ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  18.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                ฉันกับยัยมีนาต่างจ้องกันเขม็ง บรรยากาศภายในห้องประชุมร้อนระอุ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ดีแล้วล่ะฉันจะได้เปิดโปงยัยนี่ซะที
                “คุณไอระ กรุณาหยิบหลักฐานมาให้ฉันด้วยค่ะ” ฉันหันไปบอกเทสึก่อนที่หมอนั่นจะเดินมาหาพร้อมหลักฐานในมือ เธอได้ไปนอนในคุกสมใจอยากแน่ๆฮาสึโตะ มีนา!
                “นี่เป็นผลการตรวจ DNA เพื่อหาเจ้าของเส้นผมเส้นนี่ ซึ่งผลได้ออกมาแล้ว” ฉันยื่นเอกสารให้ผู้อำนวยการ ก่อนที่ท่านจะเปิดดูก่อนที่จะส่งให้คนอื่นๆ
                ยัยมีนาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เธอหันซ้ายหันขวาแต่ยังไม่มีใครสังเกตเห็น งั้นต่อเลยละกันนะ
                “ขอคลิปด้วยค่ะคุณไอระ” ฉันจัดการสั่งเทสึทันทีเมื่อหมอนั่นต่อโทรศัพท์เข้ากับคอมฯเสร็จ
                เสียงที่มาพร้อมภาพถูกเปิดขึ้นพร้อมๆกับสีหน้าของยัยมีนาที่ซีดเผือก
            “แค่สามนาทีเอง บ่นไปได้” 
            “จะเอาไงต่อ ลงมือเลยมั้ย?” 
            “ลงมือได้เลย เอาเป็นที่ตึกกลางเลยละกัน พวกมันจะได้ตายกันเยอะๆ”
            “ตึกกลางปิดซ่อมแซม เอาเป็นตึกสภานักเรียนดีกว่าพวกสภานักเรียนจะได้ตายๆกันไปให้หมด โดยเฉพาะยัยโนริ ฉันเกลียดมัน!!” 
            “หึ! ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอลงมือได้เลยนะ ตายกันเยอะๆโรงเรียนนี้จะได้ไม่มีคนกล้าเข้าแล้วไปเข้าที่โรงเรียนเราแทน” 
           
ภาพและเสียวชัดแจ๋วอย่างกับมืออาชืพเป็นคนถ่าย เทสึนี่เก่งชะมัด
                ทุกคนหันไปมองมีนาที่หน้าซีดอย่างกับไก้ต้ม ยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ
                “ออ! แล้วยังมีอีกคนสินะที่เป็นเพื่อนร่วมขบวนการ” ฉันแสะยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินดุ่มๆออกมานอกห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมร่างที่หมดสติของผู้ชายคนหนึ่ง
                “พี่คะ O.O!!!” ยัยมีนาวิ่งมาดูอาการพี่ตัวเองที่ยังไม่ได้สติเพราะโดนฉันอัด สมน้ำหน้า!
                “แกทำอะไรพี่ฉัน!!” ยัยมีนาแผดเสียงออกมาอย่างกับคนเสียสติ ตรงเข้ามาหมายจะตบฉันแต่ฉันจับข้อมือเธอเอาไว้ก่อน
                “จะทำอะไรไม่ทราบ” ฉันถามเสียงเรียบก่อนจะจับยัยนั่นกดลงกับพื้นโดยไม่ให้ยัยนั่นตั้งตัว
                ยัยมีนาดิ้นพล่านก่อนที่เทสึจะเปลี่ยนตัวมาจับยัยนี่แทน ฉันเลยหันไปถามทุกคน
                “ต้องขอโทษด้วยที่ทำตัวไม่สุภาพ แต่ดิฉันแค่อยากถามว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องนี้”
                “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์เองจ้ะ” ผู้อำนวยการบอกก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
                เมื่อเวลาผ่านไปสักพักตำรวจประมาณสี่ห้านายก็มานั่งอยู่ในที่ประชุมโดยคุมตัวสองพี่น้องนั้นเอาไว้
                “อย่าให้พวกเขารับโทษหนักเกินวัยนะคะ ยังไงซะพวกเขายังเด็กอยู่” ฉันบอกก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาตัวสองพี่น้องไป จบแล้วสินะสำหรับเรื่องนี้
                “ยังเหลืออีกเรื่องที่เราต้องคุยกัน” ฉันเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนทำหน้างงนิดหน่อยแต่ก็ยอมนั่งประจำที่
                “มีเรื่องอะไรอีกหรอคะควีน?” สภานักเรียนส่งเสียงพูดคุยเพราะอยากรู้ถึงอีกเรื่องที่ฉันพูดถึง
                “เราลืมอะไรไปบางอย่าง” ฉันเดินไปลากเทสึออกมายืนตรงกลางที่ประชุม หมอนั่นทำหน้าเหลอหลานิดหน่อยแต่แค่แป๊บเดียว
                ทุกคนในที่ประชุมต่างทำหน้างงปนสงสัย ฉันยิ้มให้เทสึก่อนที่จะพูดถึงเรื่องที่เกริ่นเอาไว้
                “เรื่องหลักฐานทั้งหมด พร้อมทั้งการจับตัวคนร้าย สืบหาข้อมูลเรื่องคดี ทุกอย่างที่ดิฉันนำมาพูดในที่ประชุมในวันนี้ เป็นฝีมือคุณไอระค่ะ ^^” ทุกคนทำหน้าอึ้ง ทึ่ง ตะลึงงันเมื่อฉันพูดจบ
                “หมายความว่ายังไง คุณเอรินะ?” อาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยถามอย่างงงๆ มีอะไรน่างง
                “อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะทุกท่าน คุณไอระเป็นคนจัดการหาหลักฐานทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง ทั้งสะกดรอยตามคนร้าย แอบถ่ายภาพ ทุกอย่างคือฝีมือคุณไอระ” ฉันยืนยันความจริง เอ้า!ก็ทุกอย่างที่ว่ามันคือความจริงนี่น่า
                “คุณเป็นคนทำจริงๆหรอเนี่ย!!” อาจารย์ต่างอุทานออกมาไม่หยุดปาก ก่อนที่จะเดินเข้ามาแตะบ่าเทสึด้วยความชื่นชม
                “นี่แหละ ว่าที่คิงในอนาคต” ผู้อำนวยการต่างยิ้มแป้น แต่ดูเหมือนคนที่ไม่สบอารมณ์ดูจะเป็นคู่แข่งของเทสึ….มาคัส…
                ฉันเหยียดยิ้มมองมาคัสอย่างน่าสมเพช เป็นไงล่ะชอบดูถูกทสึมากนัก สุดท้ายเขาก็ไม่เคยชนะเทสึเลยสักครั้ง เก่งแต่ปาก
                เมื่อการประชุมจบลง เทสึก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกสภานักเรียนจากผลงานเรื่องคดีวางระเบิด โดยอยู่ในตำแหน่งโจ็กเกอร์(ตำแหน่งพิเศษ) แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ดีใจสักเท่าไหร่ 
                “รู้งี้ฉันไม่น่าทำตามแผนเธอเลย หมดกันอิสรภาพของฉัน” อาการหนักกว่าที่คิดอีกแฮะ
                หลังจากที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกสภานักเรียนเทสึมันก็บ่นไม่หยุดปากจนฉันอยากเอาป็อบทีนยัดปากมัน รำคาญโว้ย!!
                “จะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาไหนๆนายก็มาเป็นสมาชิกแล้วช่วยฉันสักเรื่องได้มั้ย?” ฉันเอ่ยถามก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ แต่หมอนั่นกลับยิ่งทำหน้าบูดบึ้ง
                “ไม่อ่ะ ขี้เกียจ” จบคำเทสึมันก็นอนแผ่หลาลงบนพื้นหญ้า ท่ามกลางดอกไม้นานาชนิดที่ลายล้อมอยู่ทั่วสวน ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ ชวนให้น่านอนกลางวันจริงๆ
                 “ทำไมอ่ะ? ช่วยหน่อยสิ นะๆ” ฉันเขย่าแขนเทสึเพื่อให้เขาลุกขึ้นมาคุยกับฉันดีๆ แต่หมอนี่กลับนอนนิ่ง
                อย่าบอกนะว่า…….
                 จึ๊กๆ!     
                ฉันจิ้มแก้มเทสึสองสามทีปรากฏว่าหมอนี่ไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัวเลยสักนิด อ้าว?อะไรจะหลับเร็วขนาดนั้น แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะจะได้ไม่มีคนมาบ่นให้ฉันฟัง
                ฉันเอนตัวลงนอนข้างๆเทสึโดยเว้นระยะห่างเอาไว้หน่อย เกิดหมอนั่นละเมอปล้ำฉันทำไง
                 ท้องฟ้าตอนกลางวันยังคงดูสวยงามไม่แพ้ตอนกลางคืน หมู่เมฆจับกลุ่มกันเป็นรูปต่างๆดูน่ารัก ฝูงนกบินไปมาเหนือน่านฟ้าอันกว้างใหญ่ สายลมพัดผ่านไปมาพร้อมหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้มาด้วย ชักง่วงแล้วสิ
                ฉันเหลือบมองคนข้างตัวที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ที่แขนข้างซ้ายถูกสวมด้วยปลอกแขนสีเงินที่บ่งบอกว่าเขาอยู่ในตำแหน่งพิเศษ ใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้มยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูมีเสน่ห์ ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท
                จู่ๆน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่มือเรียวสวยจะค่อยๆยื่นไปสัมผัสใบหน้าอันหล่อเหลาแต่ดูอ่อนโยนของเขา แปดเดือนที่เหลือต่อจากนี้ฉันจะอยู่กับเขาให้นานที่สุด ก่อนที่สงครามระหว่างเทพจะเริ่มขึ้น แน่นอนฉันต้องเข้าร่วมในสนามรบด้วยถึงแม้จะเป็นแค่กองหนุนก็ตาม แต่ฉันก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าตัวเองจะรอดกลับมาหรือเปล่า
                “แปดเดือนที่เหลือนับจากนี้ ฉันจะอยู่เคียงข้างนายและสร้างความทรงจำระหว่างเราให้มากที่สุดนะ” ฉันพูดออกมาเบาๆก่อนที่สวมกอดร่างสูงที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ไม่ว่ายังไงนายจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ฉันจะไม่ลืมนายไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปีก็ตาม….

                ฉันขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด หายใจก็ไม่สะดวก ใครเอาอะไรมามัดฉันเนี่ย!!   
                ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างหัวเสีย คนจะหลับจะนอน เซ็ง!! 
                และเมื่อลืมตาขึ้นมาฉันก็ต้องเบิกตากว้าง เทสึยิ้มกรุ้มกริ้มอย่างไม่น่าไว้ใจมองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
                “ตื่นแล้วหรอ ^^” ยังมั้ง
                “แล้วมากอดฉันทำไมเนี่ย!! ปล่อยนะ!” ฉันดิ้นพล่านไปมาเมื่อพบว่าตัวเองถูกกอดเอาไว้แต่มันผิดท่าไปหน่อยตรงที่เทสึมันอยู่ข้างบนแล้วฉันอยู่ข้างล่างน่ะสิ!!
                “เธอไม่ใช่หรอที่มากอดฉันก่อนน่ะ” เทสึพูดอย่างเหนือกว่า ฉันไปกอดนายตอนไหนย่ะ! อย่ามามั่วนะ
                “นายจะบ้าหรือไง ใครเขาจะไปกอดนาย ปล่อยยยยย!!” ฉันแผดเสียงทันทีหายใจไม่ออกเฟ้ย!!
                เทสึเอามือตะบมหูตัวเองทันที ก่อนจะปล่อยฉันเป็นอิสระ หมอนั่นกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหญ้าก่อนจะสะบัดหัวเบาๆ
                เสียงฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นซะหน่อย อย่าเว่อร์น่า
                “ไม่ต้องมาสำออย กลับบ้านได้แล้ว” ฉันฉุดเทสึที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าให้ลุกขึ้นมา หมอนั่นทำท่าขัดใจนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นมาแต่โดยดี
                “เลี้ยงข้าวหน่อยดิ หิวอ่ะ” จู่ๆเทสึมันก็บอกให้ฉันเลี้ยงข้าวมัน เลี้ยงทำไม?
                “มีตังค์ก็ไปซื้อเองดิ”ฉันปฏิเสธแบบไร้เยื้อใย ก่อนจะเดินดุ่มๆมาที่ห้องสภานักเรียน
                “ใจร้าย” ไม่ต้องมาทำหน้าตาน่าสงสาร ไม่เลี้ยง!!
                ฉันไม่สนใจเทสึที่งอแงเหมือนเด็กๆ ก่อนจะหยิบเอกสารที่พวกสภานักเรียนเอามาวางไว้ ทำไมมันเยอะกว่าทุกวันนะ?
                เอ๊ะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!!
                ฉันเบิกตากว้างเมื่ออ่านแฟ้มจำนวนนักเรียนและประวัติการมาเรียนของแต่ละคน แต่ผลมันกลับออกมาว่า…..
                นักเรียนเกือบร้อยคนไม่เข้าเรียนติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์!! เป็นไปไม่ได้!!
                ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะต่อสายไปหาคาเอเดะ ยัยนั่นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
                (( เกิดเรื่องแล้วโนริ!!)) เมื่อยัยคาเอเดะรับสาย ยัยนั่นก็กรอกเสียงแบบร้อนรนมาให้ ว่าแล้วว่าต้องเกิดเรื่อง
                “หมายความว่ายังไงคาเอเดะ ทำไมนักเรียนเกือบร้อยถึงได้ขาดเรียนทั้งอาทิตย์แบบนี้” 
                ((นั่นแหละที่ฉันกำลังจะบอก นักเรียนโรงเรียนเราหายตัวไปเกือบร้อยคนแล้วนะ!!))  คำตอบที่ได้ทำเอาฉันทรุดตัวลงกับพื้น เทสึเบิกตากว้างก่อนจะรีบมาพยุงฉันขึ้น แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว
                “หะ หายไป….ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น เทสึกุมมือฉันเอาไว้แน่นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็สั่นอยู่ดี
                ((อาทิตย์ที่แล้ว หายไปพร้อมกันหมดเลย โนริแกมาที่ตึกกลางด่วนเลยนะ))
                “ได้” ฉันวางสายจากคาเอเดะก่อนจะหันไปบอกเทสึที่มองฉันอย่างเป็นห่วง
                “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วล่ะ”

                 ทุกคนอยู่ในสถานการณ์ตรึงเครียด จบคดีวางระเบิดยังไม่ทันข้ามวัน คดีนักเรียนหายตัวไปก็เข้ามาแทนที่แทบจะทันที อะไรจะแย่ขนาดนี้
                ฉันนั่งอ่านข้อมูลของนักเรียนที่หายตัวไป มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบเก้าคน แถมเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเป็นอันดับต้นๆของโรงเรียนอีกด้วย
                ทุกคนสันนิฐานว่าอาจจะกลับบ้านไปโดยที่ยังไม่ได้แจ้ง ฉันจึงมีคำสั่งให้นักเรียนในสภาติดต่อกับทางบ้านของนักเรียนที่หายตัวไป ผลมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิด นักเรียนพวกนั้นไม่ได้กลับบ้าน!! พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!!
                ฉันกุมขมับเพราะคิดอะไรไม่ออก เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักนิด จู่ๆก็เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แถมข้อมูลก็ไม่มีสักนิด ได้แต่สันนิฐานถึงสาเหตุเท่านั้น โดยเหตุผลหลักๆก็มี หนีเที่ยว โดดเรียน หรือไม่ก็ใจแตกหนีตามคู่ตัวเองไป แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะที่นักเรียนร้อยกว่าคนจะหนีเที่ยวโดนเรียนพร้อมกันแบบนี้ อย่างมากก็แค่ห้าคนเท่านั้นแหละ
                หรือว่า…………
                ไม่ๆๆมันต้องไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดสิ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนก็อาจจะ….
                “ทุกคนแยกย้ายกันตามหาตามสถานที่ที่คิดว่านักเรียนพวกเราจะอยู่ ฉันฝากทุกคนด้วยนะ” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน ทุกคนพยักหน้ารับคำ แต่ยังคงมีสีหน้าเป็นกังวล
                “ควีนพักผ่อนบ้างนะคะ ช่วงนี้ควีนดูซูบผอมกว่าเดิมมากเลย” หนึ่งในสภานักเรียนเอ่ยขึ้น
                “ฉันไม่เป็นไรหรอก ทุกคนก็พักผ่อนกันบ้างนะอย่าหักโหมนักล่ะ” ฉันส่งยิ้มไปให้เพื่อให้ทุกคนหายห่วง ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมานอกห้องประชุม
                ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่ฝีมือของเทพนรกที่กำลังวางแผนจะชิงวิญญาณมนุษย์หรอกนะ เพราะไม่งั้นพวกนั้นก็ได้วิญญาณไปแล้วถึงหนึ่งร้อยสิบเก้าดวง ซึ่งเป็นการชิงวิญญาณที่มากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยล่ะ
                ฉันเดินไปรถอย่างเหม่อลอยในหัวก็คิดถึงสาเหตุที่ทำให้พวกนักเรียนหายตัวไป มันจะเป็นอะไรได้บ้างล่ะ โดดเรียน หนีเที่ยว หนีตามคู่ ย้ายเพราะทางบ้าน อืมๆอะไรอีกนะ? แต่ว่าสาเหตุที่พูดมาทั้งหมดมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี ก็คนบ้าที่ไหนจะโดดเรียนทั้งอาทิตย์ แถมการย้ายก็ไม่มีการแจ้งอีก บางที….อาจจะเป็นอย่างที่ฉันคิดก็ได้……

               เมื่อกลับมาถึงบ้านฉันก็เดินขึ้นห้องอย่างคนไม่มีจิตใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ถ้าเกิดว่านักเรียนที่หายตัวไปถูกชิงวิญญาณไปจริง เบิร์น ฟินิกส์ก็ต้องเคลื่อนไหวบ้างสิไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้
                “you’re my heart and our love is my breath of life…..”
                โทรศัพท์ฉันแผดเสียงร้องอย่างรุนแรงเมื่อมีคนโทร.เข้า และนั่นทำเอาฉันสะดุ้งแทบจะทันที อะไรจะน่ากลัวขนาดนี้
                “ฮัลโหล”  ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยอ่ะ
                (( โนริ!! แกไหวใช่มั้ย?)) น้ำเสียงของคนปลายสายแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า ฉันยังไม่ตายซะหน่อย
                “ยังโอเค ได้เรื่องว่าไงบ้าง?” ฉันถามขึ้นทันที เพราะคนที่โทร.มาคือยัยคาเอเดะ
                (( ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยว่ะ แล้วตามสถานที่ต่างๆก็ไม่มีใครเจอนักเรียนของเราเลย เอาไงดีว่ะ?))
                “ฉันว่าเราวางแผนใหม่อีกทีดีกว่า พวกแกกลับไปพักผ่อนเถอะ” ฉันบอก
                ((เออๆ แกด้วยนะ)) จบคำยัยคาเอเดะก็วางสายไปแบบไม่ล่ำลา ให้มันได้อย่างนี้สิ -_-^^
                เวลาแบบนี้ใครบ้างนะที่จะช่วยฉันได้ ไลค์ สตาร์หรอ? ไม่ล่ะฉันเกลียดหมอนั่นตั้งแต่จับฉันทำพันธะด้วยแล้ว ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย สาธุ!!
                ฉันลุกจากเตียงก่อนจะไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินลงมาชั้นล่าง
                ภายในบ้านไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพ่อบ้านแม่บ้านที่นับวันยิ่งมีมากขึ้น คนอื่นๆไปไหนหมดนะ??
                ปิ๊งๆๆๆๆ!!
                เมื่อไม่มีคนอยู่ฉันก็ถือโอกาสเปลี่ยนกลับร่างเทพก่อนจะร่ายเวทย์พลางตัวแล้วสยายปีกออกก่อนจะบินขึ้นสู่น่านฟ้ายามที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ดวงอาทิตย์เหมือนเด็กน้อยที่กำลังจะถึงเวลานอน ท้องฟ้าสีส้มดูอบอุ่นเปรียบเสมือนผ้าห่มที่ทอด้วยใยธรรมชาติบริสุทธิ์ ดูกี่ทีก็ยังสวยเหมือนเดิม
                ตุ้บ!!
                ฉันกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวดเมื่อชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเงยหน้ามองตัวต้นเหตุด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
                “ไลค์ สตาร์ O.O!!” ใช่แล้วตัวต้นเหตุที่ว่าคืออีตาไลค์ สตาร์จอมเก๊กนั่นแหละ ฉันไม่อยากเจอมานนนนนนนน!!!
                “ฉันเอง” ไลค์ สตาร์มองหน้าฉันนิ่ง แต่ฉันกลับบินหนีเข้ามาอีกฟากด้วยความเร็ว แต่หมอนั่นก็ตามมาเร็วเช่นกัน
                หมับ!!
                ไลค์ สตาร์คว้าเข้าที่เอวฉันก่อนที่รวบเข้าหาตัว ฉันดิ้นพล่านไปมาอย่างอึดอัด ปล่อยฉ้านนนนน~
                “ปล่อยฉันนะ อีตาบ้า!!” 
                “พูดใหม่อีกทีสิ” ไลค์ สตาร์จับฉันให้หันไปหาเขา เป็นอันว่าฉันกับเขากำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ชักไม่ชอบบรรยากาศตอนนี้ซะแล้วสิ
                “ก็บอกให้ปล่อยไงเล่า!!! ปล่อยๆๆๆ!!” ฉันย้ำในสิ่งที่เขาขอโดยลบคำว่าอีตาบ้าออกไป  ฉันกะจะกวนประสาทหมอนี่น่ะ
                “อย่ามากวนประสาทฉันนะยัยบ้า!” อ้าว?มาเรียกฉันว่ายัยบ้าได้ไง เดี๋ยวสวยหรอกอีตาเทพขี้เก๊ก!
                “อย่ามาเรียกฉันว่ายัยบ้านะ! อีตาเทพขี้เก๊ก!!” ฉันตอกกลับตามนิสัยที่ชอบพูดฉีกหน้าคน ไลค์ สตาร์จ้องฉันเขม็งเมื่อฉันว่าเขาแบบนั้น มองไปเถอะฉันไม่กลัวหรอก(หรือเปล่า?)
                “นี่มัน…” ฉันพูดขึ้นมาเบาๆก่อนที่ร่างกายจะทรุดฮวบเข้าสู่อ้อมกอดของไลค์ สตาร์อย่างหมดแรง หมอนั่นอุ้มฉันไว้อย่างเบามือก่อนที่จะออกบินอีกครั้ง ขี้โกงนี่หว่าใช้เวทย์หลับใหลทีเผลอน่ะ ดีนะที่ฉันเป็นเทพเหมือนหมอนี่ฉันเลยไม่หลับ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ฉันมึนงงไม่น้อย ฮ้าววววว~ง่วงๆๆ –O-
                “นายจะพาฉันไปไหนน่ะ?” ฉันถามขึ้นเมื่อไลค์ สตาร์ไม่ยอมพูดอะไรเลยเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตามองข้างหน้า หาขุมสมบัติหรือไงพ่อคุณ!
                ไลค์ สตาร์มองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะเมิน กล้าเมินคนสวยหรอย่ะ เดี๋ยวได้เจอดีแน่!!
                ฉันมองไลค์ สตาร์อย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองไปข้างหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางตะวันออกเริ่มมืดจนเห็นดวงดาวน่ารัก ในขณะที่ทางตะวันตกยังมีท้องฟ้าสีส้มอมเหลืองอยู่
                เอ๊ะ!! ที่นั่นมัน….
                ฉันมองคนร่างสูงด้วยสีหน้าอึ้งๆ หมอนี่รู้งั้นหรอว่าจุดกำเนิดพลังของฉันอยู่ที่นี่ ถึงได้พาฉันมาน่ะ
                และก็เป็นไปตามคาดไลค์ สตาร์พาฉันมาที่นี่จริงๆด้วย!!!!!
                ด้านล่างของเราคือมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หรือก็คือบ้านของฉันเอง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดกำเนิดพลังของฉันด้วย ถ้าที่นี่ถูกทำลาย ทั้งฉัน ท่านพ่อ ท่านแม่ก็จะหายไปด้วย
                หลายคนอาจคิดว่ามหาสมุทรใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีวิธีไหนทำลายได้หรอก ต่อให้แล้งทั้งปีมหาสมุทรแห่งนี้ก็ยังคงมีน้ำอยู่จำนวนมหาศาล แน่นอนมันย่อมเป็นอย่างนั้น แต่ทุกอย่างย่อมสูญสลายถ้ารู้วิธีทำลาย แน่นอนการทำลายมหาสมุทรแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากถ้ารู้วิธี และวิธีที่ว่ามีเพียงฉันและท่านพ่อท่านแม่เท่านั้นที่รู้
                ไลค์ สตาร์ร่อนลงที่เกาะกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มนุษย์ไม่มีทางเห็นเกาะแห่งนี้นอกจากจะตายในท้องทะเลเท่านั้น ซึ่งมันไม่น่าเสี่ยงเท่าไหร่
                ไลค์ สตาร์วางฉันลงบนชิงช้าหน้าคฤหาสน์สีน้ำทะเลขนาดใหญ่โดยมีสวนกุหลาบสีแซฟไฟท์ที่กินพื้นที่ไปเกือบสามกิโลเมตรลายล้อมอยู่รอบบ้าน ถัดออกมาจากสวนกุหลาบคือพื้นหญ้าเขียวชอุ่มโล่งเตียนที่กินพื้นที่มากกว่าสิบกิโลเมตร ก่อนจะตามด้วยหาดทรายสีทองอร่ามที่ทอดตัวลงในมหาสมุทร นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้มาที่นี่นับตั้งแต่ท่านพ่อแต่งงานครั้งที่สอง 
                ฉันลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข พลังในร่างมีอยู่เต็มเปี่ยม ความเหนื่อยล้าจากเรื่องที่เจอในวันนี้หายเป็นปลิดทิ้ง ฉันก้มลงเด็ดดอกกุหลาบจนรวมๆแล้วน่าจะได้สักร้อย ก่อนจะจัดช่อให้ดูดีผูกริบบิ้นสีสวย ก่อนจะยื่นให้ไลค์ สตาร์
                “อะไร” ไลค์ สตาร์ถามอย่างงงๆพลางมองช่อดอกไม้ในมือฉันอย่างสนใจ อยากได้ล่ะสิ 
                “ ฉันให้” ฉันยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร เดี๋ยวค่อยเกลียดหมอนี่ต่อเมื่อกลับไป โฮะๆ 
                “ให้ฉัน?” ไลค์ สตาร์ชี้เข้าตัวเองอย่างงงๆ แต่ก็ยอมรับช่อดอกไม้ไปแต่โดยดี
                “แทนคำขอบคุณไง ขอบคุณนะที่พามาที่นี่” ฉันบอกถึงจุดประสงค์ก่อนจะลากเขาเข้าบ้าน เฮ้ยๆ!อย่าคิดไปไกลนะ แค่จะพามานั่งพัก
                ภายในบ้านยังคงความงดงามเอาไว้เช่นเดิม กลิ่นหอมของกุหลาบลอยวนเวียนอยู่ในบ้าน ตามผนังมีรูปอันเบ้อเร่อประดับอยู่ซึ่งเป็นรูปของฉันตั้งแต่เด็ก แม้ตอนนี้ก็ยังมีเลย คงเป็นท่านพ่อหรือไม่ก็ท่านแม่ล่ะมั้งที่สั่งคนเอามาติด น่าอายชะมัด T^T
                “องค์หญิงกลับมาแล้ว O.O!!” ภูตน้ำที่เป็นแม่บ้านของที่นี่อุทานขึ้นก่อนที่เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านจะออกมาต้อนรับกันอย่างพร้อมหน้า ดีนะที่ไม่เยอะเท่าที่คฤหาสน์เอนาริไม่งั้นฉันเซ็งตายเลย
                “อืม กลับมาแล้ว ช่วยดูแลองค์ชายไลค์ สตาร์ด้วยนะ” ฉันสั่งก่อนที่แม่บ้านสาวสวยจะเชิญไลค์ สตาร์ไปที่อีกห้องซึ่งก็คือห้องสปา แปลกใช่มั้ยล่ะที่มีสปาในคฤหาน์ของเทพน่ะ ฉันเองก็ว่าแปลก(ซะงั้น)
                ไลค์ สตาร์ตามแม่บ้านไปด้วยสีหน้ารื่นเริง เจอสาวสวยเข้าหน่อยไม่ได้เป็นต้องโปรยเสน่ห์ เหมือนเทสึเลยแฮะ
                ออ!ลืมบอกไปอย่าง เมื่อใดก็ตามที่มีเทพไปเยี่ยมเยียนที่บ้านเราจะแทนพวกเขาว่าองค์ชาย องค์หญิง แล้วเรียกพ่อกับแม่ของพวกเขาว่า องค์ราชาและองค์ราชินี ส่วนคนใช้ในบ้านก็เรียกแบบนี้เหมือนกัน และนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบ
                ฉันเดินมาที่ห้องนอนที่ใหญ่เว่อร์ของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างสบายอารมณ์ นี่แหละสวรรค์ของฉันเลย ^^
                เมื่ออยู่ในห้องฉันก็ถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากตัวจนหมดเหลือเพียงร่างกายที่ได้สัดส่วนน่าฟัดน่าเหวี่ยง ก่อนจะเดินลัลลาเข้าห้องอาบน้ำโดยมีภูตน้ำตัวเล็กมาช่วยบรรเทาความเมื่อย เป็นเทพก็สบายแบบนี้แหละ อยากได้อะไรก็แค่ปริปากของพวกนั้นก็จะมาหาเรา สบายใช่มั้ยล่ะ
                 “องค์ราชากับองค์ราชินีไม่มาด้วยหรอเพค่ะ?” เสียงเล็กๆของภูตน้ำเอ่ยถามด้วยความสงสัย
                “ไม่ ท่านพ่อกับท่านแม่มีธุระ” ฉันตอบก่อนจะหลับตาลงอย่างเคลิ้บเคลิ้ม ปล่อยให้ภูตน้ำนวดตัวไป ก่อนที่ตัวเองจะเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุข แต่ยังไม่วายมีอีตาไลค์ สตาร์มาป้วนเปี้ยน ขนาดในฝันยังตามมารังควานฉันเลย คิดดู!!

                  ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเป็นเวลาเช้าแล้วตัวเองก็มานอนอยู่บนเตียงเป็นที่เรียบร้อย แถมอยู่ในชุดนอนสีขาวปักลูกไม้รอบตัว ผมถูกรวบขึ้นเป็นทวิลเทล บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำทรงนี้เวลานอนอ่ะ มันปัญญาอ่อนเป็นบ้าเลย
                ฉันลุกจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องทั้งๆที่อยู่ในชุดนอน นี่บ้านฉันนะฉันแต่งแบบนี้แล้วใครจะทำไม? (นางเอกเริ่มพาล)
                “เวลาเธอใส่ชุดนี้ก็น่ารักดีนะ” เสียงของใครบางคนทำเอาฉันหุบปากที่กำลังหาวแทบไม่ทัน ไลค์ สตาร์ที่อยู่ในชุดนอนแบบผู้ชาย ทรงผมกระเซอะกระเซิงแต่ยังคงดูดี กำลังจิบน้ำชายามเช้าที่โต๊ะอาหาร แต่สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันที่เพิ่งตื่น
                “ขอบใจ ฉันรู้ตัวดี” ฉันชมตัวเองหน้าด้านๆก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเขาโดยมีพ่อบ้านเอาชามาเสริฟ ก่อนจะจิบแก้ง่วง
                “หลับสบายมั้ย?” ถามแปลก บ้านตัวเองก็ต้องหลับสบายอยู่แล้วสิ
                “ก็ดี” ฉันตอบสั้นๆก่อนจะตักขนมเค้กเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
                “^^!”  ยิ้มทำไม?
                “ยิ้มอะไรของนาย?” ฉันถามก่อนจะขมวดคิ้ว ไลค์ สตาร์ส่ายหัวก่อนจะจิบช้าต่อเงียบๆ เป็นบ้าอะไรของเขา?
                หลังจากมื้อเช้าแบบง่ายๆจบลงฉันก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยใส่ชุดเดรสสีฟ้าเปิดไหล่ ยาวเลยเข่านิดหน่อย ชายกระโปรงประดับด้วยลูกไม้บานฟูฟ่อง แต่ดูน่ารัก (คนใส่น่ะ^^) ก่อนจะเดินออกมานอกบ้านโดยมีพ่อบ้านแม่บ้านออกมาส่ง
                “โชคดีเพคะองค์หญิง” เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านต่างอวยพรให้ ฉันยิ้มรับก่อนจะสยายปีกหงส์สีขาวบริสุทธิ์ออกพร้อมไลค์ สตาร์ ก่อนที่เราสองคนจะบินสู่น่านฟ้ายามเช้าอันสดใส แถมแดดไม่แรงด้วย
                วืดดดด~ วีววววว~ ตู้ม!!
                ฉันบินด้วยความเร็วสูง พลางหมุนเกลียวสว่านปิดท้าย ก่อนที่ตัวเองจะพุ่งลงน้ำอย่างสนุกสนาน ปลาน้อยใหญ่ต่างว่ายไปรอบๆตัวฉันอย่างรักใคร่ บางตัวก็มาคลอเคลียกับแก้มฉัน ฉันจับมายิกแก้มเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะโพล่ขึ้นเหนือน้ำ
                ไลค์ สตาร์ส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา ก่อนจะฉุดฉันขึ้นจากน้ำพลางเสกลูกไฟขึ้นมาอังเสื้อผ้าฉันจนมันแห้ง ความจริงมันไม่ได้เปียกหรอก แต่ฉันคิดว่าเขาไม่สังเกตมากกว่า เอาเถอะๆ
                ไลค์ สตาร์ลากฉันออกห่างจากมหาสมุทร ก่อนจะมานั่งเล่นที่ยอดภูเขาเอเวอร์เรส เข้าใจคิดนะย่ะ
                ฉันแกว่งขาไปมาเพราะไลค์ สตาร์วางฉันเอาไว้สูงเกินไป ออ!ฉันอยู่บนต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดบนยอดเขา แถมยังสามารถมองเห็นวิวรอบๆได้อย่างกว้างขวาง อากาศสดชื่น~
                “อ๊ะ! ดูนั่นสิ” ฉันชี้ไปที่หงส์สองตัวที่โค้งหัวเข้าหากันเป็นรูปหัวใจ น่ารักจัง ^^! (เริ่ดอ่ะ ขนาดอยู่ยอดเขาฉันยังเห็นหงส์ได้เลย!)
                “สวยดี” ไลค์ สตาร์พูดแค่นั้นเขาก็เอนตัวมาหนุนตักฉันอย่างถือวิสาสะ นี่มันบนต้นไม้นะย่ะ! เดี๋ยวตกลงไปคอหักตายกันพอดี
                “ลุกออกไปเดี่ยวนี้นะ!” ฉันโวยวายแต่หมอนั่นไม่มีท่าทีว่าจะขยับเลยสักนิด แถมซุกหน้าลงบนขาอ่อนฉันต่างหาก
                “แป๊บ” หมอนั่นบอกแค่นั้นก่อนจะหลับตาลง จนเงียบเสียงไปในที่สุด
                ฉันก้มลงมองคนร่างสูงที่หลับไปแล้วอย่างอนารถใจ ขนาดบนต้นไม้ยังหลับได้เลย แต่ว่านะ…..
                ฉันถือโอกาสที่เขาหลับทำสิ่งที่สงสัยมานานโดยการร่ายเวทย์แปลงโฉมใส่ร่างของไลค์ สตาร์ ก่อนที่แสงของเวทย์จะค่อยๆจางลง ก่อนจะปรากฎร่างของเพื่อนสนิทที่แสนดีของฉัน……เทสึ….
                แค่เวทย์แปลงโฉมก็สามารถทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ?
                ฉันมองร่างสูงที่หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  ทั้งเสียใจ ดีใจ มันเป็นเพราะอะไรกันนะ?

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา