ทาสสาวจ้าวดวงใจ

-

เขียนโดย thelittlegirl

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 21.08 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,248 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 21.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ทาสสาว:ตอนที่ 1 จากบ้านป่าสู่พระนครหลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ทาสสาวเจ้าดวงใจ ตอนที่ 1

จากบ้านป่าสู่พระนครหลวง

 

               ท้องฟ้าใสกระจ่าง ตึกอารามสวยวิจิตรตระการ ผู้คนและรถม้าสัญจรผ่านไปมาอย่างคึกคักขวักไขว่

 

     “โอ้โห…ยายจ๋า พระนครหลวงช่างศิวิไลซ์จริงๆ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวร้องบอกผู้เป็นยาย ดวงตากลมสวยเหลียวมองรอบกายอย่างตื่นตาตื่นใจ สถานที่แปลกใหม่อย่างพระนครหลวงแห่งนี้ช่างแตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนที่จากมายิ่งนัก ที่นั่นมีเพียงความแห้งแล้งและทุรกันดาร หากแต่ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความรุ่งเรืองศิวิไลซ์

 

     “เอ็งนี่! ทำเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปเสียได้ ไป รีบไปเร็ว อย่าให้คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณต้องรอนาน” ยายเฒ่าเอ่ยดุเบาๆ แล้วจูงมือหลานสาวที่มัวแต่หยุดดูสองข้างทางให้รีบเดิน

 

     เด็กสาวมุ่ยปากที่โดนยายดุ พลางเถียงในใจว่าก็ตนเองเป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงจริงๆ นี่นา หนนี้เป็นคราครั้งแรกที่ได้มาเยือนพระนครหลวง หากว่าตนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ประสบรอบกายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

 

     “ยายจ๋า บ้านท่านเจ้าคุณที่ยายว่าเขาทำมาหากินอะไรกันเหรอจ๊ะ แล้วบ้านหลังใหญ่โตมากรึเปล่า” เด็กสาวถามด้วยความสงสัย เพราะบ้านคนทั่วไปตลอดสองข้างทางที่เดินผ่านมาก็หลังใหญ่กันทั้งนั้น

 

     “ก็ต้องใหญ่โตสิวะ ท่านเป็นถึงท่านเจ้าพระยาขุนนางใหญ่ อีกทั้งยังทำมาค้าขายกับพวกเจ๊กพวกฝรั่ง ร่ำรวยทรัพย์ศฤงคาร แล้วบ้านท่านจะไม่ใหญ่โตได้อย่างไร” ผู้เป็นยายตอบคำถามหลานสาวเสร็จก็เร่งจูงมือหลานเดินฝ่าแสงแดดอันอบอุ่นและผู้คนบนท้องถนน มุ่งหน้าไปยังที่หมายคือบ้านของท่านเจ้าพระยาต่อไป

 

     “แล้วพวกท่านใจดีไหมจ๊ะยาย” เด็กสาวยังถามไม่เลิก เพราะมีคนเคยบอกว่าพวกคนรวยเจ้ายศเจ้าอย่างในพระนครนั้น ชอบดูถูกและลงโทษพวกข้าทาสและบ่าวไพร่ยิ่งนัก

 

     “เดี๋ยวไปถึงแล้วเอ็งก็รู้เองแหละ อย่าถามมาก” ยายเฒ่าตัดบทด้วยความรำคาญ พาหลานเดินทางต่อจนกระทั่งถึงที่หมาย

 

     “โอ้โห!” เด็กสาวอุทานออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง เมื่อได้เห็นบ้านของท่านเจ้าพระยา ช่างใหญ่โตโออ่าสมกับยศถาบรรดาศักดิ์ และสูงส่งเกินกว่าที่ชาวพระนครโดยทั่วไปจะเทียบได้

 

     “เอ็งนี่นะ” ยายเฒ่าส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ “เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งไปที่เรือนใหญ่ ไปพบท่านเจ้าคุณแลคุณหญิง เอ็งทำตัวให้มันสงบเสงี่ยมเข้าใจไหม” ผู้เป็นยายสั่งกำชับ เมื่อเห็นหลานสาวพยักหน้ารับรู้แล้ว จึงได้พาหลานไปยังเรือนใหญ่ ซึ่งโดดเด่นที่สุดท่ามกลางหมู่เรือนทั้งหมด

 

     “อ้าว กลับมาแล้วรึเอ็ง เป็นอย่างไร สบายดีไหม” เมื่อขึ้นเรือนมาก็ได้ยินเสียงบุรุษร้องทัก เด็กสาวที่เดินก้มหน้าอยู่จึงแอบเงยหน้าขึ้นมองคนพูด เห็นชายวัยห้าสิบหน้าตาคมเข้ม ท่าทางภูมิฐานน่าเกรงขามนัก และข้างกายยังรายรอบไปด้วยข้ารับใช้ เด็กสาวก็เดาได้ว่าชายผู้นี้คงเป็นท่านเจ้าคุณเจ้าของเรือน ผู้มียศศักดิ์เป็นถึงท่านเจ้าพระยาเป็นแน่

 

     ระหว่างที่ดวงตากลมสวยลอบสำรวจอยู่นั้นเอง ดวงตาคมกล้าก็เบือนมาสบอย่างรู้เท่าทัน เด็กสาวสะดุ้งที่ถูกจับได้ รีบหลบตาก้มหน้างุดๆ ลงตามเดิม ยืนตัวแข็งไม่กล้าพูดมากอย่างปกติ

 

     “อิฉันสบายดีเจ้าค่ะคุณท่าน หาได้ป่วยไข้อันใดไม่ ขอบพระคุณคุณท่านที่เป็นห่วงบ่าวเจ้าค่ะ” ยายของเด็กสาวตอบท่านเจ้าพระยาอย่างนอบน้อม

 

     “แล้วนั่น… หลานสาวของเอ็งที่จะมาทำงานด้วยใช่ไหม ชื่ออะไรล่ะ” คุณหญิงดาวเรือง เมียของท่านเจ้าพระยาเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

 

     “ใช่เจ้าค่ะคุณหญิง มันชื่อนังแก้ว เป็นหลานสาวอิฉันเอง เอ้านังแก้ว… เอ็งอย่ามัวยืนเซ่อ รีบกราบท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงซะสิ” ยายอิ่มหันไปบอกหลานสาวให้กราบท่านเจ้าพระยาและภรรยา

 

     เด็กสาวนั่งลงกราบอย่างเงอะงะ เพราะถึงจะมาจากบ้านป่าไม่ใช่คนกรุง แต่ก็มีชนชั้นเป็นไพร่ฟ้าทั่วไป จึงไม่เคยต้องกราบเจ้านายอย่างที่พวกทาสทำกันมาก่อน ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเกิดโรคระบาดจนพ่อกับแม่ต้องตาย เหลือหล่อนเพียงคนเดียวที่ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนได้ แก้วก็คงไม่ต้องมาขายตัวเองเป็นทาสของผู้อื่น

 

     “คุณท่านแลคุณหญิงอย่าไปถือสามันเลยหนาเจ้าคะ มันเป็นเด็กบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอันใดนัก” ยายอิ่มเห็นท่าทางของหลานสาวแล้วก็รีบออกตัวแทน

 

     “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสามันดอก ว่าแต่หลานยายอิ่มอายุเท่าไรแล้วล่ะ” คุณหญิงดาวเรืองเอ่ยถามพลางเพ่งพินิจสาวรุ่นที่นั่งหมอบอยู่ตรงหน้า

 

     “มันสิบเจ็ดย่างสิบแปดหนาวแล้วเจ้าค่ะ” ยายอิ่มตอบ แล้วถามต่อ “ว่าแต่คุณหญิงจะให้นังแก้วมันทำหน้าที่อันใดเจ้าคะ"

 

     “อืม… ฉันยังไม่ได้คิดเอาไว้เลย เอาเป็นว่าตอนนี้ พาตัวแม่แก้วไปที่เรือนของเอ็งก่อนก็แล้วกัน พาไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเสียหน่อย อย่าปล่อยให้มันมอมแมมอย่างนี้ เดี๋ยวใครจะว่าเอาได้ว่าฉันกับคุณพี่รังแกข้าทาส ใช้งานหนักจนสภาพดูไม่ได้”

 

     “เจ้าค่ะคุณหญิง” ยายอิ่มรับคำแล้วพาตัวหลานสาวไปที่เรือนหลังเล็กของตน ด้วยเพราะเคยเป็นบ่าวทาสข้างกายคุณหญิงคนแรกของท่านเจ้าพระยา ทำให้ยายอิ่มพอมีหน้ามีตาและมีเรือนพักเป็นของตนเอง ไม่ต้องไปนอนเบียดเสียดกับทาสคนอื่นๆ

 

     รอจนมาถึงเรือนของยายอิ่มแล้ว แก้วก็เพิ่งจะกล้าเอ่ยวาจาออกมา

     “ยายจ๋า… คุณหญิงดาวเรืองยังดูสาวๆ อยู่เลยนะ ท่านอายุเท่าไรเหรอจ๊ะ ดูท่าอายุจะห่างจากท่านเจ้าพระยาอยู่มากโข”

 

     “ก็แน่ล่ะ คุณหญิงท่านเพิ่งจะสี่สิบปีนี้เอง ส่วนท่านเจ้าคุณอายุห้าสิบสามแล้ว ห่างกันสิบกว่าปีเชียวล่ะเอ็งเอ๊ย”

 

     “โห… แล้วพวกท่านมีลูกกันกี่คนแล้วจ๊ะ มีใครบ้าง” แก้วคิดว่าไหนๆ ก็ต้องทำงานรับใช้คนบ้านนี้แล้ว ก็ควรจะถามไว้เสียหน่อยว่าเจ้านายมีใครบ้าง จะได้รับใช้ถูก

 

     “เฮ้อ!” ยายอิ่มส่ายหน้า “ท่านเจ้าคุณน่ะอาภัพนัก ท่านเคยมีลูกคนนึงกับคุณหญิงคนก่อน ชื่อคุณแดง แต่ก็ป่วยตายไปตั้งแต่เล็กๆ ส่วนกับคุณดาวเรือง อยู่กันมาหลายปีก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน” เคยรับเมียบ่าวมาไม่นับว่าน้อย แต่ก็ไม่มีลูกอยู่ดี จนใครๆ ก็ว่าท่านเจ้าพระยาปุรงค์เดชไม่มีดวงเรื่องลูก ต่อไปคงไร้ลูกสืบหลาน ไร้ทายาทสืบสกุล

 

     “แล้วคุณหญิงคนก่อนเธอไปไหนเสียล่ะจ๊ะยาย” แก้วถามยายด้วยความสงสัย

 

     “ท่านเสียไปนานแล้ว พูดก็พูดเถอะ เมื่อก่อนข้าน่ะ ได้เป็นคนสนิทของคุณหญิงมะลิ ภริยาคนแรกของท่านเจ้าคุณเทียวหนา มีหน้าที่ดูแลคุณแดงและรับใช้ข้างกายคุณหญิงมะลิ บ่าวทาสในเรือนไม่มีสักคนที่กล้าหือกับข้า เรือนนี้ก็ได้มาเพราะคุณหญิงมะลิเธอจัดสรรให้” ยายอิ่มเล่าไปก็ทอดถอนใจไป

 

     “ต่อมาคุณมะลิเธอป่วยหนัก ก่อนจะสิ้นใจไป เธอได้ขอร้องให้ท่านเจ้าคุณแต่งคุณดาวเรืองที่เป็นน้องสาว ให้มาเป็นภริยาคนที่สองแลช่วยดูแลคุณแดงให้ แต่นึกไม่ถึง พอคุณแดงอายุได้สามขวบก็ป่วยตายไปอีกคน”

 

     “แล้วทำไมคุณหญิงดาวเรืองถึงไม่มีลูกเล่าจ๊ะยาย” แก้วยังคงถามต่อไป ก็ไหนว่าแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ทำไมถึงไม่มีลูกเสียที

 

     “เธอไม่ค่อยแข็งแรงเลยมีลูกยาก เฮ้อ…เอ็งนี่นะ ช่างซักช่างถามเสียจริง ไปๆ รีบไปอาบน้ำ ขัดเนื้อตัวให้มันสะอาดสะอ้าน บ้านนี้เขาไม่ชอบให้พวกทาสเนื้อตัวสกปรกมอมแมม นู่น ลานอาบน้ำอยู่ด้านหลังของเรือนนี้ เอ็งเปิดประตูออกไปเดี๋ยวก็เจอ”

 

     เมื่อโดนยายไล่ให้ไปอาบน้ำ แก้วจึงแกะห่อสัมภาระที่พาติดตัวมา หยิบเอาผ้าถุงมาผลัดนุ่งกระโจมอก ทำท่าจะออกไปอาบน้ำที่หลังเรือน

 

     “เอ้อ นี่นังแก้ว… อยู่ที่นี่ เอ็งต้องจำไว้ให้ขึ้นใจนะว่า ห้ามคบหาถึงเนื้อถึงตัวกับพวกทาสผู้ชายในเรือนเป็นอันขาด” ยายอิ่มนึกขึ้นได้จึงสั่งกำชับถึงข้อห้ามสำคัญ

 

     “เอ๊ะ ทำไมเล่ายาย”

 

     “เอ็งนี่ ถามมากความจริงๆ มันเป็นคำสั่งของท่านเจ้าคุณ ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น แค่ปฏิบัติตามก็พอเข้าใจไหม” ยายเฒ่าเอ่ยดุๆ ก่อนจะโบกมือไล่ “ไปไป๊ ไปอาบน้ำได้แล้ว อย่ามัวพูดมาก”

 

     เด็กสาวทำหน้าตูมที่โดนยายดุอีกแล้ว ก่อนจะรีบไปอาบน้ำตามคำสั่ง ไม่งั้นอาจจะโดนยายตีก้นเอาได้

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา