เถื่อนร้ายบัญชารัก

10.0

เขียนโดย Phaky

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.

  37 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ลืมไปเลยว่าเคยโกรธ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“มั่นใจใช่ไหมว่าจะนอนตรงนี้?”

 

“ที่สุด”

 

‘ตรงนี้’ ของฟรานซิสโก้ก็คือโต๊ะทำงานตัวใหญ่สำหรับวางแฟ้มเอกสารกองโต รายงานการประชุม คอมพิวเตอร์ และกระดานสำหรับออกแบบเครื่องประดับ แต่ในตอนนี้นอกจากข้าวของที่ว่าจะถูกกวาดไปรวมกันอยู่มุมขวาสุดของโต๊ะ ยังมีดักแด้ตัวกลมปุ๊กอีกหนึ่งชีวิตที่นอนกินพื้นที่เกือบทั้งหมดแถมยังยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้ากวนอารมณ์อยู่บนนั้น ไล่ไปนอนในห้องนอนก็ไม่ไป อุ้มไปโยนบนโซฟารับแขกแม่ดักแด้หน้าหวานก็วิ่งต้วมเตี้ยมปีนขึ้นมานอนบนโต๊ะอีกรอบ ไม่บอกก็รู้ว่าแพรชมพูกำลังแก้ลำที่โดนเขาบังคับมาด้วยกัน นึกแล้วก็มันเขี้ยวอยากเลื่อนเวลาประชุมออกไปเป็นช่วงบ่าย จะได้มีเวลาปราบดื้อแพรชมพูสักยกสองยกให้หายซ่า

 

“ก็ดี อยู่ใกล้มือจับปล้ำง่ายดี”

 

แพรชมพูย่นจมูกใส่คนช่างขู่แต่ตอนนี้เธอไม่กลัวหรอก เพราะเหลือบตามองนาฬิกาข้างฝาห้องจึงเห็นว่าอีกสิบนาทีก็จะได้เวลาประชุมแล้ว ยังไงฟรานซิสโก้ก็ไม่กล้าทิ้งงานมาลงโทษเธอแน่ ตอนนี้จึงเป็นนาทีทองให้เธอได้กวนประสาทเขากลับบ้าง พอใกล้ประชุมเธอค่อยหนีไปนอนในห้อง ฮึ! อยากบังคับเธอมาด้วยดีนักนี่ ถ้าเขาบอกตั้งแต่แรกดีๆว่าจะให้เธอตามมาทำงานเธอก็คงยอมไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่เขาสั่ง แต่พอเขาไม่บอกเธอก็ไม่รู้ นึกว่าเขาแกล้งเล่น เป็นไงล่ะ เลยต้องออกมาจากห้องทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟัน แถมเสื้อผ้าก็ไม่ได้สวม มีแต่ผ้าห่มนวมที่ม้วนตัวแทนอาภรณ์อยู่ตอนนี้ คิดแล้วให้โมโห ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของฟรานซิสโก้จอมเอาแต่ใจคนเดียวเลย

 

“เอาที่สบายใจแล้วกัน”

 

“ฉันไม่ได้สบายใจที่ต้องมานอนบนโต๊ะทำงานแข็งโป๊กแทนเตียงนอนนุ่มๆ แต่คุณบอกอยากพาฉันมาทำงานด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยต้องเสนอหน้าที่ยังไม่ได้ล้าง ฟันเน่าๆที่ยังไม่ได้แปรงมานอนบนนี้ไง พอใจหรือยังล่ะ”

 

‘นั่นสิ! ทำไมเราต้องพายายหน้าหวานมาด้วย’

 

ถ้อยคำประชดยาวเหยียดจากปากดักแด้ตัวแสบไม่มีโอกาสได้ผ่านเข้าไปสัมผัสแก้วหูของฟรานซิสโก้เลยสักนิด เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังนั่งทำหน้านิ่วครุ่นคิดถึงเหตุผลที่เขาต้องหอบหิ้วแพรชมพูมายังเพนต์เฮาส์ด้วยกัน ยอมรับแต่โดยดีว่าตอนแบกแพรชมพูขึ้นบ่ามาเขาทำตามความรู้สึกล้วนๆ พอขึ้นมานั่งอยู่บนรถแล้วถูกแม่ตัวดีระดมกำปั้นทุบอกนั่นแหละถึงได้สติว่าเผลอทำอะไรลงไป แต่ถามว่าอยากพากลับไปส่งไหม...ก็ไม่!

 

‘คุณฟรานพาคุณพิ้งค์มาด้วยทำไม?’

 

ซึ่งอย่าว่าแต่ฟรานซิสโก้เลยที่งง เพราะแม้แต่ลูกน้องคนอื่นๆโดยเฉพาะเฮ็นริคที่รู้ดีว่าเจ้านายชอบนั่งทำงานใช้สมาธิเงียบๆยังหรี่ตามองตอนเห็นเจ้านายหอบหิ้วแพรชมพูออกมาจากห้องพักในสภาพหมิ่นเหม่ ดีว่าฟรานซิสโก้ถอดเสื้อสูทตัวใหญ่คลุมทับช่วงไหล่บอบบางไว้อีกชั้นจึงไม่มีใครได้เห็นผิวขาวอมชมพูใต้ร่มผ้าของหญิงสาวให้ชะตาขาด และการกระทำของเจ้านายเหนือหัวก็ส่งผลให้ตอนนี้ลูกน้องทุกคนสามัคคีกันทำคิ้วขมวดด้วยความแปลกใจไม่เลิก

 

“นี่คุณออกแบบเองเหรอ สวยจัง”

 

ระหว่างนอนมองฟรานซิสโก้อ่านแฟ้มหัวข้อการประชุม คนว่างงานก็หยิบกระดานไม้สี่เหลี่ยมที่ชายหนุ่มสเก็ตช์ภาพสร้อยคอหลากหลายรูปแบบขึ้นมาเปิดดู ใบหน้าหวานเหลือบมองหน้าเข้มๆของฟรานซิสโก้สลับกับมองภาพในมือสลับกันไปมาหลายรอบ ไม่อยากจะเชื่อว่ารายละเอียดอ่อนช้อยบนเครื่องประดับที่เธอเห็นจะเป็นฝีมือของผู้ชายจอมเอาแต่ใจและโหดร้ายป่าเถื่อนในบางเวลาคนนี้ ไม่มีความเข้ากันเลยสักนิด

 

“อยากได้สักเส้นไหม” ฟรานซิสโก้เอ่ยถามหยั่งเชิง

 

“ไม่เอาล่ะ เพชรเม็ดเบิ้มขนาดนี้ ใส่แล้วกลัวคอหัก”

 

“ซื่อบื้อ”

 

ฟรานซิสโก้ต่อว่าไม่จริงจังพลางยกแฟ้มรวบรวมชิ้นงานเคาะศีรษะของแพรชมพูที่ยังง่วนกับการเปิดดูคอลเล็คชั่นเครื่องประดับในมือ แต่เป็นการมองแบบผ่านๆไร้ความอยากได้เฉกเช่นสตรีหลายคนที่มักแพ้ให้กับความหรูหราของอัญมณี ดวงตาคมทอดมองผู้หญิงที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานตรงหน้าด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู เรียวปากสีชมพูเข้มหยักยิ้มน้อยๆ ชอบชะมัดยามแพรชมพูปล่อยตัวพูดคุยกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เขาเห็นบุคลิกซนๆของเจ้าหล่อนที่น่ารักไปอีกแบบ จากที่กล้ามานอนกวนประสาทอยู่บนโต๊ะเป็นการแก้ลำที่ถูกเขาบังคับกลับคืนอย่างนี้ แสดงว่าเจ้าหล่อนก็แสบไม่ใช่เล่น จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุสามสิบกว่าปียังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าลองดีกับเขามาก่อน แต่ก็ดี รู้สึกมีชีวิตชีวาดีพิลึก

 

“มองทำไม มีงานก็ทำไปสิ”

 

อยู่ๆก็รู้สึกว่าสองแก้มมันร้อนฉ่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าฟรานซิสโก้กำลังนั่งมองเธออยู่ มองธรรมดาคงไม่เป็นไรแต่นี่ดวงตาของเขามันแวววาวชอบกล ที่สำคัญคืออานุภาพทำลายล้างของดวงตาหยาดเยิ้มคู่นี้สูงมาก มากขนาดที่ทำให้เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมือไม้อ่อนแรงจนต้องทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนอาการ

 

“ประชุมจะเริ่มแล้ว นอนเงียบๆ อย่าซนล่ะ”

 

“ฉันเข้าไปนอนในห้องดีกว่า”

 

รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร พอเห็นว่าใกล้เวลาประชุม มือบางจึงขมวดปมผ้าห่มแล้วลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวกลับเข้าไปนอนพักในห้องนอนที่อยู่ด้านหลังห้องทำงาน ด้วยรู้ว่าคนนอกอย่างเธอไม่ควรอยู่รบกวนตอนที่ฟรานซิสโก้กำลังประชุมเรื่องสำคัญ แต่กลายเป็นว่ายังไม่ทันหย่อนปลายเท้าลงจากโต๊ะ มือใหญ่ของฟรานซิสโก้ก็รั้งไว้แล้วใช้สายตาเข้มๆบังคับให้เธอนอนอยู่ที่เดิม อยากออกฤทธิ์เดชอยู่เหมือนกันแต่ถูกมือหนายื่นมาดึงปมผ้าห่มห่อตัวออกข่มขวัญก็เลยต้องยอม ดีว่าเธอนอนอยู่หลังคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นลูกน้องของฟรานซิสโก้ที่ประชุมกันผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จึงไม่มีทางเห็นเธอ

 

‘อลิซาเบธ เทรย์ซาร์ล?’

 

จะด่าจะว่าว่าเธอไร้มารยาทก็ได้ แต่การนอนอยู่บนโต๊ะทำงานของฟรานซิสโก้แบบนี้ แน่นอนว่าหูของเธอได้ยินทุกเรื่องที่ประชุมกัน ไม่มีความคิดชั่วร้ายที่จะเอาความลับของบริษัทเขาไปขาย แต่ที่ทำให้สมองของแพรชมพูหมกมุ่น หูตั้งใจฟัง และริมฝีปากเม้มแน่นคงเป็นชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แต่สัญชาตญาณลูกผู้หญิงบอกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะสวย ยามที่ได้ยินลูกน้องของฟรานซิสโก้เอ่ยชมคุณอลิซาเบธอะไรนั่นว่าเก่งมากมาย ดวงตาของเธอก็อดชำเลืองมองคนตัวโตที่นั่งหลังตรงด้วยมาดสง่างามของผู้บริหารไม่ได้

 

“จะไปไหน พิ้งค์ มานี่ อย่าดื้อ”

 

เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าพร้อมข้อสรุปว่าอีกสี่วันฟรานซิสโก้จะต้องบินกลับไปอิตาลีเพื่อนำเครื่องประดับที่เขาและทีมออกแบบคนอื่นๆคัดเลือกสำหรับใช้ในงานแฟชั่นโชว์ของห้องเสื้อเทรย์ซาร์ลไปลองเทียบกับชุดจริงที่จะใช้จัดแสดงบนเวที ส่วนคนที่นอนรอจนตาจะปิดพอเห็นเจ้าของห้องกล่าวปิดการประชุมก็รีบขยับตัวลงจากโต๊ะ ไม่มีเวลาแล้ว แพรชมพูกำลังถูกความง่วงรุมเร้าจนแทบประคองตัวไม่อยู่ แต่ฟรานซิสโก้กลับเรียกไว้แล้วตบมือกับกับพนักเก้าอี้ที่เขานั่งเป็นสัญญาณว่าให้เธอเดินเข้าไปหาเขา มีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าความง่วงของเธอตอนนี้อีกหรือ อยากเดินเข้าไปทำหน้ายักษ์แล้วตะโกนใส่หน้าอีตาบ้านี่นักว่า...ง่วงเว๊ยเฮ้ย! จะเรียกทำไมนักหนา!

 

“ไม่ไปได้ไหมอ่ะ ฉันไม่ไหวแล้ว ง่วง จะไปนอน” คนง่วงพยายามต่อร้องเสียงอ่อยทั้งที่ยืนตาปิด

 

“บอกให้มานี่”

 

“แกล้งคนง่วงนี่บาปหนักนะ ระวังเถอะชาติหน้าเกิดมาแล้วจะกลายเป็นคนนอนยาก นี่! จะทำอะไรน่ะ อย่าทำทะลึ่งนะ ฟราน!”

 

“ง่วงก็นอนซะ”

 

ริมฝีปากจิ้มลิ้มพร่ำบ่นแต่แพรชมพูก็ยอมลากขาเข้าไปหาฟรานซิสโก้ พอไปถึงก็ยืนหลับโชว์คนเอาแต่ใจเสียเลย ดูสิว่าง่วงขนาดนี้ยังจะใจร้ายให้เธอทำอะไรอีกไหม แต่พลันดวงตาปรือปรอยด้วยถูกความง่วงครอบงำก่อนหน้าก็เบิกกว้าง เมื่อถูกท่อนแขนล่ำตวัดเอวลงไปนั่งบนตักแกร่ง นั่นแหละจึงรู้ว่าฟรานซิสโก้ไม่ได้ใจร้ายใช้เธอทำอะไรเลย ตรงกันข้าม เขากลับเป็นคนใจดียอมสละตัวเป็นเบาะรองมีชีวิตให้เธอนั่ง โอบสองแขนกอดให้ความอบอุ่น แถมยังยืดอกกว้างให้เธอซุกหน้านอนหลับได้สบายขึ้นอีกด้วย

 

“แล้วคุณจะทำงานยังไง”

 

นี่ถ้าแม่กับคุณป๋ารู้เข้าจะตีไหมที่ลูกสาวคิดแบบนี้ ยอมรับอย่างไร้ยางอายเลยว่าได้นอนซุกอกของฟรานซิสโก้นี่มัน...รู้สึกดี จนเตียงนอนนุ่มๆไร้ความสำคัญ แต่กระนั้นก็อดห่วงไม่ได้ ตัวเธอไม่ใช่เล็กๆ ซ้ำผ้าห่มที่ห่อตัวก็ยิ่งทำให้เทอะทะเป็นแหนมป้าย่น ถ้าให้มานั่งตักเขาแบบนี้แล้วฟรานซิสโก้จะทำงานอย่างไร ทั้งหนักทั้งเกะกะ แล้วเมื่อตอนประชุมเธอได้ยินว่างานเขาเร่งด้วยนี่นา มันจะดีหรือ ใจหนึ่งสงสารแต่พอได้ยินฟรานซิสโก้ยังยืนยันจะให้เธอนอนบนตักเขาไม่เปลี่ยน เธอก็แอบปลื้มใจอยู่ลึกๆ

 

“เถอะน่า นอนได้แล้ว สักบ่ายโมงเดี๋ยวผมปลุกมากินข้าว”

 

ระหว่างที่หว่านล้อม มือหนาก็ลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา ตั้งใจล่อลวงให้คนง่วงยิ่งง่วงขึ้นไปอีกจนลุกจากตักเขาไม่ไหว แพรชมพูจะได้นอนสักที เห็นหาววอดๆจนน้ำหูน้ำตาไหลหลายรอบแล้วก็สงสาร

 

“แต่ฉันยังไม่ได้อาบน้ำนะ ไม่เหม็นเหรอ”

 

“ตัวเหม็นแต่แก้มยังหอมอยู่ พอทนไหว อย่าถามเยอะ หลับตาซะ ถ้ายังดื้อจะหมดโควต้านอนแล้วนะ”

 

แก้มกลมป่องถูกปลายจมูกโด่งพิสูจน์กลิ่นเสียงดังฟอดใหญ่แต่คงยังไม่มั่นใจกระมัง ฟรานซิสโก้จึงกระหน่ำจมูกและปากฟัดแก้มกลมทั้งสองข้างซ้ำไปซ้ำมาจนเจ้าของแก้มทำหน้ามุ่ย ความเป็นธรรมชาติของแพรชมพูที่แสดงออกเรียกรอยยิ้มกว้างจากคนยิ้มยากได้อีกครั้งในรอบชั่วโมง จากนั้นมือหนาจึงกดแผ่นหลังบางเข้ามาชิด ส่วนอีกข้างก็ตรึงใบหน้าหวานให้ซุกอกกว้างแล้วใช้ปลายคางระไรเคราเกยกระหม่อมบางเอาไว้ป้องกันคนขี้เซาดิ้นรนหนี ร่างสูงโยกตัวไปมาช้าๆขับกล่อม สลับก้มลงสูดกลิ่นผิวเนื้อหอมๆเข้าปอดพลางยิ้มขำตัวเองที่อยู่ๆสมองก็เกิดจินตนาการเรื่องเครื่องประดับขึ้นมาเป็นฉากๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามเค้นสมาธิมาหลายวันก็ยังไม่ได้ดั่งใจ

 

เมื่อจินตนาการมา มือขวาข้างถนัดจึงจับดินสอขึ้นมาขีดเขียนโดยเร็ว ส่วนมืออีกข้างโอบกอดร่างเล็กไว้แนบอกไม่ให้เผลอทำแพรชมพูหล่น เนื้อตัวอวบอุ่นที่โอบกอดย้ำเตือนว่าตอนนี้แพรชมพูอยู่กับเขา ดวงหน้าคมจึงก้มมองคนหลับ เพียงเท่านั้นก็เหมือนเกิดแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คำตอบที่ค้างคาใจว่าเพราะเหตุใดเขาจึงต้องหอบหิ้วแพรชมพูมาทำงานด้วยทั้งที่งานก็เร่งและปกติเขาชอบทำงานกับความเงียบก็พลันเฉลย ที่แท้ตัวการที่ทำให้เขาพะวงจนขาดสมาธิทำงานต้องรีบแจ้นกลับก่อนเวลาก็เพราะมัวแต่คิดถึงใบหน้าหวานๆที่อยู่คอนโดฯสินะ เพราะภาพตอนไอ้หื่นมันผลักแพรชมพูเข้าห้องยังติดตา พอไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าเจ้าหล่อนยังอยู่ดีก็เลยเป็นห่วง วันนี้พอจับมาอยู่ด้วยกัน สติและสมาธิเขาจึงกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมอีกครั้ง

 

‘สงสัยต้องกระเตงเข้าเอว พาไปด้วยทุกที่ซะแล้วมั้ง’

 

.........................................................................................................................................................................................

ฮั่นแน่! ภัครู้ทันนะ อิจฉายายพิ้งค์กันใช่มั้ยล่ะ สองคนนั่นเค้าหวานกันซะลืมไปเลยเนอะว่าตอนแรกตีกันจะเป็นจะตาย   เบ้ปากมองบนค่ะ! หมั่นไส้ เหม็นความรัก!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา