เพียงออ
เขียนโดย ศรีสระหลวง
วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 08.52 น.
แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ปฐม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ*** นิยายเรื่องนี้ ถูกเขียนขึ้นจากเหตุการณ์สมมุติ เรื่องราว และตัวละครในนิยาย ล้วนถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการ ยกเว้นสถานที่ในเนื้อเรื่องที่มีอยู่จริง จึงไม่สามารถเห็นเป็นสำคัญ หรือใช้อ้างอิงในทางวิชาการและประวัติศาสตร์ได้ ขอให้ท่านทั้งหลายเพียงแต่อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และพึงทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ ดูหมิ่น หรือใส่ร้ายผู้คน สถานที่ ตลอดจนองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ แต่ประการใด ***
"พ่อผู้ใหญ่!! พ่อผู้ใหญ่อยู่มั้ย!! เกิดเรื่องแล้วพ่อผู้ใหญ่!!" เสียงตะโกนโหวกเหวกของไอ้เข้มดังมาแต่ไกล เจ้าของเสียงวิ่งลัดเลาะคันนามาอย่างรีบร้อนลนลาน
"อ้าวๆๆ ไอ้เข้ม! มีเรื่องอะไรอีกล่ะมึง!? ช้า ๆ ก็ได้โว้ย!" ผู้ใหญ่สินชะโงกหัวล้านเลี่ยน ที่เหลือเพียงกระจุกเส้นผมบาง ๆ สีดำสลับขาวเกาะอยู่สองข้าง โผล่ออกมาจากหน้าต่าง ตะโกนสวนกลับไปด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน เมื่อเห็นไอ้เข้มวิ่งเข้ามาใกล้บ้านมากขึ้น แกจึงย้ายร่างอ้วน ๆ พุงพลุ้ย ๆ ในเสื้อยืดสีขาวเคียนผ้าขาวม้าสีแดงผืนเก่ง พร้อมกางเกงขาก๊วยสีเทา เดินลงบันไดมาด้วยความใคร่รู้
ไอ้เข้มวิ่งมาหยุดที่ตีนบันใดบ้านผู้ใหญ่สิน ค้อมตัวค้ำเข่าหอบหายใจแฮ่ก ๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"ยะ... แย่แล้ว... แย่แล้วพ่อผู้ใหญ่..."
"แย่อะไรก็พูดมาสิวะไอ้เข้ม มัวแต่หอบอยู่อย่างนี้จะรู้เรื่องกันมั้ยวะ?"
ไอ้เข้มรวบรวมสติ สูดหายใจเข้าออกจนเต็มปอด แล้วพูดช้า ๆ อย่างชัดเจนที่สุด เท่าที่มันพอจะทำได้
"อีแหวนจ้ะ อีแหวนตายแล้ว"
ผู้ใหญ่สินผงะไปข้างหลัง สีหน้าตื่นตระหนกจนซีดเผือด
"เห้ย!! ตายที่ไหนยังไง!?"
"มีคนเจอศพมันข้างกำแพงวัดคลองคะเชนทร์จ้ะ โดนตีจนหน้าเละ เสื้อถลกขึ้นมาจนถึงคอ ท่อนร่างเปลือยเสียจนอุจาดตานัก ตามเนื้อตัวก็ถูกแทงถูกทุบตีหลายแผล คงไม่แคล้วจะโดนพามาฆ่าข่มขืนแน่ ๆ เชียวพ่อผู้ใหญ่"
"ห่าเอ้ย! อีแหวนเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีนี้ ฝีมือของไอ้เดรัจฉานตัวไหน!"
ใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้ใหญ่สินคล้ำลงจนเขียว สายตาเปล่งประกายโกรธแค้น แกตบปึงแรง ๆ ไปที่ราวบันไดหนึ่งที สั่งไอ้เข้มให้รออยู่สักครู่ แล้วก้าวฉับ ๆ ขึ้นบ้านไปหยิบหมวกกะโล่สีน้ำตาลมาสวมหัว ในมือถือไม้ตะพดคู่ใจ แล้วเดินกระแทกเท้าใส่บันไดปัง ๆ จนพุงกระเพื่อม
"ไปกับกูไอ้เข้ม! เรื่องนี้กูไม่ยอมแน่! ทำระยำในที่กู เสือกปลุกกูตื่นแต่เช้ามืดอีก"
ผู้ใหญ่สินเดินลัดเลาะไปตามคันนา โดยมีไอ้เข้มเดินซอยเท้าก้าวยิก ๆ ตามผู้ใหญ่สินอย่างใกล้ชิด ด้วยความที่ขาของมันสั้นม่อต้อ และตัวเล็กกว่าผู้ใหญ่สินอยู่โข ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ ผู้ใหญ่สินก็ส่งเสียงบ่นไปเรื่อยเปื่อยไม่หยุดปากด้วยความคับแค้น ระหว่างทางมีชาวบ้านหลายคนซุบซิบจอแจกันให้แซ่ด บ้างวิ่งกรู บ้างปั่นจักรยานไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นผู้ใหญ่บ้านเดินก้าวอาด ๆ ผ่านมา ก็พากันเดินตามไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ รายทางมีแต่เสียงพูดคุยกับเสียงฝีเท้าดังระงม
ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้คนจะแตกตื่นอย่างนี้ เพราะพื้นที่ตำบลคลองคะเชนทร์ไม่เคยมีเหตุร้ายมาหลายสิบปี จะมีก็แต่วัยรุ่นหนุ่ม ๆ มันตีรันฟันแทงชกต่อยกันตามประสา พอหัวร้างข้างแตกได้เลือดสมใจแล้ว ก็แยกย้ายไปรักษาตัวบ้านใครบ้านมันเป็นอันจบกัน แต่นี่ทั้งฆ่าทั้งข่มขืน ซ้ำยังเกิดขึ้นใกล้กับวัดประจำตำบลเช่นนี้อีก ใครล่ะจะอดใจไม่ไปทำหน้าที่ไทยมุง
อีแหวนเองก็เป็นเด็กสาวชาวคลองคะเชนทร์ตั้งแต่เกิด คนในตำบลต่างก็เห็นหน้าคาดตาตั้งแต่มันยังตีนเท่าฝาหอย ใครต่อใครก็พากันได้รับรู้ว่าอีแหวนเป็นเด็กที่จิตใจดีงาม ตามแม่และยายเข้าวัดทำบุญใส่บาตรอยู่ไม่ขาด เรียนจบ ป.4 ก็ช่วยแม่ช่วยยายทำขนมจีนน้ำยาขาย ขยันขันแข็ง อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไหนเลยจึงถูกมือมัจจุราชมาพรากไปเสียตั้งแต่อายุยังน้อย
ผู้ใหญ่สินกับขบวนชาวบ้านหลายสิบคน พากันเดินมาถึงเขตวัดคลองคะเชนทร์ด้วยความเร่งรีบ เห็นพระ ชาวบ้านทั้งชาย หญิง และเด็ก กับตำรวจหลายนายอยู่ในที่เกิดเหตุ ห้อมล้อมศพอีแหวนที่ถูกห่ออย่างมิดชิดด้วยผ้าสีขาว บริเวณใบหน้ามีเลือดซึมออกมาจากผ้าจนเป็นสีแดงฉาน บ้างก็ซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ บางส่วนก็ปลอบประโลมยายหวีและแม่พุ่ม ยายและแม่ของอีแหวน ที่นั่งร้องไห้พรางกรีดร้องโหยหวนอยู่ข้างศพอีแหวนด้วยความทุกข์ทรมานเจียนขาดใจ
"เรื่องเป็นยังไงกันผู้หมวด" ผู้ใหญ่สินเดินไปถามร้อยตรีสุบินด้วยความร้อนใจ
หมวดสุบินหันไปทำวันทยหัตถ์ให้ผู้ใหญ่สิน แล้วคล้องแขนผู้ใหญ่สินเดินออกจากฝูงชนไปพูดคุยส่วนตัวเบา ๆ
"โหดร้ายมากพ่อผู้ใหญ่ คนร้ายน่าจะมีประมาณห้าคน พวกมันผลัดกันข่มขืนเด็กหญิงแหวนจนอวัยวะเพศฉีดขาดถึงทวารหนัก ใบหน้าและศีรษะถูกกระหน่ำตีด้วยของแข็งจนยับเยิน ตามร่างกายถูกแทงด้วยของมีคมราวสามสิบแผล ซ้ำพวกมันยังฝังตะปูไว้กลางหน้าผากผู้ตาย คาดว่าน่าจะเป็นการสะกดวิญญาณตามความเชื่อของคนร้าย แต่เรายังค้นหาวัตถุที่ใช้ทำร้ายเด็กหญิงแหวนไม่เจอ คนร้ายคงเอาไปทิ้งที่อื่นแล้ว พูดไปก็น่าละอายนะพ่อผู้ใหญ่ เพราะพวกฉันเองก็ยังไม่เจอหลักฐานหรือพยานวัตถุ ที่จะสาวไปยังตัวคนร้ายได้เลย"
ผู้ใหญ่สินยื่นมือตบบ่าหมวดสุบินเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ
"ค่อย ๆ สืบสวนกันไปผู้หมวด ยังไงก็ต้องได้เรื่อง ประเดี๋ยวฉันจะรายงานเบื้องบนให้ทราบโดยเร็ว จะได้ลงมาช่วยกันจับคนร้ายมาลงโทษเสีย"
สีหน้าของหมวดสุบินเคร่งเครียดลงกว่าเดิม
"ผมก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะเรายังคงมืดแปดด้าน... ว่าแต่ ช่วงนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านบ้างหรือเปล่าพ่อผู้ใหญ่"
ผู้ใหญ่สินกอดอกครุ่นคิด
"ไอ้หมู่ของฉันน่ะไม่มีหรอก คงต้องถามผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นเพิ่ม อ้าว นั่นประไร... พูดถึงก็มาพอดี"
ชายร่างผอมสูงผิวพรรณดำกร้าน สวมเสื้อกางเกงม่อฮ่อมสีน้ำเงินที่เก่าจนสีซีด คาดเอวด้วยผ้าขาวม้าสีเขียว ก้าวเดินเข้ามาตรงที่ผู้ใหญ่สินกับหมวดสุบินยืนอยู่ หมวดสุบินทำวันทยหัตถ์ให้ชายคนนั้น ส่วนผู้ใหญ่สินพูดขึ้น
"รู้ความแล้วใช่มั้ยผู้ใหญ่สมาน"
ผู้ใหญ่สมานดูจะมีอายุมากกว่าผู้ใหญ่สินหลายปี เป็นผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่ แกหยุดยืนข้าง ๆ ผู้ใหญ่สิน สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
"อืม กูรู้และ แล้วมึงได้ความว่ายังไงบ้างล่ะไอ้สิน"
"ก็อย่างที่เห็นแหละพี่หมาน (ชื่อเล่นของผู้ใหญ่สมาน) ยังมืดแปดด้านกันอยู่เลย เอ้อ! ว่าแต่ในหมู่ของพี่มีใครแปลกหน้าเข้ามาบ้างมั้ยเล่า"
"มี สองวันก่อนมีลิเกพานหิน (อำเภอตะพานหิน ตามสำเนียงคลองคะเชนทร์จะเรียกย่อเหลือเพียงพานหิน) มาเล่นงานแก้บนที่บ้านไอ้เพิ่ม แต่พอเสร็จงานแล้วก็พากลับกันไปตั้งแต่เช้าเมื่อวาน เหลือแค่พวกวงปี่พาทย์จากโรงช้าง ที่ยังค้างกันอยู่ที่บ้านไอ้เพิ่ม เห็นว่าเป็นญาติ ๆ กันกับอีรุ้งแม่ไอ้เพิ่ม เมื่อวานก็ยังเห็นพวกมันเมาหยำเปหัวราน้ำ ป่านนี้ยังนอนอีเหละเขละขละบนแคร่หน้าบ้านไอ้เพิ่มอยู่เลย"
หมวดสุบินถามขึ้น
"เป็นไปได้มั้ยครับว่า คนพวกนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี หรืออาจเป็นคนร้านเสียเอง"
ผู้ใหญ่สมานขมวดคิ้วครุ่นคิด สักพักก็ส่ายหน้าช้าๆ
"ไม่น่าจะเป็นไปได้นะหมวด เพราะพวกมันก็รุ่นราวคราวเดียวกับฉันนี่แหละ บางคนดูแก่กว่าฉันเสียอีก ตัณหาคงอ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะทำเรื่องระยำ ๆ อย่างนี้ได้แล้วล่ะมั้ง"
หมวดสุบินกอดอกครุ่นคิด
"มันก็ไม่แน่นะครับพ่อผู้ใหญ่ บางทีคนที่เราไม่คิดว่าเขาจะทำ ก็อาจเป็นผู้กระทำเสียเอง ยังไงเสียผมคงต้องไปสอบปากคำสักหน่อยแล้ว"
"อืม ก็ตามแต่พ่อเถอะ แต่คนที่ฉันสงสัย ไม่ใช่พวกมันหรอก"
ผู้ใหญ่สินกับหมวดสุบินมองผู้ใหญ่สมานอย่างพร้อมเพรียงด้วยความสงสัย ผู้ใหญ่สินถามขึ้น
"แล้วพี่สงสัยใคร"
ผู้ใหญ่สมานเหลียวมองไปที่ฝูงชาวบ้าน ที่กำลังเกาะกลุ่มไทมุงอย่างมีคุณภาพรอบศพอีแหวน ก่อนจะหันมาที่เดิม แล้วพูดเสียงเบา ๆ แต่หนักแน่นว่า
"พวกมันไม่อยู่นี่ แต่เดี๋ยวพวกมึงไปกับกู"
------------- จบบทที่ 1 ---------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ