ทำไมมันยากจังกับการคุยกับคนอื่น
-
เขียนโดย Fade
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.30 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
3,358 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561 14.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทสนทนาที่1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“การพึ่งพาซึ่งกันและกัน เป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์นั้นมีอยู่ในสามัญสำนึกของตนเอง เมื่อเราลำบาก เราก็ต้องวิ่งไปหาคนคนหนึ่งเพื่อให้คนคนนั้นช่วย ยกตัวอย่างเช่น ในตอนเด็กพอเราโดนพวกนิสัยไม่ดีแกล้ง เราก็ต้องวิ่งไปหาอาจารย์เพื่อให้อาจารย์ช่วยเรา”
“ไอ้ที่นายพูดมาเนี่ยมันก็แค่การเราทำในสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่รึไง ถ้าเกิดฉันยกตัวอย่างมั่งว่า ถ้าเกิดนายพิการที่ขาแล้วนายกับเพื่อนสุดที่รักของนายที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ต้องการที่ปีนกำแพงหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า นายจะร่วมมือกันหนีไหม”
“ถ้าฉันต้องการออกไป ฉันคิดว่าฉันคงจะทำ” “แล้วถ้าวิธีที่จะออกไปคือ เขาจะเหยียบหลังนายแล้วขึ้นไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อยจะจับมือนายขึ้นไปล่ะ”
“อืมมม คงจะไปมั้ง”
ผมยิ้ม
“เขาร่างกายไม่แข็งแรง แล้วนายจะรู้ได้ไงว่าเขาจะดึงนายข้ามกำแพงได้”
ผมมักจะคุยเรื่องแบบนี้กับเคียวสุเกะเสมอ เขามักจะบอกให้ผมพยายามคุยกับคนอื่นบ้าง หลังจากคุยยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงออดเข้าเรียนในคาบเช้าก็ดังขึ้น ผมปิดแชทในโทรศัพท์ที่คุยกับเคียวสุเกะลง และล็อคหน้าจอ
ครืด! เสียงประตูเลื่อน
“นักเรียน สำหรับคาบโฮมรูมวันนี้ให้ทุกคนจับกลุ่มทำเวรประจำวันนะ กลุ่มละสองคน”
หลังจากคุณครูพูดจบทุกคนก็เริ่มจับกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว และแน่นอนผมเป็นหนึ่งในผู้โชคดี คือมีกลุ่มแบบสุ่มในอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องหากลุ่มด้วยตัวเอง หรือไม่จำเป็นต้องหนักใจว่าจะแยกกลุ่มยังไง สบายสุดๆ
“โอเคเลือกกันได้แล้วใช่ไหม ห้องเรามี 35 คนเพราะฉะนั้น อืมมม”
ได้เวลาคณิตคิดเร็วประจำวัน ถ้ากลุ่มละสองคนมี 35 คนเพราะฉะนั้นจะได้ 17 กลุ่มเศษ1คน และแน่นอนผมคือคนเดียวที่เหลือ ชั่งเป็นพรจากสวรรค์จริงๆ
“หัวหน้าห้องเธอรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ไหม”
ครูประจำชั้นพูดขึ้น
“ให้หนูทำเวรสองวันหรอคะ?”
หัวหน้าห้องถามด้วยความเย็นชา
เธอมีผมสั้นสีดำ มีตาที่เล็ก ริมฝีปากบาง มีปากที่อยู่ในระดับพอดี เป็นคนหน้าตาดีเลยทีเดียว มีหลายคนชอบเธอ แต่ด้วยความเจ้าระเบียบเลยไม่ค่อยมีคนมาสารภาพรักด้วยเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะข่าวลือเมื่อปีก่อน เธอปฏิเสธผู้ชายคนหนึ่ง ด้วยการเดินไปหาผู้ชายคนนั้นในที่ที่นัดไว้ และอ่านจดหมายที่ผู้ชายคนนั้นเขียนไว้ พร้อมใส่คำพูดกับคำว่า ‘ขยะ’ หลังจากนั้นก็โยนลงถังขยะที่อยู่ระแวกนั้นไป พร้อมทั้งยิ้มด้วยความเยือกเย็น และทิ้งท้ายคำพูดว่า ‘เลิกไร้สาระแล้วกลับไปตั้งใจเรียนเถอะ’ ผมว่าเธอนี่อย่างท็อปเลยเรื่องความเย็นชา แต่ก็เถอะยังไงผมก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเธออยู่แล้ว ยังไงคงไม่เป็นพิษเป็นภัยหรอก ในขณะที่ผมกำลังคิดกับตัวเอง เหมือนครูประจำชั้นกับหัวหน้าห้องจะตกลงกันเสร็จแล้ว โดยผมไม่ได้ฟังด้วยเลยแม้แต่คำเดียว
“สำหรับคาบโฮมรูมของเราวันนี้ก็จบแล้ว ขอให้สนุกกับการเรียนนะทุกคน”
ครูประจำชั้นพูดจบและเดินออกไป ผมนั่งคิดอยู่ว่าพวกเขาพูดอะไรกัน เพราะผมไม่ได้ฟังอะไรเลย แต่สรุปได้ว่าผมได้เวรทำความสะอาดวันแรก หลังจากนั้นคาบเรียนก็เริ่มขึ้น
ผมนั่งเรียนเพลินๆ ออดก็ดังขึ้น คาบแห่งสวรรค์ หลังจากเรียนไปคาบหนึ่ง จะมีคาบพักสิบนาที เป็นคาบที่ผมชอบ จริงๆ ชอบทุกคาบพักนั่นแหละ เพราะช่วงเวลาคาบพัก ผมจะได้นั่งฟังเพลงและดูคนอื่นกำลังยุ่งวุ่นวายกับชีวิต ในทางกลับกันผมกำลังนั่งนิ่งๆและฟังเพลงอยู่ แต่พักสิบนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ในขณะที่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดเพลงฟังนั้น หัวหน้าห้องก็เดินมาข้างหน้าผม เธอชื่อนามิโมริ เพื่อนชอบเรียกเธอว่านาจัง ผมมองไปที่เธอและก้มหัวผงกลง เหมือนประมาณเจอคนที่มีพลังสูงกว่ายังไงยังงั้น
“นาย ชื่ออะไร”
ไม่ต้องแปลกใจครับ ว่าทำไมเธอถึงถามชื่อผม เพราะในห้องผมไม่รู้ว่าใครจะพอรู้ว่าผมมีตัวตนมั่ง ถึงผมจะหน้าตาใช้ได้ แต่ดันไม่เด่นแม้แต่นิดเดียว แถมยังชอบอยู่นิ่งๆ เหมือนพวกเนียนไปกับฉากยังไงยังงั้น
“ฉันชื่อสึกิโตะ”
เธอหลี่ตานิดๆเมื่อได้ยินชื่อผม
“ชื่อแปลกๆ”
คือจริงๆแล้วผมเป็นเด็กจากต่างประเทศแต่ด้วยหน้าเอเชียคนที่นี่คงไม่ได้สังเกตว่าผมเป็นคนต่างถิ่น
“อ่าว่าแต่จะไม่คิดบอกชื่อตัวเองหน่อยหรอ”
ผมถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ใครๆก็รู้จักฉันอยู่แล้ว”
เธอพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาเย็นชา ความจริงแล้วมันก็จริง จากวีรกรรมแบบนั้น แถมยังเป็นหัวหน้าห้องที่หน้าตาดีอีก ก็ไม่แปลกที่ใครๆจะรู้จัก และแน่นอนผมก็รู้จัก เธอชื่อว่า เอริกะ หรือ เอริกาวะ
“แฮะๆ”
ผมยิ้มแห้งๆกลับไป แล้วว่าแต่ทำไมผมต้องทำยังงั้นเนี่ย ดูเสล่อชะมัด
“นายพอจะทำเวรคนเดียวได้ไหมวันนี้”
เอววว สงสัยเธอจะรังเกียจผมสินะ ไม่อยากจะเชื่อเลยแม้กระทั่งหัวหน้าห้องยังขนาดนี้
“พอดีว่า ฉันมีธุระน่ะ จำเป็นต้องไปกลับเร็ววันนี้”
ผมเคยมีประสบการณ์ครั้งหนึ่งตอนเรียนอยู่เกรดสาม(ม.3) มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกกับผมว่าช่วยทำเวรแทนหน่อยนะ ตั้งแต่วันแรกของการเปิดเรียน และแน่นอนผมก็รับปากด้วยความเกรงใจ หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยมาทำเวรช่วยผมอีกเลย มิหนำซ้ำยังไปบอกกับเพื่อนตอนผมไม่อยู่ในห้องว่า ‘ฉันว่างทุกเลิกเรียนแหละจะไปตอนไหนก็ได้’ แหมแท้กระทั่งตอนนี้ขึ้นมาเกรด4แล้วก็เจอเรื่องแบบนี้อีกสินะ
“อ่า เดียวฉันทำให้เอง”
ผมตอบพร้อมหลบสายตา ผมแค่ไม่อยากจะมีปัญหาน่ะ มันก็แค่เรื่องทำเวร
“ขอบคุณนะ”
เธอตอบขอบคุณผม และเดินหันหลังกลับไปอย่างไร้เยื่อใย เอ๊ะ หรือเธอจะยุ่งจริงๆ ชั่งมันเถอะ
ตึ้งตึ่งตึ้งตึ่ง
เสียงออดพักเที่ยงเริ่มขึ้น ผมมุ่งตรงไปที่โรงอาหารด้วยความหิวโหย ตรงไปที่บัตรอาหารและใส่เงินเข้าไป สิ่งที่ผมจะกินก็คือ ของขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่นที่ใครๆก็ชอบกิน ..... นั่นคือ ราเมนนั่นเอง แต่ไม่ใช่ราเมนธรรมดา มันคือ มิโซะราเมน~ คือจริงๆแล้วมันไม่ได้เวอร์วังอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่มันเป็นอาหารที่ได้เยอะที่สุดในโรงอาหารน่ะนะ ผมนั่งลงที่โต๊ะและโซ้ยมันด้วยความหิวโหย ในขณะที่ผมกำลังทานอาหารอยู่ ก็มีคนเดินมาที่โต๊ะผม เธอเป็นผู้หญิงผมยาวสีบลอนด์ น่าจะทำสี ผิวสีแทนหน่อยๆ
“นาย ฉันขอนั่งด้วยได้ไหม ที่มันเต็มหมดแล้ว”
ผมพยักหน้าตอบไป
“พวกเราๆ ได้ที่นั่งแล้ว!”
เธอตะโกนเรียกเพื่อนๆมา เห้อ อย่างว่าแหละ โต๊ะหนึ่งมันนั่งได้ตั้ง 5 คนแล้วผมนั่งคนเดียวก็คงกินเนื้อที่ของโรงอาหาร.... แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าต้องมานั่งอัดยัดเยียดขนาดนี้หนิเฟ้ย! แน่นอนเธอพาพวกเพื่อนกลุ่มเธอมาแย่งที่นั่งผมนั่นเอง แค่คนกลุ่มเธอก็เต็มที่นั่งแล้ว นี่เป็นการบังคับให้ผมต้องลุกชัดๆ
“เห้อ~”
ผมถอนหายใจและลุกเอาราเมนครึ่งถ้วยไปไว้ที่เก็บจาน ถึงจะเกิดเรื่องแบบนี้กับผม แต่ผมก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพราะยังไงซะผมก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว
สักพัก เวลาเลิกเรียนก็มาถึง ผมทำความสะอาดที่ห้อง และเหลือแค่นำถังขยะลงไปเทชั้นล่าง ผมเดินลงมา ก่อนถึงที่ทิ้งขยะ จะมีที่ที่หนึ่งเป็นที่ลับตาคน ผมเดินผ่านทางนั้นพอดี ก่อนจะถึงทางโค้งไปที่นั่ง ผมได้ยินเสียงบางอย่าง
“ผมชอบคุณครับ! ช่วยเป็นแฟนกับผมด้วย”
เสียงเล็ดรอดออกมาจากทางเลี้ยวนั้น คนสารภาพรักอีกแล้วหรอ คราวนี้ใครล่ะ ผมชำเลืองไปแอบดูด้วยความอยากรู้.... โอ้อีกแล้วหรอ ยังงี้นี่เองทำไมเธอถึงบอกว่าไม่ว่าง คนคนนั้นคือหัวหน้าห้องของเรานั่นเอง และผู้ชายคนที่มาสารภาพ ก็เป็นหนุ่มสุดฮอตรุ่นพี่ เกรด6 เขาเป็นคนที่หล่อมาก มีผมสีเงินผมหมายถึงย้อมมาน่ะนะ ตาสีน้ำผึ้ง ตัวสูงผิวขาว แหม่เจ้าชายในฝันเลยก็ว่าได้ หัวหน้าห้องจะตอบรับไหมนะ ผมว่าคนนี้มีลุ้นอยู่นะ แต่ทันใดนั้น เธอก็ทำหน้าเอือม และบังเอิญมองเห็นผม ละเธอก็ยิ้มออกมา พร้อมกับพูดออกมาว่า
“ขอปฏิเสธ ฉันไม่ชอบคนที่มีดีแค่หน้าตา”
โอ๊ะ! สำหรับคนอ่านคนไหนหน้าตาดีขอโทษด้วยนะครับ คุณอาจไม่ได้มีดีแค่หน้าตาก็ แต่ว่าเธอทำไมถึงตั้งใจพูดแรง พอเห็นผมกันนะ หลังจากนั้น ผมก็เดินอ้อมไปอีกทาง และนำขยะไปทิ้ง เธอมายืนดักรอผมอยู่หน้าที่ทิ้งขยะ
“นายเองสินะคนที่ปล่อยข่าวลือต่างๆเรื่องฉัน”
เอ๊ะผมว่า บรรยากาศมันแปลกๆนะ เหมือนเธอกำลังเข้าใจอะไรผิด
“ฉันกะแล้วว่านายต้องโผล่มาแย่ๆ ในที่สุดฉันก็รู้ซักทีว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ”
ผมหยี่ตามองเธอ
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร”
หลังจากนั้นเธอก็เดินมาที่ผม แล้วก็คว้าคอเสื้อ
“เลิกตามรังควาญฉันสักที”
“เฮ้เดียวสิ เป็นบ้าอะไรของเธอ!”
ผมปัดแขนเธอออก และเอาถังขยะดันเธอออกห่าง เธอตกใจและทำหน้าช็อค
“เข้าใจนะว่าสวยแต่อย่างหลงตัวเองให้มากสิ ฉันแค่จะเอาขยะไปทิ้ง ฉันไม่ได้สนใจเธอแม้แต่สักนิด อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับพวกหน้ามืดตามัวบบนั้นนะ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา และมองไปที่เธอ เธอตกใจและวิ่งหนีไป ผมเหมือนทำอะไรผิดไปรึเปล่า
ในขณะผมเดินกลับบ้าน รู้สึกมีบางคนกำลังตามผมมา เดียวนะ คงไม่ใช่ เอริกาวะ หรอกนะ ผมพยายามเดินไปที่ร้านขายของที่มีกระจกสะท้อน ผมเจอร้านขายเสื้อผ้า ที่นั่นจะมีกระจกไว้ให้ส่องอยู่ตามที่ขายเสื้อ ผมทำเป็นไปซื้อเสื้อและแอบส่องผ่านกระจก มีผู้หญิงผมสีชมพูยาวตัวเล็กสูงราวๆ 150 ใส่ชุดนักเรียนหญิงโรงเรียนผมและผมไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน เธอเป็นใคร ทำไมมาตามผมมานะ ผมพยายามเดินอ้อมวกไปวนมา เพื่อไม่ให้เธอตามไปเจอบ้านของผม และหลังจากนั้นผมก็สลัดเธอหลุด ไม่มีเสียงฝีเท้าตามหลังอีกต่อไป ผมเดินกลับมาถึงบ้าน ผมเป็นลูกคนสุดท้อง ผมมีพี่ชายและพี่สาวซึ่งไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมมักจะใช้เวลากับการเล่นคอมพิวเตอร์ ดูคลิปต่างๆในโซเชียล คลิปเกม คลิปตลก ต่างๆ
เช้าวันต่อมาผมเดินไปที่โรงเรียน ผมดันบังเอิญไปเจอกับคนที่สะกดรอยตามผมเข้า เธอกำลังคุยกับเพื่อนๆอยู่
“ยูริเมื่อวานเธอหายไปไหนมา พอเลิกเรียนก็หายไปเลย”
เพื่อนของเธอถามเธอ ออเธอชื่อยูริงั้นหรอ ดูเธอก็น่ารักดีนะ แล้วทำไมมาสะกดรอยตามผมกันนะ จะบอกว่าแอบชอบผมหรอ ดูไม่เมกเซนส์เท่าไหร่ ต้องมีอะไรแน่ๆ
“โอ๊ะ!”
เธออุทานขึ้นมาหลังจากสังเกตเห็นผม และเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผมก็มาถึงห้องเรียน ผมเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา
“อย่าลืมไปเรียนล่ะ”
ข้อความจากเคียวสุเกะ
“ฉันมาถึงห้องละเฟ้ย”
ผมพิมพ์ตอบกลับไป
“เยี่ยมมม~ ทักทายคนอื่นหน่อยล่ะ ฉันจะไปสายละคงไม่ได้คุยวันนี้ ไปละ ละค่อยคุยกัน”
“โอเค ไว้คุยกัน”
ผมตอบกลับ ดูเหมือนวันนี้ผมต้องอยู่คนเดียวสินะ หลังจากนั้นผมก็ล็อคหน้าจอโทรศัพท์ ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ทันใดนั้นหัวหน้าห้องก็มายืนต่อหน้าผม
“พักเที่ยงเจอกันที่ดาดฟ้า”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ค-ครับ”
ผมตอบกลับด้วยความเกร็ง เรื่องราวความวุ่นวายพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ไว้ต่อกันตอนหน้านะ
บทสนทนาบทที่1สิ้นสุด....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ