นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์
54) ตอนที่ 54 พี่เขย น้องเขย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านกุลชาติ เวลา 08.00 น.
แท็กยืนเกร็งอย่างมากเมื่ออยู่เจอแขกผู้ไม่คาดคิด จ่าสิบเอกสายลมเดินลงมาจากรถพร้อมกุลชาติ สายตาของทหารวัยฉกรรจ์ใหญ่มองมาที่หลานตัวดีนั้นดุดันจนแท็กต้องหลบหน้า สายป่านก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของแท็กดีเพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังเกร็งไม่ต่างกัน วันนี้จ่าสิบเอกสายลมนั้นมาในชุดราชการเต็มยศ นั้นย่อมแปลว่าปู่ของแท็กไม่ได้มาเที่ยวหาญาติแน่นอนและเขาก็รู้ด้วยว่ามาทำไม
"คนนี้เหรอสายป่าน" จ่าสิบเอกสายลมหันไปถามกุลชาติ
"ใช่ครับ" กุลชาติตอบ
"สวัสดีค่ะคุณปู่สายลม" สายป่านพูดทักทายด้วยเสียงไพเราะ ซึ่งจ่าสิบเอกสายลมมองด้วยสายตาที่เอ็นดู
"เป็นเด็กที่น่ารักดีนะ... ถ้าเจ้าแท็กได้ครึ่งหนึ่งก็ดี" แม้จะพูดชมก็ยังไม่วายมาลอบกัดแท็กผู้เป็นหลานสาวอีกคนของตน ซึ่งแท็กไม่ถือสาเพราะโดนประจำจนชินชาเสียแล้ว ขอโทษด้วยละกันนะที่บังเอิญไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่หวัง
กุลชาติตั้งใจจะพาจ่าสิบเอกสายลมไปพบอรุณาซึ่งน่าจะรออยู่ในบ้าน แต่ทว่าอรุณากลับเดินออกมาจากตัวบ้านด้วยความดีใจที่ได้เห็นน้องชายของเธออีกครั้ง อรุณาวิ่งเข้าไปโผกอดจ่าสิบเอกสายลมด้วยความดีใจอย่างที่สุด ส่วนทางฝั่งของจ่าสิบเอกสายลมนั้นอาจจะยังมีแข็งๆอยู่แต่ก็ยอมให้พี่สาวกอดตน ภาพที่เห็นเป็นสิ่งที่หายากมากสำหรับแท็กแต่อย่างว่าแหละ ขนาดเขาที่เป็นหลานแทบจะไม่กอดเขาเหมือนกัน
"ยินดีต้อนรับนะสายลม" อรุณากล่าวต้อนรับด้วยความดีใจ
"ขอบคุณครับพี่" จ่าสิบเอกสายลมขานรับแบบนิ่งตามฉบับของเขา สักพักก็มีคนใช้ผู้ชายซึ่งสูงใหญ่กว่าจ่าสิบเอกสายลม เดินลงมาเพื่อคว้ากระเป๋าเดินทางของแขกเจ้านายเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าจ่าสิบเอกสายลมยกมือห้าม
"ไม่ต้อง... แท็กเอ็งมาแบกกระเป๋าให้ข้าสิ" คำสั่งของปู่ทำเอาแท็กต้องถลนตาเลยทีเดียว
"เดียวนะ ! ทำไมต้องใช้ผมด้วยละปู่" แท็กถามขึ้น
"อุวะ ! ข้าเลือกใช้เอ็งจะทำไม... ข้องใจ" จ่าสิบเอกสายลมพูดเสียงเรียบแต่แท็กกลับไม่รู้สึกแบบนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมทำตามด้วยการเดินมาขนกระเป๋าเดินทางของปู่ ซึ่งมันเป็นกระเป๋าแบบทหารนิยมใช้กันซึ่งมันดูหนักเกินกว่าเด็กแบบเขาจะยกไหว แต่ไม่ใช่กับแท็กแน่นอน
กุลชาติ อรุณา สายป่าน และพ่อบ้านแม่บ้านพากันอึ้งทึ่ง ในความแข็งแรงของแท็กที่แบกกระเป๋าใบใหญ่ได้ อรุณาที่เห็นแบบนั้นนึกสงสารไม่อยากให้แท็กต้องทำแบบนี้ แต่จ่าสิบเอกสายลมห้ามปรามพี่สาวของตนพร้อมกับส่งภาษาตาว่า หลานของตนผ่านการฝึกมามากแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่จุดประสงค์หลักจริงๆของจ่าสิบเอกสายลมคือต้องการแก้เข็ดหลานตัวแสบ ที่มาก่อเรื่องต่างถิ่นจนตนต้องถ่อสังขารมาที่นี้แม้ว่าตนจะรู้เหตุผลก็ตาม
"ผมนอนห้องไหนครับพี่" จ่าสิบเอกสายลมถามเมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาในบ้าน
"ชั้นสองละกันใกล้ๆกับห้องของกุลชาตินะ เดียวให้แม่บ้านนำทางนะ" อรุณาตอบ
"แท็กตามแม่บ้านไปชะ ไว้ข้าทำธุระส่วนตัวเสร็จเมื่อไหร่ มีเรื่องต้องคุยกัน" จ่าสิบเอกสายลมเกริ่นขึ้น แต่แท็กกลืนน้ำลายไม่ลงคอชะแล้วเพราะเขารู้ชะตากรรมตัวเองดี จึงได้แต่แบกกระเป๋าเดินตามแม่บ้านไปโดยที่สายป่านได้แต่ส่งสายตาแบบเห็นใจไปให้
"จำเป็นต้องดุหลานขนาดนั้นเลยเหรอ" อรุณาถามขึ้นเพราะเมื่อครู่เธอไม่ได้รู้สึกว่าน้องชายเห็นแท็กเป็นหลาน แต่เป็นเหมือนทหารชั้นผู้น้อยมากกว่าซึ่งจ่าสิบเอกสายลมไม่ตำหนิข้อนี้กับเธอ หากพี่สาวของตนจะคิดแบบนั้น
"เหตุการณ์ที่ผ่านมามันไม่ได้เล็กๆนะพี่นา ดีเท่าไหร่แล้วที่มันไม่โดนเนรเทศออกนอกประเทศนะ" เสียงของจ่าสิบเอกสายลมเคร่งเครียดมาก
ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินทางมาที่นี้นั้นเพราะท่านทูตอากิระ เดินทางมาพบเขาที่ร้านอาหารพร้อมกับนำคลิปวีดีโอตอนที่แท็กต่อสู้กับนายย้งในร่างไซบอร์กและเรื่องที่ถูกตำรวจจับ ล่าสุดยังไปแย่งงานตำรวจจนภาพลักษณ์ทางนั้นย้ำแย่ แต่โชคดีตรงที่ผู้นำรัฐบาลนั้นเป็นหนี้ท่านทูตอากิระจึงไม่กล้าเนรเทศหลานสาวของตน ณ ตอนนี้ทหารวัยฉกรรจ์ไม่แน่ใจว่าตนคิดถูกหรือเปล่าที่ส่งหลานมาที่นี้ แต่ฟ้าดินได้กำหนดชะตาของแท็กแล้วมันคงแก้ไม่ได้
"สามีพี่เขาอยู่ไหนนะพาผมไปหาเขาได้ไหม" จ่าสิบเอกสายลมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยแทน เพราะไม่ต้องการให้อรุณารับรู้บางเรื่องเนื่องจากเธอไม่ใช่ชาวฟรอนร์เทียร์ถึงแม้จะเป็นพี่สาวของเขาก็ตาม
"ตามพี่มาสิ" อรุณาพูดพร้อมกับเดินนำทางน้องชายของเธอไปหาสามี
ระหว่างที่ชายวัยกลางคนเดินตามพี่สาวของตนนั้น ภาพในอดีตของเขาก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองเองโดยอัตโนมัติ หลังจากที่พิมพ์ชนกผู้เป็นแม่ลาโลกไปนั้นเขาก็เลิกชกมวยเพื่อหาเงิน หันมาทำงานแต่ราชการทหารเพียงอย่างเดียวและจ่าสิบเอกสายลมยอมรับว่า ตัวเองเป็นตีตัวออกห่างเองเพราะเขาแอบเข้ากลุ่มที่จะวางแผนโค่นล้มรัฐบาลเก่า เพื่อความปลอดภัยของอรุณาที่เป็นญาติคนสุดท้ายของครอบครัว ดังนั้นเขาจึงเลือกไม่ติดต่อกลับไปหาเธอเลย แม้แต่งานแต่งจ่าสิบเอกสายลมก็ไม่ได้ทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาวด้วยซ้ำ และวันที่เขารู้ข่าวว่าอรุณาย้ายไปอยู่ที่อื่นก็กลายเป็นเรื่องที่ปลดพันธะของตน เพื่อทำการใหญ่โดยไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังอีก
"สายลมเรื่อง สุภารักษ์กับลูก พี่เสียใจด้วยนะ" อรุณาเอ๋ยขึ้นมาระหว่างที่เดินขึ้นบันไดมา จ่าสิบเอกสายลมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ สุภารักษ์ ภรรยาที่ตายไปแล้วของตน โอ้ นานแล้วที่ไม่ได้ยินชื่อนี้
"ขอบคุณมากครับ พี่นาทราบได้ยังไงครับ" จ่าสิบเอกสายลมที่ข่มความรู้สึกบางอย่างไว้ถามขึ้น
"กุลชาติเล่าให้พี่ฟังหลังจากที่พาแท็กมานะ" อรุณาตอบ ทั้งที่ใจจริงเธออยากถามมากกว่านี้แต่ด้วยเซนต์ของเธอ รับรู้ได้ว่าแม้เรื่องนี้จะผ่านไปนานมากแค่ไหนน้องชายของเธอก็คงไม่อยากพูดถึงอดีตเรื่องนี้เท่าไหร่
ในที่สุดอรุณาก็พาจ่าสิบเอกสายลมมาที่ห้องพักของจุลศักดิ์ และเธอพาน้องชายไปพบสามีที่ตอนนี้นอนหลับบนเตียงอยู่ จ่าสิบเอกสายลมมองสำรวจชายผู้เป็นพี่เขยที่เขาไม่เคยได้เห็นหน้าเลย นอกจากในจดหมายที่อรุณาเขียนเล่าให้ฟังซึ่งหากพิจารณาตามรูปลักษณ์แล้ว หากไม่ติดตรงที่ล้มป่วยหนักละก็ถือว่าชายคนนี้หน้าตาดีไม่ใช่น้อย จ่าสิบเอกสายลมสังเกตเห็นว่าเท้าของจุลศักดิ์นั้นลีบผิดปกติเขาจึงเปิดผ้าห่มออกเล็กน้อย เผยให้เห็นขาที่ลีบลงราวกับคนไม่ได้ออกกำลังกายเลย
อรุณาตัดสินใจเล่าเรื่องราวให้กับน้องชายของเธอฟัง หลังจากที่จุลศักดิ์พาอรุณามาอยู่ที่บ้านเกิดในฐานะภรรยา จุลศักดิ์ทำงานธุรกิจด้านผลิตรถยนต์ส่งออกส่วนมากเน้นรถแข่ง กิจการทุกอย่างราบรื่นดีหมดจนกระทั่งตอนที่กุลชาติอายุได้ 10 ปี ปรากฏว่าจุลศักดิ์เจอคู่แข่งทางธุรกิจชื่อ ลีวาย เฮนสไลจ์ ซึ่งไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดายังเป็นนักแข่งรถสนามเถื่อน และยังเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฏหมายหลายอย่าง
จุดแปรเปลี่ยนชีวิตจริงๆของครอบครัวคือจุลศักดิ์ได้มีโอกาส ร่วมหุ้นกับบริษัทใหญ่ที่จะทำให้กิจการรถแข่งเติบโต แต่ประเด็นคือทางฝั่งนั้นก็เชิญลีวายมาร่วมหุ้นด้วย และด้วยวิธีกลโกงของลีวายที่แอบยักยอกเงินบริษัทเข้ากระเป๋านั้น จุลศักดิ์ล่วงรู้เข้าจึงเอาไปแฉกับทางบริษัททำให้ลีวายโดนถอดหุ้นแล้วโดนยัดเข้าคุกไป แต่ทว่าหลังจากที่ลีวายติดคุกได้ไม่นานนักในระหว่างที่จุลศักดิ์ เดินทางกลับจากการชมการแข่งขันรถ ได้ถูกกลุ่มคนปริศนารุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องห่ามเข้าโรงพยาบาล
อรุณาแจ้งความกับตำรวจซึ่งทางนั้นสัันนิฐานว่า หากเป็นการปล้นชิงทรัพย์แต่เธอไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการชิงทรัพย์ เพราะจุลศักดิ์จำหน้าคนที่มาทำร้ายตนเป็นลูกน้องคนสนิทของลีวาย แม้ว่าจุลศักดิ์จะไม่ตายแต่ก็ต้องกลายเป็นคนกึ่งพิการเพราะกระดูกสันหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้เขาไม่สามารถเดินได้ ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือลีวายส่งคนมาข่มขู่ถึงบ้านว่าหากจุลศักดิ์ไม่ขายกิจการให้ อรุณากับกุลชาติจะเป็นรายต่อไป เพื่อความปลอดภัยของลูกเมียจุลศักดิ์จำใจต้องยกกิจการนั้นให้ลีวายไปทั้งหมด
"เรื่องเกิดขนาดนี้พี่กลับไม่ติดต่อมาหาผมเลยเหรอ" จ่าสิบเอกสายลมที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดถึงกับเดือดดาลเลือดขึ้นหน้า เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปรากฏออกมาชัดเจน
"ที่พี่ตัดสินใจไม่บอกข่าวเรื่องนี้กับเธอ เพราะเธอมีการงานที่ดีและมีครอบครัวด้วย พี่ไม่อยากให้เธอไปเสี่ยงกับคนพวกนั้น"
"แล้วสิ่งที่สามีของพี่โดนกระทำมันคุ้มแล้วเหรอกับการที่พี่ไม่บอกอะไรผมเลย แต่ตรงกันข้ามพี่รู้ข่าวทุกอย่างของผมหมด.. นั้นย่อมแปลว่าพี่รู้ว่าเมียผม ลูกชายผมและลูกสะใภ้ตายยังไงใช่ไหม" อรุณาเลือกที่จะไม่ตอบแต่จ่าสิบเอกสายลมก็พอเดาออก
"ผมขอโทษพี่นา...ผมไม่ได้ตั้งใจ เขามีโอกาสหายไหม" เขาข่มอารมณ์เอาไว้เพราะพี่สาวเจอเรื่องหนักมาพอแล้ว
"พี่ไม่รู้เหมือนกันหมอบอกแค่ว่า กายหายได้แต่ใจรักษายากซึ่งพี่รู้ว่าเขานะรักธุรกิจนั้นมาก มันเป็นความฝันของเขาทั้งชีวิตเลยสายลม หลังจากที่เขาต้องยกธุรกิจนั้นไปเพื่อรักษาชีวิตพี่กับลูก เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ทุกวันนี้หมอก็ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น" อรุณาพูดพร้อมกับพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ซึ่งจ่าสิบเอกสายลมรู้เลยว่าอรุณาพยายามข่มความเจ็บปวดสุดๆ
จ่าสิบเอกสายลมตัดสินใจเดินเข้ามากอดอรุณาเพื่อปลอบขวัญ อรุณาเอาหน้าซบกับหน้าอกของน้องชายเพื่อให้น้ำตานั้นมันซึมเข้าไปในเสื้อของอีกฝ่ายดีกว่าให้มันไหลออกมา จ่าสิบเอกสายลมนึกโทษตัวเองที่ปล่อยละเลยให้อรุณาต้องรับชะตากรรมแบบนี้คนเดียวมาตลอดหลายปี แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้วเขาขอสาบาน
"ไม่ต้องห่วงนะพี่นาผมอยู่ที่นี้แล้ว ผมจะช่วยสามีพี่เอง" จ่าสิบเอกสายลมพูดพร้อมเช็ดน้ำตาบางส่วนให้กับอรุณา
"เธอจะทำยังไง" อรุณาถามด้วยความสงสัย
"เดียวพี่ก็รู้"
++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ