สายสืบสุดอึด
2) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
โอบกิจว่าพลางรีบสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม หลังจากที่ใส่กางเกงขายาวพร้อมกับเสื้อกร้ามคอกลมแล้ว
“เอ็งอย่ามายอกย้อนอะไรป๊ะป๋านักเลยวะ...ช่วยๆน้องมันไปก่อน ป๊ะป๋ายิ่งรีบๆอยู่ เอาไว้วันหลังค่อยให้มันช่วยตัวเองตอนนี้ขืนเอ้อระเหยชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันรถโรงเรียนที่มารับกันหมดหรอก...เร็วๆ เป็นลูกตำรวจต้องทำอะไรว่องไวหน่อยสิ” กำชับเสียงเข้มตามหลังอีกครั้งให้ลูกชายคนโต ซึ่งคนถูกสั่งก็ไปดำเนินการตามอย่างเสียไม่ได้พร้อมด้วยเสียงบ่นงึมงำ
ขณะที่ตัวโอบกิจเอง สวมเสื้อเชิ้ร์ตแขนยาวเรียบร้อยพอดี เขาเดินมาที่หน้ากระจกบานขนาดปานกลางที่แขวนเอาไว้ตรงบริเวณข้างฝากลางห้องอีกที หยิบหวีแบบอีโต้ขนาดใหญ่ที่วางตรงนั้นจัดการทรงผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองจนเรียบร้อยดีแล้ว ก็หันซ้ายแลขวาก็เอ่ยคำถามลอยๆขึ้นมา
“ไอ้ลูกทั้งหลาย ช่วยบอกทีเถอะใครเห็นถุงเท้าของป๊ะป๋ามั่ง?”
“เช๊อะ!”
ลูก 5 คนของเขาทำเสียงขึ้นจมูกแล้วมองเมินไปอีกทางโดยพร้อมเพรียงกัน ทำเป็นไม่รับรู้ต่อคำถามของผู้เป็นพ่อเสียหยั่งงั้นแหละ
“อ้อ ไอ้พวกนี่ทำเมินป๊ะป๋า...ถึงไม่บอกก็ไม่ง้อ...ป๊ะป๋าหาเอาเองก็ได้เว้ย!”
พูดแล้ว โอบกิจก็เดินไปเปิดฝาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ใช้งาน
ยิ้มอย่างผู้กำชัย พลางหยิบถุงเท้าสีดำมีรอยคาดขาวที่ตรงกลางขึ้นมาชูให้ลูกๆของตนเองดูก่อนที่จะเยาะเย้ย
“นี่ไง ซ่อนไว้ที่ไหนคนอย่างป๊ะป๋าก็หาเจอได้หมดแหละ”
“ป๊ะป๋ารู้ได้ไงว่าอยู่ในนั้นน่ะ?”
เจ้าลูกชายคนที่สองของหนุ่มใหญ่ กระทู้ถามผู้พ่อด้วยสีหน้าฉงนใจปนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเสียเหลือเกิน
โอปกิจนั่งลงที่เก้าอี้บริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร พลางทำการใส่ถุงเท้าแล้วเอ่ยปากตอบลูกคนที่สองของตนทำนองโอ่หน่อยๆ
“ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่ป๊ะป๋าของพวกเอ็งสิวะ”
ยืนขึ้นหันซ้ายขวาอีกครั้งแล้วตั้งคำถาม
“เออใครเห็นปืนของพ่อบ้างล่ะนี่?”
“นี่กั๊บๆนี่ครับๆนี่กั๊บป๊ะป๋าๆๆๆ”
ลูกๆทั้ง 5 ของโอบกิจต่างส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่แข่งกันอย่างพร้อมเพรียง พลางยื่นเอาปืนพลาสติกเด็กเล่นสีต่างๆที่อยู่ในมือของแต่ล่ะคนให้กับผู้พ่อ
ผู้เป็นพ่อทำตาโตพร้อมไล่เรียงมองหน้าของทุกคน ก่อนที่จะสั่นหน้าเอ่ยเสียงทำนองเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนเอาไว้ป้องกันตัวก็แล้วกันนะ...ไม่ต้องให้ป๊ะป๋าหรอก”
ปี๊น!ๆๆๆๆ
เสียงแตรรถตู้รับส่งนักเรียนดังอยู่ที่ถนนชั้นล่างของคอนโดอีกที การที่ยูนิตของโอบกิจสามารถได้ยินเสียงนั้น เนื่องจาก ห้องเขาอยู่แค่ชั้นสองของอาคารฯ เขาขยับตัวแล้วดุนหลังของลูกๆทั้งหมดพลางพูดเร่งรัด
“ไปกันได้เถอะ รถโรงเรียนมาแล้ว...อย่ามัวอ้อยอิ่งเสียเวลารถเขา จะต้องไปรับเด็กบ้านอื่นอีก”
ดุนดันลูกๆทุกคนออกจากห้องพร้อมกับอุ้มเจ้าลูกคนเล็กไว้ในวงแขนด้วย
ไม่นานทั้งหมดก็ลงมายืนปร๋อตรงที่จอดรถพอดี
“แหมม วันนี้มาเองเลยหรือครับคุณครู...ไม่เจอซะตั้งนาน”
โอบกิจยิ้มร่าเมื่อพบหน้าครูที่เป็นคนควบคุมการมารับนักเรียนของโรงเรียนนี้เองและตนเองเคยรู้จักมาก่อน มีความรู้สึกแอบชอบหล่อนอยู่ในใจนิดๆ จึงถือโอกาสโอภาปราศรัยด้วยไมตรี พลางส่งลูกชายคนเล็กที่อุ้มมาให้กับครูสาวคนนั้นที่ยื่นมือมารับพอดีด้วย
“ฝากเจ้าคนเล็กด้วยนะครับคุณครู”
ครูสาวยื่นมือมารับเด็กพร้อมกับยิ้มให้กับการทักทายของหนุ่มใหญ่ พลางเอ่ยเสียงอย่างนอบน้อมถ่อมตนตอบเขาไป
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้ามันเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว”
ใบหน้าที่กำลังเผยอยิ้มบานแฉ่งของหนุ่มใหญ่หุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินครูสาวเรียกตนเองอย่างนั้น พลางพูดออกตัวให้อีกฝ่ายฟังเสียงทีเล่นทีจริง
“เออคุณครูไม่ควรเรียกผมน้านะครับ...ความจริงเรียกผมว่าพี่ก็น่าจะได้นา”
“โอ้ไม่เหมาะหรอกค่ะจะเป็นการล่วงเกินผู้อาวุโสจนเกินไป...ความจริงแล้ว ดิฉันควรจะเรียกคุณโอบกิจว่าลุงก็คงได้ละมังคะ เพราะดูๆแล้วอาจจะแก่กว่าคุณแม่ของดิฉันซะอีก”
โอบกิจหน้าตึง ก่อนที่จะพูดเรียบๆ
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ครับ...เป็นอันว่าผมฝากลูกๆทุกคนให้อยู่ในความดูแลของคุณครูด้วยก็แล้วกัน”
“ค่า ยินดีค่ะ...เอ้าเด็กๆขึ้นรถครบหมดพร้อมแล้ว นายเนียวออกรถได้จ้ะ”
“ครับคุณครู”
โอบกิจยืนมองตามจนรถนักเรียนที่มารับพวกลูกๆของตนเองเคลื่อนรับตาไปแล้ว พลางส่งเสียงบ่นงึมงำตามหลัง “พูดจาตีกันเหลือเกินนะแม่ครูสาว...เชอะ ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆกว่านี้พ่อจะใช้เสน่ห์จีบซะให้นอนละเมอเพ้อหาไม่หายเลยจริงๆพับผ่าสิ”
บ่นอย่างสะใจพอสมควรดีแล้ว ก็รีบเดินไปที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของเขาเองซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก พลางมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็บ่นไปด้วย
“ต้องบิดทำเวลาหน่อยล่ะเว้ยกู...ไปถึงที่นัดหมายช้าเดี๋ยวไอ้โด่งมันบ่นเอาอีก”
* * *
ทันที่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของโอบกิจวิ่งมาจอดด้านหลังของตนเองแล้ว โด่งระบือซึ่งนั่งท่าสบายๆอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ช๊อปเปอร์ ก็หันไปมองนิดหนึ่งก่อนที่จะเมินหน้าไปทางอื่น
“ไม่สายใช่ไม๊วะไอ้โด่ง?”
หนุ่มใหญ่วัยเต็มคนกระทู้ถามเสียงเริงร่าหลังจากถอดหมวกกันน๊อคออกจากศีรษะที่สวมอยู่แล้ว แต่ก็คงยังนั่งคร่อมเจ้าซูซูกิรุ่นเก่าอยู่อย่างสบายๆ
“สาย”
โด่งระบือทำหน้าจริงจังตอบเสียงเข้ม
“น้ามาถึงเลทสองนาที”
“อะไรกันวะ”
คนเพิ่งมาถึงโวยวาย
“นาฬิกาเอ็งมันพวกของนายทุนนี่หว่า ไอ้ห่านาฬิกานายจ้าง นี่บนข้อมือข้านี่เป๊ะเว้ย...ดูๆซะให้เต็มสองลูกตะตา”
พลางยื่นข้อมือซ้ายที่มีนาฬิกาผูกอยู่ให้เพื่อนร่วมงานต่างรุ่นมอง
“ไม่รู้สิน้า...ของน้าอาจจะบอกว่าตรง แต่ของฉันนี่มันบ่งบอกว่าสายแล้วนะ”
“เฮ้ย ข้าว่านะนาฬิกาเอ็งเสียแล้วล่ะ...ไปซ่อมซะเถอะวะ ไม่ได้ยินเหรอเสียงเพลงชาติให้เทียบเวลาแปดนาฬิกาตรงเพิ่งหยุดไป”
โด่งระบือยักไหล่พลางถาม
“ทำไม ถ้านาฬิกาฉันเสียจริงๆน้าจะออกเงินค่าซ่อมให้รึไง?”
“เอ็งนี่นะ...ก็ชอบจะมารีดเลือดเอากะปูอยู่เรื่อย ก็รู้ๆกันอยู่ข้าเพิ่งมีลูกเล็กๆอยู่ทั้งนั้นกำลัง
กินกำลังนอนกันเต็มบ้านไปหมด...แล้วนี่เอ็งจะบังคับให้ข้าต้องเสียเงินซ่อมให้เอ็งอีกรึไง?”
โอบกิจโอดครวญ
“ก็ไม่รู้ล่ะ...ก็น้าอยากจะมาว่านาฬิกาฉันเสียก่อนทำไม?”
“เอาเป็นว่าเรื่องนั้น...ถือว่าสาวเหนือไปก็แล้วกันวะ”
“อะไรน้าสาวเหนือ?”
โด่งระบือขมวดคิ้วสงกา
“ก็เจ๊าไงล่ะไอ้บื้อ!”
คู่หูสูงวัยเฉลยข้อสงกาของเขาหน้าตาเฉย
“มุขเยอะขึ้นทุกวันนะน้านี่”
“วันนี้ไอ้แก่หัวหน้าของเรามันให้งานอะไรมามั่ง?”
โอบกิจเปลี่ยนเรื่องพูดเป็นการเป็นงาน
โด่งระบือกดปุ่มใช้สตาร์มือติดเครื่องเจ้าช๊อปเปอร์คันใหญ่คู่ใจของเขา บิดเร่งส่งเสียงกระหึ่มอีกสามครั้ง ก่อนที่จะสวมหมวกกันน๊อคแล้วตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานสูงวัย
“อยากรู้ตามมาให้ทันสิ?”
พูดพลางก็เขาเกียร์บิดรถไปจากบริเวณนั้นอย่างทันท่วงที
โอบกิจทำทำท่าจมูกย่นพร้อมกับสวมหมวกกันน๊อค พลางบิดกุญแจแล้วกระทืบคัน
สตาร์ตมอเตร์ไซค์ของตนเองจนเครื่องติด บิดเบิ้ลคันเร่งก่อนที่จะเข้าเกียร์แล้วรีบตามเพื่อนรุ่นหลานไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไปส่งเสียงตามหลังอีกฝ่ายไปด้วย
“ทำเป็นบิดรถ อวดความเร็ว...ยังไงซะ ข้าก็ตามเอ็งทันอยู่ล่ะวะไอ้หนุ่มกระบวยหอม!”
* * *
ที่ร้านขายปืนแห่งหนึ่งของย่านวังบูรพาในสายหน่อยของวันนั้น มีกลุ่มคนประมาณห้าคนได้ทำการเดินเข้าไปภายใน เจ้าของร้านซึ่งกำลังทำความสะอาดตู้กระจกที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ส่งยิ้มร่าต้อนรับพร้อมกล่าวเชื้อเชิญด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี ด้วยสำเนียงไทยที่ไม่ค่อยชัดนัก
“เอ้าทุกคงเชิงข้างในก่อง...จะรับอะไรกันมั่งล่ะคับ?”
“ปืนยาวสี่ปืนพกสาม”
อ้วนซึ่งเป็นคนเดินนำหน้ากลุ่มเข้ามาในร้านเสียงเข้มบอก
เจ้าของร้านรีบกุลีกุจอจัดการตามที่ได้รับร้องขอ ไม่นานของที่ทรชนหนุ่มใหญ่สั่งก็ได้มาวางตรงหน้า ของเขาและพรรคพวกอย่างเรียบร้อย
“เป็นไงมั่งวะไอ้เผย?”
อ้วนตั้งคำถามกับผ่าเผยซึ่งกำลังตรวจปืนทุกกระบอกอย่างถี่ถ้วน
“ใช้ได้ครับพ่ออ้วน”
ผ่าเผยตอบเรียบๆขยับดาบยาวในฝักที่เขาพกมาด้วยที่แอบไว้ด้านหลัง
“ดี งั้นเอาปืนชุดนี้ทั้งหมดล่ะ...เอ้าพวกมึงมาช่วยกันยกไปโว้ย”
ผู้มีอายุอาวุโสมากที่สุดในกลุ่มออกคำสั่งเสียงขรม
พลางทำท่าจะเดินออกไปจากร้านขายปืนแห่งนั้น แต่ถูกเจ้าของร้านซึ่งยืนอยู่หลังตู้กระจกร้องโวยวายขึ้นซะก่อน
“อ้าวพวกลื้อจะไปกันได้ยางงาย...ยังไม่ได้จ่ายค่าสินค้าเลยนะ?”
“ใครว่าข้าจะมาซื้อของเอ็งวะไอ้แปะ?”
อ้วนลอยหน้าบอกกะเจ้าของร้านด้วยเสียงกวนๆ
“อ้าวไม่ซื้อแล้วพวกลื้อจะเอาของอั๊วไปได้ยางงายกังวะ?”
อาแป๊ะเจ้าของร้านยังคงส่งเสียงโวยวายอย่างต่อเนื่อง พลางขยับมือไปตรงใต้กระจกที่แกยืนอยู่นั้นอีกที ก่อนที่จะเอ่ยขู่เสียงเข้ม
“เอาของๆร้านอั๊วมาคืนซะดีๆนะเว้ย...ถ้าไม่จ่ายเงินก็ห้ามเอาปายไหนโดยเด็กขาก!”
“รำคาญจริงเว้ยไอ้แปะอยากตายรึไง...ข้าบอกว่าขอว่าขอ ก็ให้ดีๆกันหน่อยซีโว้ย ไอ้ห่าพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงวะ!”
ตะคอกเสียงกร้าวใส่อย่างดุดัน พลางชี้หน้าไปด้วย
“เค้าเป๋...ลื้ออย่ามาซี้ซั้วต่ากะอั๊วนะเว้ย...ถ้าลื้อยังคิดจะเอาของอั๊วไปฟรีๆ ลื้อก็ต้องเจอกับตำหลวดหน่อยล่ะไอ้ระยำโจรห้าร้อยเอ้ย”
ล้งเล้งส่งเสียงด่าใส่อ้วนทั้งภาษาจีนปนไทยมั่วกันไปหมด พร้อมกับขยับมือจะกดปุ่ม ที่ได้เชื่อมสัญญาณกับทางโรงพักของพื้นที่เขตนี้เอาไว้แล้ว
ฉับบ!!
เสียงคมมีดตัดผ่านข้อมือด้านที่กำลังจะกดปุ่มสัญญาณเตือนภัย ที่ต่อเชื่อมกับสถานีตำรวจของอาแป๊ะเจ้าของร้าน มันเป็นไปอย่างรวดเร็วจนเจ้าของข้อมือเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า คมมีดนั้นมาสู่ข้อมือของแกตอนไหน เนื่องจากมีความรู้สึกเพียงแค่คล้ายอะไรซักอย่างมา สะกิดที่ข้อมือเท่านั้นเอง
ไม่มีใครเห็นเช่นเดียวกันว่า ดาบที่ค่อนข้างคมวาวมันวับของผ่าเผย มันมาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อไร เพราะทีแรกดาบด้ามนั้นยังเหน็บที่ด้านหลังของเจ้าของมันเลยด้วยซ้ำไป แต่พอมองเห็นดาบก็ได้เห็นภาพของข้อมืออาแป๊ะเจ้าของร้ายขายปืนแห่งนี้ขาดกระเด็นไปซะแล้ว
นัยย์ตาของอาแป๊ะเบิกโพล้งเหลือกลานกับสภาพที่กำลังเกิดกับตัวแกเองในเวลานี้ แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลย ก็เมื่อซักครู่นี้เองมือและข้อมือด้านขวานี่มันยังอยู่กะตัวแกเลย ยังใช้งานเกาจั๊กกะแร้ที่คันได้อยู่แท้ๆ แต่บัดนี้เล่ามันหายไปแล้วกระเด็นหวือผ่านหน้าผ่านตาไปอย่างรวดเร็วไม่ทันจะรู้ตัวซะด้วยซ้ำไป
“เหวออ มืออั๊ว มืออั๊ว...มือของอั๊ว...”
พอสติสัมปชัญญะรับรู้ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกะร่างกายของตนเอง ความตกใจและหวาดหวั่นก็แล่นเข้าสู่จิตใต้สำนึกอย่างทันท่วงที พร้อมๆกับเลือดสีแดงเข้มก็ฉีดพุ่งปรี๊ด กระจายออกมาจากบาดแผลที่รอยตัดตรงข้อมือด้านขวานั้น
(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่ ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด ทักเข้ามานะ...)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ