สืบสู้ผี ภาค เมฆาคนล่าผี

6.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 04.55 น.

  26 ตอน
  2 วิจารณ์
  22.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) สมุดวาดเขียนสั่งตาย part 21

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้านี้ ราวกับจะเป็นภาพมายาที่หญิงสาวผู้ลึกลับคนนี้จงใจที่จะให้ครูชัยรัตน์กับเมขลาได้มองเห็นโดยเฉพาะ ทว่าคนทั้งสองก็ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องราวความเป็นไปในภาพมายาที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ จึงมีสีหน้าที่งงงวยและหันกลับไปมองที่หญิงสาวอย่างหน้าตาตื่น

 

"จงมองดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป" หญิงสาวผู้ใบหน้าคล้ายเด็กหญิงปานวาดผายมือไปยังภาพมายานั้น

 

"พวกเจ้าจะได้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณที่พวกมันได้กระทำกับข้าผู้นี้ ข้าผู้ภักดี ข้าผู้เสียสละให้กับความรักอันยิ่งใหญ่ แต่กลับได้รับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมอย่างที่ไม่มีอะไรจะมาชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ นอกจากไฟแค้นของข้าที่จะรอวันเผาผลาญพวกมันทั้งหมดตราบอดีตจวบจนอนาคตที่วิญญาณของพวกมันยังดำรงคงอยู่! "

 

เมื่อครูชัยรัตน์และเมขลาได้หันกลับไปมองที่ภาพเหตุการณ์ข้างหน้า ทั้งสองก็ได้เห็นว่า ขณะนี้นอกจากจะมีชาวบ้านที่มาชุมนุมอยู่รอบๆ ลานพิธีนี้แล้ว ก็ยังปรากฏเหล่าบุรุษกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายเหมือนพวกทหารโบราณกำลังยืนถือคบไฟด้วยใบหน้าถมึงทึงเช่นเดียวกับพวกชาวบ้าน และที่เบื้องหน้าของพวกทหารกลุ่มนี้ก็ยังปรากฏบุรุษวัยกลางคนผู้ไว้หนวดเขี้ยวและแต่งกายคล้ายคลึงกับพวกทหารแต่ดูมีระดับชั้นสูงกว่า กำลังยืนมองไปที่ร่างของหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่บนต้นเสาด้วยสีหน้าอันดุดัน

 

"นังมารร้าย! " เสียงของคนผู้นี้เรียกขึ้น "วันนี้ก็คือวันพิพากษาโทษทัณฑ์ของเจ้าที่ได้กระทำการอันอุกอาจจนมีผลให้อาณาจักรของเราต้องปั่นป่วนวุ่นวายจนพระบรมราชวงศ์ของเราแทบจะสิ้นพระชนม์ชีพเพราะมายาอาคมอันชั่วร้ายของเจ้า! "

 

แล้วคนผู้นี้ก็ยกมือชี้หน้าหญิงสาวทันที "ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ว่าเจ้าจะยอมรับในการพิพากษาครั้งนี้หรือไม่?! "

 

หญิงสาวผู้ถูกมัดติดกับเสากลับแสยะยิ้มออกมาอย่างไร้การสะทกสะท้าน แม้ว่าที่ใบหน้าของเธอจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ยังไม่เหือดแห้ง ซึ่งไม่อาจจะรู้ได้ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ถูกทำร้ายมาอย่างไรและจากใคร

 

"จะให้ข้ายอมรับหรือ...? " หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ "กับข้อกล่าวหาที่ไม่ได้เป็นความจริงเสียทั้งหมดอย่างที่ท่านกล่าวนี่นะ..."

 

แล้วเธอก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันเสียดหูน่าขนลุกที่แฝงไปด้วยความขมขื่นกล้ำกลืนอยู่ส่วนหนึ่งก่อนจะกลับมาจดจ้องที่ใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนราวกับอยากจะดื่มเลือดเนื้อ

 

"ฟังข้าพูดครั้งสุดท้าย! " เธอกล่าวขึ้นอีก

 

"ตัวข้าอาจจะมีวิชาอาคมที่สืบทอดมาจากบิดาของข้าอยู่บ้าง แต่ข้าขอสาบานต่อฟ้าดินและอาณาจักรแห่งนี้ ว่าข้าไม่เคยวางแผนการชั่วร้ายที่จะทำให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินหรือพระบรมวงศานุวงศ์ต้องมาประชวรหรือมีอันเป็นไปอย่างที่พวกท่านได้กล่าวหา นับแต่ตัวข้าได้ถือกำเนิดเกิดมาภายใต้อาณาจักรแห่งนี้ ข้าก็ได้ติดตามบิดาเข้ามาในวังเพื่อถวายงานอย่างสัตย์ซื่อจนได้ปูนบำเหน็จยศถาบรรดาศักดิ์สืบเนื่องมาจนถึงณ.ขณะนี้ และข้อกล่าวหาที่ท่านและพวกท่านได้กล่าวอ้างว่าข้ากับบิดาได้รวมหัวกันเพื่อจะยึดครองอาณาจักรแห่งนี้ด้วยแผนการอันชั่วร้ายต่างๆ นั้น มันหาได้เป็นความจริงไม่ และเมื่อพวกท่านยังพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหานี้ให้ข้าจวบจนกระทั่งสุดท้ายของชีวิตข้าในวันนี้ ข้าก็ขอสาบานต่อไปว่า แม้ถ้าว่าวิญญาณของข้าไม่สูญสลายดับสิ้นไป ข้าก็จะขอย้อนกลับมาทำลายพวกเจ้าให้ได้รับความเจ็บปวดเยี่ยงที่ข้าได้รับในวันนี้! "

 

"ชั่วร้ายมาก!! " บุรุษผู้ไว้หนวดเขี้ยวแผดเสียงตวาด "แม้ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเจ้า แต่กลับยังกล่าววาจาอันเบี่ยงเบนความชั่วของตัวเองและบิดาเจ้าให้พ้นผิด พวกเราไม่ได้ยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับเจ้าสองคน พยานหลักฐานต่างๆ ของเราก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดแจ้ง แม้แต่ชาวบ้านที่ยืนอยู่โดยรอบนี่ก็ยังไม่เข้าข้างคนผิดอย่างพวกเจ้าแม้แต่น้อย เเละเจ้ากับบิดาของเจ้านั้นก็ได้รับสิ่งที่ไม่คู่ควรกับพวกเจ้ามากเกินไปแล้ว อย่างปราสาทหินของเจ้าสองคนนี่ มันก็ไม่คููควรกับการที่จะมีไว้ในครอบครองตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ! "

 

ดวงตาของหญิงสาวยิ่งวาวโรจน์ ริมฝีปากนั้นก็ราวกับถูกขบด้วยฟันตนเองจนเลือดไหลรินออกมา

 

"ปราสาทนี้พระองค์ท่านทรงมอบให้บิดาข้าเพื่อปูนบำเหน็จรางวัลแห่งความภักดี ที่บิดาข้าได้กระทำมาหลายปี นั่นเป็นสิ่งอันชอบธรรมที่พระองค์ทรงประทานให้ด้วยความเต็มพระทัย...! "

 

"และด้วยเล่ห์มายาแห่งมนต์ดำที่พวกเจ้าสองคนได้ร่ายเข้าไปสู่พระเนตรและพระทัยของพระองค์ แต่บัดนี้พระองค์ได้พระเนตรสว่างแล้ว ทหาร...!! " บุรุษหนวดเขี้ยวหันไปทางทหารที่ถือคบไฟทันที

 

"ลงมือประหารนางได้ ณ.บัดนี้!! "

 

เหล่าทหารที่ยืนถือคบไฟเมื่อได้รับคำสั่งนี้ก็พร้อมกันขึ้นไปบนเวทีของลานพิธีเเละลงมือจุดไฟไปที่กองฟืนที่อยู่ด้านล่างตัวนางอย่างรวดเร็ว

 

ครูชัยรัตน์กับเมขลาที่กำลังยืนมองเหตุการณ์โดยที่ไม่มีใครในพิธีได้ล่วงรู้ถึงการเฝ้ามองในครั้งนี้ก็มีสีหน้าที่ดูตื่นเต้นระทึกใจขึ้นทุกขณะจนลืมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเด็กหญิงปานวาดอีกคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

 

บนเวทีขณะที่เปลวเพลิงค่อยๆ โหมเข้าใส่ร่างกายของหญิงสาวจนเลือนพร่า แต่เธอผู้นี้ก็ไม่แม้แต่จะกรีดร้องคำใดออกมา แต่ทว่ากลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ได้ปรากฏออกมาให้ทุกคนได้เห็น

 

น้ำตา... น้ำตาของเธอที่หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย หลั่งไหลลงสู่แก้ม จากแก้มลงสู่เปลวไฟ และระเหยเป็นไออย่างมากมาย

 

"เจ้าสองคนเห็นแล้วใช่ไหม? " หญิงสาวผู้อยู่ด้านหลังครูชัยรัตน์และเมขลาพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง และก็ทำให้ทั้งสองตกใจจนสะดุ้งอีกครั้ง

 

"น้ำตาที่เจ้าสองคนได้เห็นนั้น ไม่ใช่น้ำตาแห่งการเสียใจ และไม่ใช่น้ำตาแห่งการสำนึกผิด แต่มันก็คือ... น้ำตาแห่งความแค้น แค้นทุกผู้คนที่อยู่ ณ.ที่แห่งนั้น แค้นที่พวกมันใส่ร้ายบิดาข้าจนถึงแก่ความตาย และแค้นแม้แต่องค์กษัตริย์ที่ไม่แม้แต่จะปกป้องข้าและบิดา ดังนั้นในภายหลังข้าจึงกลับมาและทำลายอาณาจักรนั้นทั้งหมด! แม้ว่าพวกมันจะพยายามหาทางไม่ให้วิญญาณของข้ากลับมาได้ก็ตาม! "

 

"ท... ท่านทำอย่างไร? " เมขลาระทึกใจกับสิ่งที่เพิ่งเห็นและเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนอดถามขึ้นไม่ได้ "คือ... พวกมันทำอย่างไรกับท่านต่อไป แล้วท่านทำอย่างไรต่อจากนั้นในเมื่อท่านตายไปในตอนนั้น...? "

 

หญิงสาวผู้มีใบหน้าเหมือนเด็กหญิงปานวาดจ้องดวงตาของเมขลาด้วยดวงตาที่วาวโรจน์

 

"พวกมัน พวกที่ใส่ร้ายข้า ได้เผาปราสาทข้าจนเหลือแต่ตัวปราสาทที่เป็นแท่งศิลาเปล่าๆ และพวกมันยังเรียกวิญญาณของข้าให้ไปอยู่ในคณโฑโบราณและผูกมัดด้วยเครื่องพันธนาการแห่งอาคมก่อนจะนำข้าไปทิ้งไว้ในบ่อน้ำโบราณที่อยู่ภายในปราสาทของข้า ความแค้นของข้าจึงถูกกังขังอยู่ในคณโฑนั้นอยู่หลายปี จนกระทั่งมีบางอย่างที่เมตตาและปลดปล่อยข้าออกมาจากคณโฑและบ่อน้ำสุดลึกของปราสาท"

 

ครูชัยรัตน์และเมขลาฟังเรื่องที่หญิงสาวเล่าจนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน และก็แทบจะลืมไปว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นวิญญาณร้ายตนหนึ่ง

 

"ใคร... ใครกันที่ช่วยท่านออกมา? " เมขลาถามต่อไปอย่างอดใจไม่ได้ "แล้ว... แล้วท่านทำลายศัตรูของท่านได้อย่างไร? "

 

รอยยิ้มอันแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาวทันที

 

"ใครที่ช่วยข้างั้นรึ....? บอกไปพวกเจ้าก็คงไม่รู้จัก แต่สิ่งที่ทำให้ข้าสามารถจะแก้แค้นและทำลายอาณาจักรนั้นลงได้ก็คือสิ่งนี้นั่นเอง..."

 

แล้วหญิงสาวผู้มีใบหน้าเหมือนเด็กหญิงปานวาดก็ชูบางสิ่งขึ้นมาให้ทั้งสองได้เห็นชัดๆ

 

และเมื่อทั้งสองได้เห็นแล้วก็มีสีหน้าตื่นตะลึงจนหน้าซีดเผือดกันไปอีกครั้ง

 

เพราะที่แท้สิ่งนั้นก็คือ 'สมุดวาดเขียนอาถรรพ์' หรือ 'สมุดวาดเขียนสั่งตาย' ที่ยังอยู่ในมือของหญิงสาวนั่นเอง!

 

เมขลาและครูชัยรัตน์ที่ยังหวาดหวั่นกับอาถรรพ์ของสมุดวาดเขียนที่จะทำให้ทั้งสองจะต้องตายในที่สุด ในตอนนี้ก็ถึงกับเข่าอ่อนระทวยกันไปอีกครั้ง

 

"ส... สมุดเล่มนี้... เองหรอกรึ..? " เมขลาปากคอสั่น

 

"ใช่..." หญิงสาวพูดชัด รอยยิ้มยิ่งดูชั่วร้าย "พวกเจ้าคงคิดว่านี่คือ'สมุดวาดเขียน'ที่มีอยู่ในยุคของเจ้ากันสินะ...? "

 

"แต่แท้ที่จริงแล้ว..." ดวงตาอันเต็มไปด้วยความแค้นของหญิงสาวจดจ้องใบหน้าของทั้งสองอย่างไม่วางตา

 

"สมุดวาดเขียนเล่มนี้เป็นสิ่งโบราณที่ข้าได้รับมอบมา เพื่อจะได้ใช้ล้างแค้นและทำลายวิญญาณศัตรูของข้า ตราบอดีตจวบจนปัจจุบันที่ข้าค้นพบว่า วิญญาณของพวกมัน ยังดำรงคงอยู่ในโลกนี้...!! "

 

สิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดของหญิงสาว ได้สร้างความหวาดกลัวจนถึงก้นบึ้งให้เกิดขึ้นกับครูชัยรัตน์และเมขลาอีกครั้ง และก็ทำให้ทั้งสองถึงกับขยับขาถอยหลังกันอย่างแทบไม่รู้สึกตัว

 

'สมุดวาดเขียนสั่งตาย'เล่มนี้ แท้ที่จริงมันคืออะไรกันแน่ล่ะ...??!!

 

 

 

(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา