ลำนำบุปผาพิษ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) บทที่ 39-40
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 39 ผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง
สำนักถามสวรรค์เป็นหนึ่งในสามสำนักหลักของทวีปนี้ วิชาหลักของศิษย์ทั้งสำนักคือการแพทย์และหลอมกลั่นโอสถ แม้ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาอาจจะไม่เก่งกาจนัก ทว่าด้านการแพทย์กลับล้ำเลิศไม่เป็นสองรองใคร เม็ดยาที่หลอมออกมานับเป็นสิ่งล้ำค่าที่เหล่าผู้ฝึกตนต่างเฝ้าใฝ่ฝันหา
ยิ่งกว่านั้นคือประมุขของสำนักถามสวรรค์ ผู้มีฉายาว่าเซียนแพทย์ ร่ำลือกันว่าไม่ว่าผู้ป่วยจะอาการหนักหนาสาหัสเพียงไหนขอเพียงถึงมือเขาไม่มีคนที่รักษาไม่หาย ลือกันกระทั่งว่าฝีมือของเขามหัศจรรย์นัก มีผู้ป่วยที่โดนผ่าท้องเปลี่ยนหัวใจเจาะศีรษะเปิดกะโหลก ทว่าผู้ป่วยกลับไม่ตาย
ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นี้นับเป็นศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของเขา ทั้งยังเป็นศิษย์หญิงเพียงคนเดียวอีกด้วย ได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์อย่างยิ่ง ถึงแม้ทักษะการแพทย์จะยังเทียบกับอาจารย์ของนางไม่ได้ แต่ก็นับว่ายอดเยี่ยมนัก ทั้งยังเคยรักษาโรคต่างๆ ที่เกินจะเยียวยาจนหายดีได้ จึงมีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปนี้ เพราะนางมีรูปโฉมงดงามเหนือมนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงถูกขนานนามว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์
ปลายนิ้วของกู้ซีจิ่วเคาะราวกั้นเบาๆ พลางมองที่ด้านล่าง เธออยากเห็นนักว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ำลือกันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ก็ไม่ทำให้ผู้คนต้องผิดหวังจริงๆ เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นหญิงงามที่แสนจะเยือกเย็นด้วย นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนโปร่งบางพลิ้วไสว ท่วงท่าเยื้องกรายดุจเทพธิดาดอกกล้วยไม้ ทุกอากัปกริยาล้วนสง่างามบริสุทธิ์สูงส่งประดุจหลุดพ้นจากโลกีย์
หลังจากที่กู้ซีจิ่วได้เห็นรูปลักษณ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นชัดๆ หัวใจก็พลันกระตุกวูบ!
ไม่นึกเลยว่ารูปโฉมของหญิงสาวคนนี้จะคล้ายคลึงกับหน้าตาของกู้ซีจิ่วในชาติก่อนถึงเจ็ดส่วน!
ยังมีชายหนุ่มทรงพลังยิ่งผู้หนึ่งติดตามอยู่ข้างกายนางด้วย อายุราวๆ ยี่สิบปี ร่างกายสูงใหญ่ มีรูปลักษณ์หล่อเหลาดูเย่อหยิ่งชั่วร้าย สวมเสื้อคลุมสีม่วงปักลวดลายมังกรสี่เล็บ เมื่อยืนข้างกายสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์แล้วดูประดุจเมฆาม่วงโอบล้อมพิทักษ์บุปผา
สายตาของกู้ซีจิ่วจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมลายมังกรสี่เล็บคนนั้น หรือนี่ก็เป็นองค์ชายอีกคน?
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วขององค์ชายหรงเหยียนก็ช่วยยืนยันแล้วว่าการคาดเดาของเธอถูกต้อง สายตาขององค์ชายหรงเหยียนเปล่งประกาย ร่างกายสั่นไหว โผนทะยานลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว “เสด็จพี่สี่!”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร องค์ชายสี่หรงฉู่
จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเฟยซิงมีพระโอรสจำนวนมาก แต่องค์ชายสี่หรงฉู่ผู้นี้คือผู้ที่มีหวังมากที่สุดว่าจะเป็นคู่แข่งกับองค์รัชทายาทได้
พระมารดาของเขาคือโจวกุ้ยเฟยผู้ได้รับความโปรดปรานที่สุดในยามนี้ ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังก็เข้มแข็งและทรงอิทธิพลยิ่งนัก ท่านตาของเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอาณาจักรเฟยซิง ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะปลดเกษียณไปแล้วเพราะความชรา ทว่าอำนาจของตระกูลยังคงอยู่เช่นเดิมจึงไม่อาจดูแคลนได้ ทั้งยังมีลูกน้องที่จงรักภักดีอยู่มากมาย และลูกน้องเหล่านี้ล้วนอยู่ในตำแหน่งสำคัญทางการทหารและการเมือง
สามารถกล่าวได้ว่าอำนาจครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเฟยซิงอยู่ในกำมือตระกูลโจว ขนาดจักรพรรดิเองก็ยังต้องให้ความสำคัญกับตระกูลโจวเป็นพิเศษ ถือเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งยิ่ง
ขุนนางในราชสำนักเกินกว่าครึ่งคิดกระทำการใดก็ต้องสังเกตสีหน้าตระกูลโจวเสียก่อน
ด้วยความสัมพันธ์เหล่านี้ องค์ชายสี่หรงฉู่ที่กำเนิดจากโจวกุ้ยเฟยจึงมีอำนาจมากกว่าโอรสของฮองเฮา
ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวองค์ชายหรงฉู่ผู้นี้เองก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เขาอายุน้อยกว่ารัชทายาทหรงเจียหลัวเพียงปีเดียว แถมเป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณ ด้วยเคยติดตามท่านตาไปออกรบ จึงชำนาญการรบทัพจับศึกอย่างยิ่ง กล่าวกันว่าผู้นำในเขตชายแดนเหล่านั้นต่างก็นับถือเขาอย่างมาก กู้เซี่ยเทียนบิดาของกู้ซีจิ่วเองก็เป็นฝ่ายเดียวกับองค์ชายสี่ ให้ความสำคัญกับองค์ชายสี่ยิ่งนัก
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเป็นโอรสของฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปก่อนวัยอันควร ตระกูลฝั่งมารดาไม่ได้มีอำนาจมากนัก หากไม่ใช่เพราะเขาเฉลียวฉลาดตั้งแต่เล็กทั้งยังเป็นยอดอัจฉริยะพลังวิญญาณที่โด่งดัง เกรงว่าตำแหน่งรัชทายาทของเขาคงจะถูกองค์ชายสี่ผู้นี้แย่งชิงไปนานแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ตำแหน่งรัชทายาทของหรงเจียหลัวก็ยังคงอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง และไม่ได้รับความสำคัญจากข้าราชบริพาร
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับองค์รัชทายาทมีอยู่ไม่มาก บรรดาองค์ชายส่วนใหญ่ต่างประจบเอาใจองค์ชายสี่ กับองค์รัชทายาทนั้นเพียงเคารพตามศักดิ์ฐานะแต่ไม่มาข้องเกี่ยวด้วย
ดังนั้นต่อให้เป็นหรงเหยียนช่วงก่อนจะได้รับความโปรดปรานก็ไม่ได้รู้สึกเคารพองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอย่างแท้จริง เคารพเพียงยามที่อยู่ต่อหน้าเท่านั้น
หลังจากที่เขาได้รับความโปรดปรานแล้วองค์ชายสี่เลยหยิบยื่นมิตรภาพแก่เขาเล็กน้อย เขาจึงโผเข้าไปร่วมกลุ่มกับองค์ชายสี่
เขาเพิ่งจะถูกองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวทำให้ขายหน้า ยามนี้พอได้เห็นองค์ชายหรงฉู่มาถึง จึงรีบพุ่งออกมาอย่างลิงโลด หลังจากนั้นสักพัก ก็นำทางองค์ชายหรงฉู่และสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าองค์ชายหรงฉู่ได้ฟังองค์ชายหรงเหยียนเล่าแล้วว่ารัชทายาทอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขายังไม่ทันเข้าห้องรับรองของรัชทายาทก็พลันหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยทักทาย “เสด็จพี่รัชทายาทอยู่ที่นี่หรือไม่? ผู้น้องมาทำความเคารพ...” แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านใน
เสียงหัวเราะที่กังวานก้องไปทั่วพลันหยุดลง หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ถอยหลังกลับมา สีหน้านอบน้อมทั้งยังมีสีหน้าเคารพนับถืออีกด้วย
องค์ชายหรงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “เสด็จพี่สี่? ด้านในยังมี...”
องค์ชายหรงฉู่ไม่รอให้เขาเอ่ยจบก็พลันโบกมือไปมา ส่งสัญญาณให้เขาหุบปากเสีย สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “องค์ชายสี่? ด้านในคือ...”
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 40 รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนเองคือยาจก
องค์ชายหรงฉู่ค่อนข้างจะเกรงใจนาง น้ำเสียงจึงนุ่มนวล “งานประมูลใกล้จะเริ่มแล้ว พวกเราไปที่ห้องรับรองกันก่อนเถิด” เมื่อยุติประเด็นสนทนาแล้ว จึงนำทางสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นไปยังห้องรับรองลำดับที่สองของชั้นสอง องค์ชายหรงเหยียนและสองสาวตระกูลกู้ก็ย่อมติดตามไปด้วย
‘หรือว่าในห้องรับรองขององค์รัชทายาทยังมีคนอื่นอยู่ด้วย?’
สามารถทำให้องค์ชายหรงฉู่ผู้หยิ่งผยองและไม่เคยยอมจำนนต่อผู้ใดเกรงกลัวได้ถึงเพียงนี้ เห็นทีว่าคนผู้นี้คงไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เป็นใครกันแน่นะ?
กู้ซีจิ่วหมุนถ้วยชาที่อยู่มือเล่นพลางครุ่นคิดหาคำตอบ
หลังจากนั้นสักพักองค์ชายหรงเช่อก็กลับมา แล้วกล่าวอำลากู้ซีจิ่ว
บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบกลับทันที ยามจะจากไปยังเอ่ยอีกว่า ขอมอบตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงไว้ให้กู้ซีจิ่ว ให้นางเอาไว้ซื้อสินค้าประมูลที่ถูกใจสักชิ้น เข้ามาแล้วทั้งทีจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ทั้งยังไม่รอให้กู้ซีจิ่วได้เอ่ยปฏิเสธ เขาก็กระโจนลงไปจากชั้นสองโดยตรงแล้ว
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากบางๆ ครู่หนึ่ง แล้วจึงเก็บตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงนั้นเอาไว้
ยามนี้เธอขาดแคลนเงินอยู่จริงๆ แถมเธอได้ยินมาว่าสินค้าที่นำมาประมูลครั้งนี้มีหญ้าวิเศษที่เธอต้องการด้วย สมุนไพรชนิดนี้ล้ำค่าและหายาก อาจจะต้องใช้เงินถึงห้าหมื่นตำลึง เธอต้องพยายามประมูลมันมาให้ได้ ส่วนเงินนี้ เธอจะหาวิธีชดใช้คืนในภายหน้า ด้วยความสามารถของเธอแล้วคงจะไม่ยากเย็นนัก...
ด้านล่างมีการเคาะค้อนจนเกิดเสียงใสๆ ดังก้องไปทั่ว แสดงให้เห็นว่างานประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ขั้นตอนการประมูลสินค้าของที่นี่ไม่แตกต่างกับการประมูลในยุคปัจจุบันมากนัก ล้วนเริ่มประมูลจากสินค้าที่มีราคาต่ำที่สุดก่อน
สถานที่นี้คือโรงประมูลชั้นสูงที่ใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิง คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นผู้มีอันจะกิน สินค้าทั้งหมดที่นำมาประมูลย่อมเป็นสินค้าหายากทั้งสิ้น ไม่สามารถพบเห็นได้ง่ายๆ ตามท้องตลาด แม้จะถูกที่สุดก็ยังมีราคาถึงหมื่นตำลึง...
กู้ซีจิ่วลูบคลำเศษเงินไม่กี่สิบตำลึงในแขนเสื้อ รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนเองคือยาจก
แล้วก็ลูบคลำตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงใบนั้นที่องค์ชายหรงเช่อมอบไว้ให้ ได้แต่หวังว่าการเสนอราคาหญ้าวิเศษวันนี้จะไม่ดีนัก อย่าสูงไปกว่าห้าหมื่นตำลึงเลย...
ในความเป็นจริงแล้วงานประมูลวันนี้เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงแรกไป กู้ซีจิ่วก็ไม่มีหวังต่อสมุนไพรวิเศษในตำนานนั้นแล้ว!
สมุนไพรทั้งหมดถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นั้นประมูลเข้ากระเป๋าไปแล้วทั้งสิ้น!
องค์ชายสี่หรงฉู่ซึ่งอยู่ข้างกายนางนับเป็นเจ้าถิ่นตัวจริง ไม่ว่าสมุนไพรที่นำออกมาประมูลจะถูกเสนอราคาสูงเพียงใด เขาก็จะเสนอราคามากกว่าผู้อื่นสองหมื่นตำลึง เป็นการเสนอราคาเกทับผู้อื่นกลับไปโดยตรง
กู้ซีจิ่วเห็นกับตาว่าสมุนไพรที่มีมูลค่าสูงสุดเพียงสามหมื่นตำลึงกลับถูกองค์ชายหรงฉู่ประมูลไปด้วยราคาหกหมื่นตำลึง ความมั่งคั่งร่ำรวยนี้ทำให้กู้ซีจิ่วเริ่มครุ่นคิดว่าควรจะปล้นเขาอย่างไรดี...
หลังจากที่คนอื่นๆ ซึ่งคิดแย่งประมูลสมุนไพรอยู่สามสี่หนล้วนถูกองค์ชายหรงฉู่ใช้ฐานะทางการเงินที่ได้เปรียบกว่าปราบไว้อย่างสิ้นเชิง พอมีสมุนไพรออกมาอีกทุกคนก็ไม่ประมูลแล้ว
เนื่องด้วยไม่อยากผิดใจกับองค์ชายสี่ผู้หยิ่งยโสและทรงอำนาจผู้นั้น
แต่ว่าในโรงประมูลนี้มีคนอยู่มากมาย ยังมีผู้ที่แตกต่างไปจากคนอื่นอยู่ อย่างเช่นผู้ที่นั่งอยู่เพียงลำพังในที่นั่งชั้นล่าง
ดูจากการแต่งกายแล้วคล้ายเป็นคุณชายบัณฑิตผู้หนึ่ง ฟันขาวปากแดง หน้าตางดงาม ใบหน้าขาวผ่อง นัยน์ตาเปล่งประกายระยิบระยับ รูปโฉมหล่อเหลาสง่างามคล้ายไม่แปดเปื้อนโลกีย์
การที่คนผู้นี้นั่งอยู่ด้านล่างเดิมทีไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาแปลก คือทุกครั้งหลังจากที่องค์ชายหรงฉู่เสนอราคา เขาก็มักจะยื่นมือข้างหนึ่งที่ทั้งขาวเนียนและเรียวยาวออกไปโบกอยู่เบื้องหน้าพิธีกรประมูล
พิธีกรประมูลเห็นว่าท่าทีของเขาค่อนข้างดี จึงเข้าใจว่าเขาคงคิดเพิ่มเงินอีกสักหมื่นเหมือนกับองค์ชายหรงฉู่ผู้มั่งคั่ง แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เพิ่มหนึ่งตำลึง”
ไม่กี่คำนี้ทำให้คนทั้งห้องโถงพากันหัวเราะกันจนท้องแข็ง
-------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ