ลำนำบุปผาพิษ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) บทที่ 53-54
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 53 เหอะๆ ไว้ชาติหน้าเถอะ!
เดิมทีแล้วองครักษ์นิลกาฬก็มักจะเดินกร่างวางอำนาจในเมืองหลวงอยู่แล้ว หากว่างงานก็จะก่อเรื่องขึ้นมา ยามนี้มีการเปิดทางให้เพียงนี้จึงกำเริบเสิบสานยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งทุบประตูพังหน้าต่าง ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ภายในเมืองซิงเย่าก็ตกอยู่ในความโกลาหล เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
องค์ชายหรงฉู่คิดว่า เมื่ออยู่ภายใต้การค้นหาอย่างถี่ถ้วนจากคนของตนเช่นนี้ ต่อให้เป็นเพียงแมลงวันสักตัวก็หนีไม่รอด ต้องจับเจ้าสองคนนั้นกลับมาให้เขาลงโทษได้แน่ แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าแม้จะเฝ้ารออยู่ทั้งคืน เขาก็ไม่ได้รับในสิ่งที่เฝ้ารอ...
ยามนี้กู้ซีจิ่วที่เป็นหนึ่งใน ‘ผู้ร้าย’ กำลังเอนกายพิงหัวเตียงอย่างเกียจคร้านอยู่ในห้องนอนของตน
หลังจากที่เธอสั่งให้เด็กรับใช้นำกระเรียนกระดาษไปมอบให้แล้วก็ทราบดีว่าองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวย่อมต้องประมูลเจ้ากำไลหยั่งรู้ฟ้าดินเส้นนั้นได้แน่นอน เธอเลยไม่รั้งรออยู่ที่นั่นต่อไป และใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาหายตัวจากห้องรับรองนั้นโดยตรงเพื่อออกจากโรงประมูลนั้น
วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของเธอก้าวหน้าขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หายตัวหนึ่งครั้งก็มาได้ไกลถึงสองช่วงถนน จึงไม่จำเป็นต้องผ่านทางเข้าออกใดๆ ของโรงประมูล และไม่ทำให้ผู้ใดต้องตกใจ
หลังจากที่ออกมา เธอก็หันกลับไปมองโรงประมูลแห่งนั้นแวบหนึ่งแล้วแค่นหัวเราะเบาๆ
เธอทราบดีว่าคนขององค์ชายหรงฉู่ต้องดักซุ่มรออยู่ที่ทางเข้าออกทุกทางของโรงประมูลอย่างแน่นอน คิดจะทำให้เธอจนตรอก คิดจะจับตัวเธอ? เหอะๆ ไว้ชาติหน้าเถอะ!
เรื่องหลักๆ ทั้งหมดที่ควรจะจัดการเธอก็จัดการไปพอสมควรแล้ว จึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาติดต่อกันอีกหลายครั้งเพื่อกลับจวนแม่ทัพ ยามที่ปรากฏตัวอีกครั้งเธอก็อยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว
บรรดาข้ารับใช้ล้วนยุ่งอยู่ด้านนอก ถ้าไม่มีคำสั่งจากเธอก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาในห้องนอน เลยไม่มีใครรู้ว่าเธอเคยออกไปข้างนอก
เธอถอดอุปกรณ์ที่ใช้ปลอมตัวออกกลับคืนสู่โฉมหน้าเดิม สั่งให้คนต้มน้ำร้อนแล้วอาบน้ำลอยกลีบดอกไม้อย่างสบายอกสบายใจ หลังจากเช็ดผมจนแห้งแล้วเธอก็ขึ้นเตียง
กู้ซีจิ่วหยิบกล่องแก้วผลึกใบนั้นที่อยู่ในแขนเสื้ออกมา แล้วค่อยๆ ลูบคลำมัน
หญ้าวิเศษสามพันปีนอนนิ่งอยู่ภายในกล่อง เปล่งแสงสีแดงจางๆ
เธอตรวจสอบและเทียบดูอย่างละเอียดแล้ว มีลักษณะแตกต่างกันเพียงนิดเดียวอย่างที่กู่ซีซีคนนั้นกล่าวไว้จริงๆ นี่เป็นของจริง
ที่จริงแล้วยามที่ได้ของสิ่งนี้มา เธอยังแคลงใจอยู่บ้างว่าคุณชายน้อยผู้นั้นจงใจเล่นเล่ห์ คิดว่าสมุนไพรต้นนี้อาจมีอายุเพียงสิบปีหรือร้อยปีเท่านั้น คงจะถูกคุณชายน้อยผู้นั้นตบตาเข้าเสียแล้ว
ตอนนี้เธอมองสมุนไพรต้นนี้จนทั่วแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีร่องรอยการปลอมแปลง
ไม่คิดเลยว่าคุณชายน้อยคนนั้นจะขายสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้ให้เธอจริงๆ แทบไม่ต่างจากการให้ฟรีเลยด้วยซ้ำ คุณชายน้อยคนนั้นที่แท้แล้วมีเจตนาอะไร? มีจุดประสงค์ใดกันแน่?
กู้ซีจิ่วเองก็คิดไม่ถึงว่าการเข้าไปเดินเล่นในโรงประมูลจะทำให้เก็บได้ของดีราคาถูก แถมของสิ่งนี้ยังเป็นสิ่งที่เธอต้องการอย่างยิ่งด้วย
เธอใช้ปลายนิ้วสัมผัสสมุนไพรต้นนั้นเบาๆ สมุนไพรต้นนี้มีนิสัยขี้อายอยู่บ้าง แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อย ใบทั้งสองใบตรงปลายยอดก็หุบเข้ามา ห่อหุ้มปลายนิ้วของเธอไว้ตรงกลาง ใบอื่นๆ ก็ส่ายไหวไปมา ราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ ดูท่าคงมีจิตวิญญาณอยู่เล็กน้อย
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ต้องรีบกินลงท้องไปเท่านั้นถึงจะปลอดภัย แต่หากจะรักษาร่างกายที่ไร้ค่าของเธอ แค่ตัวยานี้อย่างเดียวไม่พอ ยังต้องใช้ตัวยาอีกหลายขนานมาผสมกันถึงจะดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาได้ ดังนั้นเธอจะยังไม่กินสมุนไพรนี้ในตอนนี้
บางทีเธอควรจะจัดให้เรื่องสมุนไพรต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด...
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 54 พวกเรามาเยี่ยมเจ้าด้วยความหวังดี...
สมุนไพรที่เธอต้องการส่วนใหญ่ล้วนเป็นของหายากยิ่ง มักเติบโตอยู่ในสถานที่สุดแสนอันตราย สถานที่เหล่านั้นล้วนมีพยัคฆ์ร้ายและปีศาจออกอาละวาด หากไม่มีพลังวิญญาณขั้นที่สี่ขึ้นไปอย่าได้คิดจะย่างกรายเข้าไปแม้แต่ครึ่งก้าว นี่จึงเป็นเหตุให้สมุนไพรเหล่านี้มีราคาแพงหูฉี่ เพียงชนิดเดียวก็เป็นเงินหลายหมื่นตำลึงแล้ว
ดังนั้นภารกิจของเธอในตอนนี้ หนึ่งคือหาเงิน สองคือไปเก็บสมุนไพรบางส่วนด้วยตัวเอง พึ่งพาลำแข้งของตัวเอง เก็บมาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ถึงแม้เธอจะใช้พลังวิญญาณไม่ได้ แต่เธอก็มีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา ในช่วงเวลาวิกฤตก็สามารถวิ่งหนีได้รวดเร็วมาก
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง จึงตวัดข้อมือขึ้น กล่องแก้วผลึกใบนั้นถูกเธอเก็บกลับมาเรียบร้อยแล้ว เธอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่อยู่ข้างกายมาเล่มหนึ่งแล้วเอนกายพิงตรงนั้นพลางอ่านมัน
จากนั้นสักครู่ ด้านนอกก็มีเสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย มีน้ำเสียงนุ่มนวลสายหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “น้องหกอยู่ในห้องหรือเปล่า?” เสียงที่ได้ยินนี้เป็นเสียงของกู้เทียนฉิง
สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกได้รับคำสั่งจากกู้ซีจิ่วไว้นานแล้วว่า ถ้ามีคนมาเยี่ยมเยือนแล้วกู้ซีจิ่วไม่ตอบรับ ก็ห้ามให้อีกฝ่ายเข้ามาข้างในโดยเด็ดขาด
ดังนั้นเหล่าสาวใช้จึงขัดขวางกู้เทียนฉิงและกู้เทียนอีเอาไว้ กล่าวเพียงแต่ว่าเจ้านายของตนพักผ่อนอยู่ ไม่สะดวกจะพบแขก...
เดิมทีแล้วสองสาวสกุลกู้หอบเอาความสงสัยมาด้วย พอได้เห็นปฏิกิริยาของเหล่าสาวใช้ก็เคลือบแคลงยิ่งขึ้นไปอีก
พวกนางสองคนสรรหาเหตุผลสารพัดเพื่อจะเข้าไปข้างในให้ได้ แต่ก็ถูกเหล่าสาวใช้กีดกันไว้ นี่ยิ่งทำให้พวกนางทวีความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าสะสวยของกู้เทียนอีถมึงทึง “คุณหนูของพวกเจ้าไม่ได้อยู่ในห้องใช่ไหม?” พลางฉวยโอกาสโถมตัวเข้าไป
วรยุทธ์ของทั้งสองคนนี้ล้วนไม่อ่อนด้อย กล่าวอีกแง่ก็คือสาวใช้เหล่านี้จะอย่างไรก็ยังเป็นข้ารับใช้ของตระกูลกู้ ย่อมไม่กล้าลงมือกับสองสาวสกุลกู้จริงๆ พวกนางจึงบุกเข้าไปได้ในชั่วพริบตา!
บานประตูห้องเมื่อถูกชนก็พลันเปิดออก สองสาวสกุลกู้บุกเข้ามาราวกับพายุ พอได้เห็นภายในห้องอย่างชัดเจนก็ถึงกับบื้อใบ้ไป!
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในชุดนอนกำลังนอนเอนหลังอยู่บนเตียง ปล่อยผมยาวสยายครึ่งศีรษะ ในมือถือหนังสือไว้หนึ่งเล่ม ท่าทีสบายๆ ไม่แยแสอะไร เหลือบมองคนทั้งสองที่บุกเข้ามาพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยวาจาคมกริบประดุจมีด “ดึกดื่นค่ำคืนแล้ว แต่ทั้งสองท่านกลับบุกรุกห้องนอนผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร? จะมาปล้นหรือจะมาฆ่ากันล่ะ?”
กู้เทียนฉิงไม่คิดเลยว่านางจะอยู่ในห้องจริงๆ จึงเก้อกระดากอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยฝืนยิ้มแล้วพูดจาไกล่เกลี่ย “น้องหก พวกเราสองคนเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะถูกพวกบ่าวสุนัขเหล่านั้นรังแกหรือโดนพวกมันแอบทำร้ายจึงบุกเข้ามาดู น้องหก เจ้านี่ก็จริงๆ เลยนะ ทั้งที่เจ้าอยู่ในห้องตลอดแล้วเหตุใดจึงไม่ขานรับเล่า?”
กู้ซีจิ่ววางหนังสือในมือลง “หลายปีมานี้ข้าเคยชินกับความเงียบสงบไปเสียแล้ว จึงไม่อยากถูกใครรบกวน หรือว่าเพียงเท่านี้ก็ไม่ได้?”
กู้เทียนฉิงได้แต่สะอึกอยู่ตรงนั้นอีกครา กู้เทียนอีจึงพูดด้วยความโกรธ “พวกเรามาเยี่ยมเจ้าด้วยความหวังดี...”
“ขอบใจ แต่ข้าไม่ต้องการ” กู้ซีจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้ามานี่ซิ!”
หัวหน้าสาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านอกรีบเดินเข้ามาแล้วน้อมกายรอรับคำสั่ง
“เมื่อกี้ใครเป็นคนเฝ้าอยู่ข้างนอก? เรียกพวกนางเข้ามา!”
หัวหน้าสาวใช้จึงรีบออกไปเรียกสาวใช้สองนางนั้นที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเข้ามา กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่ง มองพวกนางที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น “พวกเจ้าเป็นสาวใช้ของใคร? ใครกันแน่ที่เป็นนายของพวกเจ้า?”
สาวใช้สองนางนั้นก้มศีรษะลงแล้วตอบ “พวกเราเป็นสาวใช้ของคุณหนูหก คุณหนูหกคือเจ้านายของพวกเรา”
น้ำเสียงของกู้ซีจิ่วเย็นชา “ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นนายของพวกเจ้า แล้วเหตุใดจึงไม่สกัดคนนอกที่บุกเข้ามาไว้?”
สาวใช้สองนางนั้นหมอบราบไปกับพื้น เอ่ยขออภัยไม่หยุด “บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”
-------------------------------------------------------------------------------------
พูดคุยเกี่ยวกับนิยาย #ลำนำบุปผาพิษ
ได้ใน FB Group : หอน้ำชาเสี่ยวเปย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ