ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  52.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) ความอลหม่านในที่แคบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 28 ความอลหม่านในที่แคบ

 

        บุญกอบตกใจจนตัวลอย อนุสติแรกของเขาก็คือ….. 

 

“ เสียงแบบนี้ ใช่นางไม้หรือเปล่านะ ” 

         

 

         ความกลัววิ่งแล่นเข้าสู่สมอง ด้วยบุญกอบเป็นคนกลัวผีระดับสี่ดาว แต่เมื่อเขาหันไปมองยังทิศทางที่เกิดเสียง เขาก็คลายอาการตื่นตระหนกโดยพลัน  

 

“ อ้าว…..นั่นมัน…..น้องแจ๋วนี่นา ” 

          

 

         น้องแจ๋วที่บุญกอบขนานนามเป็นเด็กสาวร่างเล็กบาง ใบหน้าเรียวของเธอดูขาวใสและไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยที่ใสซื่อ แต่ดวงตากลมโตกลับแฝงประกายซุกซน และในทันทีที่ถูกร้องทัก เธอก็ถามกลับแบบกวนๆ 

 

“ อ้าว…..แล้วพี่คิดว่าหนูเป็นใครล่ะ ” 

           

 

         บุญกอบเกากระบาลแกรกๆ เขายอมรับว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขานึกรำคาญเด็กสาวนางนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะคอยยียวนเขาเป็นประจำ เธอยังชอบแอบดอดเข้ามาซนในป้อมยามที่เขาพำนักอย่างสม่ำเสมอ 

 

“ เฮ้อ…..น้องแจ๋วมาที่ป้อมยามทำไมล่ะครับ โดดงานแบบนี้ ผู้จัดการไม่ว่าเอาหรือ ” บุญกอบถอนหายใจแรง พร้อมยกนายสาวแสนสวยขึ้นมาอ้าง 

           

 

          เด็กสาวร่างเล็กในชุดกี่เพ้าแดงแสร้งตกใจ ปากก็ร้องอุทานดังและทำตาโต 

 

“ ว้าย!....นั่นน่ะสิ สงสัยว่า….หนูอาจโดนไล่ออกก็ได้นะ คิก คิก คิก….” 

           

 

        บุญกอบมองเด็กสาวปิดปากหัวเราะคิกๆด้วยท่าทางที่ดูเหนื่อยอ่อน เขายอมรับจากใจจริง แม้เด็กสาวนางนี้จะดูใสๆ แต่ก็ไม่ใช่สเป็กของเขาเลยซักนิด เพราะขนาดเจ้าหล่อนอยู่ในชุดกี่เพ้าที่รัดรูปปานนี้ มันยังแทบมองไม่เห็นทรวดทรงของสตรีเพศที่ชวนเร้าใจ มันเป็นอะไรที่แบนราบจนแทบแยกไม่ออกว่าส่วนไหนคือด้านหน้าหรือด้านหลัง 

           

 

         แม้บุญกอบจะทำท่าเซ็งอย่างเปิดเผย แต่สาวน้อยก็หาได้สำเหนียกไม่ เธอยังคงหัวเราะคิกคัก พร้อมสำรวจข้าวของในป้อมยามขนาด 5 คูณ 5 เมตรอย่างสบายอารมณ์ และเมื่อสาวเจ้าค้นเจอบางสิ่งในลิ้นชัก เธอก็พลันกรีดร้องออกมาด้วยท่าทางที่ดูตื่นตกใจ  

 

“ ว้าย!.....นี่มัน…..” 

          

 

         บุญกอบนึกเอะใจจนต้องลอบชำเลืองมอง แต่เมื่อเห็นว่าสาวแจ๋วถืออะไรไว้ในมือ เขาก็ถึงกลับตกใจจนตาโต 

 

“ อ้าว….เฮ้ย! นั่นมัน……. ” 

           

 

        สิ่งที่อยู่ในมือของสาวแจ๋วก็คือ….นิตยสารนวลนาง ซึ่งเป็นหนังสือแนวปลุกใจเสือป่า มันคือของสะสมที่บุญกอบพกติดตัวมาจากบ้านเกิด และเป็นหนังสือระดับตำนานที่หาซื้อในสมัยนี้ไม่ได้แล้ว 

          

 

        เมื่อสาวเจ้ามาแตะต้องของรักของหวงขนาดนี้ บุญกอบจึงทนไม่ได้ เขารีบลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวกับสาวน้อยวัยใสด้วยน้ำเสียงที่เครียดขึ้ง 

 

“ น้องแจ๋วครับ กรุณาเก็บหนังสือเล่มนั้นเข้าที่ด้วยครับ เพราะหนังสือเล่มนั้นสำคัญสำหรับผม ” 

 

“ อ้าว….ถ้าเป็นของสำคัญจริงๆ ทำไมถึงมาเก็บไว้ในลิ้นชักสาธารณะแบบนี้ ควรเก็บไว้ที่บ้านของพี่ซิ ว่าแต่ข้างในหนังสือเล่มนี้จะมีอะไรบ้างนะ ยังไงก็ขอหนูดูหน่อยแล้วกัน ” 

         

 

        สาวเจ้าพูดจบ เธอก็เปิดหนังสือออกดู และในทันทีที่เธอได้เห็นเนื้อหาของหนังสือ เธอก็ถึงกลับอุทานดัง 

 

“ อื้อหือ แจ่มจริงๆ ว้ายๆ ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ กรี๊ด….ไม่นะ ไม่ แบบนั้นมันอุจาดเกินไป ” 

          

 

         เสียงร้องกระตู้วู้พาเอาบุญกอบประสาทเสีย แต่ทุกสรรพสำเนียงก็ไม่ทำให้บุญกอบรู้สึกจิตตกเท่ากับการจับหนังสือแบบไม่ทะนุถนอมของเด็กสาว บุญกอบจึงร้องเตือนแต่โดยดี 

 

“ เอ่อ….จับเบาๆหน่อย น้องเเจ๋ว หนังสือมันเก่ามากแล้ว ” 

           

 

        ทว่าสาวแจ๋วกลับไม่คิดรับฟัง แถมยังจับแรงกว่าเดิมจนหมิ่นๆว่าหน้าหนังสือจะฉีกขาด นั่นจึงทำให้บุญกอบสติแตก 

 

“ โว้ย….ทนไม่ไหวแล้ว ปล่อยมือจากหนังสือเดี๋ยวนี้นะ ”           

           

 

         สิ้นเสียงตวาด บุญกอบก็โจนทะยานเข้าหาเด็กสาว เพียงพริบตาเขาก็ตรึงสองแขนบางของเด็กสาวเข้ากับผนัง แน่นอนว่าการจะทำอย่างนั้นได้ ทั้งสองต้องแนบชิดสนิทกายจนได้กลิ่นตัวของกันและกัน และบุญกอบยอมรับว่า….กลิ่นกายของสาวแจ๋วนั้นสุดแสนจะหอมหวนจนชวนดอมดมเสียเหลือเกิน 

 

“ เอ๊ะ!....กลิ่นนี้มัน….” 

           

 

         กลิ่นกายหอมหวนดังกล่าว ทำเอาบุญกอบรู้สึกปั่นป่วน ติดอยู่ตรงที่บุญกอบเกิดกระสุนหมดจากการโรมรันอย่างหนักหน่วงกับผู้จัดการสาว ไม่งั้นเจ้าอาวุธร้ายที่กลางเป้าคงผุดผงาดขึ้นมาแล้ว 

 

“ อืม…จะว่าไป กลิ่นกายของน้องแจ๋วก็หอมกรุ่นดีเหมือนกัน ”           

         

 

         ขณะที่บุญกอบกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่นั้นเอง สายตาของเขาก็สบเข้ากับดวงตากลมโตของเด็กสาว แน่นอนว่าเจ้าหล่อนเองก็มองเขาอยู่เหมือนกัน 

 

“ เอ๊ะ!....ขอโทษนะ น้องแจ๋ว พะ…พี่ ” บุญกอบเริ่มออกอาการประหม่าและพูดติดขัด ทว่าเด็กสาวหน้าใสกลับไม่มีทีท่าเขินอาย แต่กลับชะม้ายชายตาด้วยท่วงท่าที่ดูเย้ายวน 

 

“ แหม….ถึงกลับอายม้วนเลยหรือ พี่บุญกอบ ท่าทางตอนอายของพี่ น่ารักจัง ” 

           

 

         บุญกอบมองใบหน้าขาวใสของสาวแจ๋วไม่วางตา เขายอมรับว่าเด็กสาวนางนี้น่ารักไม่ใช่น้อย ข้อเสียหนึ่งเดียวของเธอก็คือ…..รูปร่างที่ค่อนข้างเล็กจนดูคล้ายเด็กน้อยในบางครั้ง 

 

“ อืม….นี่ถ้าน้องแจ๋วสะบึมขึ้นมาอีกนิด คงจะดีไม่ใช่น้อย ” 

         

 

          ขณะที่สายตาชั่วๆของบุญกอบกำลังไล่ไปตามเรือนกายเล็กบาง เขาก็พลันสะดุดเข้ากับความขาวผ่องเป็นยองใยบนต้นคออันบอบบาง สิ่งนั้นทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไปโดยปริยาย 

 

“ โอ้…..แต่ถ้าดูให้ดีๆ ถึงน้องแจ๋วจะไม่อวบอึ๋มสมใจ แต่เธอก็ขาวเนียนมิใช่น้อย ” 

           

 

         สาวแจ๋วลอบสังเกตอาการของบุญกอบโดยตลอด ด้วยประสบกามที่เคยมีมา จึงทำให้เด็กสาวล่วงรู้ความคิดของบุญกอบได้โดยง่าย ทว่าเธอกลับไม่มีอาการเอียงอายหรือหวาดกลัว แม้รู้อยู่เต็มอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องการอะไร 

 

“ ฮิ ฮิ ฮิ พี่บุญกอบมองอะไรอยู่จ๊ะ ” สาวแจ๋วถามเสียงหวาน ดวงตากลมโตดูหยาดเยิ้มจนชวนขนลุก (ขนส่วนไหนไม่รู้นะครับ) 

 

“ อะ…เอ่อ พะ..พี่มองต้นคอของน้องแจ๋วอยู่น่ะ ” บุญกอบเผลอตอบตามจริง ดวงตาจับจ้องความขาวตรงหน้าไม่วางตา 

         

 

           แม้สาวแจ๋วจะถูกลวนลามด้วยสายตาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทว่าสาวน้อยกลับไม่คิดจะหลบเลี่ยงเลยซักนิด เธอเอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อย เพื่อให้บุญกอบได้เห็นความขาวถนัดขึ้น ปากก็กล่าวร้องท้าทายด้วยกิริยายั่วยวน 

 

“ ฮิ ฮิ ฮิ ถ้าอยากดู ก็ดูให้เต็มตาเลยแล้วกัน ว่าแต่……” 

 

“ ว่าแต่….อะไร ” บุญกอบถามเสียงสั่น สายตายังจ้องมองคอขาวๆที่ลอยอยู่ไม่ห่าง 

          

 

          สาวน้อยหน้าใสไม่ตอบในทันที เธอเพียงผินหน้าไปมองสองมือแกร่งที่ล็อกสองแขนบางอย่างมีนัยยะ พร้อมร้องถามเสียงใส 

 

“ ว่าแต่…เมื่อไหร่พี่จะปล่อยมือหนูล่ะคะ ” 

         

 

           ทันทีที่ได้ยินน้ำคำของสาวน้อยร่างเล็ก บุญกอบก็พลันรู้สึกตัว เขาจึงร้องขอโทษขอโพยไปตามธรรมเนียม พร้อมปล่อยสาวน้อยให้เป็นอิสระ 

 

“ เอ่อ…ขอโทษที พี่ทำรุนแรงไปจริงๆ พี่คงตกใจมากไปหน่อย เพราะน้องจับสมบัติที่หวงแหนของพี่แรงเกินไป ” 

 

“ หึ…..ถึงอย่างงั้น พี่ก็ไม่ควรรุนแรงกับหนูขนาดนี้ ดูสิ ข้อมือหนูเจ็บไปหมดเลย ” สาวแจ๋วแกล้งทำเง้างอน พร้อมสำรวจข้อมือที่แดงช้ำของตนเอง 

           

 

         บุญกอบเริ่มทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกผิดที่ทำให้สาวน้อยหน้าใสเจ็บปวด แต่เด็กสาวร่างเล็กกลับดูเจ็บไม่จริงจังอย่างที่ควร เพียงไม่นานเธอก็เปลี่ยนเรื่องโดยพลัน 

 

“ เอ…..ทำไมพี่ถึงหวงแหนหนังสือเล่มนี้นักล่ะ หนูเปิดดูคร่าวๆ ก็เห็นแค่ชายหญิงเปลือยกายยืนคู่กันเท่านั้นเอง ” 

           

 

          เด็กสาวพูดจบ เธอก็ทำหน้าบ้องแบ๊วเหมือนเด็กสาวที่ไม่ประสีประสา ซึ่งก็นับว่าเนียนพอตัว เพราะมันทำให้บุญกอบแทบจะเชื่อโดยสนิทใจ  

 

“ ฮะๆ อันที่จริง ถ้าดูหน้าต่อๆไป มันไม่ใช่แค่ภาพเปลือยของชายหนุ่ม หญิงสาวหรอกนะ มันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ ” บุญกอบกล่าวอธิบาย พร้อมเตร่มายืนขนาบ 

 

“ อะไรหรือคะ พี่บุญกอบช่วยอธิบายให้ฟังทีซิ ” สาวน้อยร่างเล็กเขยิบเข้ามาใกล้ พร้อมกางหนังสือนวลนางในมือออกมา 

           

 

         เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ บุญกอบก็ได้แต่สวมบทบาทเป็นปรมาจารย์ด้านหนังสือในตำนาน ในใจนึกแผนโฉดชั่วที่ทำให้ได้เสพสวาทจากกายบางๆที่ขาวเนียน 

 

“ อืม….หน้าที่น้องแจ๋วเห็น มันแค่เบสิก ถ้าจะดูให้ถึงทีเด็ดทีขาด มันต้องดูหน้านี้ ” 

           

 

           บุญกอบพูดจบ เขาก็เอื้อมแขนล่ำสันโอบรอบกายเล็กบาง เพื่อไปจับปกหนังสือในตำนาน

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา