ลำนำบุปผาพิษ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1-2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 ถูกคนหามเดินไปข้างหน้า
เมื่อกู้ซีจิ่วฟื้นขึ้นมาก็พบกับปัญหาร้ายแรงข้อหนึ่ง สภาพแวดล้อมรอบๆ เปลี่ยนไปเป็นแบบที่เธอไม่คุ้ยเคยอย่างสิ้นเชิง! ผ้าม่านโปร่งบางปลิวไสวไปตามแรงลม ชายคาทรงปลายงอนมีคานรองแบบโบราณ ระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยววกวน...
เมื่อมองผ่านระเบียงออกไปยังด้านนอก มีพระจันทร์เสี้ยวดวงหนึ่งลอยอยู่กลางฟ้า ดวงดาวสุกสกาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าและตัวเธอที่นอนอยู่ในแนวราบกำลังถูกคนหามเดินไปข้างหน้า
เธองุนงงเล็กน้อยจึงลองขยับตัวดูอย่างอดไม่ได้ หลังจากนั้นก็พบปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม...ร่างกายเธอเปลือยเปล่า! ร่างของเธอถูกห่อไว้ด้วยผ้าห่มไหมบางๆ ผืนหนึ่ง ผ้าห่มไหมผืนนั้นห่อหุ้มเธอเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหนาแน่น เหลือเพียงดวงตาคู่เดียวที่โผล่ออกมาด้านนอก สายตาเย็นชาของเธอมองไปยังชายร่างใหญ่สองคนที่กำลังหามเธออยู่
พวกเขาดูแข็งแกร่งกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณ แม้จะหามคนเดินอยู่แต่ก็ไร้สุ้มเสียง ดูแล้วน่าจะผู้ฝึกยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ไม่เลว
กู้ซีจิ่วกำมือแน่นอยู่ในผ้าห่ม เธอคือสุดยอดนักฆ่าในยุคปัจจุบัน โหดเหี้ยมเย็นชา ไม่มีใครเทียบได้ในใต้หล้านี้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนที่ไว้ใจที่สุดลอบทำร้ายได้ คนๆ นั้นชื่อหลงซี เป็นอดีตครูฝึกของเธอและเป็นหมอด้วย เธอไม่เชื่อใจใคร เชื่อใจเพียงแต่เขา ถึงขั้นชอบเขาและอยากแต่งงานกับเขา
ไม่คิดเลยว่าเขาจะลอบทำร้ายเธอได้ เขาวางยาสลบเธอ จากนั้นก็ทำการผ่าตัดเพื่อจะนำหัวใจเธอไปเปลี่ยนถ่ายให้กับคู่หมั้นของเขาที่ป่วยหนัก
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาระหว่างการเปลี่ยนถ่ายหัวใจ... บนเตียงผ่าตัด เธอสังหารเขาที่ลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง จากนั้นก็แทงทะลุหัวใจตน...
เดิมทีเธอได้ตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ไปดื่มชากับท่านยมบาล แต่กลับมาโผล่ที่นี่อย่างลึกลับ เวลานี้เธอไม่ได้คิดว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ถ่ายทำอะไรทั้งนั้น
เธอทะลุมิติ!
เธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ถูกคนห่อเอาไว้เหมือนบ๊ะจ่างแล้วหามไปยังคฤหาสน์ที่โอ่อ่าหรูหรามากหลังหนึ่ง ฝีเท้าของทั้งสองคนรวดเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์แล้ว ประตูคฤหาสน์ทั้งสองด้านเปิดอ้าออกอย่างเงียบเชียบ...
“อา...อา...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...อา อา อย่า...” มีเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของหญิงสาวดังออกมาในทันใด ปลุกให้กู้ซีจิ่วที่ความคิดล่องลอยกลับมามีสติอีกครั้ง เธอกวาดมองไปอย่างรวดเร็วด้วยแววตาแข็งกร้าว!
ภายในคฤหาสน์ตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้จันทน์แดง ฉากกั้นลมลายหมู่วิหคมวลบุปผาและเต่ากระ ทั้งหมดนี้บรรยายออกมาได้เพียงสองคำ...เลิศหรู!
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเตียงใหญ่หลังหนึ่งซึ่งหรูหรางดงามเกินบรรยาย บนเตียงนั้นมีผ้าม่านห้อยย้อยลงมาครึ่งหนึ่ง และมีร่างกายขาวผ่องสองร่างกำลังพัวพันกันอยู่...
ชายผู้ที่อยู่ด้านบนมีใบหน้าหล่อเหลา อายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี เรือนผมยาวสลวยที่ถูกกลัดไว้ด้วยปิ่นหยกเขียวยุ่งเหยิงแผ่สยายไปทั่วลาดไหล่ กล้ามเนื้อหนั่นแน่น ท่วงท่าการเคลื่อนกายขึ้นลงของเขาดูแข็งแรงและทรงพลัง เขาเม้มริมฝีปากนิดๆ เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาบางๆ ช่างเป็นชายหนุ่มร่างกำยำแสนหล่อเหลาและเย็นชา
ส่วนด้านล่างนั้นเป็นเด็กสาวที่ดูบอบบางนางหนึ่ง ดูๆ ไปแล้วยังเด็กนัก ใบหน้างดงามพริ้มเพรา ทว่าสีหน้าขาวซีดของเด็กสาวตัวน้อยช่างแตกต่างกับชายหนุ่มที่มีสีหน้าสุขสม ริมฝีปากเล็กอ้าออกน้อยๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง หยาดเหงื่อเย็นเยียบไหลชุ่มโชกเส้นผมของนาง เห็นได้ชัดว่าได้รับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
สีหน้าของกู้ซีจิ่วเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
‘ไอ้ชาติชั่วเอ๊ย นี้มันพรากผู้เยาว์ชัดๆ! มันเป็นใครกันแน่?’
ชายร่างใหญ่สองคนนั้นหามกู้ซีจิ่วเข้าไป แต่ก็ไม่เป็นการรบกวนความสุนทรีของชายผู้นั้น การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น! ในที่สุดเด็กสาวตัวน้อยก็ทนรับไม่ไหว นางกรีดร้องเสียงแหบแห้งออกมาสองสามครั้ง นัยน์ตาเหลือกขึ้น ศีรษะพับเอียงลง ร่างกายแน่นิ่ง
“น่าชังนัก!” ชายคนนั้นสบถเสียงต่ำออกมาคราหนึ่ง เขาพลิกกายผละออกจากร่างกายของเด็กสาว แล้วอาศัยจังหวะนั้นใช้เท้าถีบเด็กสาวลงมาจากเตียงราวกับขยะชิ้นหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นแน่นิ่ง ดวงหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด มุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมา ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“นังนี่ใช้การไม่ได้แล้ว เอาศพมันไปทิ้งที่สุสานร้างให้สุนัขกินเสีย!” น้ำเสียงของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 2 สาวน้อย เจ้าไม่กลัวข้าหรือ ?
“ข้าน้อยรับบัญชา” ชายร่างใหญ่ทั้งสองขานรับ
“ท่านโหว[1]โปรดระงับโทสะ ตรงนี้ยังมีอยู่อีกหนึ่งคน ขอเชิญท่านโหวสุขสำราญ” กล่าวพลางวางกู้ซีจิ่วที่โดนห่อม้วนไว้ด้วยผ้าห่มผืนบางลงบนเตียงใหญ่ สายตาคมปลาบของชายคนนั้นหลุบมองใบหน้าของกู้ซีจิ่ว สองคิ้วพลันขมวดมุ่น แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
“อัปลักษณ์ยิ่งนัก! ไปเอาขยะเช่นนี้มาจากไหนกัน?”
กู้ซีจิ่วย่อมไม่เคยเห็นใบหน้าของตนในร่างนี้มาก่อน รู้เพียงแต่ว่าในร่างกายนี้ไม่มีกำลังภายในใดๆ เลย หากว่าเธอสู้แบบแข็งชนแข็ง[2] มีความเป็นไปได้เก้าในสิบส่วนที่จะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่เคลื่อนไหวชั่วคราว เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสม...
ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ท่านโหว เด็กสาวผู้นี้แท้จริงแล้วรูปร่างไม่เลว ข้าน้อยหาเด็กสาวคนอื่นที่เหมาะสมได้ไม่ทัน แต่ท่านโหวโปรดวางใจ นางยังบริสุทธิ์อยู่แน่นอน อีกทั้งยังผ่านการชำระร่างกายด้วยน้ำปรุงแล้ว...”
ชายหนุ่มโบกมือไปมา ชายร่างใหญ่ทั้งสองเข้าใจได้ทันที จึงโน้มตัวลงหามร่างเด็กสาวที่หมดสติอยู่ออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงแต่ท่านโหวผู้นั้นและกู้ซีจิ่วที่ถูกมัดไว้ในผ้าห่ม
สายตาของท่านโหวมองสำรวจใบหน้าของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง และได้สบเข้ากับดวงตากลมโตคู่นั้นของกู้ซีจิ่วที่ไร้ซึ่งความตื่นตระหนก ไร้ความหวาดกลัวและการขอความเมตตา มีเพียงความมืดมิดเท่านั้น ความประหลาดใจวาบผ่านในดวงตาของเขา
“สาวน้อย เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?”
“ไม่กลัว” กู้ซีจิ่วตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง บนโลกนี้สิ่งที่ทำให้เธอกลัวได้มีอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่กลัวคนที่กำลังจะตายอย่างแน่นอน
“คาดไม่ถึงเลย สาวน้อยอัปลักษณ์เช่นเจ้าจะกล้าหาญยิ่งนัก!” สายตาของท่านโหวกวาดมองใบหน้าของกู้ซีจิ่วอีกครา จึงพบว่าองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าของสาวน้อยผู้นี้ช่างงามเฉิดฉายยิ่งนัก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เป็นดวงตาที่กระจ่างใสแวววาว คล้ายมีดวงดารามากมายพร่างพรายอยู่ภายในดวงตา
แม้ร่างกายจะผอมแห้งไปหน่อย แต่ว่าผิวพรรณกลับไม่เลวทีเดียว ขาวเนียนนุ่มดั่งไข่ปอก หากไม่ใส่ใจปานแดงขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้าผากของนางแล้ว สาวน้อยผู้นี้ก็นับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง น่าเสียดายยิ่งนัก...
แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ปลดปล่อยอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่มีตัวเลือกอื่น ทำได้เพียงมองข้ามปานแดงขนาดใหญ่ของนางชั่วคราว แล้วก็ร่วมอภิรมย์กับนางเสีย...
แววตาที่เหมือนหมาป่าของเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็ยื่นมือไปกดหน้าท้องของนางผ่านผ้าห่มแล้วชักมือกลับไปทันที ริมฝีปากเหยียดโค้งขึ้น
“ที่แท้นอกจากเจ้าจะเป็นหญิงอัปลักษณ์แล้ว ยังเป็นสวะที่ไร้พลังวิญญาณด้วย” ในที่สุดเขาก็วางใจได้แล้ว
หญิงสาวทั้งหมดที่ถูกเขาลักพาตัวมาไม่มีใครที่เห็นเขาแล้วไม่หวาดกลัว เมื่ออยู่บนเตียงของเขา เกือบทุกคนล้วนเนื้อตัวสั่นเทา ร้องไห้คร่ำครวญ วอนขอความเมตตา พยายามดิ้นรนต่อสู้... แต่สุดท้ายก็สิ้นใจตายใต้ร่างเขาอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะพบกับผู้ที่ไม่หวาดกลัวเขา ทั้งยังสามารถเจรจาตอบโต้เขาอย่างเยือกเย็น เขายังคิดอยู่ว่าสาวน้อยผู้นี้อาจมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจ ดังนั้นจึงลองทดสอบดู
คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขา ภายในจุดตันเถียน[3]ของนางไม่มีพลังใดๆ เลย เทียบกับคนธรรมดายังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นับว่าเป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่ยากจะได้พบ! เขาคล้ายจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นัยน์ตาที่มองกู้ซีจิ่ววูบไหว
“ข้ารู้แล้ว เจ้าคือบุตรสาวไร้ค่าผู้น่าขบขันที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกจวนแม่ทัพกู้ คู่หมั้นขององค์ชายสิบสอง!”
ประโยคนี้ของเขาคล้ายเป็นกุญแจไขความทรงจำของกู้ซีจิ่ว ความรู้สึกนึกคิดนับไม่ถ้วนที่ไม่ใช่ของเธอกำลังหลั่งไหลเข้าสู่สมองเธอ...
ความทรงจำนี้น่าเป็นความทรงจำจากเจ้าของเดิมของร่างนี้ ภาพเหล่านั้นยุ่งเหยิงซับซ้อน แต่ไม่กี่ประโยคกู้ซีจิ่วก็สามารถประมวลผลออกมาได้แล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] โหว ในสมัยจีนโบราณบรรดาศักดิ์ 5 ขั้นรองจากอ๋อง คือ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน ตามลำดับ แต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยแตกต่างกัน โดย ‘กง’ ถือเป็นยศสูงสุดของขุนนาง
[2] แข็งชนแข็ง ความหมายคือ การใช้ไม้แข็งเข้าปะทะกับอีกฝ่าย
[3] จุดตันเถียน เชื่อว่าเป็นจุดที่ใช้กักเก็บสะสมพลังปราณในร่างกาย จะอยู่ใต้สะดือ ประมาณ 3 นิ้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ