Accident Of Love พรหมลิขิตผ้าพันแผล
เขียนโดย jaindyzone
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เข็มที่ 1 พบกันครั้งแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพรหมลิขิตในความคิดของพวกคุณคืออะไร สำหรับผม มันคงเป็นความเรื่องบังเอิญของคนสองคนที่เจอกัน ในเหตุการณ์บางเหตุการณ์และนำพาไปสู่การพบกันไม่สิ้นสุด ยกตัวอย่าง ถ้าคุณบาดเจ็บต้องมาโรงพยาบาลคุณคงคิดว่าซวยจริงๆ แต่การเจอกันที่สถานการณ์แบบนั้นถึงสามครั้งสามครา ต่างเวลาต่างสถานที่ ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าพรหมลิขิตได้หรือเปล่า
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมคุณหมอเพลิงกัลป์ ศิลา หรือ หมอไฟ คุณหมอเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพิ่งเรียนจบมาได้ 1 ปี ครอบครัวมีแค่คุณแม่ในวัยเกษียณ ท่านอยู่ต่างจังหวัด ส่วนคุณพ่อเสียไปนานแล้ว ตอนนี้ทำงานใช้ทุนครับ โรงพยาบาลนี้เป็นของพ่อเพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน สนิทกันมาก มันชื่อ น้ำ หรือที่พยาบาลเรียกว่าคุณหมอน้ำ เจอหน้ากันตั้งแต่สมัยปีหนึ่งยันทำงาน โคตรเบื่อหน้ามัน(แอบบ่น)แต่จะทำอะไรได้ครับนอกจากตั้งใจทำงานเพื่อใช้ทุนต่อไป ส่วนแฟนหรอครับเคยมี แต่เลิกไปตั้งแต่ก่อนเรียนจบซะอีกเหตุผลก็เบสิกมากเพราะผมไม่มีเวลาให้ จากนั้นก็ไม่คิดจะมีใครอีกเพราะเรียนหนักมากกกกกก ก ล้านตัว จนรู้ตัวอีกทีก็เรียนจบจนทำงานแล้วก็ยังโสดอยู่ เศร้าแท้ชีวิตหมอไฟ
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องตรวจที่เป็นห้องทำงานดังขึ้น “ไฟมึงออกเวรยังไปช่วยกูที่ห้องฉุกเฉินหน่อยสิ” ผมละสายตาจากเอกสารตรงหน้า ไอ้เพื่อนที่ผมเพิ่งบ่นว่าเบื่อขี้หน้าครับ บ่นถึงปุ๊บมาปั๊บ “ก็กำลังจะไปแล้วถ้ามึงไม่มาขัดกูซะก่อน”
“น่าเดี๋ยวกูเลี้ยงกาแฟใต้ตึก”
“กูซื้อกินเองได้โว๊ยยย” “มีเคสไร” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินตามมันไป
“นักศึกษาวิศวะ โขลงนึ่ง แม่งมีเรื่องมา ลูกคนรวย ต้องดูแลเป็นพิเศษ” ดูมันเปรียบเทียบ คนหรือช้าง เราเดินมาถึงห้องฉุกเฉิน อือหือ แต่ละคน เหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมา บ้างหัวแตก คิ้วแตก แขนหัก เบาหน่อยก็ปากแตก บางคนตาเริ่มเขียว เฮ้อเด็กสมัยนี้ พ่อแม่ส่งมาเรียนทำไม่ไม่ตั้งใจเรียนกันนะ แต่ก็ได้แต่บ่นในใจ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องรักษา บ่นไปก็ต้องทำอยู่ดีครับ ดูแล้วน่าจะมีประมาณ 6-7 คน ที่อาการหนักๆจะมีอยู่สามคน ดูแล้วแขนน่าจะหัก อีกคนคิ้วแตก น่าจะลึกเลือดไหลเป็นทางเลย ส่วนอีกคนหัวแตก ไอ้น้ำกำลังจัดการอยู่ ผมจึงทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง คนนี้คงต้องเย็บหลายเข็มคิ้วแตกขนาดนี้ คนที่ผมเย็บแผลให้นี้ ถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง โครงหน้าดูหล่อเข้ม คิ้วดกดำ จมูกโด่ง ปากเรียว หูใส่จิวสีดำวงกลมเล็กๆ สมัยนี้คงจะเรียกว่า หล่อเกาหลีอะไรประมานนั้น ขนาดคิ้วแตก ปากช้ำๆ โหนกแก้มมีรอยถลอกนิดหน่อย ยังดูดีมาก ถ้าผมหล่อได้ขนาดนี้คงมีแฟนไปหลายคนแล้ว เฮ้อเด็กสมัยนี้พ่อแม่ให้กินอะไรถึงได้ดูดีกันจัง
“สกาย ไอ้ปลา บอกว่าพวกที่เหลือปลอดภัยดี ไว้ค่อยไปคุยวันพรุ่งนี้ว่ามันไปมีเรื่องอะไรมา” คนตรงหน้าแค่พยักหน้าเบาๆ ดูจากเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ใส่ น่าจะเป็นศึกระหว่างสถาบัน เคยเห็นในข่าวบ่อยๆ
“กูจำได้ว่าไอ้พวกที่มาตีเรามีไอ้ต้า สาขาไฟฟ้าด้วย” อ้าวผิดคาดแหะ ศึกต่างสาขาหรอกหรอ
“ใช่ๆกูก็เห็นจำไม่ผิดแน่” เพื่อนมันอีกคนเสริมขึ้นมา
“พรุ่งนี้ค่อยคุย อย่าให้เรื่องถึงมหาลัยก็พอ” อยากจะแหมมมมมม ทีตอนทำละไม่คิด ทีอย่างนี้มากลัวเรื่องถึงมหาลัยไอ้เด็กพวกนี้นี่
“โอ๊ยยย” เสียงอุทานดังมาจากคนตรงหน้าทำให้ผมได้สติ สงสัยจะหมั่นไส้มากไปเลยเผลอลงน้ำหนักมือมากไป
“เสร็จแล้วครับ” ผมทำแผลเสร็จพอดี เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมา เราสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาดำคมเข้ม มีเสน่ห์น่าค้นหาเหมือนยิ่งมองลึกเข้าไปยิ่งน่าสนใจ ทำให้ผมเผลอมองอยู่นาน
“มีแผลตรงไหนอีกมั้ยครับ” ผมถามเมื่อดึงสติตัวเองกลับมาได้
“ตะ..ตรงหัวเข่า” คนตรงหน้าตอบสายตาเหมือนวูบไหวเล็กน้อย แต่ก็กลับมานิ่งได้เหมือนเดิมขี้เก๊กชะมัด ผมเห็นบริเวณหัวเข่ามีรอยขาดของกางเกงยีนส์มีเลือดซึมนิดๆ ดูแล้วคงต้องตัดขากางเกงออกเพื่อให้ง่ายต่อการล้างบาดแผล
“คงต้องตัดขา คุณพยาบาลขอกรรไกรด้วยครับ” ผมหยิบกรรไกรมากำลังจะขากางเกงออก
“เฮ้ย ถึงกับต้องตัดขาเลยหรอครับหมอ” ไอ้คนขี้เก๊กตรงหน้า โวยวายเสียงดัง ทำหน้าตาตื่น จนผมเผลอขำออกมาเบาๆ
“เอ่อคือ หมอหมายถึง ขากางเกงครับ” เสียงถอนหายในหนักๆ ดังขึ้น ผมว่าทุกคนในห้องนี้คงขำเหมือนกันกับผมเพียงแต่ไม่แสดงออกให้เห็น อย่างเพื่อนมันไอ้คนที่นั่งข้างๆยกมือขึ้นปิดปากเลยทีเดียว
“เสร็จแล้วครับ”
“ไปรับยาแล้วกลับบ้านได้ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับอีก 7 วันมาตัดไหม เดี๋ยวหมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้ ”
จากนั้นผมก็ทำแผลให้คนอื่นต่อ ส่วนไอ้น้ำมันกำลังใส่เฝือกให้อีกคนอยู่ครับ จริงๆเด็กกลุ่มนี้หน้าตากันทั้งกลุ่มเลย(เลือกคบกันที่หน้าตาหรอวะ) ถ้าก่อนหน้าจะไปฟัดกับหมามาคงจะดูดีกันจนสาวๆต้องหันมอง แต่ตอนนี้อย่าไปพูดถึงครับ ตาเขียว ปากบวม หมดสภาพ แต่ว่ากับคนบางคนก็ยังดูดีอยู่ไม่น้อย หลังจากเสร็จภาระหน้าที่ ผมกับไอ้น้ำ จึงมานั่งจิบกาแฟกันที่ร้านที่อยู่ใต้ตึกของโรงพยาบาล คุยกันตามประสาเพื่อนฝูง เรื่องงานบ้าง เรื่องเที่ยวบ้าง
ผมกลับคอนโดด้วยการเดินครับเพราะคอนโดอยู่ห่างจากโรงพยาบาลที่ผมทำงานไม่มากนัก ผมชอบการเดินเพราะมันได้ออกกำลังกายไปด้วย ได้เดินทอดน่อง รับลมเย็นๆ(ที่บางครั้งก็ไม่เย็น)ยามพระอาทิตย์ตกดินเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งของผม ที่จริงวิวมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ทุกคนจินตนาการหรอกครับ มีแค่ตึกกับถนนและรถที่ติดยาวไปจนสุดตา ท้องฟ้าเป็นแดงอมส้มตัดกับวิวตึกสูงๆหลายตึกในเมืองนี้ ผมเร่งฝีเท้าเพราะรู้สึกง่วงเต็มที อยู่เวรยาวมาตั้งแต่เมื่อวาน ที่นอนจ๋าพี่หมอไฟมาแล้ววววววววว
*******
เรื่องแรกของเราฝากเนื้อฝากตัวด้วยน๊าาาาาาาาาาาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ