เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล
เขียนโดย 秋冬夢春
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แรกพบ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคิสึเนะตามนาการะออกมาด้านนอกคฤหาสน์ องเมียวจิทั้งหมดต่างอดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นนายเหนือหัวของตนมีสตรีติดตามออกมาด้วย
“ท่านรุ่นที่สองขอรับ สตรีนางนี้…เอ่อ…เป็นใครหรือขอรับ” ท่ามกลางความสงสัย องเมียวจิที่ดูมีอายุมากที่สุดเอ่ยถามออกมา
“สตรีนางนี้เป็น……// คู่ครอง ข้าเป็นคู่ครองของชายผู้นี้” ยังมิทันที่นาการะจะตอบคำถามใดๆ คำพูดหยอกเย้าให้ฝูงชนแตกตื่นก็ออกมาจากปากคิสึเนะ เพียงเท่านั้น ความตกตะลึงก็เกิดขึ้นในหมู่องเมียวจิทั้งหลาย องเมียวจิคนสนิทของชายหนุ่มถึงกับเป็นลมล้มพับลงไปกองที่พื้นด้วยความตกใจ
“……” นาการะหันกลับไปมองนางด้วยความไม่พอใจเล็กๆ
“นางมิได้เป็นคู่ครองของข้า!” เขาประกาศ “นางเป็นเพียงคนรู้จักของข้า”
คำพูดนี้สร้างความเบาใจให้องเมียวจิทั้งหมดไปหลายส่วน แต่มันก็ยังมีข้อสงสัยอีกว่านางมาจากที่แห่งใด แต่เมื่อจะเอ่ยปากถาม ก็จำต้องระงับความอยากรู้ไว้ เพราะแววตาที่เย็นชาของนาการะจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อใครก็ตามที่กล้าเอ่ยปากถาม
“พานางไปพักผ่อน ดูแลนางให้ดี” นาการะกำชับ
“เจ้าค่ะ” องเมียวจิหญิงที่อยู่บริเวณนั้นจึงรับหน้าที่พาคิสึเนะไปยังที่พักชั่วคราว “เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
“ติดต่อคนในทางตระกูลทาวะระ มะรืนนี้ข้าจะเข้าไป” นาการะกล่าวก่อนจะเดินหมุนตัวหายเข้าไปในกระโจม
“ขอรับ” องเมียวจินายหนึ่งรับคำ
ตกดึก
นาการะกำลังนั่งทำงานภายในกระโจมส่วนตัว พลันเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นด้านนอกกระโจม
“ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่?” เป็นคิสึเนะนั่นเอง
“เข้ามาได้!” นาการะเอ่ย “มีเหตุอันใด?” ก่อนจะถามถึงจุดประสงค์การมาของนาง
“ข้าก็แค่อยากหาเพื่อนคุยยามดึกก็เพียงเท่านั้น” คิสึเนะกล่าวหลังจากเดินเข้ามาภายในกระโจม “เจ้าช่วยเป็นให้ข้าได้หรือไม่?” คิสึเนะอมยิ้มจางๆ
“………” ชายหนุ่มเงียบมิได้ตอบสิ่งใดกลับไป
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” คิสึเนะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้ากำลังทำงานของข้าอยู่ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถิด” นาการะตอบแบบปัดรำคาญไป ก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ
เมื่อเจ้าของที่พักอนุญาต นางจึงเริ่มเดินสำรวจไปทั่วห้อง มุมนั้นที มุมนี้ที หยิบของที่วางอยู่ขึ้นมาสำรวจ ชิ้นแล้ว ชิ้นเล่า สุดท้ายจึงมาหยุดที่ตรงข้างๆเตียงของนาการะ ก่อนจะนั่งลงอย่างช้าๆ
“อ๊ะ!”
คิสึเนะอุทาน เมื่อพบว่าตัวเองกำลังจมลงบนความนุ่มของเตียง นางหันไปมองนาการะที่ยังคงหมกมุ่นกับการทำงานตรงหน้า มิได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เห็นทีนางคงต้องขอยืมเตียงนอนนี่…สักพัก……
กว่านาการะจะทำงานเสร็จจันทราก็คล้อยเลยกลางศรีษะไปเสียแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะพลางส่ายหัวเบาๆไล่ความง่วงงุนก่อนจะหันไปที่เตียงนอนเพื่อเตรียมเข้านอน แต่ก็ต้องชะงักไว้ เมื่อพบว่าแขกผู้มาเยือนได้หลับปุ๋ยไปบนเตียงของตนเองเสียแล้ว มิหนำซ้ำปลุกไม่ยอมตื่นเสียด้วย
“………” ชายหนุ่มยืนข้างเตียงพักหนึ่ง ก่อนจะค้อมตัวลงเพื่อห่มผ้าให้แก่นาง เอาเถิด นางถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ให้นางยืมเตียงเพื่อนอนหลับมันคงไม่เสียหายประการใด คืนนี้คงต้องใช้โต๊ะนอนต่างเตียงไปสักวัน
ไม่นานนักนาการะก็ได้ดับไฟในกระโจมจนหมดทุกดวง และเข้านอน โดยที่ไม่ได้รู้แม้แต่น้อยเลยว่าภายนอกนั้น องเมียวจิทั้งหลายต่างพากันจับกลุ่มคุยเรื่องที่หญิงสาวปริศนาเข้าไปในกระโจมของท่านรุ่นที่สองแล้วยังไม่ออกมาจนถึงบัดนี้
“ข้าว่าท่านรุ่นที่สองกับสตรีผู้นั้นต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ” องเมียวนายนึงพูดขึ้น “ใช่ๆ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า” ตามมาด้วยอีกหลายๆเสียงที่คิดในทำนองเดียวกัน
“หรือว่าทั้งสองจะเป็นแฟนกันจริงๆ” “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นนายหญิงของตระกูลอุเอย์คัตสึน่ะสิ” “จริงด้วย ตอนนี้ตระกูลอุเอย์คัตสึยังไม่มีตำแหน่งนายหญิงนี่นา”
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าด้วย”
“ข้าก็เช่นกัน”
หลายๆเสียงปะปนกันมั่วไปหมด แต่ในที่สุดก็สรุป(กันเอง)ได้ว่า หญิงสาวปริศนาคนนั้น จะต้องเป็นนายหญิงของตระกูลแห่งดวงดาราหรือตระกูลอุเอย์คัตสึจริงๆ……ถึงแม้นาการะจะกำชับไว้แล้วว่านางเป็นเพียงคนรู้จัก แต่ก็ไม่อาจห้ามความคิดของเหล่าองเมียวทั้งหลายได้
รุ่งสาง
นาการะเป็นคนแรกที่ขยับตัวก่อน การนอนในท่านี้ทำให้ชายหนุ่มนอนไม่ค่อยหลับนัก ผิดกับผู้ที่อยู่บนเตียงที่ยังคงหลับสนิท แถมกรนเล็กๆอีกด้วย
หลังปฏิบัติกิจส่วนตัวในกระโจมเสร็จ ชายหนุ่มจึงเดินออกมาด้านนอกหลังจากตื่น ก็พบกับองเมียวจิคนสนิทยืนคอยอยู่ด้านนอก
“อาหารเช้าสำหรับนายท่านถูกเตรียมไว้ที่โรงครัวแล้วขอรับ”
“อืม…หากนางตื่นแจ้งนางให้ไปพบข้าที่โรงครัว” สิ้นคำพูดนาการะจึงเดินมุ่งหน้าไปยังโรงครัวเพื่อรับประทานอาหารเช้า
“ขอรับ” องเมียวจิคนสนิทรับคำ
อากาศยามเช้าในปลายฤดูใบไม้ร่วงของโอกินาวาช่างบริสุทธิ์ หากแต่เมื่อลมโชยพัดมาก็ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านได้ไม่น้อย ยิ่งในชุดที่ชายหนุ่มโปรดปรานอย่างฮากามะสีดำน้ำหมึกแล้ว มันแทบจะไม่ได้กันความหนาวเย็นได้เลยแม้แต่น้อย
โรงครัว
“นางตื่นแล้ว?” นาการะเอ่ยถามขณะกำลังรับประทานอาหารเช้า เมื่อเห็นองเมียวจิคนสนิทเดินเข้ามายื่นข้างๆ “ขอรับ นายหญิงตื่นแล้ว” องเมียวคนสนิทพยักศรีษะ
ประโยคนั้นทำเอานาการะถึงกับสำลักอาหาร “ประเดี๋ยว? เจ้าเรียกนางว่าเช่นไรนะ”
“นายหญิงขอรับ” องเมียวคนสนิททำสีหน้าประหลาดใจ “ข้าน้อยถามเหล่าเมียวจิ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสตรีนางนั้นคือ นายหญิงขอรับ” แล้วเหตุอันใดท่านรุ่นที่สองถึงแสดงอาการไม่พอใจ ก็เขาถามเหล่าองเมียวจิ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสตรีปริศนานางนั้นคือ นายหญิงของตน
“…นางไม่ใช่นายหญิงของเจ้า นางเป็นเพียงคนรู้จักของข้า” นาการะปกปิดความฉุนเฉียวของตนเองก่อนจะตอบกลับไป เหล่าองเมียวจิช่างมีนิสัยคิดกันเองเป็นตุเป็นตะ ช่างไร้แก่นสารสิ้นดี นางก็เป็นเพียงคนที่ต้องร่วมมือกันด้วยเหตุผลบางประการเท่านั้น หากจบภารกิจแล้วก็คงถึงคราวแยกทางกัน
“ข้าก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะที่พวกเขาจะร่ำลือกันแบบนั้น” เสียงสตรีที่เป็นต้นเหตุของต้นเรื่องทั้งหมด “ข้าว่าน่าสนุกดีออก ฮึๆ” หญิงสาวผู้เป็นต้นปัญหาของเรื่องวุ่นวายนี้ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าโรงครัว
หลังจากนางนั่งลงฝั่งตรงข้าม องเมียวจิคนสนิทก็เอ่ยกับนางด้วยความนอบน้อม
“จะรับอาหารเช้าเป็นอะไรดีขอรับ?” คิสึเนะคิดครู่หนึ่ง “เอาเป็นเช่นเดียวกับเขาแล้วกัน”
“ขอรับ” องเมียวคนสนิทรับคำ ก่อนจะหันไปสั่งองเมียวจิหญิงอีกทีหนึ่ง
ส่วนทางด้านนาการะก็ยังคงหงุดหงิดไม่หาย เหตุเพราะชายหนุ่มไม่เคยพบเจอมาก่อน แม้จะเป็นเมื่อสมัย 5000 ปีก่อนก็ตาม ในยุคที่ชายหนุ่มดำรงสถานะผู้นำรุ่นที่สอง เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์อันยาวนานของตระกูล ที่ไม่ปรากฏการแต่งตั้งตำแหน่งนายหญิงขึ้นมา แม้องเมียวจิคนสนิทในขณะนั้นจะเสนอหญิงนับร้อยพันมาให้ เหตุเพราะ ชายหนุ่มใคร่ครวญแล้วว่ามิมีสตรีผู้ใดเหมาะสมแก่ตำแหน่งนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็ลอบคิดว่าถ้าหากเป็นนางจะเหมาะหรือไม่?
ตำแหน่งนายหญิงแห่งตระกูลดวงดาราในอดีต คือ ตำแหน่งที่หญิงสาวในแต่ละยุคล้วนหมายปอง เพราะนั่นหมายถึงฐานะอันมั่งคั่งและอำนาจอันล้นฟ้า เสมือนหนูตกลงไปในโกดังเก็บข้าวสารเลยทีเดียว
.
“อินุกิเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว” คิสึเนะกล่าวเปิดประเด็น ในระหว่างที่มือทั้งสองกำลังตักอาหารเข้าปาก
“ที่ใด?” นาการะเอ่ยถาม “ทางทิศเหนือจากตำแหน่งของเรา ครั้งนี้มันปลดปล่อยพลังงานหยินที่เข้มข้นเสียจนข้าจับสัมผัสได้แม่นเลยทีเดียว”
“งั้นแปลว่า เราเองก็จะช้าไม่ได้แล้ว!” นาการะพูดขึ้น ทุกวินาทีที่เสียไปคือความเสี่ยงที่ตระกูลทาวะระจะล่มสลายตามตระกูลจิไรเสะไป
“ขออนุญาตขอรับนายท่าน เมื่อครู่มีสายจากตระกูลทาวะระว่าตรวจพบรอยแยกของมิติโทงาระในพื้นที่การดูแลของตระกูลขอรับ” องเมียวจิคนสนิทรายงาน หลังมีองเมียวจิอีกคนวิ่งมาบอก
“คิดว่ามันเกี่ยวกับอินุกิไหม?” นาการะถามความเห็นจากคิสึเนะ
“ก็อาจจะ ข้าก็ยังไม่แน่ใจ” คิสึเนะกล่าวพลางยักไหล่
.
ตกค่ำของวันนั้น ทั้งสองจึงเดินทางออกจากที่ตั้งของตระกูลจิไรเสะ มุ่งหน้าสู่ที่ตั้งของตระกูลทาวะระด้วยเครื่องบินส่วนตัวของตระกูล คิสึเนะดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากด้วยเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน นางเดินสำรวจไปทั้งลำ มุมนู้นที มุมนี้ที จนบางครั้งนาการะก็แอบรำคาญ
“เจ้าช่วยหยุดเดินสักประเดี๋ยวจะได้ไหม!!” นาการะทำเสียงดุ เพราะการเดินของนางทำให้เขาเสียสมาธิในการทำงานพอสมควร
“เจ้านี่น้า ไม่มีความยืดหยุ่นเอาเสียเลย” คิสึเนะพูด พลางเคี้ยวของว่างดูโทรทัศน์ที่เปิดหนังเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางไปด้วย “น่าแปลกที่พวกมนุษย์จับคนและเผ่าพันธุ์ข้ายัดลงไปในกล่องสี่เหลี่ยมๆนี้ได้”
“นั่นเรียกว่าโทรทัศน์” นาการะพูด “และเจ้าอย่าได้คิดจะแงะดูภายในเชียว”
“ดันรู้ทันข้าเสียได้” คิสึเนะบ่นเสียดาย
“ให้ตายสิ ถ้ารู้เช่นนี้ข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าตามมาด้วย” นาการะบ่น ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะไม่ให้นางตามมาด้วยเป็นแน่
“คิกๆ แต่ข้าก็มาอยู่นี่แล้วนี่ไง” คิสึเนะเย้า
“นายหญิงเจ้าคะ ของว่างอีกชุดได้แล้วเจ้าค่ะ” อายากะที่ถูกเรียกออกมานำขนมมาเสิร์ฟให้นาง
“โอ๊ะ! ขอบคุณเจ้ามากอายากะ” คิสึเนะพูด แต่เมื่อเห็นนาการะอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนางจึงยื่นเค้กให้ “น่าๆ อย่าอารมณ์เสียไปเลย ทานนี่ก่อนเถอะ อร่อยนะ” นางยื่นเค้กให้นาการะทาน
“ขอบคุณ แต่ข้าไม่ชอบทานของหวาน” นาการะปฏิเสธ
“เจ้านี่น้า เป็นผู้ชายที่น่าเบื่อจัง เพราะงี้ไงเจ้าถึงโสดสนิท ไม่ไหวๆ” คิสึเนะพูดหยอกล้อ ก่อนจะตักเค้กเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะสนใจโทรทัศน์ตรงหน้า
เมื่อเห็นว่านางเงียบลง นาการะจึงเริ่มทำงานต่อ การเป็นผู้นำตระกูลนั้นหมายถึงการแบกทุกอย่างของตระกูลไว้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น งานทุกอย่างจึงอยู่ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะผู้นำตระกูลอุเอย์คัตสึคนปัจจุบันยังคงเป็นเพียงเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่พ่อและแม่จากไปตั้งแต่วัยเยาว์
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนางาซากิ คนของตระกูลทาวะระก็มาคอยท่าที่สนามบินอยู่แล้ว การเดินทางไปยังตระกูลทาวะระนั้นซับซ้อนเล็กน้อย เพราะตัวคฤหาสน์ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก การเดินทางจากสนามบินไปยังที่ตั้งของตระกูลนั้นจึงกินเวลาราว 1 ชั่วโมง โดยไม่แวะพักที่ใด
เมื่อมาถึงตระกูลทาวะระก็เป็นเวลาที่จันทราจะเคลื่อนขึ้นสู่กลางศรีษะพอดิบพอดี ผู้นำตระกูลทาวะระ ทาวะระ อาโอยามะ และนายหญิงของตระกูล ทาวะระ มิยาเอะ รอให้การต้อนรับทั้งสองอยู่ที่หน้าคฤหาสน์
“ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลทาวะระขอรับ ท่านรุ่นที่สอง” อาโอยามะกล่าวทันทีที่นาการะก้าวลงจากประตู ส่วนมิยาเอะนั้นยอบกายให้คิสึเนะ ด้วยนึกว่าเป็นนายหญิงของตระกูล สร้างความตกใจให้คิสึเนะไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” นาการะยกมือปราม “เจ้าด้วยมิยาเอะ”
“แล้วสตรีนางนี้คือ……” อาโอยามะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขานึกว่าจะมีเพียงท่านรุ่นที่สองมาคนเดียวเสียอีก
“นางเป็น…คนรู้จักของข้า เป็นคนจากที่ราบแดนสวรรค์” นาการะพูดพลางหันไปมองคิสึเนะ นางดูตื่นเต้นไม่น้อยที่มีคนมากมายมาต้อนรับ “นำทางข้าเข้าไปด้านในเถิด”
“อ๊ะ! ขอรับ” อาโอยามะเดินนำเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ตัวเขาเองรู้สึกแปลกใจ เพราะเขานึกว่าที่ราบแดนสวรรค์เป็นเพียงตำนานในตระกูลที่เล่าสืบต่อกันมาเพียงเท่านั้น
.
อาโอยามะพานาการะเดินไปรอบคฤหาสน์เพื่อพูดคุยเล็กน้อย ก่อนจะพาทั้งสองขึ้นไปยังห้องพัก แต่ทว่าห้องนั้นถูกเตรียมไว้เพียงห้องเดียว เนื่องจากอาโอยามะคาดการณ์ว่าจะมีเพียงนาการะที่มา จึงไม่ได้เตรียมห้องให้แก่คิสึเนะด้วย
“เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่ใช่หรือไม่อาโอยามะ?” นาการะเอ่ยถาม
“ข้าน้อยมิกล้าขอรับ เพียงแต่ข้าน้อยคาดการณ์ว่าจะมีเพียงท่านที่มา มิได้ล่วงรู้ถึงการติดตามมาของสตรีท่านนี้” อาโอยามะรีบอธิบาย
“แล้วไม่มีห้องว่างอีกแล้วหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“เกรงว่าจะมีห้องสำหรับแขกเพียงห้องเดียวขอรับ” ถึงตรงนี้นาการะถึงกับรู้สึกปวดหัวในความบกพร่องของบุรุษตรงหน้า ให้เขานอนกับนางเนี่ยนะ เตียงเดียวกันด้วยอีก บ้าไปแล้วหรือไร สวรรค์กำลังเล่นตลกอันใดกัน
“ข้าไม่ได้ถือนะ นอนร่วมกับเจ้าก็ได้ เพราะยังไงๆข้าก็เป็นเพียงผู้ติดตาม~” คิสึเนะพูด “ห้องก็กว้างด้วย คงจะพอแบ่งๆกันนอนกับเจ้าได้อยู่”
“……” มาถึงจุดนี้นาการะก็ได้แต่ทำใจ เอาตรงๆ เขาก็เริ่มทำใจให้ชินกับนิสัยนางเสียแล้ว ให้ตายเถิด นางช่างเป็นสตรีที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอาเสียเลย ถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่เขาแต่เป็นบุรุษอื่นเล่า? นางจะเป็นเช่นไร?
“เช่นนั้นเป็นอันว่าตกลงนะขอรับ” อาโอยามะพูด
“ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าจะนอนคู่กับนาง!” นาการะพูด แต่คิสึเนะก็ขัดอีกครั้ง “เอาเป็นว่า เจ้านอนกับข้าแล้วกันนะ” คิสึเนะพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ปล่อยให้นาการะยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น
“………”
“ถ้าเช่นนั้น สมควรแก่เวลา ข้าน้อยขอตัวนะขอรับ” อาโอยามะพูดพร้อมกับถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะจับสัมผัสได้ว่านาการะกำลังหงุดหงิดอยู่ คงไม่ดีแน่หากอยู่ต่อ
ภายในห้องรับรองสำหรับแขกมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ รวมไปถึงห้องครัว และ เตียงนอน เรียกได้ว่าสะดวกสบายเป็นที่สุด
“ข้าจะอาบน้ำแล้วนะ เจ้าอย่าได้แอบดูข้าเชียว” คิสึเนะพูดพร้อมมองนาการะด้วยสายตาแปลกๆ
“ข้าไม่แอบดูเจ้าหรอก” นาการะพูด เรื่องพวกนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวเขาด้วยซ้ำ
คิสึเนะเข้าไปอาบน้ำใช้เวลาร่วมชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จึงเป็นคราวของนาการะที่จะเข้าไปอาบบ้าง ชายหนุ่มปลดผ้าเสื้อฮาโอริและฮากามะของตนออก เผยให้เห็นถึงเรือนร่างอันกำยำที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากไฟสงคราม สงครามที่ครั้งนึงเกือบคร่าชีวิตเขาไปตลอดกาล…
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจึงพบกับคิสึเนะที่กำลังวุ่นวายอยู่กับไดร์เป่าผมบนเตียง เนื่องจากนางต้องการที่จะเป่าขนให้แห้ง แต่นางไม่รู้วิธีใช้
“เจ้ากำลังทำอะไร?” นาการะถาม
“ข้าอ่านตามที่มันบอก มันบอกช่วยให้ผมกับขนข้าแห้งไว แต่ข้าไม่เห็นมันจะแห้งตรงไหนเลย!” คิสึเนะบ่น “ของพวกมนุษย์ใช้ยากเสียจริง”
“ให้ข้าช่วยไหม?” ชายหนุ่มจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“ได้ก็ดี ข้าจนปัญญาแล้ว” นางบ่น ก่อนจะยื่นไดร์เป่าผมให้ชายหนุ่ม
“อยู่นิ่งๆ ข้าจะเป่าขนให้เจ้า” กล่าวจบเขาจึงเริ่มเป่าขนที่ใบหูให้แก่นาง ก่อนจะลงมาที่เส้นผม และปิดท้ายด้วยขนที่หาง
“นี่…เจ้าเองก็ถามเรื่องของข้าแล้ว ข้าขอถามอะไรเจ้าได้หรือไม่?” นาการะเอ่ยระหว่างที่เป่าขนให้นาง
“ว่ามาสิ เจ้ามีเรื่องอันใดจะถามข้า?” คิสึเนะกล่าว ในขณะที่สายตาของนางยังอยู่ที่หนังสือ
“นับตั้งแต่เจ้ามีชีวิตอยู่มา เจ้าเคยผ่านมือชายใดหรือไม่?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม แต่เมื่อรู้สึกว่าคำถามมันแปลกไป จึงถามใหม่ “ข้าหมายถึงเคยครองเรือนคู่กับชายใดหรือไม่?”
“……อืมม…ข้ามิเคยผ่านมือชายใดมาหรอกนะ เพราะข้าครองพรหมจรรย์มาตลอดชีวิต” คิสึเนะกล่าว “อีกประการ ข้ายังไม่เห็นว่าจะมีชายใดที่จะเหมาะสมมาครองคู่กับข้า” คิสึเนะทำสีหน้าครุ่นคิด ตลอด 5000 ปีที่ผ่านมา นางยังไม่เคยออกเรือนคู่กับชายใดมาก่อนแม้แต่คนเดียว
“เป็นอย่างนี้หรอกหรือ” นาการะพึมพำเบาๆ
“แล้วเจ้าจะอยากรู้เรื่องของข้าไปด้วยเหตุอันใดกัน?” สตรีตรงหน้าหันมาถาม “หรือว่าเจ้าเองก็สนใจในตัวข้า?” คิสึเนะเย้าแหย่พร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ
“………” เป็นนาการะที่เบือนหน้าไม่ยอมสบสายตาของนางที่จ้องมอง
“ข้าเป่าขนให้เจ้าเสร็จแล้ว!” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“โอ๊ะ! ขอบคุณเจ้ามาก!” คิสึเนะกล่าว “แล้วรางวัลของเจ้าจะเอาเป็นอะไรดีล่ะ?” หญิงสาวยังคงไม่หยุดเย้าแหย่ นางมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แต่ทรงเสน่ห์
“……//////////……” ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยของนาการะเริ่มเปื้อนไปด้วยสีชมพูจางๆ เพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกของชายหนุ่มที่โดนเย้ายวนโดยสตรีเพศ จะเรียกว่าประสบการณ์ครั้งแรกก็คงไม่ผิดนัก
“ใบหน้ายามเขินอายของเจ้า ช่างน่ารักเสียจริง ฮึๆๆๆ” นางพูด พร้อมกับหัวเราะอย่างผู้ชนะ
“พอได้แล้ว!!” นาการะรีบพูดแก้เขินและก่อนที่ตัวเขาเองจะทนการยั่วยวนของนางไม่ไหว
“ข้าคาดหวังจะเห็นอะไรมากกว่านี้อีกน้า…” นางคลานเข้ามาหาชายหนุ่ม พลางยื่นหน้าเข้ามาจนแทบจะชิด
มันใกล้ชิดเสียจนชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอ และเมื่อความเงียบเข้าปกคลุมห้อง นาการะก็สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของตนที่กำลังเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ
“อึ่ก! อะ…อะไรเล่า…” นาการะถามเมื่อใบหน้าของนางอยู่ห่างกับตนเพียงไม่ถึงคืบ
แววตาสีฟ้าใสนั้นจ้องชายหนุ่มเสมือนหมาป่ากำลังจ้องลูกแกะ นางเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า หากเป็นสงคราม ในตอนนี้ตัวเขาเองก็คงพ่ายให้แก่นางไปเป็นที่เรียบร้อย
“ข้าได้ยินจากมิยาเอะว่าตำแหน่งนายหญิงของเจ้าเองก็ยังว่าง” คิสึเนะกล่าวอมยิ้ม
“อึ่ก! กะ…ก็ยังไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับมัน” นาการะพูด
“งั้นข้าเองก็ยังมีโอกาสสิ…” นางพูดทีเล่นทีจริง จนเขาเองก็จับทางนางไม่ถูกในบางครั้ง
“……” ชายหนุ่มไม่ตอบทำเพียงแต่เบือนหน้าหนีนางอีกครา
“เจ้านี่ช่าง…เหมือนเด็กน้อยเสียจริง” นางพูดพร้อมหัวเราะในลำคอ “แต่ก็เอาเถิด นั่นเป็นจุดที่ทำให้เจ้าน่าสนใจ ฮึๆๆ” ก่อนจะถอยใบหน้าของตนออกมาจากชายหนุ่ม
“ข้าง่วงนอนแล้ว หากเจ้าจะนอนข้าฝากปิดไฟด้วยล่ะ” คิสึเนะกล่าวพลางยืดตัว “ราตรีสวัสดิ์”
หลังจากทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ไม่คงที่แล้ว นางก็จากไปปล่อยให้นาการะนั่งหัวใจเต้นระส่ำแต่เพียงผู้เดียว ช่างเป็นสตรีที่……เจ้าเล่ห์เสียจริง ชายหนุ่มนั่งสงบสติอารมณ์ จนมันลงมาในระดับที่เกือบจะเป็นปรกติแล้ว นาการะจึงได้ปิดไฟเข้านอนตาม แต่ด้วยความรู้สึกแปลกๆรู้สึกอยู่ในอก นั่นก็ทำให้กว่าจะข่มตาให้หลับลงก็เป็นเวลาร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว
และแล้ววันเวลาหมุนผันผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นสองสัปดาห์ที่ทั้งสองได้มาเยือนตระกูลทาวะระ มันนานมากพอที่จะทำให้นาการะชินกับการที่เห็นคิสึเนะในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นยามตื่นหรือหลับ แม้ในยามที่ตนเองทำงาน นางมักจะนำชามาเสิร์ฟให้ หรือจะเป็นช่วงที่กำลังอาบน้ำ นางก็มักจะเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้คอยท่าเสมอ รู้สึกตัวอีกทีนางก็เข้ามาเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำวันของชายหนุ่มเสียแล้ว
หากแต่ทั้งสองคนยังคงมิลืมภารกิจของตน ทั้งสองพยายามตามรอยของอินุกิในทุกวิถีทาง หากแต่ทุกครากับพบแต่ความล้มเหลว ไร้ซึ่งวี่แวว ไร้ซึ่ง…ร่องรอยใดๆที่จะนำไปหาอินุกิ จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่ทั้งสองใช้ชีวิตตามปกติดังที่เคยเป็นในทุกๆวันที่ตระกูลทาวะระ มันก็ปรากฏตัวออกมา
“ตู้ม!!!”
เกิดเสียงระเบิดที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งหุบเขา จนทำให้คิสึเนะและนาการะที่นั่งอยู่ภายในถึงกับสะดุ้งตกใจไม่น้อย
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคนหลายคนวิ่งอยู่ด้านนอก ไม่นานนักเสียงระเบิดระลอกที่สองและสามก็ตามมาติดๆ
“ตู้ม!! ตู้ม!!”
จู่ๆประตูห้องก็ถูกเลื่อนออกโดยอาโอยามะที่ตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด “ท่านรุ่นที่สองขอรับ ผนึกขอรับ”
“ผนึกเป็นเช่นไร อาโอยามะ!!” นาการะถาม
“ผนึกถูกโจมตีขอรับ ผนึกคาเมระถูกโจมตีขอรับ!!!”
เพียงมองตากันชั่วครู่ นาการะและคิสึเนะรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของอินุกิไม่ผิดเป็นแน่
“นำทางพวกข้าไปยังผนึก เดี๋ยวนี้!!!” นาการะออกคำสั่ง
“ขอรับ” อาโอยามะรีบวิ่งนำไปยังจุดเกิดเหตุ
“ตู้ม!!” เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าองเมียวจิพยายามสะกัดกั้น แต่ศัตรูตรงหน้าแข็งแกร่งมากเกินไป มันสังหารองเมียวจิของตระกูลคนแล้วคนเล่า ราวกับหมาป่าที่กำลังหยอกล้อลูกแกะที่กำลังจะกลายเป็นอาหารอันโอชะ
ภายใต้ควันไฟ ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ดวงตาสีแดงดั่งเลือดที่สะท้อนในม่านควัน ผมสีดำขลับที่สะบัดพริ้วไหวตามแรงลมนั้นช่างดูน่าเกรงขามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน นางคือ อินุกิ จิ้งจอกโลกันต์ ผู้ที่ชั่วพริบตาได้ลงสังหารเหล่าผู้พิทักษ์ผนึกของตระกูลทาวะระลงอย่างเลือดเย็น
“ผนึกภูติราชันย์อยู่ที่ใด!!” หญิงสาวกระชากคอเสื้อองเมียวจิคนหนึ่งที่ยังรอดชีวิตอยู่
“ข้าไม่รู้! อ๊ากกกก!” องเมียวจิหนุ่มปฏิเสธ ก่อนที่จะถูกบีบแขนจนท่อนแขนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย! ผนึกภูติราชันย์อยู่ที่ใด!!” เสียงนั้นถามอีกครั้ง
“ข้าก็บอกว่าข้าไม่รู้!!!!” เขาตะคอกใส่
“งั้นก็จงตายไปเสีย!” กรงเล็บยาวเงื้อมือเตรียมที่จะสะบั้นคอองเมียวจิผู้โชคร้าย
“หยุดบัดเดี๋ยวนี้ อินุกิ!!!” เสียงตะโกนของคิสึเนะดังขึ้นด้านหลัง ดึงให้ผู้ถูกเรียกหันไปมอง
เป็นคิสึเนะที่พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะจับอินุกิทุ่มลงที่พื้นอย่างรุนแรง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ