ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  53.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) แม่นางนมสด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 14 แม่นางนมสด

 

       นายโมทย์รู้สึกเคืองนิดๆกับคำตอบของเพื่อนซี้ เหตุเพราะคำตอบที่ได้ มันดูกำกวมเกินไป แต่เขาก็เก็บอาการและพาเพื่อนสนิทไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการต่อไป 

 

…………………..

          

        นายโมทย์ใช้เวลาไม่นาน เขาก็นำบุญกอบมาถึงหน้าประตูทางเข้าสู่แผนกเครื่องแต่งกาย มันเป็นประตูที่ทำจากไม้หยาบๆ มีป้ายพลาสติกเล็กๆติดอยู่ที่หน้าประตู ข้อความบนป้ายนั้นระบุเอาไว้ว่า……..แผนกเครื่องแต่งกาย ไม่มีกิจจำเป็น ห้ามเข้า 

 

“ โห…..ดูจากข้อความบนป้ายที่ติดหน้าห้อง คล้ายว่าเจ้าของห้อง เขาจะไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับคนทั่วไปนะ ” บุญกอบก็เริ่มบ่น ซึ่งนายโมทย์ก็ซ่อนยิ้มเอาไว้ภายใน ก่อนหันกลับมาตอกย้ำความคิดของเพื่อนรักร่างล่ำ 

 

“ จริงอย่างที่มึงคาดเลย เจ้าของห้องน่ากลัวมาก ทางที่ดี มึงอย่าไปสบตากับเจ้าหล่อน จะดีกว่า ” 

 

“ เจ้าหล่อน หมายความว่า……..” บุญกอบเริ่มหูผึ่ง  

 

“ ใช่แล้ว เจ้าของห้องนี้คือ…..ผู้หญิง ” นายโมทย์ย้ำ หลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตู ปากก็ร้องเรียกเจ้าหน้าที่ประจำห้องตามมารยาท 

 

“ ผมพาน้องใหม่มารับยูนิฟอร์มครับ ” 

           

 

        บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความเงียบงันอยู่พักหนึ่ง อึดใจต่อมาเสียงเยือกเย็นที่เนิบนาบก็ดังออกมาจากภายในห้อง 

 

“ เชิญเข้ามาได้เลย ” 

          

 

         แม้เสียงนั้นจะค่อนข้างไร้ชีวิตชีวาคล้ายนาแร้งในฤดูหนาว แต่ก็จับใจความได้ว่าเจ้าของเสียงน่าจะเป็นหญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย มันจึงทำให้บุญกอบนึกกระดี๊กระด๊าตามสันดานของคนบ้าผู้หญิง 

 

“ หึ หึ หึ น้องสาวเสียงเย็นนางนี้จะสวยเหมือนน้องเด็กเสิร์ฟมั้ยนะ ” 

          

 

       ประตูห้องเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมการก้าวเข้าไปภายในของสองหนุ่ม และในทันทีที่บุญกอบเห็นสาวเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เบื้องหน้า เขาก็ถึงกลับตะลึงงันด้วยอาการงงงวย 

 

“ เอ๊ะ!.....นั่นมัน…..” 

           

 

         เหตุที่นายบุญกอบตะลึงพรึงเพริดซะขนาดนี้ เพราะสาวเจ้าของห้องนางนี้ เป็นหญิงสาววัย 20 กลางๆที่ดูซิ้มถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าขาวซีดจนแทบจะไร้สีเลือด คิ้วที่บางจนแทบมองไม่เห็น ดวงตาที่เล็กหยีจนเกือบจะไม่พบนัยน์ตา ริมฝีปากก็หนาเตอะไม่ต่างจากเชื้อพันธุ์ของคนผิวสี แถมดั้งจมูกก็ยังบี้ยิ่งกว่าบุญกอบเสียหลายเท่า นับได้ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่จืดสนิทยิ่งกว่านมโคสดที่ให้เด็กน้อยรับประทานซะอีก 

 

“ หึ หึ หึ เป็นไง น้องคนนี้ถูกใจเอ็งมั้ยวะ ไอ้บุญกอบ ” นายโมทย์แอบกระซิบถามเพื่อนรักด้วยอาการหยอกเย้า 

 

“ เหอ เหอ เหอ ถ้าเป็นน้องคนนี้ ข้าขอบายว่ะ ขนาดคนบ้าผู้หญิง รับประทานไม่เลือกแบบข้า ยังกระเดือกไม่ลงเลยว่ะ ” บุญกอบตอบ พร้อมยิ้มแหยๆ ซึ่งนายโมทย์ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงยิ้มมุมปากน้อยๆและพาบุญกอบตรงเข้าไปหาสาวจืดนางนั้น 

 

“ เอ่อ…น้องขิม คนนี้คือพี่บุญกอบ เพื่อนของพี่เอง พี่ขอชุด ร.ป.ภ.ให้น้องใหม่คนนี้ทีเถอะ ” 

          

 

        สาวจืดผู้มีนามว่า…..ขิม เงยหน้ามองพนักงานหน้าใหม่อยู่สองสามอึดใจ เธอนิ่งไปซักพัก ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นและยานคาง

 

“ พอมีไซส์ของพี่คนนี้ เดี๋ยวจะหาให้ รอซักครู่ ” 

          

 

         สิ้นคำของสาวจืด เธอก็หายต๋อมเข้าไปในห้องเก็บของเล็กๆที่ด้านหลัง ทิ้งให้สองเพื่อนซี้ได้อยู่ตามลำพังในแผนกเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยวเหงา 

 

“ เฮ้อๆ……แค่ข้าได้ยินเสียงน้อง ข้าก็เหี่ยวแห้งแล้ว ยิ่งมองหน้าเจ้าหล่อน ยิ่งหดหายจนไม่เหลือแม้แต่ตอ ” บุญกอบเริ่มเปิดฉากนินทาในทันที ซึ่งนายโมทย์ก็โต้ตอบด้วยการกล่าวกระเซ้า 

 

“ อ้าว แล้วเมื่อกี้ หมาตัวไหนบอกว่าอยากพานพบหน้าน้องสาวเสียงเย็นคนนี้วะ ” 

 

“ เหอ เหอ เหอ กูพูดเองแหละ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าใบหน้าของน้อง มันจะจืดสนิทได้ขนาดนี้วะ ” บุญกอบกล่าวโต้  

         

 

        ในขณะที่การสนทนา (หรือนินทา) ยังไปไม่ถึงไหน เสียงประตูห้องเก็บของก็แง้มเปิดออกมาอย่างช้าๆ 

 

“ แอ๊ดๆ……..” 

          

 

         เหมือนว่าสองหน่อจะพอรู้มารยาททางสังคมอยู่บ้าง เพราะในทันทีที่เป้าหมายเริ่มปรากฏตัว สองหนุ่มก็หยุดการนินทาในทันที 

         

 

         สาวขิม เจ้าของใบหน้าจืดสนิท ก้าวเดินออกมาอย่างเชื่องช้า มือของเธอถือเสื้อกางเกงชุดหนึ่ง ซึ่งถ้าเพ่งมองดูให้ดีๆ ก็รู้แน่ชัดว่านั่นคือ…..ชุด ร.ป.ภ. 

         

 

           สาวจืดสนิทยื่นชุดนั้นให้กับนายบุญกอบ หนุ่มอีสานร่างล่ำแย้มยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนเอื้อมมือไปรับ 

 

“ ขอบคุณครับ ” 

          

 

         สาวจืดไม่ตอบรับมารยาทอันงามของหนุ่มต่างจังหวัด เธอเพียงชี้นิ้วไปที่ห้องลองเสื้อผ้าที่อยู่ในมุมในสุดของแผนก พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็น 

 

“ ห้องลองเสื้ออยู่ตรงนั้น เชิญไปลองก่อน ถ้าขัดข้องประการใด ก็เรียกดิฉัน ” 

            

 

          บุญกอบเงยหน้าขึ้นมองนายโมทย์ เขาพยายามส่งประกายเว้าวอนเพื่อนรัก ทำนองว่า…อย่าเพิ่งทิ้งกูไปไหนนะ เพราะกูเริ่มหลอนกับน้ำเสียงโทนเดียวของน้องจืดนางนี้เข้าให้แล้ว ซึ่งนายโมทย์ก็รู้ใจเพื่อนเป็นอย่างดี เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากในแบบที่เขาชอบทำ 

 

“ เออ….กูรอมึงอยู่ตรงนี้ มึงเข้าไปแต่งตัวเถอะ จะได้รีบไปทำงานกัน ” 

          

 

          บุญกอบใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยที่รู้ว่าเพื่อนซี้จะไม่ทิ้งเขา และในจังหวะที่บุญกอบกำลังจะก้าวเข้าไปห้องลองเสื้อผ้า เขาก็หันกลับมาย้ำกับเพื่อนซี้อีกครั้ง 

 

“ มึงอย่าหนีกูไปไหนนะ อย่าทิ้งให้กูอยู่คนเดียว กูกลัว ” 

          

 

         อาการปอดแหกของชายหนุ่มร่างล่ำ สร้างความขบขันให้กับนายโมทย์อย่างมากมายจนเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้  

 

“ เออ…กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง ฮ่า ฮ่าฮ่า ” 

         

 

          แน่นอนว่าสาวจืดที่ยืนข้างๆ มิได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เธอเพียงมองตรงไปยังบุญกอบนิ่งๆแต่เพียงเท่านั้น 

 

…………………

         

        บุญกอบเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้า มันเป็นห้องเล็กๆที่มีขนาดเพียง 2×2 เมตรเท่านั้น รอบข้างปิดกั้นด้วยราวเหล็กเล็กๆที่คลุมทับด้วยผ้าทึบสีดำจนชวนให้รู้สึกอึมครึม ยังดีที่เหนือหัวมีไฟนีออนสีใสซึ่งคอยให้ความสว่างขับไล่ความมืดมัวที่ชวนหดหู่ 

         

 

        บุญกอบมองตรงไปข้างหน้า เขาพบกับกระจกบานใหญ่ที่ฉายเงาร่างล่ำสันของตัวเอง และทันทีที่เห็นตัวตน เขาก็เกิดความภาคภูมิในเรือนกายอันสมบูรณ์แบบอยู่ลึกๆจนอดที่จะกล่าวชมเชยออกมาไม่ได้ 

 

“ อืมๆ……ดูกี่ที หุ่นของเราก็ยังเท่ไม่มีเปลี่ยน ” 

          

 

        หลังจากชมเชยหุ่นของตัวเองมาพอสมควร พ่อหนุ่มภูธรก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย 

 

“ เอาล่ะ รีบแต่งตัวให้เสร็จสิ้น จะได้เริ่มทำงาน เก็บเงินและกลับบ้าน ไปขอสาว เหอ เหอ เหอ ” 

          

 

        บุญกอบเริ่มต้นจากการถอดเสื้อเชิ้ตออกแขวนที่ไม้แขวนเล็กๆซึ่งติดกับผนังห้อง ทันทีที่เชิ้ตตัวนั้นหลุดจากกาย มันก็เผยให้เห็นแผงอกแน่นๆ หน้าท้องที่จับตัวเป็นมัดๆจนดูน่ากลัว นี่ยังไม่รวมถึงความล่ำสันตรงบริเวณหัวไหล่และแขน รวมความแล้ว ถ้าหุ่นไม่คล้ายนายแบบก็ใกล้เคียงกับกรรมกรแบกกระสอบข้าวสารเลยทีเดียว 

         

 

         หลังจากเสร็จกิจการเปลื้องผ้าช่วงบน หนุ่มอีสานร่างล่ำก็หันมาปลดอาภรณ์เบื้องล่าง และในทันทีที่เขาลงมือรูดซิปกางเกง ก็เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง  

 

“ ปื้ดๆ…..” 

 

“ เฮ้ย! ซิปติด ซวยแล้วซิ ”  

           

 

         บุญกอบร้องเสียงหลง เขาตื่นตกใจอย่างจริงจัง สองมือพยายามที่จะรูดซิปกางเกงสแล็คขึ้นลง แต่ดันติดอยู่กับที่ไม่ต่างอะไรจากการจราจรของเมืองกรุงในยามเย็น และเมื่อเขาเพียรอยู่นานหลายนาที เขาก็จนปัญญา 

 

“ ห่าเอย แล้วทีนี้กูจะถอดกางเกงยังไงกันล่ะฟะ ”  

          

 

          ขณะที่บุญกอบกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่นั้นเอง นายโมทย์ก็ร้องเรียกเสียงดัง 

 

“ เฮ้ย ไอ้บุญกอบ เอ็งเสร็จยังวะ แต่งตัวนานอย่างกับผู้หญิงเลยนะ มึง ” 

           

 

          ใบหน้าเหลี่ยมที่ขาวเหลืองของบุญกอบเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เพราะถ้าเพื่อนซี้มาพบว่าเขากำลังผจญอยู่กับอะไร มีหวังต้องถูกหัวเราะเยาะสลับกับก่นด่าอย่างแน่นอน แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือก 

 

“ เฮ้อ……ยังไงคงต้องบอกไอ้โมทย์มันก่อน เพราะลำพังแค่เรา ตายซักสิบชาติก็แก้ไขอาการซิปติดนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ”  

           

 

          เมื่อคิดได้ดังนั้น นายบุญกอบก็ชะโงกหน้าออกไปบอกเพื่อนซี้ที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ 

 

“ เฮ้ย ไอ้โมทย์ ข้ามีเรื่องให้เอ็งช่วยเหลือว่ะ ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา