I'm BOY : ผมนี่แหละ สตรีมีหาง [Yaoi]​

-

เขียนโดย นนิรา

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.13 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 4 : เสื้อพี่เมฆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 4 : เสื้อพี่เมฆ

 

ผมนั่งหมุนปากกาเล่นบนโต๊ะพลางฟังครูอธิบายงานที่มอบหมายให้ คือการจับกลุ่มแสดงละคร จะเป็นบทหรือเรื่องไหนก็ได้ขอแค่เกี่ยวกับชาดกหรือวรรณคดี​ไทย โดยคุณครูเป็นคนสุ่มให้ตามเลขที่ กลุ่มผมมี 4 คน โชคดีมากที่ไอ้นพกับไอ้ตูนอยู่กับผมด้วย ส่วนอีกคนก็...

 

“หวัดดี เราอยู่กลุ่มกับพวกนาย เราชื่อษา” สมาชิกคนที่สี่เดินมาแนะนำตัวกับคนในกลุ่ม ผมมองชื่อเธอที่ปักไว้ที่เสื้อ ‘อลิษา ปัทธี’

 

ชื่อนี้มันบัดดี้ลับ ๆ ของผมนี่ ผมมองหน้าอลิษาชัด ๆ หน้าตาเธออยู่ในขั้นที่ใช้ได้ มัดผมเป็นหางม้าแบบลวก ๆ อาจจะเป็นคนเซอร์ ๆ ก็ได้มั้ง ผมต้องวิเคราะห์ ผมจะได้แอบเอาใจบัดดี้คนนี้ได้ถูกใจ

 

“หวัดดี เราวินนะ ส่วนนั้นไอ้ตูน” ผมแนะนำตัวกลับพร้อมชี้ไปที่ไอ้ตูนที่เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

 

“หวัดดีษา เรานพ”

 

“แล้วเราจะทำเรื่องไรกันดีล่ะ?” อลิษาเดินมานั่งที่ว่างหน้าผมแล้วก็พูดเข้าประเด็นของงานทันที ผมจึงหันไปเรียกให้ตูนให้มาฟังด้วยแต่มันบอกว่า ‘จะแสดงเรื่องอะไรก็ได้ กูได้หมด’ ทุกคนจึงหันมาปรึกษากันต่อโดยที่คุยกันแค่สามคน

 

“รามเกียรติ์ไหม?” อลิษาเสนอขึ้น

 

“เราว่าดูยากไปไหมอ่ะ?” มานพค้านขึ้น มันคงคิดว่าอาจจะต้องมีบทร่ายรำ

 

“เราว่าเอาพระอภัยมณีดีกว่า ดูเข้าถึงง่ายดี อีกอย่างทุกคนพอจะรู้เนื้อเรื่องคร่าว ๆ กันอยู่แล้วด้วย”

 

“ก็ดีเหมือนกันนะ แล้วจะเอาตอนอะไร เราจะได้รีบเขียนแล้วเอาไปส่งครู”

 

“ตอนนี้ไหมล่ะ? หนีนางผีเสื้อสมุทร” ผมเสนอขึ้นเพราะจู่ ๆ เรื่องราวที่เคยเรียนเคยฟังก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

“อืม ไม่มีใครค้านงั้นจะเขียนแล้วนะ” อลิษาถามทุกคนก่อนจะลงมือเขียนชื่อเรื่องและตอนที่จะแสดง ก่อนหน้านั้นเธอได้เขียนรายชื่อสมาชิกกลุ่มทั้ง 4 ไว้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นจึงรีบเอากระดาษที่จดไปส่งครูหน้าชั้นเรียน ถ้าใครส่งก่อนก็มีสิทธิ์ได้เรื่องที่เขียนก่อน ถ้ากลุ่มอื่นส่งก่อนแล้วซ้ำกับตอนที่เราเลือกก็อดหมดสิทธิ์

 

ครูให้เวลาเตรียมตัวภายในหนึ่งอาทิตย์ ส่วนสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ทุกกลุ่มออกมาแสดงเรื่องที่เตรียมไว้โดยการจับฉลากเลือกออกมาแสดง ดังนั้นทุกคนต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของกลุ่มตัวเอง

 

“งั้นวันนี้พวกเราไปเตรียมข้อมูลกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ลองมาแจกแจงบทบาทกัน” อลิษาพูดสรุปก่อนเดินกลับไปนั่งยังที่ แต่ผมเรียกไว้ก่อนเพื่อขอแลกเบอร์กับไลน์ไว้เป็นช่องทางการติดต่อ ไม่นานจากที่ห้องเรียนกำลังอยู่ในความสงบก็มีเสียงคุยกันแบบผิดสังเกตเสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงที่มาจากผู้หญิงมีเสียงผู้ชายประปรายบ้าง

 

ผมจึงหันไปตามเสียงของสาว ๆ ในห้องว่าไปเจอะอะไรเข้า... พี่เมฆเดินผ่านห้อง! พี่เขายิ้มมาทางผมก่อนเดินผ่านไป ไม่นานก็มีเสียงเถียงกันดังอยู่ข้างหลังผม

 

“พี่เมฆเขายิ้มให้กูด้วยอะมึง! เขิน” บุคคลที่หนึ่งพูดพลางบิดตัวไปมาเป็นเกลียว

 

“ใครบอกมึง พี่เขายิ้มให้กู กูสวยกว่ามึงอีก” บุคคลที่สองเถียงขึ้นพร้อมสะบัดผมเมื่อบอกว่าตัวเองสวยกว่า

 

“ไม่จริง! พี่เขายิ้มให้กูคนเดียว”

 

“โอ๊ยยยยยย ตบกันเลยไหม!” บุคคลที่สองความโกรธเริ่มปะทุ

 

“อยากตบตั้งแต่มึงว่ากูไม่สวยแล้ว!”

 

ผมถอนหายใจมองทั้งคู่สลับกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าจะเถียงกันเรื่องความสวยทำไมในเมื่อทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน แล้วอีกอย่างนะ คนที่พี่เขายิ้มให้คือผม ไม่ใช่สองคนนั้นเสียหน่อย ขืนผมบอกไปแบบนั้นผมคงกลายเป็นหนึ่งในสังเวียนแน่ ๆ

 

สองฝาแฝดเถียงกันสักพักก็เริ่มสงบลงเองแต่ไม่นานก็เดือดขึ้นมาอีกเพราะ พี่เมฆเดินผ่านกลับมาพร้อมส่งยิ้มมาทางผมอีกรอบ

 

“ชัดยัง คราวนี้พี่เขายิ้มให้กู!” แฝดคนแรกพูดขึ้นอีก

 

“เอ๊ะ มึงก็ยอม ๆ กูหน่อยไม่ได้เหรอกูเป็นพี่มึงนะ” แฝดคนที่สองเถียงปนเอาความเป็นพี่เข้าใส่

 

“ใครบอกว่ามึงเป็นพี่ มึงออกหลังต้องเป็นน้องสิ เพราะคนเป็นพี่ต้องออกมาคนแรกวินาทีแรกเว้ย”

 

“ใครว่าล่ะ ออกหลังเป็นพี่ต่างหาก เพราะพี่เสียสละให้น้องออกมาลืมตาดูโลกก่อนไง กูนี่ถีบมึงออกมาจากท้องแม่เลยนะเว้ย”

 

ผมเริ่มชักจะงง ๆ กับหัวข้อในการทะเลาะของสองคนนี้แล้วแหละ ตอนแรกเรื่องพี่เมฆยิ้มให้ไม่ใช่เหรอ? ไหงมาจบเรื่องเกิดก่อนเกิดหลัง แต่ยังไงก็เห็นได้ชัดเลยว่าพี่เมฆเนี่ยตัวปัญหา ดูสิขนาดห้องที่อยู่ในความสงบมาตั้งนานกลับมาวุ่นวายเพราะแค่พี่แกเดินผ่านเฉย ๆ

 

ผมหยิบขวดน้ำที่ไร้ของเหลวเดินออกจากห้องไป อีกอย่างเดินหนีจากเสียงถกเถียงของเพื่อนด้านหลังด้วย ผมเดินลงมาจากตึกเรียน จะว่าไปตู้กดน้ำมันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนเนี่ย รู้อย่างนี้ผมน่าจะถามไอ้นพก่อนลงมา ผมเคยเห็นที่เดียวก็คือแถว ๆ ลานกีฬา ผมตรงไปที่ลานกีฬาเลยแล้วกันอย่างน้อยก็รู้ว่ามันมีแน่ ๆ จะได้ไม่ต้องเดินหลงไปที่อื่น

 

ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าเครื่องกดน้ำแล้ว มีปุ่มทำน้ำเย็นและน้ำร้อน เจ๋งดีแฮะ เอาไว้วันหลังอยากกินโอวันตินร้อนก็สามารถกดน้ำร้อนตรงนี้ได้ คราวหน้าผมคงต้องพกกระติกน้ำร้อนมาแล้วแหละ

 

ในขณะที่ผมเติมน้ำอยู่ก็พลันเหลือบไปเห็นบางคนนั่งหลบมุมอยู่ในซอกเก็บพวกลูกฟุตบอล ลูกรักบี้ ผมว่าหน้าดูคุ้น ๆ ผมยืนสังเกตชัด ๆ ก็นึกออกว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเอง ทำไมนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นเนี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า ผมว่าผมควรเข้าไปดูหน่อยเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน

 

“นี่นาย เป็นไรเปล่า?” ผมก้มลงไปใกล้ ๆ กะว่าจะพยุงตัวอีกคนขึ้นแต่ต้องชะงักไปก่อนเพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งไปทั่วร่าง ผมมองไปในมือก็พบกับขวดโค้กที่ข้างในบรรจุน้ำเมาอยู่ แต่ผมคงทนเห็นเขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็พาไปไหนดีนะ มองผมซ้ายขวาหาจุดที่สามารถพาไปนั่งได้โดยที่ไม่มีคนผ่านมา มุมนั้นแล้วกันเก้าอี้ข้างรูปปั้นอะไรสักอย่าง ตรงนั้นลมโกรกดี

 

เห้ย! จู่ ๆ ในขณะที่ผมกำลังจะพยุ่งร่างเพื่อนร่วมห้อง มันดันทำน้ำราดใส่ตัวผมซะเกือบหมดขวด ทำให้ตอนนี้ตัวผมเต็มไปด้วยกลิ่นละมุด

 

“หาเจอไหม? นายคนนี้ก่อเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะ ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ ปีก่อนนะอาคารเกือบไฟไหม้เพราะก้นบุหรี่ที่นายคนนี้ทิ้งไว้นี่แหละ ต้องหาให้เจอนะรู้เปล่า”

 

“ครับ ผมว่าผมเจอแล้ว ตรงนั้นใช่ไหมนั้น”

 

เสียงของครูผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นแล้วชี้มาทางที่ผมยืนอยู่ ไม่นานก็มีครูอีกคนเดินตามมา ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ขอให้ครูเขาช่วยหน่อย

 

“ครูครับ...” ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องให้ช่วยแต่ครูเขาไม่ฟังผม

 

“คราวนี้มีถึงสองคนเลยเหรอ? ไม่ต้องพูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ตามครูมา”

 

“ไปไหนเหรอครับ?”

 

“หึ! ก่อเรื่องขนาดนี้ ไปห้องปกครองสิ พักการเรียนสักเทอมเป็นไง”

 

หา!? ผมต้องรีบอธิบายเสียแล้ว

 

“ผม ผมไม่เกี่ยวนะครับครู คือผมเดินมาเจอเพื่อน ผมเลยลองเข้ามาดูว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าเฉย ๆ ครับ” ผมอธิบายจบครูเขาก็หยุดเดินก่อนหันหลังกลับมามองหน้าผม แล้วเดินเข้ามาดมเสื้อใกล้ ๆ

 

“เมาแล้วปั้นน้ำเป็นตัวเก่งนะเรา”

 

“ผมพูดเรื่องจริงครับ” ผมยืนถอนหายใจในขณะที่ในมือก็พยุงคนที่หาเรื่องมาให้ผม แถมตัวผมยังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

 

“ครูครับ น้องเขาพูดเรื่องจริงครับ ผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด” จู่ ๆ พี่เมฆก็โผล่มาตรงหน้าครูทั้งสองที่กำลังจะพาผมไปห้องปกครอง

 

“นายเมฆาทำไมถึงได้อยู่แถวนี้ ไม่มีเรียนเหรอไง”

 

“พอดีผมลืมของแถว ๆ นี้น่ะครับเลยมาเอาของ แล้วก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดครับ” หลังจากที่พี่เมฆอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมแล้ว ผมจึงรอดตัวไป ส่วนเพื่อนคนนั้นก็ถูกครูลากไปยังที่ห้องปกครอง ผมว่าคงโดนลงโทษหนัก

 

“ขอบคุณครับพี่เมฆ” ผมกล่าวขอบคุณที่พี่เขาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ผม แต่มือไม่ได้ยกไหว้อะไร “แล้วทำไมพี่ถึงมาแถวนี้ได้ครับ นี่ไม่ใช่แถวสนามบาสหนิครับ”

 

“พี่มาเดินเล่นน่ะ พอดีเบื่อห้องเรียน”

 

ไหนออกตัวว่ายุ๊งยุ่ง ไหงมาเดินเล่นทั่วโรงเรียนได้ ผมขึ้นไปเรียนต่อก่อนดีกว่า ลงมาเติมน้ำแล้วยังมาเกิดเรื่อง ป่านนี้คงคิดว่าผมกำลังโดดเรียนกันแล้ว

 

“งั้นผมไปก่อนนะครับ”

 

“เดี๋ยวก่อน แล้วจะขึ้นห้องไปด้วยสภาพแบบนี้?” พี่เมฆชี้มาที่เสื้อผมมืออีกข้างปิดจมูกไว้ ผมลืมไปเลยว่าตอนนี้ผมมีแต่กลิ่นของเหล้า ใครได้ดมเข้าไปคงคิดว่าผมไปตกถังเบียร์มาชัวร์

 

“ก็คงต้องเป็นงั้นครับ ผมไม่มีชุดเปลี่ยน”

 

“เอาชุดพละพี่ก่อนไหม พอดีติดกระเป๋ามาด้วย”

 

“ไม่ต้อ...” ผมกำลังจะปฏิเสธออกไปแต่ก็พูดไม่ทันพี่เขาที่พูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

“รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่มา” ว่าจบพี่เมฆก็วิ่งขึ้นอาคารไป ไม่นานก็ลงมาพร้อมกับชุดพละของโรงเรียน

 

“เอาไปเปลี่ยนซะ” พี่เมฆโยนเสื้อมาให้ผมทันทีที่เดินมาถึง ผมคว้ารับมาก่อนจะเข้าไปล้างตัวและเปลี่ยนชุด เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วผมก็เอาชุดนักเรียนที่เปื้อนของผมมาซักขยี้กับสบู่หวังให้กลิ่นแอลกอฮอล์จางลงและบิดให้แห้ง

 

“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเสื้อนะครับ เดี๋ยวผมซักมาคืน ผมไปเรียนก่อนนะ”

 

เมื่อแยกย้ายกันแล้ว ผมก็ตรงไปยังห้องเรียนทันทีโดยที่ไม่ได้แวะไปที่ไหนแล้ว ผมเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดพละของพี่เมฆ ไอ้มานพที่ผมคิดว่ามันต้องสงสัยแน่ ๆ ก็ถามขึ้น

 

“นายใส่ชุดนักเรียนมาหนิ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นชุดพละได้”

 

นั่นไง ผมคิดไม่มีผิด ทำไมซื้อหวยล่ะไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ แต่ตอนผมเดินเข้ามาในห้องก็มีเพื่อนหลายคนมองผมแบบ งง ๆ ก็ตอนเดินออกจากห้องผมใส่ชุดนักเรียน เดินกลับเข้ามาดันเป็นชุดอื่นซะได้

 

“พอดีเกิดอุบัติเหตุ​นิดหน่อยน่ะ เสื้อเราเปียก” ผมชี้มือไปทางนอกหน้าต่างที่ผมเพิ่งจะเอาเสื้อไปตากไว้ตรงนั้น

 

“แล้วนี่เสื้อ… เมฆา ดำรง!” ไอ้นพมันกำลังจะถามผมแต่ก็ไปเห็นชื่อที่ปักเสียก่อน มันเลยร้องเสียงหลง

 

“เห้ย! ไอ้วินใส่เสื้อพี่เมฆ!” หลังจากที่ไอ้มานพตะโกนตกใจดังลั่นทั่วห้องผมก็กลายเป็นเซเลป​ทันตาเห็น เริ่มมีเพื่อนเดินมาหาผมที่โต๊ะ จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง จากสองเพิ่มเป็นสาม จากสามเพิ่มเป็นสี่ จากนั้นไม่นานก็ยกโขยงมากันทั้งห้อง

 

บางคนก็เดินเข้ามาถามผมว่าสนิทกันเหรอ ถ้าจะฝากของไปให้พี่เมฆจะรับฝากไหม บางคนก็เข้ามาดมกลิ่นของพี่เมฆบนเสื้อที่ผมกำลังใส่อยู่ แต่ก็ลงเอยด้วยการเอาของต่าง ๆ ที่อยากฝากให้พี่เมฆมาฝากไว้ที่ผม พอเริ่มมีคนฝากก็เริ่มลุกลามไปถึงการฝากไปให้สมาชิก​คนอื่น ๆ ในกลุ่มพี่เขาด้วย

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา