The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) คืนหรรษาในบ้านหลังเล็ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
“ ไม่ต้องห่วงหรอก คิดว่าตอนนี้เธอน่าจะกำลังสนุกกับการขี่เจ้าวายุ อีกซักสองชั่วโมง ก็คงจะกลับ ” จางสินตอบยิ้มๆ ทำให้มาวินนึกสงสัย
“ สองคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษที่มากกว่าพ่อค้าและลูกค้า เพราะรู้ใจกันเป็นอย่างดี หรือเหมยลี่จะเป็นเมียลับๆของพี่จาง ไม่สิ ทอมบอยแบบนั้น ไม่น่ามีแฟนกับเขาได้ แถมอายุก็ห่างกันมาก หรือจะเป็นพ่อลูก แต่คิดดูอีกที ไม่น่าใช่ เพราะหน้าไม่เหมือนกันเลย
มาวินคิดเรื่อยเปื่อยได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้านพัก จางสินเชื้อเชิญให้เด็กหนุ่มเข้าไปในห้องรับแขก
บรรยากาศในห้องรับแขกยังคงเงียบสงบ มาวินนั่งจับเจ่าอยู่ที่โต๊ะไม้ตามลำพัง ครู่หนึ่ง จางสินก็ยกน้ำชาออกมา มีควันจางๆลอยอยู่เหนือแก้ว
“ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ลองชิมชาแก้วนี้ดู มันคือ….ชาซาจี้ มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูกำลังกาย คลายความเหน็ดเหนื่อยให้แก่ผู้ดื่ม ” จางสินบอกยิ้มๆ
“ ฮะๆ ขอบคุณ ” มาวินหัวเราะเบาๆ ก่อนยกแก้วชาขึ้นซด
ทันทีที่น้ำชาไหลผ่านกระเดือก มาวินก็รู้สึกชุ่มคอและสดชื่นไปทั่วทั้งกาย คล้ายมีไอเย็นที่มองไม่เห็น กระพือพัด
“ โอ้โห….. ชาอะไรเนี่ย เหมือนความฟิตจะกลับมาเต็มถัง โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยของวิเศษ สุดยอดไปเลย ” มาวินโวยวาย พร้อมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ ฮ่าๆ ” จางสินหัวเราะชอบใจ เขาขำท่าทีอันชวนหัว แต่ยังนึกสงสัยในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดถึง
“ นี่….พี่จาง มีอะไรเจ๋งๆแบบนี้อีกมั้ย อยากเห็นน่ะ ” มาวินยื่นหน้าถาม ท่าทางกระตือรือร้น ระหว่างนั้น เขาก็รีบกระดกชาที่เหลือ
“ ฮะๆ ยังมีทีเด็ดอีกมาก แต่ก่อนอื่น ขอคุยกับเจ้าหน่อย พอมีเวลามั้ย เจ้าหนู ” จางสินตอบยิ้มๆ
“ อ้าว…..แล้วทำไมจะไม่มีเวลาล่ะ ลูกพี่ถามมาได้เลย ” มาวินตอบกลับแบบกวนๆตามสไตค์ของตัวเอง
“ ดีมาก ” จางสินยังคงแย้มยิ้ม
“ รีบว่ามาเลย พี่ชาย ชั้นเริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้ว หาว….. ” เด็กหนุ่มพูดจบ ก็หาวยาวแบบไม่เกรงใจใคร
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าใจดีของจางสินก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างฉับพลัน อึดใจต่อมา ชายร่างยักษ์ก็กระชากคอเสื้อของมาวินอย่างรุนแรง ทำให้ร่างเล็กๆลอยเคว้งกลางอากาศอย่างง่ายดาย
“ ตกลง เจ้าเป็นใครกันแน่ อยู่ๆก็เดินทางมากับ อง เอ่อ เหมยลี่ ” จางสินตะคอกใส่ คล้ายคนสติหลุด
“ เอ่อ อ่า เอ๋ เอ๋อ ” มาวินตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วเกินไป
“ ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร รีบบอกมาสิฟะ ” ยักษ์ใหญ่ใจดีที่กลายร่างเป็นผีบ้า กระชากเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะชิดติดกัน
เหตุการณ์ตื่นเต้นในระยะประชิดแบบนี้ ยิ่งทำให้มาวินตกใจหนักกว่าเดิม ถึงกระนั้น เขาก็รวบรวมกำลังใจเฮือกสุดท้าย เพื่อตอบข้อสงสัยของจางสินเวอร์ชั่นปีศาจร้าย
“ เฮ้…. ใจเย็นก่อน ความจริงคือชั้นแค่บังเอิญไปเจอยัยโย่งกลางทางเท่านั้นเอง ”
“ บังเอิญยังไง ไหนลองเล่าให้ฟังสิ ” จางสินคาดคั้น
“ เล่าให้ฟังก็ได้ แต่ปล่อยชั้นก่อนเถอะ จะขาดใจตายอยู่แล้ว ” มาวินร้องละล่ำละลัก สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำ เพราะถูกจางสินรัดคอจนหายใจไม่ออก
“ โอ้…… โทษที ลืมตัวไปหน่อย ” จางสินรีบปล่อยมือ ถึงตอนนี้ เขารู้ตัวแล้วว่าตนเองทำเกินไป
“ แค่กๆ นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว พี่ชายคนนี้แรงเยอะเป็นบ้าเลย ” มาวินไอรัวๆ พร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่หลายที แต่พอหันกลับไปมองจางสิน เขาก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง เพราะสีหน้าท่าทางของชายร่างยักษ์ดูถมึงทึงและน่าสะพรึงกลัว
“ จะเล่าได้หรือยัง ” จางสินถามเสียงยานคางจนชวนสยอง
“ ครับๆ เล่าแล้ว ” มาวินรีบพยักหน้ารับคำ วาจาสุภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
………………………..
มาวินเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาแบบไม่ปิดบัง โดยเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในเมืองแห่งการเริ่มต้น ต่อมาก็ตกอับจนกลายเป็นขอทาน จับพลัดจับผลูมาเจอเหมยลี่ที่ช่วยฝึกวิชาให้ ผ่านไปเดือนเศษ ก็ต้องปะทะกับกลุ่มโจรกลางป่า ในที่สุด ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินทางร่วมกัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่แคว้นเยอมาเนีย
“ อืม……..เรื่องของแกฟังดูพิลึกพอสมควร ” จางสินเปิดปาก น้ำเสียงดูคลายความกังวลไปหลายส่วน แต่ยังไม่ถึงขั้นปลดเปลื้องความสงสัย เพราะคิดว่าเบื้องหลังของมาวินยังไม่กระจ่าง
“ ก็คิดว่ามันแปลกอยู่เหมือนกัน ชั้นหลุดเข้ามาในโลกนี้ได้ยังไง ก็ไม่รู้ จึงต้องไปแคว้นเยอมาเนียซึ่งเป็นดินแดนที่มีวิทยาการสูงสุด ที่นั่นน่าจะช่วยให้ชั้นกลับบ้านได้ ” มาวินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ท่าทางอ่อนล้า คล้ายคนที่กำลังปลงตกกับชีวิต
จางสินมองอากัปกิริยาของมาวิน ท่าทางพินิจพิจารณา แววตากลมโตที่แข็งกร้าวส่อแววสงสารปนสงสัย ไม่นาน เขาก็เอ่ยถาม
“ ถึงเรื่องที่พูดมา จะดูเหลือเชื่อ ถึงกระนั้น ข้าก็อยากบอกบางอย่างกับเจ้า ” จางสินมองมาที่มาวิน เขาพูดช้าๆ แต่เน้นหนักทุกประโยค
“ เอ่อ…..อะไรหรือ ลูกพี่ ” มาวินถามเสียงสั่น เพราะกลัวโดนกระชากคอเสื้อรอบสอง
“ อง เอ่อ เหมยลี่ เธอเป็นคนสำคัญชนิดที่เจ้าคาดไม่ถึง ข้าคอยดูแลนางมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้น ในระหว่างเดินทาง เจ้าต้องดูแลนางให้ดีที่สุด เข้าใจมั้ย ” น้ำเสียงของจางสินดูจริงจัง โดยเฉพาะคำสุดท้าย เหมือนเขาจะเน้นหนักเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่า…..ถ้าทำไม่ได้ ต้องตายสถานเดียว
“ เอ่อ……ครับผม ” ในสถานการณ์เช่นนี้ มาวินมีแต่ต้องตอบรับ แม้ในใจจะแอบคิด
“ อย่างยัยโย่ง จะต้องให้ใครดูแล ก็เก่งซะขนาดนั้น จริงๆแล้ว น่าจะเป็นฝ่ายยัยโย่งที่ดูแลเราซะมากกว่า ”
“ อีกประการ ” จางสินยังพูดจบ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ราวกับจะขู่
“ เอ่อ…ครับ ” มาวินรับคำอย่างสุภาพอีกรอบ
“ เจ้าห้ามคิดอกุศลกับเหมยลี่อย่างเด็ดขาด เข้าใจมั้ย ” จางสินออกคำสั่งอีกครั้ง คราวนี้ ดูจริงจังยิ่งกว่าเดิม
“ อะ…….เอ่อ…… ” ถึงตรงนี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำ เขารีบมองต่ำ เพราะไม่กล้าสบตากับจางสิน น้ำคำก็ตะกุกตะกัก
“ มาอง มาเอ่อ อะไรเล่า ถามว่า……เข้าใจมั้ย ” จางสินตะคอกใส่อีกรอบ
“ อะ…….เข้าใจครับ ” เด็กหนุ่มยังคงก้มหน้านิ่ง พร้อมตอบกลับแผ่วเบา
จางสินมองมาวินไม่วางตา ในใจพยายามพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกหลายรอบ ท่าทางของเขาประดุจดังพ่อที่หวงลูกสาว ขณะที่สถานการณ์ในห้องรับแขกกำลังย่ำแย่ถึงขีดสุด เสียงสาวที่ห้าวใหญ่ก็ดังขึ้นมาที่หน้าประตู
“ กลับมาแล้ว ”
เจ้าของเสียงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก "เหมยลี่" เมื่อเธอเดินเข้ามา จางสินก็เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นชายร่างยักษ์ผู้อารีดังเดิม ทำให้มาวินนึกอยากจะมอบรางวัลออสการ์สาขาสตอเบอแหลยอดเยี่ยม
“ อ้าว….อง เอ่อ เหมยลี่ กลับมาแล้วหรือ เดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้ ” จางสินเชื้อเชิญ ใบหน้ายิ้มละไม
“ ขอบใจ ” เหมยลี่กล่าวขอบคุณเบาๆ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่าง
จางสินเข้าครัว เพื่อทำอาหารอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้มาวินและเหมยลี่นั่งเงียบกันตามลำพังอยู่นานสองนาน
……………………….
พอจางสินทำอาหารเสร็จ ทั้งสามก็ลงมือรับประทาน มันประกอบไปด้วยเนื้อย่าง ยำเห็ด ผัดหอยและผัดผัก ทุกอย่างล้วนมีรสชาติดีจนเข้าขั้นภัตตาคาร
มาวินไม่อยากจะเชื่อว่านี่หรือคือฝีมือของจางสิน เพราะถ้าดูจากหน่วยก้าน เขาน่าจะเป็นพวกใช้กำลังซะมากกว่า ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็กินอาหารไม่ค่อยลง เพราะยังรู้สึกจุกกับคำถามสุดท้ายเมื่อครู่นี้
“ เป็นอะไรไป ปกตินายจะตะกละตะกลามมากกว่านี้ ” เหมยลี่หันมาถาม
“ เหอๆ รู้สึกเหมือนท้องจะแน่นน่ะ ” มาวินตอบเสียงอ่อย เขาไม่ยอมสบตาเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าจางสินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ยังยิ้มกว้างอยู่ดุจเดิม ทว่าดวงตาคู่โตจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มไม่วางวาย
เหมยลี่เหล่มองคนทั้งสองด้วยประกายเคลือบแคลง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำให้วงข้าวในวันนี้ค่อนข้างเงียบเป็นพิเศษ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็ถึงเวลาพักผ่อน
ห้องรับแขกชั้นล่างกลายเป็นของสองหนุ่มต่างวัยอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนห้องใต้หลังคาบนชั้นสอง จางสินยืนกรานที่จะให้เหมยลี่ขึ้นไปนอน ไม่มีใครคัดค้านข้อเสนอนี้
………………………
รุ่งเช้าของวันใหม่ อากาศดูสดชื่น สายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้องใต้หลังคา ภายในนั้นประดับเครื่องเรือนราคาถูก กลางห้องปรากฏเตียงใหญ่ตั้งอยู่
เด็กสาวนางหนึ่งกำลังนอนเหยียดกายอยู่บนเตียง ร่างงามได้สัดส่วนซ่อนตัวตนอยู่ในชุดเสื้อกล้ามรัดรูปที่ขับเน้นให้เห็นทรวดทรงแบบฟูลเฮชดี ช่วงแขนกระชับตามแบบฉบับสาวสุขภาพดี ใบหน้าเรียวยาวสงบนิ่ง แต่พอเปลือกตาต้องแสงแดดอ่อนๆ ก็ทำให้หนังตากระตุก ในที่สุด มันก็เปิดกว้าง เผยให้เห็นดวงตาคมซึ้งที่แฝงแววกร้าว แน่นอนว่าสาวสวยคนนี้ก็คือ.......เหมยลี่
เด็กสาวมองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง จึงพบว่าเวลานี้คือยามเช้า เธอลุกขึ้นยืนเหยียดกาย ทำให้ได้ยลช่วงล่างที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นท่อนขาที่เรียวยาว ต้นขาที่เต่งตึง เอวเล็ก สะโพกผายคล้ายนักกีฬามืออาชีพ ที่สำคัญ มันถูกปกปิดด้วยกางเกงชั้นในสีขาวเพียงตัวเดียว
" อืม…….ไม่ได้นอนบนเตียงนิ่มๆมานานแล้ว เลยหลับยาวจนสายป่านนี้ " เด็กสาวพูดกับตัวเอง จากนั้นก็ยกแขนขึ้นสูงและออกแรงเหยียด เพื่อขับไล่อาการเมื่อยขบ ผมดำขลับขนาดติ่งหูปลิวไสวไปตามแรงลม รอยยิ้มแย้มออกมา ทำให้ใบหน้าคมงามดูสวยใสยิ่งกว่าเดิม
หลังตื่นตัวเต็มที่ เด็กสาวก็เดินไปเก็บข้าวของ เพื่อเตรียมออกเดินทาง เธอคาดคะเนว่ามาวินน่าจะพอขี่ม้าได้บ้างแล้ว เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนบางทีก็อดทึ่งไม่ได้
...........................
พอเด็กสาวเตรียมตัวเสร็จ ก็ลงมายังชั้นล่าง เพื่อปลุกมาวิน แต่ทันทีที่ได้เห็นเด็กหนุ่ม มันก็ทำให้เธอตกตะลึงอย่างรุนแรง เพราะตอนนี้ นายจอมซนกำลังยืนติดกับเสาบ้าน ทั่วทั้งกายมีเชือกเส้นโตมัดไว้แน่นจนแทบไม่มีช่องว่างให้ขยับตัว
" นายทำอะไรอยู่น่ะ " เด็กสาวถามไถ่ คิ้วคมขมวดหน่อยๆ
" ฮะๆ ไม่มีอะไรหรอก ชั้นกับพี่จางกำลังเล่นเกมกันอยู่ " มาวินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า สีหน้าซีดเซียวและอ่อนระโหยโรยแรง ไม่ต้องเดา ก็รู้ว่าไม่ได้มานอนมาทั้งคืน
เด็กสาวเอียงคอมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปริปากบ่น
" จางสินขี้ระแวงไม่เลิก ผ่านไปกี่ปี ก็ยังเหมือนเดิม "
ทันใดนั้นเอง จางสินก็โผล่เข้ามา เหมยลี่จึงชี้ไปที่มาวิน พร้อมถามสั้นๆ
" จางสิน นี่คือ….อะไร "
จางสินหันมาเห็น ก็แสร้งตีหน้าโง่ แล้วเดินมาตำหนิมาวินแบบหน้าด้านๆ
" เฮ้ย น้องลิงหัวเขียว ทำไมไปมัดตัวเอง พี่บอกแล้วไง แค่เล่นเกมแพ้ ไม่ต้องลงโทษตัวเองขนาดนั้นก็ได้ "
" ฮะๆ ขอโทษครับ ผมแค่อยากลงโทษตัวเองเท่านั้น " มาวินตามน้ำ พร้อมหัวเราะเสียงอ่อยๆ สีหน้าใกล้จะร้องไห้
" จางสิน ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ " เด็กสาวออกคำสั่ง ใบหน้าคมดูจริงจัง
" ขอรับ " จางสินสะดุ้งนิดหนึ่ง ก่อนรีบเข้าไปปลดพันธนาการ
...........................
ยามสายของวันใหม่ เหมยลี่และมาวินอยู่ในสภาพที่พร้อมเดินทาง เด็กสาวร่างสูงกำลังปลอบจางสินที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนหัวไหล่ของเธอ
" ไม่เป็นไรน่า จางสิน เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน " เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย
" ฮือ..... อง เฮ้ย เหมยลี่ ไม่ไปได้มั้ย หนทางไปแคว้นเยอมานีมีแต่อันตราย มิหนำซ้ำยังอยู่ห่างไกล มันลำบากมาก ข้าไม่อยากให้ท่านไปตรากตรำ " จางสินรำพึงรำพัน
" ไม่เป็นไรน่า ชั้นมีเจ้าวายุ ไม่ต้องเดินเท้าเหมือนแต่ก่อน รับรองไม่เหนื่อยแน่ " เด็กสาวปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนฟังดูจับใจ มือก็ลูบศีรษะของจางสินอย่างแผ่วเบา กิริยาคล้ายแม่คนหนึ่งที่กำลังปลุกปลอบลูกชายในยามร่ำลา ทำให้มาวินอดตะลึงไม่ได้ เขาคิดในใจว่า.....น่าจะเอาโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย ภาพแบบนี้หาดูยาก
เหมยลี่ปลุกปลอบจางสินอยู่พักใหญ่ ชายร่างยักษ์จึงสงบลง เด็กสาวเลยขึ้นหลังม้า พร้อมโบกมือลา
" ลาก่อน แล้วเจอกันนะ จางสิน "
" ขอรับ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ข้ารอท่านอยู่เสมอ " จางสินพูดเสียงสั่น พลางเอาผ้าผืนน้อยเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลกะปริบกะปรอย
" อืม..... " เด็กสาวพยักหน้า พร้อมชักม้าให้ก้าวเดิน เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการ
" ฮะๆ " มาวินขบขันเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นหลังของเจ้าสังกะสี แต่ก่อนจะออกจากจุดสตาร์ท จางสินได้เตร่เข้ามาใกล้ พร้อมกระแอมเบาๆแค่พอได้ยิน
" ฮะ แฮ่ม "
" วะ เหวอ มะ……มีอะไรหรือ พี่จาง " มาวินออกอาการเหวอ เขาเข็ดขยาดชายร่างยักษ์ผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ในใจนึกภาวนา…ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ขออย่าได้พบเจอกันอีกเลย
" อย่าลืมเรื่องที่คุยกันเมื่อคืน " จางสินพูดสั้นๆ แต่กระนั้น มาวินก็เข้าใจความหมาย
" ครับ..... " มาวินรีบพยักหน้ารัวเร็ว เขารับคำอย่างสุภาพอีกครั้ง
" ดีมาก และถ้านายคิดไม่ดีต่อ อง…เอ่อ เหมยลี่ นายจะเจอไอ้นี่ " จางสินพูดจบ เขาก็หยิบไส้กรอกยาวขึ้นมาโชว์ จากนั้นก็ใช้กรรไกรคมๆตัดฉับเข้าไปตรงกลาง ทำให้ขาดสองท่อนในทีเดียว
" แฮะๆ ครับผม " มาวินหัวเราะแห้งๆ ใบหน้าเล็กเรียวเริ่มแดงเล็กน้อย พอสิ้นการสนทนา เขาก็ควบม้าออกไปในทันที
พอร่างของสองวัยรุ่นหายลับไปจากสายตา สีหน้าของจางสินก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลด ปากกล่าวอวยพรเบาๆ
" ขอให้ปลอดภัยและสำเร็จในสิ่งที่หวัง ยังมีหน้าที่สำคัญรออยู่ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ทำได้ "
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ