The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

135) นาทีวัดใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com

 

      ระหว่างที่มาวินคิดไม่ออกว่าจะสู้ต่อยังไง ออร่าสีม่วงก็แผ่ซ่านออกมาร่างสูงโปร่งของโอคุยาสุจางๆ สิ่งนั้นทำให้อากิเนะตกตะลึง

 

“ ท่านปู่! พี่โอคุยาสุถึงกับใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยเหรอ ” 

 

“ อืม……โอคุยาสุคงเริ่มเอาจริงแล้ว  ” เทพศาสตราตอบกลับ สีหน้ายังดูปกติ 

 

“ งั้นแบบนี้ก็แย่น่ะสิ เจ้าลิงหัวเขียว เอ๊ะ มาวินน่าจะต้านทานไม่ไหว ” อากิเนะตอบเบาๆ น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร่ำไห้ 

 

“ ใช่แล้ว เจ้าหนูนั่นต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เพราะทุกปัจจัย บ่งชี้ไปทางนั้น ” เทพศาสตรากล่าวยืนยัน

           

 

       อากิเนะเหม่อมองไปยังมาวินซึ่งกำลังตั้งท่าต่อสู้ สีหน้าของเด็กหนุ่มดูจริงจังแบบคนที่ไม่คิดจะยอมแพ้ เธอจึงนึกภาวนาอยู่ในใจ

 

“ เธออย่าเป็นอะไรนะ เจ้าหน้าลิง ” 

           

 

       โอคุยาสุสงบนิ่งอยู่กับที่ แม้ว่าบนใบหน้าหล่อเหลาจะปรากฏรอยฟกช้ำ แต่โดยรวมยังดูปกติดี ออร่าที่แผ่ออกมาเริ่มเข้มขึ้นจนเพียงพอให้เห็นด้วยตาเปล่า 

         

 

       ส่วนทางด้านมาวินกลับดูตึงเครียด เนื่องจากรู้ดีว่า……ในยามที่นักสู้เปล่งออร่าออกมา ย่อมเป็นเวลาที่เริ่มเอาจริง เพราะเจ้าสิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้มีพลังและความเร็วมากขึ้นเป็นเท่าทวี

 

“ ธรรมดาหมอนี่ก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เวลานี้กลับมีออร่าประหลาดเพิ่มมาอีก แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับมัน ” เด็กหนุ่มขบคิดในใจ ดวงตาเรียวยาวจับจ้องคู่ต่อสู้เบื้องหน้า 

            

 

       โอคุยาสุจัดเป็นยอดฝีมือคนนึง เลยทำให้รู้ว่า……สิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้คือจิตใจ เพราะยามใดที่ประจัญบานด้วยแรงโทสะ ย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน หนุ่มหน้าขาวจึงสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อระบายความโกรธที่ยังระอุอยู่เล็กน้อย ไม่นาน เขาก็สงบลงจนสามารถกล่าวกับมาวินด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบดุจไร้อารมณ์ 

 

“ เจ้าหนู นายเก่งมากที่เล่นงานชั้นได้ แต่คราวนี้นายต้องแพ้อย่างแน่นอน ยอมรับ แล้วไปทำไร่ไถนาในดินแดนแห่งนี้เถอะ ” 

            

 

       ทันทีที่มาวินได้ยิน ความรู้สึกท้อแท้และเหนื่อยหน่ายก็ปรากฏขึ้นมาในจิตใจ

 

“ อืม…..หรือจะจริงอย่างที่หมอนี่พูด สู้ยังไงก็แพ้อยู่ดี ตัดใจแล้วใช้ชีวิตในดินแดนแห่งนี้ มันก็คงดีไม่ใช่น้อย จะว่าไป เราก็ไม่ได้รังเกียจความสงบสุขนี่นา ตรงกันข้าม กลับชอบซะอีก ” 

            

 

       เมื่อคิดได้ดังนั้น มาวินก็เตรียมยอมแพ้ แต่ก่อนจะเอ่ยปาก หูก็แว่วเสียงของเด็กสาวนางหนึ่ง

 

“ ซักวัน…..เราจะกลับมาเจอกัน สัญญานะ….นายวิน ” 

           

 

       ใบหน้าที่ดูอ่อนล้ากลับกลายเป็นจริงจังอย่างฉับพลัน  มาวินรู้ทันทีว่ายังมีอีกหลายคนรอเขาอยู่ ที่สำคัญ เด็กหนุ่มยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับจันในโลกแห่งความฝันได้ จึงเปลี่ยนไปตั้งท่าต่อสู้ พร้อมประกาศเสียงกร้าว

 

“ ไม่ยอมแพ้ ถึงรู้ว่าสู้นายไม่ได้ ก็จะขอสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อทุกคนที่กำลังรอชั้นอยู่ ” 

            

 

        เทพศาสตรายิ้มน้อยๆอีกครั้ง สีหน้าและแววตาส่อเค้าแห่งความชื่นชม ส่วนอากิเนะถึงกับออกอาการเหวอกับลุคที่ไม่ค่อยได้เห็นจากเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

            

 

       โอคุยาสุเองก็ดูตกใจเช่นกัน ครู่หนึ่ง หนุ่มหน้าขาวก็ยิ้มมุมปาก พร้อมกล่าวกับมาวิน 

 

“ เอาล่ะ เจ้าหนู ถึงตอนนี้ชั้นยอมรับจิตใจของนายแล้ว ไม่ว่าจะดูทุเรศยังไง แต่เนื้อแท้ นายก็คือ….นักสู้ผู้กล้าคนหนึ่ง ชั้นจึงขอเตือนด้วยความหวังดี จงถอนตัวจากการประลองครั้งนี้ เพราะการโจมตีครั้งต่อไป อาจทำให้ถึงตาย ” 

            

 

        น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของโอคุยาสุดูนิ่มนวลลง ถ้ามองให้ลึก ก็แฝงความนับถืออยู่ไม่น้อย คล้ายกับว่านักดาบหน้าขาวผู้นี้เริ่มยอมรับในตัวมาวินบ้างแล้ว กระนั้น เจ้าลิงหัวเขียวก็ไม่วายโต้ตอบอย่างดุเดือด 

 

“ เออ…จริงอยู่ที่นายเก่งกว่าและการโจมตีครั้งต่อไปอาจรุนแรงถึงตาย แต่มั่นใจได้ยังไงว่ามันจะล้มชั้นได้ บางทีนายอาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซะเอง ” 

 

“ หึ หึ หึ เจ้าหมอนี่ ” โอคุยาสุหัวเราะนิดๆ พร้อมย่อตัวลงเล็กน้อย ไหล่ขวายื่นล้ำไปข้างหน้า ส่วนดาบไม้ในมือถูกเสียบเข้าไปที่ซอกเอวซ้าย ท่วงท่าคล้ายกับการสอดดาบเข้าฝัก 

 

“ เอ๊ะ! นี่มัน…..เพลงดาบผ่าหินผา ท่าไม้ตายสูงสุดของเจ้าพี่ชายผมทองนี่หว่า ” มาวินจดจำท่านี้ได้ เพราะเคยเห็นโจจี้ใช้มันมาก่อน ทำให้มั่นใจว่า…….พี่ชายผมทองต้องได้รับการสอนสั่งจากสำนักนี้อย่างแน่นอน และสิ่งที่ขบคิดในเวลาต่อมาก็คือ……จะแก้ท่าไม้ตายที่ร้ายกาจนี้ยังไง 

 

“ อืม…… ท่านี้มีพลังทำลายรุนแรง ความเร็วในการเข้าปะทะก็สูง พอใช้ควบคู่กับออร่าประหลาด ยิ่งทำให้ความเร็วและพลังทำลายมากขึ้นเป็นเท่าทวี โดนเข้าไปเพียงทีเดียว อาจถึงตาย แต่ถ้าหลบล่ะ…..” 

              

 

       ถึงตรงนี้ มาวินก็หวนนึกถึงความเร็วในการพุ่งปะทะของกระบวนท่านี้  มันว่องไวชนิดที่คนธรรมดามองตามไม่ทัน ดังนั้นเรื่องหลบหลีกคงเป็นไปไม่ได้ เขาจึงคิดต่อไปถึงการป้องกัน 

 

“ ถ้าป้องกัน ก็ไม่น่าจะได้ เพราะความรุนแรงของท่านี้มีมากถึงขั้นเกือบโค่นสัตว์ร่างยักษ์ที่หนักกว่า 300 กิโลกรัมอย่างคองโกล่าได้ แล้วกับคนร่างเล็กบางอย่างเรา จะต้านทานได้ยังไง วิธีนี้ไม่เวิร์ค ” มาวินส่ายหัวไปมา ขณะที่เขาจนแต้ม ก็นึกวิธีใหม่ขึ้นมาได้ 

 

“ เอ๊ะ…ยังมีอีกวิธีนึงนี่นา เอาแบบนี้แหละ ถ้าเป็นไปตามที่คาด อาจชนะได้ ถึงเสี่ยงมาก แต่ก็ต้องยอมแล้ว ” มาวินเลิกคิ้วสูง พร้อมตัดสินใจเด็ดขาด เขาเริ่มย่อตัวลงต่ำและง้างหมัดซ้ายไปข้างหลัง 

            

 

       โอคุยาสุเหลือบไปเห็นอากัปกิริยาของมาวิน เขารู้ทันทีว่าเด็กหนุ่มน่าจะโต้ตอบด้วยการสวนกลับ หนุ่มหน้าขาวจึงร้องเตือน

 

“ เฮ้ ถ้านายคิดจะสวนกลับ มีหวังไปปรโลกแน่ ท่านี้มันแรงมากนะ ยอมแพ้ดีกว่าน่า ไอ้หนู ” 

            

 

        มาวินได้ยินคำเตือนนั้นอย่างชัดเจน แต่ในนาทีนี้ ทุกอย่างมันเดือดระอุจนเกินกว่าจะถอนตัว นั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มปฏิเสธ

 

“ ไม่ถอย เข้ามาเลย ชั้นจะน็อคนายให้ดู ” 

              

 

        คิ้วเรียวของโอคุยาสุเลิกสูง หนุ่มหล่อหน้ามนไม่หลงเหลือความรังเกียจเดียดฉันท์อยู่ในจิตใจอีกต่อไป เพราะสิ่งที่มาวินแสดงออกมา มันบ่งบอกถึงจิตใจนักสู้ที่เหี้ยมหาญอันหาได้ยากยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เขาตกลงใจกับตัวเอง 

 

“ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นนักสู้ของนาย ชั้นจะปิดฉากให้สมศักดิ์ศรี ” 

            

 

       ก่อนการโจมตีครั้งสุดท้าย หนุ่มหน้ามนย่อตัวต่ำลงไปอีก พริบตาต่อมา ออร่าสีม่วงก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรงจนดูคล้ายเปลวเพลิง จากนั้นโอคุยาสุก็เริ่มลงมือ

 

“ เพลงดาบผ่าหินผา ” 

            

 

       สิ้นเสียงร้อง ร่างสูงโปร่งของหนุ่มหล่อก็พุ่งปราดเข้าใส่มาวินที่ยืนปักหลัก มันรวดเร็วราวกับกระสุนปืนใหญ่ พอปะทะเป้าหมาย ก็เกิดประกายแสงเจิดจ้าแผ่ออกมา ทำให้ทุกคนในโรงฝึกรู้สึกแสบตา พร้อมเสียงระเบิดที่ดังสะท้านไปทั่วบริเวณ 

 

“ เปรี้ยง....... ” 

            

 

       ร่างเพรียวของมาวินลอยอยู่บนอากาศ ก่อนพุ่งไปกระแทกกำแพง จากนั้นก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองกับพื้น

 

“ ว้าย! เจ้าหน้าลิง เธออย่าเป็นอะไรนะ ” หลานสาวคนสวยของเทพศาสตราลุกขึ้นยืน เธอรีบรุดเข้าไปดูอาการของมาวิน ยังผลให้เกือบทุกหนุ่มในโรงฝึกอิจฉาตาร้อนไปตามๆกัน แต่เชื่อเถอะ ถึงทุกคนอยากเป็นผู้โชคดี แต่ไม่มีใครยอมโดนกระบวนท่าพิฆาตของโอคุยาสุอย่างแน่นอน

            

 

       ในยามปกติ หนุ่มหล่อหน้าขาวน่าจะเกิดอาการหึงหวง ทว่าโอคุยาสุกลับได้แต่ยืนนิ่ง สีหน้าดูซีดเผือด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะสำเหนียกได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่ เขาเกือบเป็นฝ่าย………..พ่ายแพ้ 

 

“ เฮ..... อาจารย์โอคุยาสุเก่งมาก ขอบคุณครับที่แก้แค้นให้พวกเรา เฮ.... ” เหล่าลูกศิษย์หนุ่มพากันโห่ร้องยินดี โดยไม่สนซักนิดว่า…..โอคุยาสุจะดีใจด้วยหรือไม่ เพราะใบหน้าของหนุ่มหน้าขาวไม่ปรากฏรอยยิ้มเลย หัวสมองก็พลันขบคิดอยู่คนเดียว

 

“ ในช่วงที่เข้าถึงตัว เจ้าเด็กคนนั้นสวนด้วยหมัดลุ่นๆ ซึ่งโดนใบหน้าของเราก่อน แต่โชคดีที่แค่ถากแก้ม ถ้าโดนเข้าไปเต็มๆ คนที่ล้มลงต้องเป็นเราอย่างแน่นอน "

           

 

       โอคุยาสุหันไปมองมาวินที่นอนสิ้นสติอยู่บนพื้น พลางกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือกใหญ่

 

“ แม้เจอกระบวนท่าที่มีความเร็วสูงขนาดนั้น แต่ก็ยังจับจังหวะ ชิงโจมตีได้ก่อน เป็นไปได้ยังไง ไม่น่าจะมีใครทำได้ หมอนี่เป็นใครกันแน่ ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา