ถูกใช้เป็นเครื่องมือแล้วเฉดหัวทิ้ง เลยแหวกมิติมาต่างโลกเองมันซะเลย
เขียนโดย นักบุญผู้เผยแพร่กาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.17 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 17.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ช่วยด้วยครับผมถูกโจรปล้น!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความถูกอัญเชิญเป็นเครื่องมือจากนั้นก็เฉดหัวส่งกลับ ด้วยความหมั่นใส้เลยแหวกมิติมาต่างโลกเองซะเลย
[ ช่วยด้วยครับผมถูกโจรปล้น! ]
พวกข้าคือสุดยอดโจรแห่งใต้หล้า ไม่มีเหยื่อตัวไหนสามารถหนีรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพวกข้าได้ มันตัวไหนก็ตามที่ถูกพวกข้าหมายหัว ชะตากรรมที่รอมันอยู่มีเพียงแค่อย่างเดียว คือ ความตาย
บางครั้งก็จะมีพวกโง่เง่าที่ไม่รู้จักประมาณตนโผล่ออกมาให้เห็นอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ที่พวกข้าถูกหมายหัวจากทางกิลด์และราชอาณาจักร แต่การตามล่าฆ่าหัวพวกข้ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าขัน การถูกหมายหัวมันคือเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของพวกข้า
พวกโง่เง่าที่ไม่รู้จักคิดและวิเคราะห์ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม มันก็แค่แมงเม่าบินเข้ากองไฟดี ๆ นี่เอง
พวกข้าจะยำพวกโง่เง่านั่นให้เละ ทำลายความฝันและความหวังของพวกมันอย่างไร้ปราณี ความเป็นจริงมันยิ่งกว่านิยาย คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก
13 ปี คือ ช่วงเวลาการดำรงอยู่ของพวกข้า ชื่อเสียงของพวกข้าเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ แม้แต่เด็กแรกเกิดก็ยังต้องถูกตักเตือนถึงวีรกรรมของพวกข้า
ถิ่นฐานของพวกข้าเป็นรังลับ ไม่เคยมีใครตรวจพบหรือหาเจอมาก่อน มันถูกซ่อนอยู่ภายในป่าทางตอนใต้ของสุดขอบทวีป ภายนอกดูเหมือนป่าไม้ใหญ่ธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แท้จริงแล้วมันคือป่าแห่งความตาย ที่หากมีใครเดินหลงเข้ามาย่อมไม่มีทางได้กลับออกไป
ข้านั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ถูกเติมแต่งไปด้วยหัวกระโหลกจากพวกโง่เง่าที่กล้ามาท้าทายข้า รอบกายข้ามีหญิงสาวมากหน้าหลายตาคอยบำเรออยู่ ยัยพวกนี้เองก็เคยเป็นหนึ่งในพวกโง่เง่าที่กล้ามาท้าทายข้าเหมือนกัน
สำหรับผู้ชายแล้วพวกข้าจะฆ่ามันหรือไม่ก็จับไปให้สัตว์เลี้ยงกินเป็นอาหาร แต่สำหรับผู้หญิงพวกข้าจะนำมาเป็นคนรับใช้ไม่ก็ทาสเซ็กส์คอยบำเรอให้หายเบื่อ
“ แล้วสถานการณ์เป็นยังไง? ”
ข้าเอ่ยถามหนึ่งในพวกข้าที่เป็นสายสืบค้นข้อมูล
งานที่ข้ามอบหมายให้ไปทำคืองานเกี่ยวกับการตามสืบข้อมูลรายชื่อของเหล่านักผจญภัยและกองหน่วยอัศวิน หากพบเห็นมันคนไหนมีแววว่าจะเป็นตัวขัดแข้งขัดขาพวกข้าได้ในอนาคตก็ให้รีบมารายงานในทันที จะได้รีบ ๆ ตัดไฟแต่ต้นลมให้มันเสร็จสรรพ
“ จากรายชื่อล่าสุดที่ผมไปตรวจสอบมาดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับลูกพี่ จะมีก็แค่นักผจญภัยเก่า ๆ ที่อยู่ในแรงค์ B เหมือนอย่างเช่นเคยครับผม ”
นักผจญภัยแรงค์ B.... ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบเคียงกับข้า หากเป็นการสู้ตัวต่อตัวข้าอาจจะมีโอกาสแพ้ชนะอยู่บ้างแล้วแต่ไหวพริบของแต่ละฝ่าย แต่ถ้าหากพวกมันมาเป็นกลุ่มกันแล้วละก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้าจะมีจุดจบเช่นไร
เฮอะ! มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก เพราะนักผจญภัยแรงค์ B มีอยู่ด้วยกันแค่ 14 คน บนโลก และยังอยู่กันแบบกระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วยต่างหาก เพราะงั้นมันจึงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องมาทำให้ข้าเป็นกังวล
“ หืม? ”
มีเหยื่อหลุดเข้ามาในอาณาเขตงั้นรึ?
ข้าพยักหน้าส่งสัญญาณให้แก่คนอื่น ๆ
ป่าแห่งนี้น่ะก็เปรียบเสมือนสวนหลังบ้านของข้า ข้าจะรับรู้ได้ในทันทีหากมีสิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากพวกข้าย่างกรายเข้ามา ข้าขยับศรีษะของยัยผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังผงกบริการท่อนล่างของข้าอยู่ออก ก่อนจะลุกจากบัลลังก์และหยิบอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาสวมใส่
“ ลูกพี่จะออกไปด้วยงั้นเหรอครับ? ”
หนึ่งในพวกข้าเอ่ยถาม
ปกติแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ถึงมือของข้าหรอก แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ข้าได้แต่นั่งและก็นอนไปวัน ๆ ถือซะว่าเป็นการยืดเส้นยืดสายหลังจากไม่ได้ทำอะไรมานานก็แล้วกัน
ข้าหยิบอาวุธคู่กายขึ้นพาดบ่า ขวานสีแดงฉานที่ได้ฉายาว่า “ แก่นแท้อัคคี ” เป็นอาวุธเวทย์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถปลดปล่อยเปลวไฟที่ร้อนแรงจนสามารถละลายเหล็กกล้าได้ทันทีที่เข้าใกล้
ข้าแสยะยิ้มและหันสายตามองไปยังทิศทางของเหยื่อ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปหาด้วยความเร็วที่แม้แต่สายลมก็ยังเป็นรอง ข้าได้ยินเสียงพวกข้าชื่นชมว่า “ สมกับเป็นลูกพี่.... ” ดังอยู่ข้างหลังอย่างเคารพนับถือซะด้วย
ไม่นานนักข้าก็เห็นร่างของเหยื่อยืนหันหลังให้อยู่ที่ปลายสายตา มันกำลังเดินอย่างหลงทิศหลงทางเหมือนกับไม่เคยเดินป่ามาก่อน ข้าเกือบจะหลงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่คนกาก ๆ หรือชาวบ้านกาก ๆ ที่เผลอเดินหลงเข้ามาในป่า แต่จากที่ข้าดูเครื่องสวมใส่ของมันข้าก็ตัดทิ้งเรื่องที่มันเป็นชาวบ้านไปทันที
ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้า แต่ข้าก็สามารถบอกได้เลยว่าเสื้อผ้าที่มันสวมอยู่เป็นของชั้นสูงที่ถูกทำออกมาเป็นอย่างดี ราคาของมันไม่บอกก็รู้ว่าต้องแพงแน่นอน
มันอาจจะเป็นชนชั้นสูงจากเมืองไหนซักแห่งที่กำลังเดินทางอยู่ และการเดินทางมันก็ต้องมีการพักผ่อนกลางทางกันบ้างเรื่องนั้นใคร ๆ ก็รู้ ถ้าอย่างนั้นใกล้ ๆ กับป่าของพวกข้าก็ต้องมีเหล่าคณะเดินทางของมันอยู่ด้วยสินะ?
ช่างเซอร์ไพรส์จริง ๆ
ข้าตัดสินใจที่จะเล่นเกมส์วิ่งไล่จับ อย่างแรกข้าจะทำให้มันกลัวข้าจนหัวหดแล้วปล่อยให้มันวิ่งหนีหาทางออกไปเรื่อย ๆ เสียงแหกปากร้องด้วยความกลัวของมันจะเป็นตัวส่งสัญญาณอย่างดีให้พวกคณะเดินทางของมันรับรู้ว่ามันอยู่ในป่า
และพอพวกมันเดินเข้ามาในป่า.... ข้าก็จะฆ่าพวกมันทิ้งซะ! จากนั้นก็จะขโมยของมีค่าของพวกมันทั้งหมด โดยเฉพาะเสื้อผ้าของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า!!!
ทันทีที่ข้าเข้ามาประชิดตัวถึงข้าก็เหวี่ยงขวานลง ไม่สิ.... ข้าจะทำให้เสื้อผ้าเกิดชำรุดไม่ได้ ข้าหยุดมือที่เหวี่ยงขวานกระทันหันและเปลี่ยนไปใช้มืออีกข้างเหวี่ยงหมัดเข้าใส่แทน
แน่นอนว่าข้าได้กะแรงเอาไว้แล้ว หากข้าใช้แรงเต็มที่ข้าเกรงว่าร่างของมันจะระเบิดตายเอาซะก่อน ด้วยแรงประมาณนี้ตามที่ข้ากะเอาไว้มันก็แค่จะส่งร่างของมันปลิวนิดหน่อย ถึงใบหน้าจะเสียรูปแต่ถ้ายังไม่ตายข้าก็ไม่ใส่ใจหรอก
แต่ในฉับพลันนั้นเอง จู่ ๆ มันก็หันหน้ามาหาข้า เผยให้เห็นใบหน้า.... ไม่สิ มันใส่หน้ากากสีขาวปิดบังใบหน้าเอาไว้ แต่มันคือหน้ากากอะไรกัน? เพียงแค่ข้าได้เห็นก็ทำเอาหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด ข้าถูกมันโจมตีสวนกลับทั้ง ๆ ที่หมัดของข้ายังไปไม่ถึงครึ่งทางที่จะโดนตัวมันเลยด้วยซ้ำ
“ ฮาโดเคน! ”
“ ....!? ”
กลุ่มก้อนพลังงานสีฟ้าสว่างปริศนาถูกปลดปล่อยออกมาอัดใส่ข้าเต็ม ๆ ในระยะเผาขน ส่งร่างของข้าปลิวว่อนล่องลอยอยู่บนอากาศหลายตลบก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น
เชี่ยไรเนี่ย???
มันไม่ได้สร้างความเสียหายภายนอกใด ๆ ให้แก่ข้า แต่ความเสียหายภายในนั้นหนักหนาสาหัสจนคิดได้เพียงแค่คำตอบเดียวสำหรับตัวข้าในตอนนี้ว่า....
ตูข้าตายห่าแน่นอน....
“ มัน.... บ้าอะไรกัน....? ”
ข้าพยายามเปล่งเสียงแต่ก็ได้เพียงแค่เสียงติด ๆ ขัด ๆ เท่านั้น
เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา มันเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวข้าแล้วก้มหน้าลงมองภายใต้หน้ากากที่สุดแสนจะน่าขนลุกนั่น
“ ฮาโดเคนน่ะเหรอ? มันคือท่าที่ใช้พลังคิในร่างกายรวบรวมอัดแน่นแล้วปลดปล่อยออกมาในรูปแบบของกลุ่มก้อนพลังงานน่ะ ”
ข้าไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้นโว้ย....
“ โอ๊ะ? ขวานนั่นท่าทางจะเป็นของดี? ขอได้ป่ะ? ”
เฮ้ย! เดี๋ยวเซ่! ข้าอยากจะตะโกนออกไปแบบนั้นแต่ช่างน่าเศร้าที่ไม่มีแรงพอที่จะทำ....
เพราะเห็นว่าข้ายังไงก็ไม่มีทางรอดแน่ ๆ มันก็เลยเดินไปหยิบขวานของข้าขึ้นมา ฮึฮึฮึ คิดผิดแล้วที่ไปหยิบขวานนั่นน่ะ! “ แก่นแท้อัคคี ” จะยอมให้เฉพาะผู้เป็นเจ้าของจับหรือใช้งานได้เท่านั้น หากไม่ใช่แล้วละก็ตัวขวานมันจะปลดปล่อยเปลวไฟที่รุนแรงเทียบเท่ากับเปลวเพลิงมังกรออกมาแผดเผาร่างให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี!
ข้าคิดแบบนั้น.... แต่มันแม่มเสือกถือแล้วเหวี่ยงเล่นได้อย่างหน้าตาเฉยโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเว้ยเฮ้ย!!?
และนั่นมันก็ทำให้ข้าเข้าใจในที.... ว่าข้าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวตนที่ไม่สมควรจะไปหาเรื่องมากที่สุดบนโลกเข้าเสียแล้ว....
คนบ้าอะไรจับขวานที่เป็น “ แก่นแท้อัคคี ” หักเล่นเป็นกิ่งไม้ฟระ!!!
เดี๋ยวนะ? ทำไมมันถึงจ้องไปทางรังลับของพวกข้ากันล่ะ!? อย่าบอกนะว่ามันจะ—!?
อา.... ลาก่อนพวกข้าทุกคน ลาก่อนรังลับของข้า....
สายตาของข้าเริ่มพร่ามัว ไม่ได้เป็นเพราะสติของข้าเริ่มเลือนลาง แต่เป็นเพราะน้ำตาที่ไหลออกจากตาข้ามันไหลไม่หยุด คนที่เอาแต่เป็นฝ่ายปล้นอยู่ตลอดอย่างข้า วันนี้ข้าได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกเป็นฝ่ายที่ถูกปล้นแทนเป็นครั้งแรก
ข้าเห็นมันเดินผิวปากด้วยท่าทางดีอกดีใจค่อย ๆ ห่างออกไป นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ข้าได้เห็น ก่อนที่สติของข้าจะวูบดับลง และตายลงในที่สุด....
ปล.แสดงความคิดเห็นกันได้ตามสบายนะครับ จะเรื่องติเรื่องชมจะยังไงก็ได้ ผมยินดีรับฟัง ( อ่าน ) ทุกความคิดเห็นครับ ส่วนตัวผมค่อนข้างดีใจเวลาเห็นคนมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมากกว่าการมากดไลค์กดติดตามเสียอีก
ปล2.จะแสดงความคิดเห็นถามอะไรก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะตอน Q&A กำลังรอทุกท่านอยู่ในอนาคต
ปล3.เวลาลงอาจจะไม่แน่นอนนะครับ เพราะผมจำเป็นต้องเรียกอารมณ์ ( ดมซักถุง ) ถึงจะสามารถบรรยายมันออกมาได้ แต่อย่างต่ำคือ 5 ตอนต่อสัปดาห์ครับ
ขอบคุณที่เข้ามารับอ่านนะครับ และได้โปรดดูแลสุขภาพทางสายตาด้วยนะครับ ถ้าไม่อยากเป็นแบบผม ( ฮา )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ