Lore of Arratia
เขียนโดย tito4r
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.21 น.
แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 23.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Light Of High แสงแห่งเบื้องสูง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคายและรอนออกมาจากสมรภูมิสงครามมาถึงป่า Red Wood ป่านี้ว่ากันว่าเป็นที่หลบซ่อนของ wranit (wrath of the ancient) ไม่ว่าใครก็ตกเป็นเหยื่อของมันได้แค่เพื่อจ้องตา ป่าที่เคยเห็นแสงแดดจะมืดมิดแม้เป็นกลางวัน เสียงรอบข้างจะเงียบงัน สั่นไหวเพียงใบไม้และเสียงกระซิบ ทางออกถูกปิดตาย ป่าอันเดียวดายจะครอบงำ
“จับมือฉันไว้และหลับตาให้สนิทเดินตามฉันไปเรื่อยๆจนกว่าฉันจะปล่อยมือ ก่อนหน้านั้นห้ามปล่อยมือฉันหรือลืมตาและที่สำคัญห้ามตะโกนเด็ดขาด” คายพูดพร้อมจับมือรอนไว้แน่นด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าปกติ
“อืม” รอนตอบรับก่อนจะหลับตาจนสนิทและปล่อยให้คายนำทางไป
ด้านในป่ามีอากาศค่อยข้างเย็นและเปียกชื้น แสงลอดผ่านเข้ามาในป่าเพียงเล็กน้อย เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่และเถาวัลย์พันไปมามากมาย ตะไคร่ที่เกาะกันอยู่หนาทึบตามต้นไม้และรากไม้น้อยใหญ่ที่ปกคลุมพื้นดินไว้หมด
“พื้นดินทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้น้อยใหญ่ต่างระดับกันและยังมีตะไคร่ที่ทำให้ลืนอีก เดินระวังๆหน่อยนะ”
“อืม” รอนพูดในขณะที่เดินเซไปเซมาบนรากไม้ใหญ่ ทุกครั้งที่รอนเซไปคายจะค่อยดึงเอาไว้
“มองไม่เห็นแบบนี้หวาดกลัวรึเปล่า หวาดระแวงสิ่งที่มองไม่เห็นไหม” คายถามขึ้น
“สิ่งที่ฉันเคยเห็นมันน่ากลัวกว่านี้เยอะ” รอนพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย
“สิ่งที่เคยเห็นอะไรเหรอ” คายถามต่อ
“ฉันไม่อยากรับรู้ความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ให้มันตายกับกับอดีตต่อไปเถอะ อย่าให้ฉันนึกถึงมันเลย”
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้ามันทำให้เธอต้องรำลึกถึงสิ่งอันเลวร้ายก็อย่านึกถึงมันเลย” คายพูด
เมื่อเดินมาได้สักระยะ รอนก็ได้ยินเสียงกระซิบคล้ายเสียงของคายดังขึ้นข้างหูว่า “ลืมตาได้แล้ว เรามาถึงแล้ว” รอนที่ได้ยินเสียงก็ตอบกลับทันที “เรามาถึงแล้วเหรอ” เสียงนั้นได้ตอบกลับ “ใช่” รอนที่ได้ยินแบบนั้นจึงถามกลับ “แต่ทำไมยังจับมือฉันและยังเดินอยู่ละไหนบอกถึงแล้วจะปล่อยมือไม่ใช่เหรอ” เมื่อรอนพูดจบ เสียงนั้นก็เอาแต่พูดประโยคซ้ำๆเดิมๆว่า “ลองลืมตาดูสิ ลองลืมตาสิ ลองลืมตาดูสิ”
“แกเป็นใคร” รอนพูดขึ้นเสียงดังพร้อมหันไปหาเสียงที่ดังขึ้นรอบๆ
“เรามาถึงแล้ว เรามาถึงแล้ว เรามาถึงแล้ว” เสียงนั้นยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมเสียงหัวเราะที่ก้องในหู “ฮี๋ ๆ ๆ”
“หุบปาก หยุดนะ!” รอนตะคอกออกมาพร้อมเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหู
และเสียงนั้นก็หยุดไป รอนรู้ตัวอีกทีมือทั้งสองของเค้าก็อยู่ที่หูทั้งสองข้างของเค้าเสียแล้ว พร้อมกับรู้ตัวว่าตนยืนหลับตาอยู่เพียงลำพังในป่าที่ล้อมรอบไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้จัก รอนพยายามเดินคลำทางไปมาด้วยความลำบากจนสะดุดเข้ากับรากไม้จนผลัดตกจากที่สูงลงไป “ตุ๊บ!” “โอ้ย!” ขาของรอนกระแทกเข้ากับเหลี่ยมหินทำให้ข้อเท้าข้างนึงแพลง รอนพยายามลุกขึ้นหวังจะเดินต่อไปแต่ด้วยพื้นที่เดินยากอยู่แล้วบวกกับเท้าที่แพลงจากการตกจากที่สูง รอนลุกขึ้นมาและยืนนิ่งคุ้นคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป “ถ้าเราเดินแบบนี้ต่อไปโดยไม่เห็นทางออก ไม่มีอาหาร เราคงไม่รอดแน่ๆ ถ้าลืมตามองทางก็ยังพอกำหนดทิศทางเดาทางออกได้แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอกถ้าเราลืมตาก็เท่ากับไม่รอดเช่นกัน” รอนเริ่มขมวดคิ้วพร้อมเหงื่อที่ไหลออกมาภายใต้หมวกอัศวิน “จะทำยังไงดีล่ะ… ถึงจะรอด” จู่ๆรอนก็เหมือนนึกวิธีอื่นได้ “จริงสิตะโกนเรียกผู้หญิงคนนั้น… ไม่ได้เธอบอกห้ามตะโกน” เมื่อไม่มีหนทางอื่นรอนจึงพยายามเดินต่อไปทั้งเท้าที่แพลงจากการตกและดวงตาที่ปิดลง มือที่กวักแกว่งไปมาเพื่อหาทางไป โดยไม่รู้เลยว่าทางที่กำลังเดินไปเป็นทางไปต่อหรือหันหลังกลับ
“รอน! รอน!” จู่ๆเสียงของคายก็ตะโกนขึ้นจากไกลๆ
รอนที่ได้ยินเสียงนั้นจึงหยุดเดินและกำลังจะตะโกนตอบเสียงนั้น แต่รอนก็ชะงักลง “ถ้าเราตะโกนไปจะไม่เป็นไรเหรอ เสียงนั้นเป็นของผู้หญิงคนนั้นจริงๆรึเปล่า” ไม่นานเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมลมอันหนาวเย็นที่พัดมาสัมผัสผิวของเค้า
“แตะๆๆ” เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างเดินอยู่ข้างๆเค้า
“นั้นใคร!” รอนพูดพร้อมหันไปทางเสียง
“แจ๊ะๆๆ” เสียงแหลมประหลาดดังขึ้นข้างหูของรอน รอนรีบใช้มือปัดข้างหูทันทีพร้อมพูดออกมาเสียงดัง “แกเป็นใคร ต้องการอะไร”
“...”
“แกต่างหาก ต้องการอะไร สายเลือดของแกมันน่าเครียดแค้น” เสียงที่คล้ายเสียงของคายดังขึ้นก่อนเสียงจะค่อยเปลี่ยนเป็นเสียงที่แหลมน่ากลัวและแฝงไปด้วยความแค้นมากขึ้น
เมื่อเสียงนั้นพูดจบเสียงเท้าที่เดินอยู่ข้างๆไปมาก็วิ่งเข้าหารอนโดยทันที รอนที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งหนีโซซัดโซเซออกมาจากตรงนั้นทันทีโดยมีเสียงอะไรบางอย่างวิ่งตามเค้ามา แต่รอนก็โชคร้ายเมื่อวิ่งมาจนดูเหมือนจะรอดแล้ว แต่ขาของรอนก็ก้าวลงไปในบ่อโคลนจมจนก้าวต่อไม่ได้
“นี่มันอะไร! ทำไมก้าวขาไม่ได้เลย!” รอนร้อนรนขณะเสียงประหลาดนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“บ้าเอ้ย! ออกสิ!” รอนตะคอกพร้อมใช้มือทั้งสองดึงขาออกจากโคลน ในขณะที่เสียงประหลาดนั้นก็วิ่งตรงเข้ามาหารอน รอนที่หมดหนทางจึงตัดสินใจลืมตา และในระหว่างที่รอนกำลังลืมตามองเสียงประหลาดนั้น ก็มีมือมาจับที่แขนของรอนและดึงเค้าขึ้นจากหลุมโคลนจมก่อนจะพูดอะไรบ้างอย่างออกมา
“ในนามแห่งคายผู้ถือครองสัญลักษณ์”
“ผู้ปกปักษ์บัลลังก์แห่งอาเรเทียลำดับที่ 2 ”
“ขอท่านประทานพร”
“(Light of High)แสงแห่งเบื้องสูงแด่เรา”
“เพื่อพิทักษ์เบื้องหน้าและปกปักษ์เราจากเบื้อหลัง”
เมื่อเสียงนั้นพูดจบราวกับมีแสงสว่างล้อมรอบไปทั่วความรู้สึกที่อบอุ่นผิดจากตอนแรกที่เข้ามา ความรู้สึกที่ราวกับความอันตรายทุกอย่างถูกแผดเผาไปด้วยแสงที่กำลังส่องประกายอยู่นี้
“แกๆๆ เจ้าผู้มาเยือน อว๊ากกกก” เสียงกรี๊ดร้องโหยหวนไปทั่วบริเวณด้วยความทรมาน
“ไม่เป็นไรนะรอน อดทนได้ดีมาก”
“นี่เธอ...เองเหรอ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยรีบไปกันเถอะ”
“โอ้ย!” รอนส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บจากอาการข้อเท้าแพลงของเค้า
“บาดเจ็บเหรอ”
“อืม”
“ถ้างั้นก็ขึ้นหลังฉันมา”
“แล้วจะขึ้นยังไงล่ะ ฉันมองอะไรไม่เห็น”
“ลืมตาขึ้นสิ ไม่เป็นไรแล้ว”
สิ้นสุดเสียงของคาย รอนก็ค่อยลืมตาขึ้นสิ่งที่เค้าเห็นราวกับเค้าและคายกำลังอยู่ในลูกแก้วแสงโปร่งใสไม่มีผิด
“ทำอะไรอยู่รอนรีบขึ้นหลังฉันมาสิ” คายพูดพร้อมหันหลังย่อตัวลง ก่อนที่รอนจะตอบรับและขึ้นไปบนหลังของคาย
“ตัวหนักเหมือนกันนะเนี่ย” คายพูดพรางยิ้มออกมาเล็กน้อย
รอนไม่พูดและไม่ตอบอะไร และทั้งคู่ก็เดินหน้าเข้าไปในป่า Red Wood ต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ