ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  53.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

44) ไหนๆก็ไหนๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       บุญกอบยอมรับว่าตนเองหน้ามืดถึงขีดสุด และสิ่งเดียวที่เขาคิดจะทำในเวลานี้ก็คือ……..การหักด่านสวาทของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงก้มกายลงต่ำ เพื่อหวังไซ้ซอกคอที่หอมหวน 

 

“ อื้อ….ยะ…อย่า อ้า…..” เด็กสาวร้องห้ามสลับครางดัง สองมือเรียวปัดป่ายไปมา เพื่อหยุดยั้งการจู่โจมของ ร.ป.ภ.หนุ่มกลัดมัน  

          

 

       ไม่รู้ว่าชาติปางก่อน ร.ป.ภ.หนุ่มเกิดเป็นแมวหรือเปล่า เพราะยิ่งเขาถูกห้ามมากเท่าไหร่ ความทะยานอยากในใจยิ่งปะทุมากขึ้นเท่านั้น เขาพยายามซุกไซ้ซอกคออย่างเมามัน บางครั้งก็ล่วงเลยไปถึงหอมแก้มเนียนใสของเด็กสาว 

 

“ ม่ายนะ ปล่อย….” เด็กสาวยังคงร้องห้ามต่อเนื่อง แต่กระแสเสียงและเรี่ยวแรงที่ผลักไสดูจะลดน้อยถอยลงไปมาก ด้วยเธอเริ่มรู้สึกกระสันอย่างรุนแรงจากรสมือที่กำลังเคล้นคลึงสองภูคู่งาม 

 

“ อ้า….ปะ….ปล่อย ปล่อย ” 

           

 

       เสียงร้องห้ามลดระดับลงเรื่อยๆ ใบหน้ากลมที่ขาวเนียนเริ่มบิดส่ายไปมาและเหยเก ดวงตาปรือลอยด้วยอารมณ์เกษมสันต์จากเพศรสที่ไม่เคยลิ้มลอง วินาทีต่อมา เด็กสาวก็พลันสะดุ้งแรง พร้อมชะงักงันการขัดขืนไปโดยปริยาย 

 

“ อึ้ก…..” 

          

 

       เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเธอถูกท่อนลำอาฆาตกระทุ้งเข้าไปตรงช่วงล่างที่แสนโหนกนูน สองมือที่เคยดันกายล่ำสันของ ร.ป.ภ.หนุ่มร่างล่ำก็แปรเปลี่ยนมาเป็นเกาะกุม ส่วนกายอวบขาวก็ส่ายไปมาเบาๆด้วยกิริยาที่คล้ายจะเชื้อเชิญ 

          

 

       ปฏิกิริยาของเด็กสาวเสมือนเป็นการบอกใบ้ว่า…..บัดนี้เธอพร้อมจะรับเพลงกามาที่เร่าร้อนของบุญกอบแล้ว  

 

“ ดูจากอาการ คงได้เวลาที่กูจะรุกคืบแล้ว ขอกินล่ะนะ แม่สาวน้อย ” 

         

 

        เมื่อคิดได้ดังนั้น บุญกอบก็หยุดยั้งการโยกชั่วขณะ พร้อมกระดกเอวขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อจับหัวบานทรงดอกเห็ดให้จรดจ่อไปที่โหนกนาแปลงโตซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในกางเกงในผืนบาง 

 

“ หึ หึ หึ เสร็จกูล่ะ นังหนูขาวอวบ ” 

          

 

       ระหว่างที่บุญกอบใช้มือข้างที่ว่างแหวกขอบกางเกงในออกห่าง เพื่อเปิดทางให้ท่อนลำอาฆาตเสือกหัวเข้าสู่อู่สวาทอันหยาดเยิ้ม ประตูห้องก็เปิดกว้างโดยพลัน 

 

“ แอ๊ด…….” 

 

“ เอ๊ะ! ” สองหนุ่มสาวต่างอุทานดังออกมาพร้อมกัน พวกเขาหันมองไปยังประตูเจ้ากรรม จึงได้เห็นเด็กสาวร่างเล็กนางหนึ่งยืนอยู่ เด็กสาวนางนั้นก็คือ…..สาวแจ๋วนั่นเอง 

         

 

        ปฏิกิริยาแรกของสองสาวและหนึ่งหนุ่มก็คือ…..นิ่งอึ้ง พวกเขาหยุดอยู่นานหลายอึดใจ ก่อนจะเกิดการระเบิดจากหลอดเสียง 18 วัตต์ของสาวแจ๋ว 

 

“ กรี๊ด….พี่บุญกอบทำอะไรน่ะ น่าเกลียดที่สุดเลย ” 

          

 

       บุญกอบรีบผละออกจากน้องแพรโดยด่วน เขารีบรุดเข้ามาปิดปากสาวแจ๋ว พร้อมกล่าวแก้ตัวด้วยอาการร้อนรน 

 

“ มะ….ไม่ ไม่ใช่นะ พะ….พี่ไม่ได้ทะ…ทำอะไรน้องแพรเลย พี่แค่พยายามช่วย น้องแพรเขาป่วย ” 

           

 

       บุญกอบกล่าวตะกุกตะกักตามสไตค์คนที่มีชนักติดหลัง แถมเขายังรีบร้อนเกินควรจนหลงลืมที่จะเก็บมังกรให้เข้าที่ เป็นผลให้ท่อนเนื้อใหญ่ยาวทิ่มกระแทกเข้าไปที่ขาอ่อนนวลเนียนของเด็กสาวแบบเต็มๆ 

 

“ อุ้ย….พ..พี่บุญกอบ เอ่อ…. ” เด็กสาวร่างเล็กพยายามฟ้อง สีหน้าของเธอดูตื่นเล็กน้อย ด้วยเจ้าท่อนเนื้อซึ่งกำลังเสียดสีที่โคนขา มันทั้งอุ่นร้อนและหยาบใหญ่อยู่มิใช่น้อย 

         

 

       เหมือนบุญกอบจะไม่ทันได้สังเกต เขาจึงไม่เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของสาวแจ๋ว เเถมเขายังดูร้อนรนอยู่กับการแก้ตัว 

 

“ เอ่อ….พะ…พี่ขะ…ขอโทษ ทะ…ท่าทางมันเหมือนการทำมิดีมิร้าย แต่พี่มะ…มีเจตนาจะ…จะชะ….ช่วยน้องพะ….แพรจริงๆนะ ” 

 

“ นะ…หนูขะ…เข้าใจแล้ว แต่พี่ชะ…ช่วยถะ…ถอยออกไปก่อน ” สาวแจ๋วพยายามผลักไสกายกำยำที่เข้าประชิด ใบหน้าขาวเนียนเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอายที่ต้องถูกดุ้นหยาบใหญ่เสียดสีโคนขาอ่อนอย่างกักขฬะ 

 

“ ตะ…แต่พะ….พี่ตะ…ตั้งใจจะช่วยน้องแพรจริงๆนะ ” บุญกอบยังคงกล่าวแก้ตัวต่อ ดูท่าทางเขาจะไม่ฟังคำของสาวน้อยร่างเล็กเลยซักนิด และนั่นก็สร้างความขยะแขยงต่อสาวแจ๋วอย่างหนักจนเธอเกิดอาการสติแตก 

 

“ บอกให้ปล่อยกูไง มึงพูดไม่รู้เรื่องเรอะ ” 

 

“ เพลี้ย…..” 

         

 

        สิ้นเสียงตวาดของสาวน้อยร่างเล็ก ฝ่ามือน้อยๆที่บอบบางก็ถูกหวดเข้าไปที่หน้าเหลี่ยมๆของ ร.ป.ภ.หนุ่ม แม้การเหวี่ยงสะบัดนั้นจะไม่สู้รุนแรงมากนัก เพราะมันมาจากเด็กสาวที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 45 กิโล แต่ก็หนักพอที่จะสร้างความงุนงงต่อบุญกอบ 

 

“ อึ้ก….” 

        

 

        ร.ป.ภ.หนุ่มร่างล้ำหยุดเว้าวอนและเซถอยหลังไปครึ่งก้าว เขาถึงกลับอึ้งกิมกี่กับกิริยาดุจแม่เสือสาวของนักศึกษาร่างเล็ก ส่วนสาวแจ๋วก็วางท่าขึงขังแบบไม่คิดเกรงกลัวผู้ใด อันเป็นความห้าวหาญที่ค่อนข้างเกินตัว 

        

 

       สองหนุ่มสาวจ้องกันอยู่อย่างนั้นได้ครู่หนึ่ง สาวแจ๋วก็เหมือนจะผ่อนท่าทีลง พร้อมกล่าวขอโทษต่อ ร.ป.ภ.หนุ่มจอมหื่น 

 

“ หนูขอโทษที่รุนแรงกับพี่ แต่ตอนนี้พี่ช่วย เอ่อ…..” สาวแจ๋วพูดเพียงแค่นั้น เธอก็ออกอาการขวยเขิน ก็จะให้บอกไปตรงๆได้ยังไงว่า “หนูอยากให้พี่เก็บเจ้าท่อนลำอาฆาตซะก่อน” มันเป็นเรื่องน่าอายสุดๆ ถึงจะดูก๋ากั่นยังไง เธอก็เป็นเพียงเด็กสาววัย 19  

         

 

        ร.ป.ภ.หนุ่มดูจะงงๆกับท่าทางพิลึกพิลั่นของเด็กสาว แต่เมื่อเหลือบมองความโล่งโจ้งเบื้องล่าง เขาก็เริ่มเข้าใจ พร้อมร้องขอโทษเสียงดัง 

 

“ โอ้….ขอโทษที พี่ลืมเก็บไอ้นี่ บ้าชะมัด น่าอายจริงๆ ” ร.ป.ภ.หนุ่มพูดจบ เขาก็เก็บอาวุธร้ายที่ยืดยาวให้เข้าที่โดยเร็ว 

        

 

        สาวแจ๋วเหลือบมองร.ป.ภ.หนุ่มร่างล่ำเก็บอาวุธร้ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปถามเด็กสาวรุ่นน้องที่ยืนอยู่ไม่ห่าง 

 

“ น้องแพรเป็นอะไรไปหรือ พี่บุญกอบถึงต้องพยายามช่วยจนโป๊เปลือยแบบนั้น ” 

         

 

        สาวแพรที่กำลังพยายามกลัดกระดุมเสื้อ เพื่อเก็บหนองโพคู่โตถึงกลับหยุดชะงักโดยพลัน พร้อมหันกลับมาตอบสาวรุ่นพี่แบบไม่เต็มเสียง 

 

“ อะ….เอ่อ..พะ…พี่บุญกอบบอกวะ…ว่านะ….หนูเป็นโรคร้อนภายในค่ะ ” 

          

 

        สาวแจ๋วดูจะสตั้นไปชั่วขณะ เพราะชื่อโรคที่เด็กสาวรุ่นน้องบอก มันแปลกประหลาดชนิดที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอจึงหันมามองบุญกอบที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ ด้วยไหวพริบปฏิภาณที่ว่องไว จึงทำให้เธอเข้าใจเรื่องราวในทันที 

 

“ ไอ้โรคบ้าบอนี่ มันไม่มีจริงหรอก สงสัยว่าน้องแพรจะโดนตา ร.ป.ภ.หื่นนี่หลอกฟันเป็นแน่ เฮ้อ….น้องแพรนี่โคตรจะเซ่อเลย ” 

        

 

        เมื่อเหตุการณ์ผันแปรเป็นเช่นนี้ สาวแจ๋วก็ยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อสาวแพรด้วยเสียงระรื่นหู ราวกับเหตุวายป่วงเมื่อครู่เป็นเพียงสายลมเย็นๆที่พัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา 

 

“ ดูจากอาการ พี่ว่าน้องแพรน่าจะหายดีแล้วล่ะ ต้องขอบคุณพี่บุญกอบมากที่เสียสละช่วยเหลือน้องแพรถึงขนาดนั้น พี่ว่าเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า เดี๋ยวจะเข้างานสาย ” 

 

“ คะ…ค่ะ หนูก็คิดว่าอย่างงั้น ขอบคุณพี่บุญกอบที่ช่วยเหลือหนูนะคะ ” สาวแพรหันมายกมือไหว้ขอบคุณ ร.ป.ภ.หนุ่มที่ยืนหน้าตื่น 

          

 

        บุญกอบยอมรับว่าแรกเริ่ม เขาพร้อมรับคำด่าจากสาวแจ๋วเป็นที่เรียบร้อย เพราะมันคงยากที่จะมีใครเชื่อคำโกหกพกลมที่ดูปัญญาอ่อนขนาดนี้ แต่สาวแจ๋วกลับไม่คิดจัดหนัก แถมยังให้เครดิตแก่เขาอีกต่างหาก มันกลับตาลปัตรซะจน ร.ป.ภ.หนุ่มถึงกลับพูดไม่ออก ทว่าอึดใจต่อมาสาวแจ๋วก็หันมาขยิบตาและส่งยิ้มหวานให้บุญกอบ    

 

“ เฮ้ย! อาการแบบนี้ น่าจะแปลว่าน้องแจ๋วรู้ว่าเราหลอกน้องแพร แต่เธอไม่คิดกล่าวโทษ แถมยังช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องให้เราอีกต่างหาก ท่าทางแบบนี้หมายความว่าไงวะ ” 

          

 

        ขณะที่บุญกอบกำลังหาคำตอบ เด็กสาวร่างเล็กในกระโปรงทรงพลีทก็หันไปชวนสาวรุ่นน้องทรงโต 

 

“ น้องแพร พี่ว่าพวกเราไปกันเถอะ เหลือเวลาแต่งตัวอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ถ้าเข้างานสาย ป้าผู้จัดการได้ด่าเช็ดแน่ ” 

 

“ ค่ะๆ ” สาวแพรรับคำล่กๆ ก่อนกลัดกระดุมเม็ดสุดท้าย 

           

 

         ขณะที่สองสาวกำลังจะเดินออกจากห้อง บุญกอบก็พลันเกิดความคิดชั่วๆ 

 

“ ถ้าน้องแจ๋วรู้เห็นเป็นใจให้เราขนาดนี้ ทำไมเราไม่ขอจัดหนักกับน้องเขาซักดอกล่ะ ” 

          

 

        เมื่อกระบวนการความคิดที่ชั่วช้าบรรลุวัตถุประสงค์เป็นที่เรียบร้อย เขาจึงเอื้อมไปจับมือบางของสาวแจ๋ว ก่อนที่เจ้าหล่อนจะก้าวออกจากห้อง 

 

“ เอ๊ะ!.....พี่บุญกอบจะทำอะไรคะ ” สาวแจ๋วหันกลับมาถามโดยพลันด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา