Accident Of Love พรหมลิขิตผ้าพันแผล
เขียนโดย jaindyzone
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เข็มที่ 3 พบกันครั้งที่ สาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ผมตื่นมาในช่วงสายของวันเพราะเสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น ผมหยิบเครื่องมือสื่อสารสีดำที่ซื้อตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้มันคงตกรุ่นไปแล้วเพราะคนขายผลิตกันปีละรุ่นเลยทีเดียว ผมมองสายเรียกเข้าแล้วกดรับทันที
“ครับพี่ที” พี่ทีเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปีครับหลังเรียนจบก็ยังติดต่อกันบ้างตามประสาพี่รหัสกับน้องรหัส
“อาทิตย์นี้ไฟว่างมั้ย พี่มีเรื่องจะรบกวนหน่อย”
“ว่างครับ พี่ทีมีอะไรให้รับใช้ว่ามาเลยครับ แต่ค่าตัวผมแพงนะบอกก่อน” พี่ทีใจดีครับ ตอนเรียนได้พี่แกช่วยไว้หลายครั้งเลยตอนสอบ
“ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้ไฟ เดี๋ยวเถอะ” แกว่าพร้อมกับหัวเราะไปด้วย “พี่ว่าจะให้เราไปช่วยงานที่ มหาลัย Z ให้หน่อย พอดีพี่รับงานไว้แล้วดันมีธุระด่วนไปไม่ได้ว่ะ” “คือมันเป็นงานกีฬาของมหาลัย ไปแค่คอยดูแลเผื่อมีอุบัติฉุกเฉินเฉยๆ มีรุ่นน้องพี่ไปด้วยอีกสามคน เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดให้ในเมลล์นะ”
“ได้คร้าบ ครั้งหน้าเจอกันเลี้ยงชาบูผมด้วยนะครับ” พอพูดจบผมก็รีบวางสายทันที ไม่รอให้พี่แกด่าครับ รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี วันนั้นผมพักร้อนพอดีเลยไม่ได้ไปไหนหรอกครับกะจะนอนโต้รุ่งซะหน่อย แบบว่านอนวันนี้ตื่นอีกทีเย็นของอีกวันไปเลย(แบบนี้ก็ได้หรอ) แต่ไปทำงานก็ดีครับไปเปิดหูเปิดตาบ้าง หมอโสดอย่างเราแฟนก็ไม่มีต้องสู้ต่อไปครับ ว่าแล้วผมก็โทรหาไอ้น้ำชวนมันไปดีกว่าด้วยเผื่อมันอยากไปเต๊าะสาวมหาลัย แต่โดนมันด่ากลับมาว่า ว่างหรอ ? ทำไมต้องใจร้ายกับพี่หมอไฟด้วยก็ไม่รู้ มันก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับสรุปมันจะตามไปตอนเย็นๆ ผมกับมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ไปไหนต้องลากกันไปด้วยถ้าว่างก็จะไปด้วยกันตลอด พยาบาลสาวๆในโรงพยาบาลชอบบอกว่าเป็นคู่จงคู่จิ้นอะไรก็ไม่รู้ เฮ้อออสาวๆสมัยนี้เข้าใจยากกกกก
มหาลัยที่พี่ทีพูดถึงถือว่าเป็นมหาลัยขนาดใหญ่เลยทีเดียวครับ ได้มาเห็นแบบนี้คิดถึงสมัยเรียนเหมือนกันนะ สมัยก่อนสอบต้องอ่านหนังสือจนเป็นตาเป็นหมีแพนด้า ไหนจะต้องทำกิจกรรมอีก เห็นน้องๆที่เป็นแขวนป้าย staff วิ่งวุ่นกันไปหมด คิดถึงสมัยตัวเองเลย เห็นผมเป็นแบบนี้เคยเป็นเดือนคณะมาก่อนนะครับเห็นมั้ยล่ะว่าพี่ไฟก็มีดี สู้ๆนะครับน้องๆพี่ไฟผ่านมันมาแล้วพี่ไฟเข้าใจ เหอะๆ พอเห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเลยครับ เหมือนผ่านมานานมากทั้งๆที่เพิ่งจะเรียนจบไปปีเดียวเอง ตอนนี้ผมอยู่ซุ้มพยาบาลครับ มีน้องนักศึกษาเป็นลมสองคน น้องๆที่มาด้วยกันช่วยกันดูแลอยู่ช่วงเช้าคนไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ ผมเลยยืนคอยแจกแอมโมเนียอยู่ด้านหน้าซุ้ม ในสนามมีการแข่งฟุตบอลระหว่างคณะอยู่ครับ แต่ผมไม่ได้สนใจดูมันซักเท่าไหร่ วันนี้อากาศร้อนมาก สงสารสาวๆครับแต่งหน้าจัดเต็มมาเดินตากแดด อย่าได้ดูถูกแดดประเทศไทยเชียวนะครับ จ้างร้อยเล่นล้านและเล่นใหญ่ตลอด บอกได้คำเดียว “ร้อน”
จริงๆทางมหาลัยก็มีทีมพยาบาลอยู่แล้วครับ มีน้องๆนักศึกษาด้วยแต่เนื่องจากโรงพยาบาลของพี่ทีกับมหาลัยนี้มีโครงการร่วมกันอยู่ ทางโรงพยาบาลเลยส่งหมอมาช่วยอีกแรงเนื่องจากงานนี้เป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่
“พี่หมอค่ะ มีคนบาดเจ็บมาค่ะ” น้องทีมงานเดินมาเรียกผมคงถึงเวลาทำหน้าที่ซักทีครับ ผมเดินเข้ามาในซุ้มมีนักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนล้อมวงกันอยู่พูดคุยกันโหวกแหวก ทำไมผมคุ้นๆคนพวกนี้จัง อาจจะเป็นเพราะบางคนเอาเสื้อช็อปสีเลือดหมูพาดบ่า แต่บางคนก็ใส่ชุดนักฟุตบอล
“คนเจ็บคนไหนครับ” ผมถามขึ้น พวกที่ยืนรุมกันอยู่เลยแหวกทางให้ผมเดินเข้าไป คนที่บาดเจ็บใส่ชุดนักฟุตบอลสีฟ้า นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ดูเหมือนจะเจ็บที่ต้นขา เพราะมือเจ้าตัวกุมที่ต้นขาไว้ตลอด แต่ก็ยังหันหน้าคุยกับเพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เป็นอะไรมาครับ”
“คนนี้ครับคุณหมอ มันโดนกระแทกล้มไม่รู้ขาหักหรือเปล่า” คนเจ็บจึงหันหน้ามาทางผม เหตุการณ์คุ้นๆไหมครับ คนก็คุ้นๆ..ไอ้เด็กที่ไปรบกับไอ้ตูบเมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง หาเรื่องเจ็บตัวเก่งจริงๆ
“อ้าวคุณ”
“อ้าวหมอ”
“ครั้งที่สามแล้วนะครับ” คนเด็กกว่าพูดขึ้น
“และผมก็ต้องมานั่งทำแผลให้คุณอีกแล้วใช่มั้ย” ผมพูดเชิงหยอก
“พรหมลิขิตผ้าพันแผล” เจ้าตัวพูดขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันสองคนตอนที่ผมก้มลงไปดูต้นขา ผมเลยมองดุๆไปให้ “เหอะ”
“ก็ผมเล่นฟุตบอลแล้วโดนกระแทกล้ม” คนเด็กกว่าพูด
“ไหนขอผมดูหน่อย” ผมดูอาการแล้วกระดูกไม่หัก น่าจะแค่กล้ามเนื้อฉีกขาดเลยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน
“เดินไหวมั้ย ถ้าไม่ดีขึ้นยังไงต้องไปโรงบาลเพื่อเช็คให้ละเอียดอีกทีนะ” ผมบอก
ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้องพยาลของมหาลัยครับซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซุ้มพยาบาลเท่าไหร่เพราะที่ซุ้มไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ น้องstaff เลยให้พามาที่ห้องพยาบาลแทน
“คุณหมอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวนั่งบนเตียงส่วนผมกำลังทายาและพันผาที่ขาให้อยู่
“ว่าไงครับ”
“ผมขอทวงสัญญาครั้งที่แล้วได้มั้ย” สัญญา? สัญญาอะไรวะผมไปสัญญากับไอ้เด็กนี่ตอนไหน?
“ผมอยากรู้ชื่อเล่นคุณหมอ” อ่อ ยังอุตส่าห์จำได้อีกนะ ตอนนั้นที่พูดไปก็ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกหรอกครับพูดส่งๆไปอย่างนั้นแหละ ใครมันจะไปคิดว่าจะมาเจอกันในสถานการณ์แบบนั้นอีก คุณหมอ กับ คนป่วย บังเอิญเกินไปแล้ว
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม” ผมแกล้งทำหน้าดุแล้วถามไป จริงๆผมจะบอกเลยก็ได้ครับ ชื่อผมก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร แต่เห็นหน้าตาเหมือนอยากรู้ซะเต็มประดา เลยขอแกล้งหน่อยเหอะ
“ก็เผื่อเราเจอกันอีกไงครับผมจะได้เรียกถูก” ยังจะมีครั้งที่สี่อีกหรอ
“คุณเจอผมทีไรเจ็บตัวทุกที ยังอยากเจอผมอีกรึไง” “ประสาท” ประโยคสุดท้ายผมพูดกับตัวเองเบาๆ
“ก็คุณเป็นหมอเจ็บตัวมาเจอหมอก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอครับ” แล้วดูทำหน้าทำตาดูเจ้าเล่ห์ชอบกล ไอ้เด็กนี่สงสัยเต๊าะสาวบ่อยเจ้าชู้แน่นอน แพรวพราวซะขนาดนี้
“นะครับ บอกผมหน่อยก็คุณสัญญาแล้วอ่ะ” ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนโว๊ยยยไม่ใช่เด็ก น่ารักตายล่ะ
“โอเคๆ ผมบอกแล้ว ผมชื่อ ไฟ หมอไฟ พอใจหรือยัง” ไอ้เด็กแสบมันยิ้มกว้างอะไรจะดีใจขนาดนั้น จะเอาชื่อผมไปส่งชิงโชคหรือไง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหมอไฟ ผมชื่อ สกาย” เจ้าเด็กแสบอมยิ้ม
“ผมดีขึ้นแล้วเย็นนี้ไปทานข้าวกันมั้ย” “ก็ตอบแทนไงที่คุณหมอทำแผลให้” ผมส่ายหน้าหน่ายๆ
“มันเป็นหน้าที่ของผมคุณไม่ต้องมาตอบแทน” ไอ้เด็กแสบทำหน้าหง่อยๆ
“เอาแบบนี้ไหมถ้าเราเจอกันอีกครั้งหน้าโดยที่คุณไม่เจ็บตัวผมจะเลี้ยงข้าวคุณเอง” ผมเสนอไอ้เด็กแสบยิ้มกว้างทันที
“ไอ้สกายยยมึงเป็นไงบ้างวะ” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาแต่ไกล น่าเป็นเพื่อนๆของสกาย เดินกันมา 4-5 คน หน้าตาคุ้นๆ น่าจะกลุ่มเดียวกับที่เจอที่โรงพยาบาล
“ขามึงยังอยู่ดีใช่มั้ยไม่ได้หักแน่นะเว่ยย ไปโรงบาลเหอะ” พวกพี่เดินมาจับขาสกายพลิกไปพลิกมา ผมว่าจะหักก็ตอนนี้แหละ
“เบาๆพวกมึง กูดีขึ้นแล้ว พวกมึงขนกันมาทำไมเยอะแยะกูยังไม่ตายง่ายๆหรอก”
“เอ้า พวกกูก็เป็นห่วงมึงไง ที่สำคัญพวกกูเอาชัยชนะมาฝากมึงด้วยนะคร้าบบบเพื่อน วิศวะของเราชนะขาดลอย”
“เอ่อ พวกมึง” “นี่พี่หมอไฟ หมอที่ทำแผลให้พวกเราตอนนั้นน่ะ” พวกมาใหม่เหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าผมยืนอยู่ พากันยกมือไหว้กันเป็นแถว
“แหะๆ สวัสดีครับ พี่หมอสุดหล่อนี่เอง” เพื่อนของสกายคนหนึ่งพูดขึ้น
“พี่หมอครับ ส่วนนี่เพื่อนๆของผมที่คณะ คนนี้ชื่อตั้ม คนนี้ชื่อแมว คนนี้แทนไท และสองคนข้างหลังชื่อ ไอ้นาย กับ ไอ้ปลา”
“สวัสดีครับ งั้นเชิญพวกเราตามสบายกันเลยนะ” พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมเลยขอตัวออกมาปล่อยให้ไอ้เด็กแสบถูกเพื่อนมันรุมถามอาการกันไป ไอ้น้ำโทรมาครับสงสัยมันจะมาแล้ว ผมคุยกับมันสรุปว่ามันมาได้ซักพักแล้วช่วยงานที่ซุ้มพยาบาลอยู่ผมเลยเดินไปหามันที่ซุ้ม
“เป็นไงมึงกว่าจะมาได้”
“กูก็ต้องทำงานมั้ยล่ะ กลับเลยนะเดี๋ยวกูไปธุระต่อ” ไอ้นี่ก็มาไวไปไว
คนเราเจอกันโดยบังเอิญถึงสามครั้ง จะเป็นพรหมลิขิตได้ไหมนะ..
ทำไมต้องเก็บคำพูดไอ้เด็กแสบมาคิดด้วยวะ.....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ