7 Dungeon
เขียนโดย psfatman
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.06 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 04.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
เปลวไฟจากคบไฟสบัดสั่นไหวไปตามสายลมที่พัดเข้ามาตามรอยแตกเล็กๆของกำแพงอิฐ ทำให้แสงไฟจากคบไฟสาดแสงพลิ้วไสวทอดไปตามเส้นทางภายในอุโมงค์เบื้องหน้าอันมืดมิด ปรากฎเงาลางๆออกมาจากความมืด เป็นโครงร่างของกลุ่มคนจำนวน 3 คน ค่อยๆย่างก้าวออกมาจากส่วนลึกของภายในอุโมงค์ด้วยสภาพอิดโรย ท่ามกลางความมืดมิดและอับชื้น ในความเงียบงันมีเสียงร้องโหยหวน ดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนหันกลับไปอย่างตกใจ พลางก้มตัวลงหมอบกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยตะไคร้และดินโคลน และส่องสายตาไปในความมืด เสียงลมหายใจอันหืดหอบของทั้งสามคนดังแผ่วๆ ราวกับเป็นเป็นทำนองดนตรี
“บ้าจริง!!! มันยังตามมาอีกรึนี่”
แสงไฟจากคบไฟสะบัดแสงกระทบเงาหน้าคนทั้งสาม ชายร่างท้วมยกร่างขึ้นมาทำให้แสงไฟส่องกระทบกับป้ายชื่อสีทองที่กลัดอยู่ที่เหนือกระเป๋าของเสื้อสูทสีกรมท่าที่มอมแมมไปด้วยคราบโคลน และรอยเปื้อนต่างๆ มองเห็นชื่อ “รอย ดันตัน”
“เงียบๆซิ!!!” ชายร่างเล็กพูดขึ้นมาด้วยความโมโห “แกจะทำให้มันรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้นะ”
“เงียบทั้งคู่แหละ” ชายผมยาวในชุดช่างสีน้ำตาลพูดขึ้นมาเพื่อหยุดการสนทนาของทั้งสองคน ที่ถึงแม้จะดูเหมือนทะเลาะกันแต่เสียงที่พูดออกมาเหมือนเสียงกระซิบเบาๆ
“เชน แกแน่ใจว่ามาถูกทางแล้วแน่นะ” ชายร่างเล็กในชุดช่างสีน้ำตาลแบบมีซิปด้านหน้าปักคำว่า ลีโอ อยู่บนอกด้านซ้ายพูดขึ้นมาหลังจากเหลียวซ้ายแลขวาแล้วว่าไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
“ชั้นว่าชั้นมาไม่ผิดตามแผนที่ที่ชั้นดูมา”
“แล้วไอ้เข็มทิศอันนั้นมันของแกมันว่าไงล่ะ”
“มันก็ยังชี้ที่เดิม”
พูดจบเชนก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบสร้อยล๊อกเก็ตออกมา เป็นสร้อยล๊อกเก็ตที่มีสายห้อยสีเงิน ตัวล๊อกเก็ตทรงกลมสีเงินเหมือนนาฬิกา แต่แทนที่จะมีเลขบนหน้าปัดกลับเป็นรูปภาพอยู่บนตำแหน่งตัวเลขโดยมีรูปพระอาทิตย์อยู่แทนเลข 12 รูปอีกาแทนเลข 3 และรูปมีดแทนเลข 9 ส่วนบริเวณเลข 6 ก็เหมือนจะมีรูปอยู่แต่เพราะกาลเวลาอาจทำให้ภาพบริเวณนั้นมันเลือนหายไปมีแต่รอยคราบดำๆแทน ส่วนเข็มของนาฬิกาก็มีเพียงเข็มเดียวแถวปลายเข็มนั้นมีผลึกคริสตันสีเขียวอันเล็กๆติดตรงปลาย
เชนเปิดเข็มทิศขึ้นมาพร้อมพูดงึมงำด้วยคำที่ไม่รู้เรื่องสักครู่ แล้วเข็มนาฬิกาก็เริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เชนค่อยๆหันเข็มทิศไปทางซ้าย ขวา เข็มก็ยังหมุนอยู่
“มันต้องพังแล้วแน่ๆเลย”
“หุบปากน่ะรอย!!!” ลีโอตวาดขึ้นมา พร้อมทำสายตาไม่พอใจไปยังรอย แต่ก็หันกลับมามองที่เชนอย่างตั้งใจ
เชนหมุนตัวไปทางทิศต่างๆอยู่พักนึง เข็มของเข็มทิศจึงหยุดหมุนอยู่นิ่งๆ ปลายเข็มชี้ไปที่รูปพระอาทิตย์ เชนยิ้มอย่างเครียดๆ พลางปิดเข็มทิศเอาใส่กระเป๋าอย่างเดิม แล้วค่อยๆลุกขึ้น ลีโอกับรอยก็ลุกตาม
“มาถูกทางแล้วแต่เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว” เชนพูดขึ้นมาพลางปัดเศษดินที่ติดอยู่ตามปลายผมของเขา
“เรารีบไปกันเถอะ ชั้นไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว” รอยพูดขึ้นมาพลางออกเดินนำทั้งสองคนไปตามทาง
“ถ้าไม่เพราะแกดันทำโง่ๆเราคงไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้”
รอยชะงักเท้าหันกลับมามองหน้าลีโอ ด้วยสายตาอันเดือดดาล พร้อมกระชากคอเสื้อจะตัวของลีโอแทบจะลอยขึ้นมาจากพื้น
“แล้วใครที่เป็นต้นเหตุให้เราต้องลงมา ในที่บ้าๆแห่งนี้เพื่อหาเงินมาใช้หนี้เกือบแสนเหรียญนี่ล่ะ!!!”
“ชั้นไม่...”
“หนี้ที่ชั้นไม่ได้ร่วมก่อด้วยเลย แต่เชนกะชั้นต้องมารับกรรมนี่”
“ชั้นกะเชนต้อง...”
ฉับพลันเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้เข้ามา ทั้งสามคนหยุดชะงักมองหน้ากัน และออกวิ่งไปตามทางในทันที เชน ลีโอ และรอย วิ่งไปตามอุโมงค์แคบๆตามคบไฟที่ส่องสว่างตามทางไป ลมเริ่มแรงขึ้นประทะใบหน้า อากาศเริ่มเข้ามาแทนกลิ่นอับชื้น ทั้งสามเริ่มมีรอยยิ้มและวิ่งไป....
...
เช้าวันอังคารที่สดใส วิลเลอร์ สมิท วัย 50 ปีตื่นขึ้นหลังจากนอนอย่างเต็มที่ หลังจากอาบน้ำแต่งตัว ทานอาหารเช้า วิลเลอร์ สมิท ก็ออกไปทำงาน เขาจึงเดินไปท่ามกลางท้องฟ้าสีฟ้าซึ่งสมิทเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าท้องฟ้าจะสวยงามขนาดนี้หลังจากที่เมื่อคืนมีฝนตกหนัก ที่ทำงานของเขาอยู่ห่างจากบ้านพักในระแวกเวสสตรีทไปแค่บล็อกเดียว ทำให้เขาไม่ต้องรีบร้อนในการไปทำงาน และแต่ด้วยนิสัยความเป็นคนเจ้าระเบียบเขาไปทำงานทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า กลับบ้าน 2 ทุ่มทุกวัน
จากถนน เวสสตรีท เดินมาแค่บล็อกเดียวถึงย่านบลูม เป็นที่ตั้งของย่านธุรกิจในเมืองเมมฟิส ซึ่งมีทั้งธนาคารและสถาบันการเงินอยู่หลายแหล่ง ถึงเมืองเมมฟิสจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็มีเศษรฐกิจที่ดีจากการขายสินค้าจากการเกษตร เช่น นมวัว เนย จนส่งขายไปทั่วประเทศ มีนักลงทุนมากมายที่ย้ายมาอยู่ที่นี่เนื่องจากมีบรรยากาศที่ดี และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ดังนั้นที่ดินในแถบนี้แทบจะมีมูลค่าเป็นทองไปทันตา เมื่อมีเศษรฐกิจที่ดี การเงินคล่อง ความปลอดภัยจึงต้องตามมา สมิท เองก็รู้ถึงเรื่องนี้ เขาจึงก่อตั้งบริษัทวิลเลอร์ซิเคียวริตี้ ขึ้นมาเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเจ้าแรกในเมืองเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า เขาทำมาได้จะ 7 ปีแล้วรายได้ค่อนข้างดีพนักงานในบริษัทก็เพิ่มจำนวนขึ้นไป บริษัทเริ่มขยายใหญ่ขึ้น มีพนักงานหลากหลายตำแหน่งในการทำงาน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ สมิท ต้องมาทำงานสาย เขายังมาตามเวลาดังเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน
“อรุณสวัสดิ์คุณวิลเลอร์”
“อรุณสวัสดิ์ แซม เมื่อคืนเกมเป็นยังไง”
“ไมอามี่ 3 นิวเจอซี่ไฟเออร์ 1 เราชนะแบบชิลล์เลยครับเจ้านาย”
หลังจากพูดคุยกับ แซม ไวท์ ซีเคียวริตี้กะดึกที่รอเปลี่ยนเวรรอบเช้า แล้วเขาก็เดินขึ้นไปที่ห้องทำงานที่ชั้น 2 ของเขา ระหว่างที่กำลังจะอ่านหนังสือพิมพ์ เลขาของเขาก็นำกาแฟเข้ามาให้แล้วก็นำแฟ้มงานในวันนี้มาวางที่โต๊ะของเขา สมิท จิบกาแฟไปพลางอ่านหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวเรื่องการลงทุนห้างสรรพสินค้าใหม่ในเมมฟิส และเขากำลังคิดว่าถ้าไตรมาสหน้าธุรกิจยังดีขนาดนี้เขาคงต้องขยายกิจการของเขาออกไปอีก
เมื่อกาแฟหมดแก้วเขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ มองมาที่แฟ้มงานที่เลขาเขามาวางไว้ เขาเปิดแฟ้มดูและก็ขมวดคิ้วกับกระดาษแผ่นแรกที่เลขาเขาแนบมากับแฟ้มงานในนั้นมีชื่อพนักงานของเขาทั้งหมดพร้อมเวลาในการทำงาน และมีรายชื่อวงปากกาสีแดงไว้ เมื่อเขาอ่านก็พึมพำด้วยความไม่พอใจ
“ไอ้พวกนี้ขาดงานอีกแล้ว”
แล้วสมิทก็เซ็นชื่อรับรองในใบรายงานเวลาทำงาน ข้างหลังสามชื่อที่วงปากกาแดงไว้ สามชื่อนั้นคือ รอย ดันตัน, ลีโอ วิลเลี่ยม และเชน ฟานเซ่น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ