางจ้องมองนาง น้ำเสียงหม่นหมอง “เทียนอี ยอมให้ข้าอีกสักครั้งเถิด! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน...”

กู้เทียนฉิงโอบเอวเขาไว้ “เทียนฉิง...เทียนฉิงก็คิดถึง ตะ...แต่ว่าในท้องของเทียนฉิงมีลูกของพวกเราอยู่ พี่หรงเหยียน ท่านอดทนสักหน่อยเถิด พวกเรา...พวกเรายังอยู่ด้วยกันไปอีกนาน”

ทว่าองค์ชายหรงเหยียนยังคงไม่ถอดใจ ยังคงทับนางไว้ไม่ให้ลุกขึ้น “แค่ครั้งเดียวเอง...ข้าถามหมอตำแยมาแล้ว ต่อให้ตั้งครรภ์อยู่ แต่ว่านานๆ ทีทำสักครั้งก็ยังพอไหว พวกเราเองก็นานแล้วที่ไม่ได้...”

กู้เทียนฉิงจับมือของเขาที่ยังคิดจะฉีกกระโปรงตัวนอกของนาง “สักครั้ง...สักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าที่นี่...ไม่เหมาะ อาจกระทบกระเทือนถึงลูกได้...”

นางเกรงว่าเขาจะยังพัวพันตอแยต่อไป จึงลุกขึ้นนั่ง

องค์ชายหรงเหยียนขบฟันแน่น “เจ้านี่มันนางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์ชัดๆ...”

กู้เทียนฉิงกอดแขนของเขาไว้ “พี่หรงเหยียน...หากว่าท่านร้อนใจจริงๆ...ไม่สู้รีบมาสู่ขอข้าให้เร็วขึ้นหน่อย พอถึงยามนั้นแล้วท่านอยากทำสิ่งใดก็จะได้ทำสิ่งนั้น...”

น้ำเสียงของนางหวานหยดย้อย ทว่าองค์ชายหรงเยียนกลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา อ้อมแขนที่เดิมทีโอบกอดกู้เทียนฉิงเอาไว้ ยามนี้กลับคลายออก

แต่กู้เทียนฉิงกลับโอบเอวเขาจากด้านหลังอีกครั้ง “พี่หรงเหยียน ข้าตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ท่านรีบคิดหาวิธีย้ายหินที่ขวางเท้าก้อนนั้นออกไปเถิด พวกเราจะได้...”

องค์ชายหรงเหยียนเพียงถอนหายใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร

กู้เทียนฉิงรั้งรออยู่สักครู่ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจจึงเกิดความสับสนเล็กน้อย “พี่หรงเหยียน ท่านคงไม่...ไม่คิดจะแต่งกับสตรีนางนั้นจริงๆ ใช่ไหม?”

องค์ชายหรงเหยียนถอนหายใจอีกครา “การหมั้นหมายของข้ากับนางเป็นเสด็จพ่อประทานให้ เกรงว่าจะยกเลิกไม่ได้...”

กู้เทียนฉิงตัวแข็งทื่อ หวีดร้องเสียงแหลม “พี่หรงเหยียนท่านหมายความว่าอย่างไร? ถอนหมั้นไม่ได้? ท่านคิดจะแต่งนังอัปลักษณ์คนนั้นเป็นชายาจริงๆ หรือ?! แล้วข้าล่ะ? ข้าจะทำยังไง? ท่านไม่ต้องการข้าแล้วใช่ไหม?”

น้ำเสียงของนางไม่ดีนัก องค์ชายหรงเหยียนจึงรีบโอบกอดนางเอาไว้ “ไม่ต้องการเจ้าที่ไหนกัน? เจ้า...เจ้าต้องให้ข้าคิดวิธีการสักหน่อย หลุมพรางที่พวกเราคิดกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น เดิมทีสามารถกำจัดนางทิ้งไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนั้นขึ้น นางไม่เพียงแต่ยังมีชีวิตอยู่ดี หรงอี้ยังตายไปอีกด้วย...ทำให้แผนของพวกเราต้องล้มเหลวในช่วงสุดท้าย”

-------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 58 ท่านไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย

กู้เทียนฉิงถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก ซุกใบหน้าน้อยๆ เข้ากับแผ่นหลังของเขา “นับว่าครั้งก่อนนังอัปลักษณ์คนนั้นโชคดีไป แต่ก็แปลกนัก หรงอี้ตายได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าพลังยุทธ์ของเขาบรรลุระดับพลังวิญญาณขั้นที่สี่แล้วหรือ? ต่อให้เป็นท่านกับข้าก็ไม่แน่ว่าจะเข้าใกล้เขาได้ มิเช่นนั้นในครั้งนั้นข้าคงไม่ต้องหลบหนียามถูกเขาแทะโลม คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้จะ...”

องค์ชายหรงเหยียนกำมือแน่น “ข้าเองก็สงสัยนัก เดิมทีแผนการนี้ของพวกเรานับเป็นการขว้างหินก้อนเดียวโดนนกสองตัว ทั้งได้แก้แค้นให้เจ้าที่ถูกแทะโลมในครานั้น และได้กำจัดนังเด็กอัปลักษณ์นั่นทิ้งด้วย ไม่นึกเลยว่าจะเกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ใต้เท้าฮู่คล้ายจะสงสัยว่าข้าเป็นผู้กระทำเรื่องนี้...”

ใบหน้างดงามของกู้เทียนฉิงฉายแววหวั่นวิตกออกมา แต่ก็ยังกล่าวปลอบใจเขา “ท่านไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย พวกเราไม่ได้ทำผิด ไม่เห็นต้องกลัวเลย ”

องค์ชายหรงเหยียนส่ายศีรษะ “ที่สำคัญคือเรื่องราวมันประจวบเหมาะเกินไป เกรงว่าพวกใต้เท้าฮู่คงมองว่าข้าคิดจะป้ายความผิดให้น้องหกของเจ้า เลยจงใจสังหารหรงอี้ล่วงหน้า... ยังมีอีก ข้าและหรงอี้ไม่ค่อยถูกกัน เมื่อปีก่อนเขาเคยทำให้ข้าได้รับความอัปยศต่อหน้าผู้คน สั่งให้ข้า...สั่งให้ข้าคลานลอดหว่างขา ไม่เห็นข้าผู้เป็นองค์ชายอยู่ในสายตาเลยสักนิด ยามนี้เขาเกิดเรื่องขึ้น ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเกรงว่าจะเป็นข้าเสียแล้ว!”

กู้เทียนฉิงตะลึงงัน “คงไม่ใช่กระมัง?”

องค์ชายหรงเหยียนยิ้มเย็นชา “ทำไมจะไม่ใช่เล่า? หากว่าข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวข้าเองก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน!”

กู้เทียนฉิงกัดฟันแน่นพลางเอ่ย “ต่อให้...ต่อให้พวกเขาคิดเช่นนี้จริง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน ต่อให้สงสัยท่านแล้วยังไง? อีกอย่างท่านก็เป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ แถมฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานท่านมากกว่าเดิม อย่าว่าแต่ท่านไม่ได้เป็นผู้สังหารหรงอี้เลย ต่อให้ท่านเป็นผู้สังหารเขาจริง ฝ่าบาทก็คงไม่ลงโทษท่านจริงๆ หรอก”

องค์ชายหรงเหยียนส่ายศีรษะอีกครา “ก็ไม่แน่! ถึงอย่างไรหรงอี้ก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของหลูอ๋องเสด็จอาของข้า ได้รับความรักใคร่เอ็นดูอย่างยิ่งมาตลอด เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ยามนี้เขาเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ทุกวันนี้เสด็จอาหลูอ๋องเข้าวังไปร้องห่มร้องไห้ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน ต้องการให้เสด็จพ่อรับผิดชอบ ตามหาฆาตกรตัวจริง แล้วนำอีกฝ่ายมาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นเพื่อแก้แค้นให้บุตรชายของเขา อีกทั้งเขายังมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ เสด็จพ่อของข้าถูกเขารบกวนจนปวดเศียรเวียนเกล้า ทั้งยังต้องไว้หน้าเขา จึงมีรับสั่งให้ทั้งสามกรมรีบสะสางคดีให้ได้โดยไว เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว...”

ทั้งสองคนหารือกันอยู่ตรงนั้นสักพัก กู้เทียนฉิงก็แสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา “ล้วนเป็นเพราะนังอัปลักษณ์คนนั้น หากไม่ใช่เพราะนาง คงไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ขึ้น! ใช่แล้ว ถ้าพวกเราผลักนางลงหลุมไปจะเป็นอย่างไร? ก็บอกไปว่านางเป็นคนฆ่าหรงอี้...”

องค์ชายหรงเหยียนยิ้มขื่นพลางส่ายหน้า “นางเป็นเศษสวะที่ไร้พลังวิญญาณ แม้แต่วรยุทธ์ก็ไม่มี หากกล่าวว่านางเป็นผู้สังหารเล่อฮวาโหวที่มีพลังวิญญาณขั้นสี่ ใครหน้าไหนจะเชื่อกัน!”

ใบหน้างามของกู้เทียนฉิงเจื่อนลง นี่ก็ใช่!

องค์ชายหรงเหยียนครุ่นคิดเล็กน้อย “เทียนฉิง วันนั้นเจ้าได้เห็นน้องหกของเจ้ายามออกไปจริงๆ ไหม? ยังมีคนอื่นที่เห็นอีกหรือไม่?”

กู้เทียนฉิงได้แต่ส่ายหัว “ข้าเกรงว่าจะมีคนขัดขวางตอนนางออกไป จึงจงใจกันผู้คุ้มกันในจวนออกไป คนที่เห็นเหตุการณ์ก็คือพยานในวันนั้น...”

คิ้วขององค์ชายหรงเหยียนขมวดมุ่น “สองคนนั้นถูกขังไว้ในคุกของกรมอาญาด้วยโทษฐานใส่ความบุตรสาวแม่ทัพ ได้ยินว่าถูกตีจนปางตาย แต่สองคนนั้นก็ยังคงปากแข็ง ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่เจ้าเป็นผู้ลอบบงการให้พวกเขาไปแจ้งความออกมา...”

หัวใจของกู้เทียนฉิงเต้นถี่รัว “การคงอยู่ของสองคนนี้จะชักนำภัยมา พี่หรงเหยียน ท่านต้องคิดหาวิธีกำจัดพวกเขาทิ้งซะเพื่อขจัดภัย”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะคิดหาทางทำให้สองคนนี้หุบปากตลอดไป!” น้ำเสียงขององค์ชายหรงเหยียนแฝงความอำมหิตไว้จางๆ

-------------------------------------------------------------------------------------

พูดคุยเกี่ยวกับนิยาย #ลำนำบุปผาพิษ

ได้ใน FB Group : หอน้ำชาเสี่ยวเปย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา