เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล
เขียนโดย 秋冬夢春
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) โทงาระและผนึกทั้งหก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทต้น: เกริ่นนำสู่อารัมภบทที่แสนยาวนาน
ในมุมอับลับตาคนในย่านชานเมืองของเกียวโตที่เงียบสงบเฉกเช่นครั้งปฐมกาล ปรากฏร่างเงาหนึ่งท่าทางรีบร้อนย่ำไปตามทางที่เงียบสงัด สิ่งมีชีวิตผิดแผกแปลกประหลาดที่ไล่ตามมาจากซอกตึกเล็กๆ ท่ามกลางราตรีที่เงียบสงัดเช่นนี้ การก้าวย่ำช่างทอดไกลยาวออกไปราวกับไร้ที่สิ้นสุด
“ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยด้วย….แฮ่ก!…แฮ่ก!..ช่วยด้วย!!!” ชายคนนั้นตะโกนขอความช่วยเหลือท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยวในยามวิกาล
“คว๊ากก!!!!!” เสียงร้องของสิ่งที่ตามมามันทำให้ชายหนุ่มหยุดวิ่งไม่ได้ ทำไมกันถนนที่ใช้กลับบ้านประจำ ณ เวลานี้มันดูไกลและยาวไม่มีที่สิ้นสุดสักที
และเมื่อเรี่ยวแรงทั้งหมดนั้นหมดลง สิ่งนั้นมันก็ตามทัน
“อย่านะ!!!!…..อ๊ากก!!!!..ช่วยด้วย….ฉันยังไม่อยากตาย…ช่วยฉัน........ที........” เสียงกรีดร้องของชายผู้โชคร้ายดังโหยหวนขึ้นด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต ก่อนที่ไม่นานนักมันจะดับลงไปพร้อมกับลมหายใจของต้นเสียง
ไม่นานนักสิ่งนั้นจึงลากร่างของชายเคราะห์ร้ายเข้าไปในประตูที่เปิดออกเป็นรอยแยกระหว่างมิติ อันนำไปสู่ดินแดนลึกลับที่อยู่ตรงกลางระหว่างโลกและสวรรค์
ที่นั่นถูกขนานนามกันว่า “มิติโทงาระ” อันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยภูติพรายในตำนานปรัมปรา รวมถึงเป็นหนึ่งในประตูที่ผ่านไปสู่ดินแดนแห่งทวยเทพ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ที่ราบแดนสวรรค์”
มิติโทงาระนี้เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความเชื่อและเรื่องเล่าขานในตำนานของมนุษย์ ซึ่งโทงาระนั้นเป็นโลกที่เป็นขั้วตรงข้ามกับโลกมนุษย์โดยสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และภูติพรายที่กระหายเลือดพร้อมที่จะสังหารมนุษย์ที่โผล่เข้าไปตลอดเวลา
หากพลัดหลงผ่านรอยแยกเข้าไปนั้นมีโอกาสรอดเท่ากับศูนย์และยังเสี่ยงที่จะต้องเจอกับชายผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้ ที่พร้อมจะสังหารใครก็ตามที่คิดจะข้ามเขตแดนนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นทวยเทพหรือภูติพรายจากขุมนรกชายผู้นี้ก็หาได้ใส่ใจไม่ เขาสังหารมานักต่อนักจนนับไม่ถ้วนเสียแล้ว
รุ่งเช้า
โทรทัศน์เกือบทุกช่องต่างประโคมออกข่าวคนหายปริศนา นักข่าวกำลังสัมภาษณ์นายตำรวจผู้รับผิดชอบงานนี้ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากเท่าใดนัก เพราะทางตำรวจเองก็จนปัญญามืดแปดด้านเช่นกัน
เพราะเจ้าฆาตกรรายนี้ไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยให้ตำรวจตามสืบค้นต่อเลยสักนิดเดียว จนชาวเมืองเกียวโตขนานนามฆาตกรผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวของคนอย่างเป็นปริศนาครั้งนี้ว่า
“แจ็ค เดอะ ริปเปอร์แห่งเกียวโต”
มิติโทงาระ
“ตูม!!!!! (ฉวัะ!) กรี๊ดดดดดด” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ถูกคมมีดเฉือนตัดแขนข้างซ้ายจนขาดสะบั้น ปลิวไปตกหลังกองซากศพของเหล่าภูติอัญเชิญที่ล้มตายลงหลังการต่อสู้
“ย….อย่าทำอะไรเราเลยนะ....ก..กลัวแล้ว” หญิงสาวพูดร้องขอชีวิตกับบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาสีฟ้าครามที่เย็นชาราวห้วงสมุทรมองอย่างไม่ไยดีกับคำขอร้องนั้น
ใบดาบคาตานะสีเงินแวววาว ถูกยกขึ้นมาสะท้อนกับดวงตาสีน้ำเงินภายใต้หน้ากากรูปจิ้งจอกของชายผู้เป็นเจ้าของ เตรียมฟันลงกลางศรีษะของหญิงสาวอีกครั้ง มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
แท้จริงแล้วหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าของบุรุษผู้นี้นั้น เป็นหนึ่งในปีศาจจิ้งจอกเร่ร่อนในมิติโทงาระ ที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับหมู่บ้านจิ้งจอกภายใต้การดูแลของ “เทพีอินาริ” ซึ่งตั้งอยู่ในที่ราบแดนสวรรค์
เขาสะกดรอยตามมันมานานหลายเดือน จนแน่ใจว่ามันไม่ได้ขึ้นตรงกับหมู่บ้านจิ้งจอกและมันออกล่าเนื้อมนุษย์ยามค่ำคืน โดยอาศัยการจำแลงกายเป็นโฉมงามล่อลวงมนุษย์อย่างที่แสดงแก่เขา อีกทั้งมันยังแอบผ่านรอยแยกมิติที่ไม่สมบูรณ์ในการออกไปสู่โลกมนุษย์ ดังนั้นการสังหารมันเพื่อรักษาชีวิตมนุษย์และรักษาสมดุลของจำนวนภูติพรายในมิตินี้ คือหนทางที่เหมาะสมสำหรับมันที่สุด
เพียงแค่นั้น เปลวไฟสีขาวที่ถูกขนานนามว่า “เพลิงประหารเทพ” ที่ซึ่งแม้กระทั่งเหล่าทวยเทพยังหวาดกลัวในฤทธิ์อำนาจของมันก็ถูกเรียกออกมา
“ข้ายอมแล้ว......ยะ...อย่าทำอะไรข้าเลย...!!!!!!”
เจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวสั่นมิใช่เพราะกลัวถูกฆ่า แต่เปลวเพลิงสีขาวที่อยู่ในมือชายผู้นั่นมันทำให้มันกลัวมากกว่าการลงไปในโยมิ (นรก) เสียอีก เพราะนั่นมันหมายถึงการที่จะถูกเปลวเพลิงสีขาวนั่นแผดเผาไปจนถึงจิตวิญญาณ ตัวตนสูญหายไปในท่ามกลางห้วงแห่งกาลเวลา
“..... (ฉวัะะ!!) ” มิทันพูดสิ่งใดออกมา ลำคอของมันก็ขาดสะบั้นออกจากบ่าและร่วงลงบนพื้น เลือดสีแดงสาดกระจายออกจากลำคอ ก่อนที่ร่างนั้นจะล้มพับลงไปกองกับพื้นและแหลกสลายเป็นธุลี
“………” บุรุษผู้นั้นยืนนิ่ง ก่อนที่จะสะบัดคราบเลือดออกจากใบดาบและเก็บมันลงฝักที่สลักลายสีทองที่สลักนามผู้เป็นเจ้าของ “โฮชิ คายาเสะ นาการะ” ผู้ที่คอยดูแลความสมดุลระหว่างโลกมนุษย์และโทงาระ คอยสังหารมนุษย์ ภูติพรายหรือแม้แต่เทพตกสวรรค์ ตนใดก็ตามที่คิดจะข้ามรอยต่อโลกทั้งสอง อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของเหล่าผู้พิทักษ์ผนึกศักดิ์สิทธิ์หลักหกผนึกที่อยู่บนโลกมนุษย์
ด้วยเพราะการสอดส่องจากเขาเพียงคนเดียวมิอาจจะดูแลผนึกเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากทั้งสองมิติมีอาณาเขตรอยต่ออันกว้างขวาง จำเป็นที่จะต้องมีเหล่าตระกูลองเมียวจิอื่นๆ ที่สามารถรับหน้าที่นี้ คอยสอดส่องดูแลเสมือนเป็นหูเป็นตา จึงสามารถแบ่งเบาภาระเขาไปได้พอสมควร ซึ่งนามของผนึกและตระกูลทั้งหกนั้นได้แก่
ผนึกฮิโรกิ ที่ดูแลโดยตระกูล ฮิบิกิ รุ่นที่ 512 (ฮิโรชิม่า)
ผนึกคันโซคุ ที่ดูแลโดยตระกูล โทงาระ รุ่นที่ 543 (มิยางิ)
ผนึกคาเมระ ที่ดูแลโดยตระกูล ทาวะระ รุ่นที่ 498 (นางาซากิ)
ผนึกฮอกโนเระเซะ ที่ดูแลโดยตระกูล อาเมระ รุ่นที่ 521 (ฮอกไกโด)
ผนึกฮอนกะ ที่ดูแลโดยตระกูล อุเอย์คัตสึหรือ ตระกูลแห่งดวงดารา รุ่นที่2&482 (เกียวโต)
ผนึกโอกานาระ ที่ถูกดูแลโดยตระกูล จิไรเสะ รุ่นที่ 566 (โอกินาวา)
ก่อนหน้าที่จะมีการแบ่งผนึกเป็นหกชิ้น ผนึกได้รวมเป็นหนึ่งซึ่งอยู่ ณ สภาแห่งทวยเทพ ในดินแดนที่ราบแห่งทวยเทพ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่คุกนรกในโยมิพังทลาย ผนึกได้แตกออกเป็นหกชิ้น ปลดปล่อยเหล่าภูติพรายให้หลุดการจองจำ ออกมาอาละวาดยังแดนแห่งทวยเทพและโลกมนุษย์
ผลจากเหตุการณ์นั้น ชักนำให้โลกมนุษย์เข้าสู่ไฟแห่งสงคราม มหาสงครามที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะจบลงในหนึ่งถึงสองปี มันกลับยืดเยื้อนานกว่าสิบปี มหาสงครามที่เหล่ามนุษย์และเหล่าเทพผู้หาญกล้าเอาชีวิตเข้าเดิมพันกับเหล่าภูติพรายที่กระหายเลือด
ท้ายสุดแล้วธรรมะย่อมชนะอธรรม เหล่าทวยเทพและเหล่าองเมียวสามารถขับไล่เหล่าภูติพรายที่ดุร้ายส่วนมากให้กลับไปยังโยมิ และสร้างมิติคู่ขนานโทงาระไว้จองจำเหล่าภูติพรายเร่ร่อนบางส่วน เมื่อสงครามยุติลง ผลสรุปจากที่ประชุมในสภาแห่งสรวงสวรรค์ รวมถึงมติขององค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ จักรพรรดินีเทพีอมาเตระสึ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ มีมติให้ผนึกเหล่าภูติราชันย์ไว้ในผนึกทั้งหก รวมไปถึงกำหนดหน้าที่รักษาผนึกทั้งหกตกเป็นของตระกูลทั้งหกของมนุษย์ อีกทั้งยังมอบหมายหน้าที่ดูแลความสมดุลของมิติทั้งสองให้แก่นาการะ เพื่อพิทักษ์รักษาผนึก หน้าที่ที่มาพร้อมกับชีวิตที่เป็นอมตะ ที่เสมือนพรและคำสาปอันโหดร้ายในเวลาเดียวกัน
เมื่อมหาสงครามสิ้นสุดลง เขาจึงได้เข้าสู่สภาวะหลับใหลอย่างยาวนานตลอดหลายพันปี ในระหว่างนั้นเองที่เหล่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือได้นำผนึกภูติราชันย์ไปเก็บรักษายังฐานที่มั่นตระกูลของตน ที่มีการส่งต่อผ่านยุคสมัยอันยาวนาน เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของเหล่าบรรพชน
หากแต่เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลจิไรเสะ ที่ทำการพิทักษ์ผนึก โอกานาระ ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของภูติปริศนา ส่งผลให้มิติส่วนของโอกินาวาทางตอนใต้ล่มสลายลง ซึ่งการกระทำในครั้งนี้อาจเป็นชนวนให้มหาสงครามเช่นครั้งบรรพกาลหวนกลับมา และครั้งนี้อาจจะทวีความรุนแรงมากกว่าเมื่อครั้งโบราณกาล เพราะในตอนนี้เหล่าเทพทั้งหลายหาได้อยู่ร่วมกันกับมนุษย์ไม่ หากแต่ได้ทอดทิ้งมนุษยชาติให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
เพราะทวยเทพทั้งหลายได้ตั้งรกรากลงในที่ที่ห่างออกไปจนเกินจินตนาเหนือมิติทั้งสอง ณ ที่แดนราบแดนสวรรค์ ที่ประทับของเทพทั้งมวลของชินโต ที่หลังจบมหาสงครามเมื่อหลายพันปีก่อน เทพที่เหลือรอดได้ย้ายสรวงสวรรค์ทั้งหมดขึ้นมายังที่ราบแห่งนี้ภายใต้การปกครองของเทพีอมาเตระสุ และคงไว้แต่เพียงการติดต่อกับมนุษย์ผ่านทางเหล่ามิโกะและองเมียวจิเพียงเท่านั้น
เป็นผลมาจากการที่มนุษย์นั้นมีความเฉลียวฉลาดเกินไป และการพัฒนาของสังคมมนุษย์นั้นก้าวหน้าจนเทพทั้งหลายลงมติเห็นว่าหากยังคงอยู่ร่วมกับมนุษย์ อาจนำภัยมาสู่เหล่าเทพและเทพีทั้งหลาย จึงทำการอพยพครั้งใหญ่มายังที่ดังกล่าวเหล่าเทพทั้งหลายจึงได้รังสรรค์ปราสาทราชวังขึ้นมา ดังเช่นเมื่อสมัยยังพำนักอยู่บนโลกมนุษย์ตามบัญชาของเทพีอมาเตระสึ ทำให้สรวงสวรรค์แห่งนี้งดงามราวกับภาพวาดในงานจิตรกรรมโบราณ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดำมืดที่แม้กระทั่งเหล่าเทพทั้งหลายยังมิได้ล่วงรู้ คือ การที่องค์เทพีอมาเตระสึ ได้เก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้ใต้พื้นของพระราชวังสุริยาของพระองค์ ซึ่งแม้กระทั่งเทพีรับใช้ของพระองค์ก็มิอาจมีสิทธิเข้าไปยุ่ง และการนี้นี่เองทำให้กงล้อชะตากรรมเริ่มหมุนชักนำพาให้โลกมนุษย์ โทงาระ ดินแดนสรวงสวรรค์ ให้หวนกลับเข้าสู่ไฟสงครามอันโหดร้ายอีกครั้ง
(writer) : ถ้าอ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเมนท์แสดงความคิดเห็นกันด้วยน้า (ติชมได้แต่อย่าใช้คำหยาบน้า) เพื่อที่ไรต์จะนำคำติชมไปปรับปรุงเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น T T รับรองว่าถ้ามีคอมเมนต์ติชมไรต์ ตอนข้างหน้าจะสนุกและยาวขึ้นอย่างแน่นอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ