นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์

-

เขียนโดย กนกพัชร

วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.18 น.

  88 ตอน
  62 วิจารณ์
  77.01K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

84) ตอนที่ 84 นอกสายตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ซากปรักหักพังในตัวเมือง

   "ให้ตายเถอะแทบไม่เจอทหารหรืออันเดธเลย" เอลตันพูดพร้อมกับเดินสำรวจไปรอบๆ ในมือยังคงถือดาบเรเปียร์เอาไว้อยู่ ข้างหน้าเขาคือเบอร์นี่พี่ชายของเขาเอง

   "จะเจอได้ยังไงฉันกับนาย อยู่นอกเขตสงครามนะ" เบอร์นี่พูดกับน้องชายโดยไม่หันมามอง

   หลังจากที่นายแป๋วนำกองทัพอันเดธบุกเมืองมา เบอร์นี่และเอลตันต่างอาศัยจังหวะนั้นหลบเลี่ยงที่จะโดนกวาดต้อนออกมา และทั้งคู่ต่างไล่เก็บอันเดธไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็หลุดจากเขตประทะของทหารกับอันเดธแล้ว และพื้นที่ที่ทั้งสองอยู่นั้นก็ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวเลยทีเดียว ดีหน่อยตรงที่ไม่พบศพผู้เคราะห์ร้ายเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ สิ่งที่เบอร์นี่กับเอลตันเจอนั้นมีเพียงซากปรักหักพังที่น่าจะเกิดจากการถูกโจมตี  

   "เบอร์นี่ ถามจริงนายคิดว่าเราจะเจอตัวการเหรอ" เอลตันถามด้วยความสงสัย

   "นายไม่เชื่อฝีมือการแกะรอยของฉันใช่ไหม" เบอร์นี่พูดพร้อมบ่นลมหายใจออกมา เอลตันเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดไม่เข้าหูพี่ชายเข้าเสียแล้ว

   "ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะแต่หมายถึงว่า มันจะไม่หนีไปเหรอถ้าพวกเราแกะรอยมาถึงที่นี่"         

   เอลตันรู้ดีว่าเบอร์นี่นั้นมีความสามารถแกะรอยอันเดธที่เก่งที่สุด ในครอบครัวจะเป็นรองก็แค่ไวแอตต์เท่านั้นซึ่งเอลตันยอมรับว่า ตั้งแต่จำความได้เบอร์นี่ฝันอยากเป็นนักล่าอันเดธที่เก่งเหมือนพ่อ จึงพยายามทุ่มเทฝึกฝนทุกอย่างเพื่อให้สตีเฟ่นนั้นภาคภูมิใจ แต่ทว่าผลลัพท์ที่ได้มาคือนอกจากสตีเฟ่นจะไม่สนใจหรือแม้คำชมก็ไม่เคยเอ๋ยออกมา กลับไปสนใจแค่เพียงลูกชายสองคนนั้นคือ ไวแอตต์กับทอมสันซึ่งเป็นลูกของเมียที่ตายไป ในขณะที่เขากับเบอร์นี่พี่ชายที่เป็นลูกเมียรองก็อยู่นอกสายตามาตลอด

   จุดชนวนที่ทำให้เบอร์นี่นั้นผูกใจเจ็บมาจนถึงตอนนี้คือ เมื่อครั้งตอนเบอร์นี่อายุได้ 13 ปี ส่วนเอลตันอายุ 10 ปี สตีเฟ่นได้เตรียมสนามทดสอบความสามารถของลูกหลาน เพื่อจะขัดเกลาให้เป็นนักล่าอันเดธในอนาคต ผลออกมาคือฝีมือของเบอร์นี่แทบจะสูสีกับไวแอตต์ที่ตอนนั้นอายุ 25 ปี รางวัลที่สตีเฟ่นตั้งไว้คือดาบที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของแกเบรียล แมกซ์เวลล์ พี่ชายของเอลตันมั่นใจในฝีมือของตนว่าจะสามารถทำให้พ่อยอมรับเขา แต่ทว่า......

   สตีเฟ่นกลับมอบดาบเล่มนั้นให้กับไวแอตต์อยู่ดีทั้งที่อีกฝ่าย ทำได้ไม่ดีเท่าที่เบอร์นี่หรือ ไฮแรม ทำเสียด้วยซ้ำและที่สำคัญพี่ชายคนนี้ปักใจเชื่อว่าสตีเฟ่นหักหน้าตนทั้งที่สายตาของอา ลุง ป้า ทั้งหลายเห็นผองกันว่าเบอร์นี่นั้นมีฝีมือมากกว่าไวแอตต์ แต่ก็ไม่มีใครค้านเพราะสตีเฟ่นนั้นเป็นผู้นำตระกูล ทำให้เบอร์นี่ในตอนนั้นไม่พอใจอย่างมากและภาพที่เอลตันไม่เคยลืมเลยคือ เบอร์นี่กล้าโวยวายใส่พ่อที่ลำเอียงที่จริงมีพูดแรงกว่านั้นแต่ผลที่ได้คือ สตีเฟ่นตบหลังแหวนใส่หน้าเบอร์นี่จนเลือดกลบปาก และยังพูดด้วยว่าน้ำหน้าอย่างเบอร์นี่ไม่มีวันเทียบเคียงกับไวแอตต์ได้ นั้นถือว่าเป็นคำพูดที่รุนแรงมากสำหรับลูกชายคนหนึ่ง

   นับแต่นั้นมาเบอร์นี่ก็ผูกใจเจ็บกับไวแอตต์และสาบานว่า จะต้องเหนือว่าลูกคนโปรดของพ่อคนนี้ให้ได้และนั้นคือสิ่งที่เอลตันเห็นมาตลอด และเบอร์นี่ก็ยอมแลกทุกอย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อวันนี้เท่านั้นแต่เอลตันก็ยังมีคำถามผุดขึ้นมาเสมอว่า มันคุ้มแล้วจริงๆรึที่ต้องทำขนาดนี้เพื่อแค่ให้ตาแก่คนหนึ่งยอมรับเท่านั้น บางทีเอลตันยังไม่แน่ใจเลยว่าที่สตีเฟ่นมาแต่งงานกับแม่ของพวกเขานั้น มันเพราะรัก..... หรือแค่สนองตัณหาของตนเองกันแน่

   "เบอร์นี่... ถามอะไรนายได้ไหม" เอลตันถามเพื่อทำลายความเงียบ

   "มาถามอะไรในเวลานี้เนี่ยเอลตัน" เป็นครั้งแรกที่เบอร์นี่หันหน้ามาคุยกับน้องชายของตน

   "ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะเบอร์นี่ ที่นายทำทั้งหมดเพื่อให้พ่อยอมรับนายใช่ไหม" เมื่อเอลตันยิงคำถามดังกล่าวซึ่งชายหนุ่มคิดว่าพี่ชายจะโกรธแต่ตรงกันข้าม เบอร์นี่กลับหัวเราะเสียงดังแบบไม่อายใครจนเอลตันทำสัญญาณให้อีกฝ่ายเบาเสียงหน่อย

   "โทษทีลืมตัวไปหน่อย.... เอลตันนี่นายอย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา คิดว่าที่ฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้คนแบบพ่อยอมรับงั้นเหรอ"

   "ก็นั้นเป็นเป้าหมายของนายมาตลอดนี่" เอลตันพูด เบอร์นี่ส่ายหน้า

   "ไม่อีกต่อไปแล้วเอลตันหลังจากที่ฉันได้ผ่านอะไรหลายๆอย่างมา มันทำให้ฉันเรียนรู้แล้วว่าไม่ว่าจะทำยังไงหรือล่าอันเดธกี่ร้อยตน พ่อก็ไม่มีทางยอมรับฉันหรอก แม้ว่าไวแอตต์จะอยู่ในคุกก็ตามดีไม่ดีก็คงโดนปล่อยตัวออกมาแล้ว"

   "ถ้างั้น...."

   "เป้าหมายของฉันยังเหมือนเดิมน้องชาย ต้องเหนือกว่าไวแอตต์ให้ได้และถ้าฉันบรรลุเป้าหมายนั้น... ฉันจะเป็นอิสระ" เบอร์นี่พูดแต่เอลตันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

   "หมายความว่าไงเบอร์นี่" เอลตันถาม

   "เมื่อไหร่ที่ฉันสามารถเอาชนะเขาได้... ฉันจะออกจากตระกูลแมกซ์เวลล์"

   ทันทีที่เบอร์นี่พูดจบเอลตันเกือบหลุดขำออกมาแต่เมื่อสบตากับพี่ชายเข้า ทำให้เอลตันรู้ในทันทีว่าเบอร์นี่ไม่ได้พูดเล่นแต่เอาจริง ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นมันร้ายแรงมาก และหากเบอร์นี่นั้นก้าวเท้าออกจากบ้านเมื่อไหร่นั้นแปลว่า เบอร์นี่จะไม่มีสิทธิ์ใช้นามสกุลแมกซ์เวลล์อีกต่อไป เบอร์นี่รู้ถึงข้อนี้ดีอยู่แล้วว่าผลของมันจะเป็นยังไง แต่เขาทบทวนมาตลอดนับแต่เหตุการณ์นั้น และก็ได้คำตอบมาแล้วว่า เขาต้องการเป็นอิสระจากแมกซ์เวลล์และคำตราหน้าของคำว่า "ลูกเมียรอง 3"

   "ฟังนะเอลตัน....นายเป็นน้องชายเพียงของฉันแต่ฉันไม่ต้องการให้นายตามฉันออกมา" เบอร์นี่เกริ่นขึ้น

   "หมายความว่าไงไม่ต้องการให้ฉันตาม.... นายเป็นพี่ชายฉันนะจะปล่อยให้นายไปคนเดียวฉันทำไม่ได้หรอกนะ" เอลตันพูดขึ้น เบอร์นี่เดินมาล็อคตัวน้องชายด้วยการใช้ท่อนแทนขวา ดันคอเอลตันชิดกับเสาไฟฟ้า

   "ฉันไม่ได้ขอความเห็นนายเอลตัน.... ที่ผ่านมานายเอาแต่เดินตามหลังฉันมาตลอด เหมือนที่ฉันเอาแต่ตามหลังพ่อที่ไม่เคยเหลียวหลังมามองฉันด้วยซ้ำ แต่ฉันจะไม่ทำแบบเขาเด็ดขาด.... และถ้านายเคารพฉันอยู่ ขอให้นายลิขิตชีวิตตัวเองชะ เพราะฉันก็จะลิขิตชีวิตตัวเองเหมือนกัน"

   "แม้นายจะไม่ได้ออกจากบ้านแต่นายก็ลิขิตชีวิตตัวเองได้นะเบอร์นี่" เอลตันและเบอร์นี่หันไปทางต้นเสียงก็ต้องอึ้งไม่ใช่เล่น

   ไวแอตต์เดินออกมาจากซอกตึกที่ไม่ไกลมาก ด้านหลังของชายวัยฉกรรจ์คือ ทอมสัน โรฮาน ไฮแรม และไซม่อน เบอร์นี่สังเกตเห็นว่าจุดที่พี่ต่างแม่อยู่นั้นแม้ไม่ใกล้มาก แต่คงจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับเอลตันแล้ว หึ ! นี่วันร่วมญาติกันรึไงแต่ยังไงก็ตามชายหนุ่มรู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงพวกไวแอตต์ก็ตามมาถึงนี่ได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาคุยกันคงไม่ใช่เรื่องล่าอันเดธแน่นอน

   "นี่เป็นลิขิตของฉัน... นายไม่ต้องมายุ่ง" เบอร์นี่พูด

   "นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอเบอร์นี่" เบอร์นี่ยิ้มที่มุมปากของตนเอง นี่ดูไม่ออกจริงๆเหรอ

   "เอาจริงๆนะไวแอตต์ฉันจะไม่เกลียดนายเลย ถ้าพ่อไม่ทำแบบนั้น"

   "หมายความว่ายังไง" ไวแอตต์ถามด้วยความสงสัย ซึ่งนั้นถึงกับทำให้เบอร์นี่นั้นระเบิดเสียงหัวเราะอย่างหักห้ามไม่ได้ ทอมสันเห็นแบบนั้นก็ทำท่าจะเข้าไปสั่งสอน แต่ไวแอตต์นั้นยกมือห้ามไว้เสียก่อน เขารู้ดีว่าน้องชายคนนี้เก็บกดมานานแต่ไม่คิดว่าจะเกลียดชังเขากับพ่อได้ขนาดที่ออกจากตระกูลแมกซ์เวลล์

   "จำวันที่พ่อเรียกพวกเรามาทดสอบกันได้ไหม โดยมีดาบของปู่เป็นรางวัล....."

   "เพราะเรื่องนั้นนายเลยเกลียดพี่ใหญ่งั้นเหรอ มีเหตุผลหน่อยสิเบอร์นี่" ทอมสันพูดตัดบทขึ้น นั้นทำให้เบอร์นี่นั้นเดือดดาลมาก

   "ก็เออสิวะ ! แทนที่จะมาบอกว่าฉันไร้เหตุผล ไปพูดกับพ่อดีกว่าไหม.... ตอนแรกฉันก็ไม่ตะหงิดใจหรอกจนได้ยินกับหูนี่แหละ ว่าเหตุผลจริงๆแล้วที่พ่อทำแบบนั้น ไม่ได้จะทดสอบฉันหรือพวกทอมสัน แต่ต้องการทดสอบแค่นายคนเดียวว่าจะมีคุณสมบัติ ที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลรึเปล่า..... นั้นย่อมแปลว่าดาบเล่มนั้นไม่มีทางที่พ่อจะยกให้คนอื่นแต่เจตนาจะยกให้นายคนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว !"

   เอลตันอึ้งตกใจกับเรื่องที่พี่ชายของตนพูดออกมา ใช่แล้ว ! เบอร์นี่ได้รู้ความจริงในสมัยที่เขาอายุได้ 14 ปี โดยตอนนั้นเขาแอบได้ยินสตีเฟ่นกำลังโต้เถียงกับ อังเดร น้องชายคนเล็กที่ไม่เห็นด้วยกับความลำเอียงที่สตีเฟ่นทำต่อลูกๆ และความจริงก็ปรากฏว่าสตีเฟ่นผู้ที่เบอร์นี่ยกย่องและเทิดทูนมาตลอดนั้น แท้จริงแล้วเหตุการณ์ในการทดสอบนั้นพ่อของเขาไม่ได้ต้องการทดสอบทอมสัน โรฮาน ไฮแรมหรือแม้แต่เขา แต่เป็นไวแอตต์คนเดียว ! นั้นแปลว่าดาบเล่มนั้นพ่อก็ไม่ได้คิดจะยกให้ใครนอกจากไวแอตต์ ส่วนที่เอาพวกเขามาก็เพื่อเป็นตัวประกอบเท่านั้น

   นับแต่นั้นเบอร์นี่ก็เฝ้าหาคำตอบมาตลอดว่าต่อไป เขาจะเอายังไงกับชีวิตเมื่อเป้าหมายที่เขาต้องการก็ไม่มีวันสำเร็จ สตีเฟ่นไม่มีทางยอมรับเขาแน่นอนและเหตุการณ์ที่ผ่านมา เบอร์นี่ก็มักอยู่นอกสายตาคนเป็นพ่อเสมอมา ดังนั้นจึงเป็นที่มาของเป้าหมายใหม่ที่เบอร์นี่ต้องการเป็นอิสระจากวงศ์ตระกูล ที่ทำเหมือนเขาไร้ตัวตนตั้งแต่แรก ทางด้านของไวแอตต์เหมือนจะช็อคพอสมควร เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นแผนการที่พ่อตั้งเอาไว้ ในตอนนั้นเขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมสตีเฟ่นเลือกเขา ทั้งที่ฝีมือเขาตอนนั้นอ่อนกว่าพวกเบอร์นี่ด้วยซ้ำ ที่แท้ก็มีเหตุมาจากตรงนี้เหรอ แล้วทำไมพ่อต้องลำเอียงขนาดนั้น

   "นายรู้มาจากไหนกัน" ทอมสันพูดเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อ

   "ไปถามอาอังเดรได้เลยถ้านายไม่เชื่อ.... และไม่ขอให้พวกนายมาเชื่อฉันด้วย" เบอร์นี่พูด

   "เฮ้ย ! จะดราม่ากันอีกนานไหมว่ะ กูสองคนรอจนเมื่อยแล้ว"

   ทั้งหมดหันไปทางต้นเสียงก็พบว่าบนยอดตึกชั้นสามนั้น มีชายสองคนนั่งห้อยขาบนราวระเบียงห้องหนึ่งอยู่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนคือนายแป๋วกับนายย้งที่มีเสื้อคลุมปกปิดเอาไว้ ไวแอตต์ไม่คาดคิดว่าเป้าหมายจะยอมโผล่มาง่ายๆแบบนี้ ทั้งหมดพร้อมใจกับเล็งอาวุธมาที่ชายทั้งสองที่ไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด โดยเฉพาะกับนายแป๋วด้วย

   "เรื่องของพวกเราไว้ทีหลัง จัดการกับสองคนนี้ก่อน" ไวแอตต์หันมาพูดกับเบอร์นี่ ซึ่งนายแป๋่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างคลุ่มคลั่งอย่างมาก

   "จะกำจัดกูสองคนงั้นเหรอ แสดงว่าพวกมึงคงมั่นใจในฝีมือมากเลยสิ งั้นมาวัดกันหน่อยว่ากูกับไอ้ย้งและพวกมึงใครจะรอดหรือตาย ! "

                

                 

          

                                          

 

 

                                                               +++++++++++++++++++++++++++++                     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา