ดิษยาข้ามภพ

8.7

เขียนโดย Onnicha

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.31 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  8,571 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 16.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บ้านไม้มรดก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2

บ้านไม้มรดก

 

 

 

ค่ะ ถ้าใครชอบลุคนี้ก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ แล้วก็ subscribe ช่อง Ditsaya Channel นี้ไว้ด้วยนะคะ หรือถ้าใครอยากให้สยาทำลุคไหนออกมาก็คอมเม้นท์ด้านล่างได้เลย วันนี้ลาไปก่อน แล้วก็อย่าลืมนะคะ 'สวยอย่างเป็นตัวเอง' สวัสดีค่ะ” ดิษยาในลุคแกลม (glam) ลุคเดียวกับที่เธอให้สัมภาษณ์ในงานแฟชั่นโชว์กดหยุดกล้อง หลังจากเธอถ่ายวิดิโอตัวเองสอนแต่งหน้าเสร็จ

หลังจากวิดิโอที่เธอให้สัมภาษณ์ออกสื่อไปสามสี่วันก่อนก็มีคอมเม้นท์จากแฟนคลับของเธอเรียกร้องให้เธอสอนแต่งลุคในวันนั้นอีก บ้างก็ว่าแต่งแล้วจะสตรองแบบเธอ แต่ตัวเธอเองก็ไม่นับว่าตัวเองสตรองเท่าไหร่หรอก ก็แค่ทำเป็นสตรองไปอย่างนั้น ถึงอ่อนแอให้พวกคนที่เกลียดเธอเห็นพวกนั้นก็ได้ใจ ถล่มเธอเละสิ

เธอจะไปไหนมาไหนกับใคร ไม่ว่าจะผู้ชายผู้หญิงก็โดนโจมตีทั้งนั้น ขนาดแรกๆที่เธอเป็นเพื่อนกับดีเจต้นน้ำตอนที่นางยังไม่เปิดตัวว่าเป็นเก้ง เธอยังโดนแฟนคลับดีเจต้นน้ำเอาไข่มาปาใส่รถซะเละ แรกๆก็เครียดนะ หลังๆเจอบ่อยๆก็ขี้เกียจเครียดแล้ว เดี๋ยวหน้าจะเหี่ยวซะก่อน ยิ่งใช้เป็นเครื่องมือหากินอยู่

เมื่อวานแค่ไปช่วยบอสของยัยหนูนาเลือกเครื่องสำอางค์ให้คุณแม่ของเค้า เช้ามานี่ยังมีมือดีแชร์รูปตอนเธอเดินผ่านเค้าเตอร์เครื่องประดับ เขียนข่าวว่าเธอกำลังจะมาหลอกผู้ชายคนใหม่ให้ติดกับ แหม ถ้าหลอกได้ก็ดีหรอก อยากได้อะไรไม่ต้องทำงานงกๆให้ได้เงิน แต่ก็อย่างว่าจริยธรรมมันค้ำคอ แถมตาคุณแมตต์เจ้านายชาวฝรั่งเศสของยัยหนูนานี่เล่นเกมส์เก่งจริงๆ เธอเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์รู้เรื่องเครื่องสำอางค์ดี จะให้ปฏิเสธก็คงจะเกินไปหน่อย แถมคุณแมตต์นี่ยังชวนเธอไปทานข้าวเย็นโดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นการขอบคุณที่มาช่วยเลือกของอีก แต่ก็นะได้กินอาหารหรูๆฟรีๆ ไม่ได้เสียตัวซะหน่อย ทำไมจะไม่ไปล่ะ

แล้วสรุปแกให้เค้าซื้ออะไรไปให้แม่เค้าล่ะ”

“ก็ลิปสติกอะ สีชมพูๆหน่อยของ Dior”

“แหมมมมมมม” ดีเจต้นลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้ในตัวเพื่อน

“แหมอะไร? ขับรถไปเหอะน่า มันก็แค่ one time thing น่ะ ต่อไปนี้เค้าคงไม่มีเหตุผลดีๆมาชวนฉันแล้วมั้ย แม่ใครจะเกิดทุกวัน?” ใบหน้าหวานที่วันนี้แต่งหน้าเบาๆยกชานมไข่มุกยี่ห้อดังขึ้นมาดูด

“ก็วันเกิดพ่อเค้าไงจ๊ะ”

“ก็พ่อเค้าไม่ใช้เครื่องสำอางค์มะ? แกเหยียบแปดสิบแล้วเมื่อไหร่จะถึงเนี่ย รถฉันรถสปอร์ตนะยะ ให้เกียรติกันหน่อย”

หลังจากอัดคลิปวิดิโอสอนแต่งหน้าเสร็จ ดิษยาก็ชวนดีเจต้นน้ำไปเที่ยวที่บ้านไม้ที่อยุธยาซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณเทียด เมื่อก่อนคุณแม่แก้วตาและคุณยายจวงก็เคยอาศัยอยู่ที่นั่น เธอเองก็เคยอยู่ที่นั่น แต่ตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและเริ่มเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์และนางแบบ เธอก็ชวนแม่กับยายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดในกรุงเทพ เพื่อที่ว่าเธอจะได้ดูแลท่านทั้งสองได้สะดวก เธอจ้างคนแถวนั้นคอยเข้ามาทำความสะอาดบริเวณด้านนอก และคอยเฝ้าระวังไม่ให้ใครมาขโมยของด้านในได้

เนื่องจากบ้านไม้หลังนี้เป็นบ้านเก่าและไม่มีคนอยู่มาห้าปีแล้ว ตัวบ้านบางจุดก็เริ่มทรุดโทรม เธอจึงจ้างผู้รับเหมามาซ่อมบำรุงมาตั้งแต่สองเดือนที่แล้วซึ่งเสร็จไปเมื่ออาทิตย์ก่อน  เธออยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาพักที่นี่เป็นครั้งคราว หนีเรื่องวุ่นวายที่กรุงเทพแล้วก็คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆตอนที่วิ่งเล่นแถวๆนั้นอีกด้วย

“อีต้น เลี้ยวซ้ายนี้ๆ ตรงไปสุดซอย” ดิษยาสะกิดเพื่อนชายที่ออกสาว

ทันทีที่รถเข้ามาถึงบริเวณสวนด้านหน้า สายตาของดิษยาก็เจอกับลุงเติม คนที่เธอจ้างให้ช่วยเฝ้าดูแลบ้านหลังนี้เป็นรายเดือน

“สวัสดีค่ะลุงเติม” พอเห็นดิษยาไหว้ ต้นน้ำก็ไหว้ด้วย ก่อนเจ้าตัวจะแอบกวาดตามองไปรอบๆบ้านไม้โบราณของดิษยา

“สวัสดีหนูสยา” ลุงเติมรับไหว้ “เอ้อ ช่างน่ะเค้าซ่อมเสร็จ อะไรเสร็จแล้วนะ แต่มันสกปรกมาก ลุงก็เลยไปหาคนมาทำความสะอาดให้ นี่สงสัยจะยังทำไม่เสร็จละม๊างงงง”

“จริงเหรอคะ ดีจังเลยค่ะลุง เหมือนลุงจะรู้นะเนี่ยว่าหนูจะมา” เธอหัวเราะคิดคัก “’งั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปดูก่อนดีกว่าค่ะ...ไปแก” คำหลังดิษยาหันไปชวนเพื่อนที่กำลังมองสำรวจบริเวณภายนอกอยู่ให้เดินตามไปด้วยกัน

 

แรกเริ่มเดิมทีบ้านไม้หลังนี้มีแค่หลังใหญ่หลังเดียว ซึ่งเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง มีห้องหลายห้องล้อมรอบโถงกลาง แต่พอที่บริเวณนี้ถูกซื้อขายและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ก็มีการต่อเติมหลังเล็กหลังน้อยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โรงครัวเอย ห้องเก็บของด้านนอกเอย หรือแม้แต่เรือนริมน้ำที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยคุณยายจวงของเธอ เธอชอบไปนั่งที่นั่นบ่อยๆตอนเด็กๆ

“สยา นั่นใช่คนทำความสะอาดที่ลุงบอกปะ?”

“ฉันไม่เห็นมีใครเลย” ดิษยาทำหน้างง หันไปหาต้นน้ำ

ต้นน้ำเบิกตาโพลง มองซ้ายมองขวา

“ฮ่าๆๆๆๆ ฉันล้อเล่น ก็ต้องใช่สิ ถือไม้ถูบ้านขนาดนั้นน่ะ....โอ้ย!” ต้นน้ำตีเพี้ยะ เข้าให้ที่แขน

“ใกล้เสร็จรึยังคะ” ดิษยาเดินไปถามแม่บ้าน

“เหลือขัดห้องน้ำจ้ะ”

ดิษยาพาต้นน้ำไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่นระหว่างที่เธอไปคุยกับจุ๊บแจง แม่บ้านที่ลุงเติมให้มาทำความสะอาด ดูๆแล้วจุ๊บแจงก็ทำความสะอาดเนี๊ยบใช้ได้ เธอเลยกะว่าจะจ้างจุ๊บแจงมาทำความสะอาดที่นี่เป็นเรื่องเป็นราวเพราะจากนี้ไปเธอจะมาพักที่นี่บ่อยขึ้น บ้านหลังนี้จะได้มีคนดูแล แล้วก็ไม่โทรมด้วย

“ยังดีนะ ติดแอร์ ไม่งั้นฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ” ต้นน้ำว่าพลางกดเปลี่ยนช่องทีวี “แต่เสียดายไม่มี Netflix”

“ที่นี่ก็เปลี่ยนไปเยอะนะ ตั้งแต่ฉันเด็กๆ เมื่อก่อนมีแค่พัดลม แอร์นี่ฉันก็เพิ่งเอามาติด แต่ก็ยังมีห้องนอนแล้วก็ห้องหนังสืออะ ที่ยังมีพวกเฟอร์นิเจอร์โบราณอยู่” ดิษยาพูดพลางชี้มือไปในอากาศไปทางทิศของแต่ละห้อง พลันสายตาของเธอมองไปยังหีบไม้ใบขนาดกลางที่วางประดับอยู่บนตู้

“แต่จะว่าไปบ้านนี้ก็ร่มรื่นนะ เหมาะกับการพักผ่อนอะ”

“...”

“แต่แกน่าจะปลูกต้นไม้ พวกไม้ดอกเยอะๆหน่อยนะ บ้านนี้มันดูเหงาๆ”

“…”

“แก ฉันหิวแล้วอะ ออกไปหาไรกินกันเถอะ”

“…”

“แก?” ต้นน้ำเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่พูดคนเดียว ไร้วี่แววการขานตอบจากเพื่อน ก็หันไปมองดิษยา

วงหน้าขาว ผมยาวเอาแต่มองไปที่หีบอยู่อย่างนั้น

ต้นน้ำจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ “ดิด สะ ยา!”

เจ้าตัวสะดุ้งเฮือก “อะไรแก พูดเบาๆก็ได้ หูจะแตก”

“แกมองอะไรอยู่ได้ ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวกัน”

“เออๆโอเค”

ก่อนจะขับรถออกจากบ้าน ทั้งสองไม่ลืมไปจะชวนลุงเติมให้ไปทานด้วยกัน แต่ทว่าลุงเติมกำลังตัดแต่งพุ่มไม้หน้าบ้านอยู่และเพิ่งทานข้าวไปเมื่อตอนสายนี่เอง เข้าจึงบอกปฏิเสธไปทั้งยังถามดิษยาเรื่องต้นกันเกราต้นใหญ่หลังบ้านว่าจะเอาไว้หรือไม่ แต่ก็เป็นไปตามคาดว่าเธอต้องการแค่ให้ตัดแต่งกิ่งก็พอไม่ต้องตัดทิ้งถึงแม้ว่ามันจะต้นใหญ่มากก็ตาม เพราะเธอต้องการคงสภาพบ้านให้เหมือนตอนเธอเด็กๆมากที่สุด

 

เจ้าของใบหน้าเรียบเนียนถูกดูแลอย่างดีโดยสกินแคร์แบรนด์ดัง นอนกางแขนกางขาในท่าที่สบายที่สุดของเธอบนเตียงขนาดคิงไซส์ในคอนโดย่านใจกลางเมือง ดิษยามักจะเผื่อเวลาแต่งหน้าแต่งตัวก่อนออกไปไหนเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นเคย อีกครึ่งชั่วโมงเธอต้องไปจัดรายการวิทยุคลื่น Hot talk ถึงจะเรียกว่ารายการวิทยุแต่ก็มีการ live ลงเฟสบุ๊คอยู่ดี แล้วในเฟสบุ๊คก็เป็นผู้ชมส่วนใหญ่ซะด้วย

ดิษยาคิดไม่ตกเรื่องหีบไม้ที่เธอเจอที่บ้านไม้อยุธยา เธอจำได้ว่าเคยเห็นครั้งนึงตอนเด็กๆแล้วก็อยากจะรู้มากว่าข้างในมีอะไร ถามคุณยายกับคุณแม่ท่านก็บอกไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันล็อคเอาไว้ด้วยแม่กุญแจแบบโบราณ จะบังคับเปิดก็กลัวมันจะพังเลยปล่อยไว้แบบนั้น คุณยายบอกมาว่าคุณทวดกำชับว่าห้ามขายให้เก็บไว้ให้ลูกให้หลาน ตอนเด็กๆเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

‘สงสัยว่าช่างที่มาปรับปรุงบ้านคงเจอเข้าเลยยกมาวางไว้ในห้องนั่งเล่นล่ะมั้ง’

 

พอถึงเวลาทำงาน ความเป็นโปรเฟสชันเนลของดิษยาก็ทำให้เธอลืมเรื่องหีบไม้ไปได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่โทรเข้ามาเล่าหรือปรึกษาเรื่องอะไร เธอกับดีเจต้นก็ให้คำปรึกษาได้เต็มที่เหมือนเช่นเคย

จบรายการดีเจต้นชวนดิษยาไปเที่ยวต่อแถวๆสาธร ซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธ สองเดือนมาแล้วที่เธอไม่ได้มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อน เพราะมัวแต่ยุ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

“วันนี้นึกยังไงไปสาธรจ๊ะ” ทันทีที่ก้าวขึ้นมาบนรถ หนูนาก็โน้มตัวไปสะกิดต้นน้ำที่ทำหน้าที่เป็นสารถีในคืนนี้ “เบื่อสีลมรึไง?”

“เปล่า วันนี้ไม่อยากได้ผู้ อยากมาฟังเพลงเฉยๆ” หนูนากับดิษยากรอกตามองบนทันทีเมื่อได้ยินว่าฟังเพลง

“ไม่ใช่ว่ามีหลัวแล้วเหรอ?” หนูนาแซะ

“รู้ดี”

ไม่นานรถเล็กซัสสีขาวก็มาจอดในตึกที่เป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงที่เป็นที่นิยมในหมู่เด็กอินเตอร์ ของมหาวิทยาลัยโดยรอบ เพราะแขกที่นี่ครึ่งนึงเป็นชาวต่างชาติที่มักจะมาเป็นแข็กประจำและขาจร เนื่องจากดนตรีสไตล์ฮิปฮอปอันเลื่องชื่อของที่นี่ งานนี้ดิษยาอาสาเป็นคนเปิดโต๊ะ

“ยินโทนิกค่ะ”

“ด้วยอีกหนึ่ง”

“วิสกี้ครับ”

ทั้งสามคนผลัดกันตะโกนบอกบริกรที่เพิ่งเดินเข้ามา เขาพยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปนำเครื่องดื่มมาให้พร้อมกับรับเงินไป

หนูนาถ่ายวิดิโอที่มีทั้งตัวเองแล้วก็เพื่อนทั้งสองกำลังเต้นใต้แสงไฟวิบวับในไนท์คลับลงในไอจีสตอรี่ และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คลิปเดียว ดีเจต้นน้ำเองก็ถ่ายภาพอัพลงอินสตาแกรมเช่นเดียวกัน ยกเว้นก็แต่ดิษยาที่ไม่ชอบอัพเดตชีวิตกลางคืนของตัวเอง เพราะขนาดไม่อัพเธอก็โดนว่าว่าเชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายไปซะแล้ว

แก้วแล้วแก้วเล่าที่ทั้งสามคนดื่ม เพิ่มพูดนความกล้าและความบ้าของทั้งสามคนให้มากขึ้น

“สยา เมื่อไหร่แกจะพาฉันไปเที่ยวบ้านไม้แกซะทีที่อยุธยา” หนูนาพูดพลางทำตาปรือ ก่อนจะยกอะไรซักอย่างที่เธอสั่งมาแต่จำไม่ได้แล้วขึ้นมาดื่ม “พาแต่อีต้นไป”

“ก็แกไม่ว่างเองมะ วันนั้นน่ะ” ดิษยาตีมือหนูนา เพราะเธอเห็นว่าหนูนาดื่มมากไปแล้ว “พอแล้ว แกดื่มเยอะแล้ว เมาแล้วอ้วก ไม่เก็บนะยะ”

“จะเถียงกันทำไม ก็ไปมันตอนนี้เลยดิ” ดีเจต้นโพลงขึ้นมา ก่อนจะทรุดลงไปฟลุบกับพนักพิงเหมือนเดิมเพราะเห็นว่าห้องนี้เริ่มหมุนแล้ว

“อีต้น!!!” หนูนากับดิษยาหันไปหาเพื่อนเก้งพร้อมกันเหมือนจะว่า “ก็ดีนะยะ!”

แต่ก็ไม่ใช่ กลับเห็นดีเห็นงามด้วยซะงั้น

 

ทั้งสามคนขับรถไปอยุธยาแบบขาดสติสัมปชัญญะแบบสุดๆ โชคดีที่ช่วงเวลาตอนออกมาจากไนท์คลับก็ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว ถนนก็เลยโล่ง ไม่อย่างนั้นคงได้ขับรถเฉี่ยวรถชาวบ้านไปหลายคันแล้ว ชั่วโมงครึ่งต่อมาต้นน้ำก็ขับรถมาถึงบ้านไม้โบราณหลังเดิมที่เคยขับมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ระหว่างทางต้องแวะให้หนูนาอาเจียนถึงสองสามรอบ ดิษยาเองก็มีอาการเวียนหัวเหมือนกัน

“ถึงแล้ว เย่!!” ทั้งสามคนลงจากรถพร้อมกับปรบมือยกใหญ่

“มา หนูนา ฉันจะพาแกไปเดินดูในบ้านนะ” ดิษยาคว้ามือหนูนาให้เดินไปด้วยกัน ดีเจ้ต้นน้ำก็เดินตามมาติดๆ

ดิษยาไขกุญแจบ้านอยู่นานกว่าจะเสียบรูกุญแจได้ตรงรู้ ก่อนจะพาเพื่อนทั้งสองเดินไปทั่งบ้านพร้อมอธิบายว่านี่เป็นห้องอะไรทั้งที่ยังเมาอยู่ พอมาถึงห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาตัวใหญ่ยาวนุ่มๆอยู่ ดีเจต้นน้ำและหนูหนาต่างพากันล้มลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เพื่อนไม่ไหวแล้วจ้า”

“ไว้ค่อยดูต่อพรุ่งนี้แล้วกันนะสยา ฉันง่วง”

“เอ๊า! อะไรวะ ไปนอนในห้องสิพวกแก มีตั้งหลายห้อง” ดิษยาพยายามดึงมือต้นน้ำให้ลุกขึ้น พอเห็นว่าไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยก็เปลี่ยนไปพยุงหนูนาขึ้น แต่ก็ไร้ผล ตอนนี้เธอเองก็เมาไม่ต่างกัน เดินเองยังไม่ค่อยจะตรง จะให้แบกเจ้าพวกนี้ไปยิ่งเป็นไปไม่ได้

“ฉันไปนอนในห้องคนเดียวก็ได้ ชิ!” ว่าแล้วร่างบางระหงในชุดรัดรูปสีดำ ก็เดินตรงไปที่ห้องตัวเองเมื่อสมัยก่อน แต่ระหว่างที่เดินผ่านห้องคุณยายจวงนั้นก็เกิดชะงักขึ้นมา รู้สึกอยากนอนที่ห้องนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด มันเหมือนว่าห้องนี้ตะหากที่เป็นห้องของเธอ รู้สึกคุ้นชินมากกว่า

ดิษยาก้าวเข้าไปในห้องก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงไม้โบราณของคุณยาย ที่มีที่นอนสปริงขนาดควีนไซส์วางด้านบน เธอรู้สึกว่าเตียงนี้อบอุ่นเป็นพิเศษ และรู้สึกนอนสบายกว่าทุกๆวัน

 

เสียงไก่อยุธยาขันในตอนเช้า และเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังออกมาจากด้านนอก

ดิษยาสะดุ้งตื่น ก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แต่ด้วยความเคยชินกับที่นอนขนาดคิงไซส์ที่คอนโดตัวเอง ทำให้กะระยะพลาด กว่าเธอจะรู้ตัวก็ไม่ทันซะแล้ว ร่างบางในชุดรัดรูปที่ใส่ตั้งแต่เมื่อคืน ร่วงลงมาจากเตียง

ดิษยาคิดว่าสะโพกของเธอต้องกระแทกพื้นไม้ดังพลั่กแน่ๆ

 

เธอหลับตาปี๋

‘ไม่นะ’

จากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกว่าเธอจะตกมา’นาน’เกินไปแล้ว และพอตกมาก็ไม่ยึกจะเจ็บ เหมือนมีอะไรรองรับเธออยู่อย่างนั้นแหละ

“เจ้าจักให้พี่อุ้มเจ้าอย่างนี้อีกนานหรือไม่ แม่แพร” น้ำเสียงอ่อนแต่ก็แฝงความดุ

‘แพร?’

ทันทีที่ได้ยินเสียงเข้มพูด เหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม ตาชั้นเดียวของดิษยาก็เบิกโพลง

บัดนี้ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกได้รูป พร้อมกับดวงตาที่ดูดุของผู้ชายตรงหน้าจ้องเธอไม่กระพริบ

ดิษยาตัวแข็งทื่อ

‘ใครกัน?!  อะไรกัน?!’ เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!  ไอ้บ้า!!!!!!”  เมื่อได้สติ ดิษยากรี๊ด ทุบตี ผลักแผงงอกของชายตรงหน้าอย่างแรง พร้อมทั้งดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้ที่กำลังอุ้มเธออยู่ และแล้วก็เป็นไปตามที่คาด ไม่รู้ว่าเขาทนที่เธอทุบไม่ไหวหรือรำคาญกันแน่ จึงได้ปล่อยเธอลงพื้น

 

วูบบบบ!

 

เหมือนภาพตัด

“โอ้ยยย!” เธอหล่นลงมาที่ข้างเตียงของตัวเองซะงั้น

ไม่ใช่ที่โล่งกว้างเห็นท้องฟ้าและต้นไม้เมื่อครู่ แต่เป็นห้องของเธอเอง

“กรี๊ดดดดดดดดดด” เธอกรี๊ดอีกครั้ง เมื่อเรียบเรียงได้ว่าเกิดเรื่องบ้าๆที่ไม่น่าเชื่อขึ้นกับเธอ

ดีเจ้ต้นน้ำและหนูนาที่กำลังตะโกนเรียกหาดิษยาอยู่ รีบวิ่งมาที่ห้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงดิษยากรี๊ดดังลั่น

“เป็นอะไรสยา?!” ดีเจต้นน้ำดึงประตูเปิดอย่างแรง

“แก...” ดิษยาทำหน้าแหยเหมือนจะร้องไห้

“อะไร?!” หนูนาที่แรกเริ่มมีท่าทีตกใจ ก็คลายความกังวลลงเล็กน้อย เมื่อเห็นเพื่อนปลอดภัยดี แต่แค่นั่งพับเพียบอยู่ตรงพื้นแค่นั้น

“ผีหลอกกกก ฮืออออ...” ดิษยาพยายามจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาออกมา มีแค่เสียงฮือๆเท่านั้น

ต้นน้ำกับหนูนามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย เหมือนว่าเพิ่งเจออะไรมาเหมือนกัน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา