ตลกร้ายใต้สะดือ
เขียนโดย Jalando
วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.
แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) แม่นางนมสด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 14 แม่นางนมสด
นายโมทย์รู้สึกเคืองนิดๆกับคำตอบของเพื่อนซี้ เหตุเพราะคำตอบที่ได้ มันดูกำกวมเกินไป แต่เขาก็เก็บอาการและพาเพื่อนสนิทไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการต่อไป
…………………..
นายโมทย์ใช้เวลาไม่นาน เขาก็นำบุญกอบมาถึงหน้าประตูทางเข้าสู่แผนกเครื่องแต่งกาย มันเป็นประตูที่ทำจากไม้หยาบๆ มีป้ายพลาสติกเล็กๆติดอยู่ที่หน้าประตู ข้อความบนป้ายนั้นระบุเอาไว้ว่า……..แผนกเครื่องแต่งกาย ไม่มีกิจจำเป็น ห้ามเข้า
“ โห…..ดูจากข้อความบนป้ายที่ติดหน้าห้อง คล้ายว่าเจ้าของห้อง เขาจะไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับคนทั่วไปนะ ” บุญกอบก็เริ่มบ่น ซึ่งนายโมทย์ก็ซ่อนยิ้มเอาไว้ภายใน ก่อนหันกลับมาตอกย้ำความคิดของเพื่อนรักร่างล่ำ
“ จริงอย่างที่มึงคาดเลย เจ้าของห้องน่ากลัวมาก ทางที่ดี มึงอย่าไปสบตากับเจ้าหล่อน จะดีกว่า ”
“ เจ้าหล่อน หมายความว่า……..” บุญกอบเริ่มหูผึ่ง
“ ใช่แล้ว เจ้าของห้องนี้คือ…..ผู้หญิง ” นายโมทย์ย้ำ หลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตู ปากก็ร้องเรียกเจ้าหน้าที่ประจำห้องตามมารยาท
“ ผมพาน้องใหม่มารับยูนิฟอร์มครับ ”
บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความเงียบงันอยู่พักหนึ่ง อึดใจต่อมาเสียงเยือกเย็นที่เนิบนาบก็ดังออกมาจากภายในห้อง
“ เชิญเข้ามาได้เลย ”
แม้เสียงนั้นจะค่อนข้างไร้ชีวิตชีวาคล้ายนาแร้งในฤดูหนาว แต่ก็จับใจความได้ว่าเจ้าของเสียงน่าจะเป็นหญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย มันจึงทำให้บุญกอบนึกกระดี๊กระด๊าตามสันดานของคนบ้าผู้หญิง
“ หึ หึ หึ น้องสาวเสียงเย็นนางนี้จะสวยเหมือนน้องเด็กเสิร์ฟมั้ยนะ ”
ประตูห้องเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมการก้าวเข้าไปภายในของสองหนุ่ม และในทันทีที่บุญกอบเห็นสาวเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เบื้องหน้า เขาก็ถึงกลับตะลึงงันด้วยอาการงงงวย
“ เอ๊ะ!.....นั่นมัน…..”
เหตุที่นายบุญกอบตะลึงพรึงเพริดซะขนาดนี้ เพราะสาวเจ้าของห้องนางนี้ เป็นหญิงสาววัย 20 กลางๆที่ดูซิ้มถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าขาวซีดจนแทบจะไร้สีเลือด คิ้วที่บางจนแทบมองไม่เห็น ดวงตาที่เล็กหยีจนเกือบจะไม่พบนัยน์ตา ริมฝีปากก็หนาเตอะไม่ต่างจากเชื้อพันธุ์ของคนผิวสี แถมดั้งจมูกก็ยังบี้ยิ่งกว่าบุญกอบเสียหลายเท่า นับได้ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่จืดสนิทยิ่งกว่านมโคสดที่ให้เด็กน้อยรับประทานซะอีก
“ หึ หึ หึ เป็นไง น้องคนนี้ถูกใจเอ็งมั้ยวะ ไอ้บุญกอบ ” นายโมทย์แอบกระซิบถามเพื่อนรักด้วยอาการหยอกเย้า
“ เหอ เหอ เหอ ถ้าเป็นน้องคนนี้ ข้าขอบายว่ะ ขนาดคนบ้าผู้หญิง รับประทานไม่เลือกแบบข้า ยังกระเดือกไม่ลงเลยว่ะ ” บุญกอบตอบ พร้อมยิ้มแหยๆ ซึ่งนายโมทย์ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงยิ้มมุมปากน้อยๆและพาบุญกอบตรงเข้าไปหาสาวจืดนางนั้น
“ เอ่อ…น้องขิม คนนี้คือพี่บุญกอบ เพื่อนของพี่เอง พี่ขอชุด ร.ป.ภ.ให้น้องใหม่คนนี้ทีเถอะ ”
สาวจืดผู้มีนามว่า…..ขิม เงยหน้ามองพนักงานหน้าใหม่อยู่สองสามอึดใจ เธอนิ่งไปซักพัก ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นและยานคาง
“ พอมีไซส์ของพี่คนนี้ เดี๋ยวจะหาให้ รอซักครู่ ”
สิ้นคำของสาวจืด เธอก็หายต๋อมเข้าไปในห้องเก็บของเล็กๆที่ด้านหลัง ทิ้งให้สองเพื่อนซี้ได้อยู่ตามลำพังในแผนกเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยวเหงา
“ เฮ้อๆ……แค่ข้าได้ยินเสียงน้อง ข้าก็เหี่ยวแห้งแล้ว ยิ่งมองหน้าเจ้าหล่อน ยิ่งหดหายจนไม่เหลือแม้แต่ตอ ” บุญกอบเริ่มเปิดฉากนินทาในทันที ซึ่งนายโมทย์ก็โต้ตอบด้วยการกล่าวกระเซ้า
“ อ้าว แล้วเมื่อกี้ หมาตัวไหนบอกว่าอยากพานพบหน้าน้องสาวเสียงเย็นคนนี้วะ ”
“ เหอ เหอ เหอ กูพูดเองแหละ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าใบหน้าของน้อง มันจะจืดสนิทได้ขนาดนี้วะ ” บุญกอบกล่าวโต้
ในขณะที่การสนทนา (หรือนินทา) ยังไปไม่ถึงไหน เสียงประตูห้องเก็บของก็แง้มเปิดออกมาอย่างช้าๆ
“ แอ๊ดๆ……..”
เหมือนว่าสองหน่อจะพอรู้มารยาททางสังคมอยู่บ้าง เพราะในทันทีที่เป้าหมายเริ่มปรากฏตัว สองหนุ่มก็หยุดการนินทาในทันที
สาวขิม เจ้าของใบหน้าจืดสนิท ก้าวเดินออกมาอย่างเชื่องช้า มือของเธอถือเสื้อกางเกงชุดหนึ่ง ซึ่งถ้าเพ่งมองดูให้ดีๆ ก็รู้แน่ชัดว่านั่นคือ…..ชุด ร.ป.ภ.
สาวจืดสนิทยื่นชุดนั้นให้กับนายบุญกอบ หนุ่มอีสานร่างล่ำแย้มยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนเอื้อมมือไปรับ
“ ขอบคุณครับ ”
สาวจืดไม่ตอบรับมารยาทอันงามของหนุ่มต่างจังหวัด เธอเพียงชี้นิ้วไปที่ห้องลองเสื้อผ้าที่อยู่ในมุมในสุดของแผนก พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็น
“ ห้องลองเสื้ออยู่ตรงนั้น เชิญไปลองก่อน ถ้าขัดข้องประการใด ก็เรียกดิฉัน ”
บุญกอบเงยหน้าขึ้นมองนายโมทย์ เขาพยายามส่งประกายเว้าวอนเพื่อนรัก ทำนองว่า…อย่าเพิ่งทิ้งกูไปไหนนะ เพราะกูเริ่มหลอนกับน้ำเสียงโทนเดียวของน้องจืดนางนี้เข้าให้แล้ว ซึ่งนายโมทย์ก็รู้ใจเพื่อนเป็นอย่างดี เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากในแบบที่เขาชอบทำ
“ เออ….กูรอมึงอยู่ตรงนี้ มึงเข้าไปแต่งตัวเถอะ จะได้รีบไปทำงานกัน ”
บุญกอบใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยที่รู้ว่าเพื่อนซี้จะไม่ทิ้งเขา และในจังหวะที่บุญกอบกำลังจะก้าวเข้าไปห้องลองเสื้อผ้า เขาก็หันกลับมาย้ำกับเพื่อนซี้อีกครั้ง
“ มึงอย่าหนีกูไปไหนนะ อย่าทิ้งให้กูอยู่คนเดียว กูกลัว ”
อาการปอดแหกของชายหนุ่มร่างล่ำ สร้างความขบขันให้กับนายโมทย์อย่างมากมายจนเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ เออ…กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง ฮ่า ฮ่าฮ่า ”
แน่นอนว่าสาวจืดที่ยืนข้างๆ มิได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เธอเพียงมองตรงไปยังบุญกอบนิ่งๆแต่เพียงเท่านั้น
…………………
บุญกอบเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้า มันเป็นห้องเล็กๆที่มีขนาดเพียง 2×2 เมตรเท่านั้น รอบข้างปิดกั้นด้วยราวเหล็กเล็กๆที่คลุมทับด้วยผ้าทึบสีดำจนชวนให้รู้สึกอึมครึม ยังดีที่เหนือหัวมีไฟนีออนสีใสซึ่งคอยให้ความสว่างขับไล่ความมืดมัวที่ชวนหดหู่
บุญกอบมองตรงไปข้างหน้า เขาพบกับกระจกบานใหญ่ที่ฉายเงาร่างล่ำสันของตัวเอง และทันทีที่เห็นตัวตน เขาก็เกิดความภาคภูมิในเรือนกายอันสมบูรณ์แบบอยู่ลึกๆจนอดที่จะกล่าวชมเชยออกมาไม่ได้
“ อืมๆ……ดูกี่ที หุ่นของเราก็ยังเท่ไม่มีเปลี่ยน ”
หลังจากชมเชยหุ่นของตัวเองมาพอสมควร พ่อหนุ่มภูธรก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
“ เอาล่ะ รีบแต่งตัวให้เสร็จสิ้น จะได้เริ่มทำงาน เก็บเงินและกลับบ้าน ไปขอสาว เหอ เหอ เหอ ”
บุญกอบเริ่มต้นจากการถอดเสื้อเชิ้ตออกแขวนที่ไม้แขวนเล็กๆซึ่งติดกับผนังห้อง ทันทีที่เชิ้ตตัวนั้นหลุดจากกาย มันก็เผยให้เห็นแผงอกแน่นๆ หน้าท้องที่จับตัวเป็นมัดๆจนดูน่ากลัว นี่ยังไม่รวมถึงความล่ำสันตรงบริเวณหัวไหล่และแขน รวมความแล้ว ถ้าหุ่นไม่คล้ายนายแบบก็ใกล้เคียงกับกรรมกรแบกกระสอบข้าวสารเลยทีเดียว
หลังจากเสร็จกิจการเปลื้องผ้าช่วงบน หนุ่มอีสานร่างล่ำก็หันมาปลดอาภรณ์เบื้องล่าง และในทันทีที่เขาลงมือรูดซิปกางเกง ก็เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง
“ ปื้ดๆ…..”
“ เฮ้ย! ซิปติด ซวยแล้วซิ ”
บุญกอบร้องเสียงหลง เขาตื่นตกใจอย่างจริงจัง สองมือพยายามที่จะรูดซิปกางเกงสแล็คขึ้นลง แต่ดันติดอยู่กับที่ไม่ต่างอะไรจากการจราจรของเมืองกรุงในยามเย็น และเมื่อเขาเพียรอยู่นานหลายนาที เขาก็จนปัญญา
“ ห่าเอย แล้วทีนี้กูจะถอดกางเกงยังไงกันล่ะฟะ ”
ขณะที่บุญกอบกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่นั้นเอง นายโมทย์ก็ร้องเรียกเสียงดัง
“ เฮ้ย ไอ้บุญกอบ เอ็งเสร็จยังวะ แต่งตัวนานอย่างกับผู้หญิงเลยนะ มึง ”
ใบหน้าเหลี่ยมที่ขาวเหลืองของบุญกอบเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เพราะถ้าเพื่อนซี้มาพบว่าเขากำลังผจญอยู่กับอะไร มีหวังต้องถูกหัวเราะเยาะสลับกับก่นด่าอย่างแน่นอน แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือก
“ เฮ้อ……ยังไงคงต้องบอกไอ้โมทย์มันก่อน เพราะลำพังแค่เรา ตายซักสิบชาติก็แก้ไขอาการซิปติดนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น นายบุญกอบก็ชะโงกหน้าออกไปบอกเพื่อนซี้ที่กำลังยืนส่งยิ้มให้
“ เฮ้ย ไอ้โมทย์ ข้ามีเรื่องให้เอ็งช่วยเหลือว่ะ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ